ดวงตาของเหลยอวิ๋นถิงฉายแววแน่วแน่ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดที่จะชิงหมู่บ้านเหลยถิงคืนมา แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป เขามีความหวัง เขาจำเป็ต้องทวงทุกสิ่งที่เป็ของเขาคืน!
เขาไม่อยากให้ท่านพ่อกับท่านแม่ตายตาไม่หลับ เขาต้องชิงทุกอย่างของตระกูลคืนมาให้ได้!
แววตาของเซียวเฉินต่างไปจากเดิม
“อวิ๋นถิง เ้าแบกภาระไว้มากมาย...” เซียวเฉินเอ่ยเรียบๆ แววตาคมปลาบ “แบกภาระอันยากลำบากไว้เช่นเดียวกับข้า”
เหลยอวิ๋นถิงยิ้มขื่น “ใช่ แบกภาระไว้มากเกินไป ก่อนหน้านี้ข้าไม่มีกำลัง แต่ตอนนี้ ต่อให้ข้าต้องเสี่ยง ข้าก็จะชิงหมู่บ้านเหลยถิงคืนมาให้ได้”
เอ่ยถึงตรงนี้ แววตาของเหลยอวิ๋นถิงก็เย็นเยียบ
“ตอนนี้หัวหน้าหมู่บ้านเหลยถิงคือท่านอาของข้า ท่านพ่อของข้าเป็หัวหน้าหมู่บ้านเหลยถิงคนก่อน ท่านอาจ้องตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านของท่านพ่อมาโดยตลอด ครั้งหนึ่งตอนท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าออกไปข้างนอกก็ถูกเขาทำร้ายจนตายทั้งคู่ จากนั้นเขาก็สืบทอดหมู่บ้านเหลยถิง ขับไล่ผู้ติดตามที่ไว้ใจได้ของท่านพ่อกับท่านแม่ไปจนหมด เขาไม่ได้สังหารแต่กำราบ ด้วยเหตุนี้เอง หัวหน้าหมู่บ้านเหลยถิงจึงเปลี่ยนคน”
เอ่ยถึงตรงนี้ ดวงตาของเหลยอวิ๋นถิงและเหลยชิงโหรวก็มีประกายน้ำตา
“ส่วนพวกเราก็เหมือนหุ่นเชิดให้พวกเขาเชิดตามอำเภอใจ ตอนนั้นน้องสาวของข้ายังเล็ก ข้าจำต้องอยู่ใต้ชายคาผู้อื่นเพื่อปกป้องนาง จากนั้นยิ่งจมลึกมากขึ้นทุกที เดิมทีข้าใกล้จะถอดใจแล้ว แต่การปรากฏตัวของเ้าทำให้ข้ามองเห็นความหวัง ทำให้ข้าเกิดความเชื่อมั่นอีกครั้ง”
เหลยอวิ๋นถิงเอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยว “ข้าแข็งแกร่งขึ้นเมื่อใด นั่นคือเวลาที่ข้าจะชิงหมู่บ้านเหลยถิงคืนมา วันนั้นอยู่ไม่ไกลแล้ว!”
“ตอนนี้หมู่บ้านเหลยถิงมีสภาพเช่นไร?” เซียวเฉินถาม ความสามารถของหมู่บ้านเหลยถิงมีประวัติยาวนานรากฐานลึกล้ำ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้มีความสามารถต่ำกว่าขั้นเสวียนเต๋าไม่กี่คนอย่างพวกเขาจะยุ่งเกี่ยวได้
เหลยอวิ๋นถิงเอ่ยว่า “ตอนท่านพ่อของข้าควบคุมดูแลหมู่บ้านเหลยถิง มีผู้าุโทั้งหมดแปดคน สี่คนในบรรดานั้นเป็คนสนิทของท่านพ่อ ส่วนอีกสี่คนเป็คนที่วางตัวเป็กลาง แต่ตอนนี้เหลือผู้าุโเพียงสี่คน ทุกคนมีความสามารถขั้นเสวียนฟ้าระดับสูงสุด อยู่ระดับนี้มาหลายปีจนเทียบได้กับผู้เข้มแข็งขั้นเสวียนเต๋า ส่วนความสามารถของเหลยเหมี่ยวท่านอาของข้าคือขั้นเสวียนเต๋าสองชั้นฟ้า”
เซียวเฉินขมวดคิ้ว
กลุ่มอิทธิพลเช่นนี้ เรียกได้ว่าค่อนข้างใหญ่
แค่ผู้าุโก็สามารถสยบพวกเขาได้แล้ว
ความสามารถของพวกเขายังอ่อนแอเกินไป ต่อต้านไม่ได้โดยสิ้นเชิง แต่ในเวลานี้ เหลยอวิ๋นถิงก็เอ่ยอีกว่า “ตอนนั้นผู้ติดตามที่เชื่อใจได้ของท่านพ่อไม่ได้ถูกทำร้ายทั้งหมด ยังมีสองคนที่เข้าร่วมกับข้า แต่ยังแข็งแกร่งไม่มากพอ ดังนั้น จึงต้องอดทนชั่วคราว”
แววตาของเซียวเฉินเป็ประกาย
เดิมทีนึกว่าเหลยอวิ๋นถิงโดดเดี่ยวและไร้ความหวัง คิดไม่ถึงว่าเขายังมีผู้เข้มแข็งขั้นเสวียนฟ้าระดับสูงสุดสองคนต่อกรกับผู้เข้มแข็งขั้นเสวียนเต๋า เช่นนั้นก็ง่ายขึ้นมาก
“ถ้าเช่นนั้นก็มีผู้ช่วยเพิ่มขึ้นไม่น้อย ข้าบอกเ้าได้เลยว่า หากอาการาเ็ของข้าหายสนิทแล้ว ถึงเวลานั้นความสามารถก็จะใกล้เคียงกับบุคคลระดับผู้าุโของหมู่บ้านเหลยถิง”
เอ่ยถึงตรงนี้ เซียวเฉินก็ยิ้ม “จากบางความหมายบอกได้ว่า ความสามารถล้วนๆ ของข้าไม่ด้อยไปกว่าผู้เข้มแข็งขั้นเสวียนเต๋าเลย หากเ้าแข็งแกร่งขึ้น ข้าสามารถช่วยเ้าได้อีกแรง”
เหลยอวิ๋นถิงและเหลยชิงโหรวมีสีหน้าใ
“พี่เซียวเฉิน เ้าพูดจริงหรือ?”
เหลยชิงโหรวเอ่ยอย่างแตกตื่น ความสามารถใกล้เคียงบุคคลระดับผู้าุโ! ต้องรู้ก่อนว่า บุคคลระดับผู้าุโย่างสู่ขั้นเสวียนเต๋าไปแล้วครึ่งก้าว แต่เซียวเฉินถึงกับมีความสามารถที่จะเป็คู่ต่อสู้ได้?
เขามีความสามารถน่าสะพรึงเพียงใด?
“แน่นอน”
เซียวเฉินยิ้มกล่าว ตอนนี้เซียวเฉินเป็เหมือนพี่ชายคนโตสำหรับเหลยชิงโหรว เหลยชิงโหรวก็ให้ความรู้สึกสนิทชิดเชื้อสำหรับเซียวเฉิน เป็คนที่ใกล้ชิดที่สุดนอกเหนือจากเหลยอวิ๋นถิง
“อวิ๋นถิง หมู่บ้านเหลยถิงของพวกเ้ามีการทดสอบภายในตระกูลใช่หรือไม่? ข้า้าให้เ้าคว้าสามอันดับแรกมา เ้าทำได้หรือไม่?”
เซียวเฉินเอ่ย
เหลยอวิ๋นถิงมีสีหน้าแปรเปลี่ยน สามอันดับแรก เงื่อนไขนี้ยากเกินไปแล้ว แต่ตอนนี้เขามิใช่ไม่มีโอกาส ยังมีเวลาอีกสามเดือน เขายังยกระดับได้อีก
“ข้าจะพยายามเต็มที่! การทดสอบภายในตระกูลครั้งนี้ ข้าจะทำให้พวกเขารู้ว่า ข้าไม่ใช่เหลยอวิ๋นถิงคนเดิมอีกต่อไป” แววตาของเหลยอวิ๋นถิงเป็ประกาย นั่นคือความเชื่อมั่น
หมู่บ้านเหลยถิงมีการทดสอบภายในตระกูลปีละครั้ง บุตรหลานในหมู่บ้านเหลยถิงต้องมีอายุระหว่างสิบสามปีถึงสามสิบปีจึงจะสามารถเข้าร่วมได้ สามอันดับแรกจะได้รับทรัพยากรในการฝึกวิชาและรางวัลอย่างงาม
เซียวเฉินผงกศีรษะ
“นับจากวันนี้ไป ข้าจะคุมพวกเ้าฝึกวิชาทุกวัน ถึงขั้นใช้การต่อสู้จริงกับพวกเ้า แบบนี้จะยกระดับความเร็วในการฝึกวิชาและประสบการณ์ต่อสู้จริงของพวกเ้าได้อย่างมหาศาล”
“อืม”
จากนั้น เซียวเฉินก็ทำให้คนทั้งสองเหน็ดเหนื่อยจนหมดแรง าแเต็มตัวทุกวัน เหลยชิงโหรวก็ไม่ยกเว้น เซียวเฉินใช้คัมภีร์หงสาานิรวาณช่วยฟื้นฟูร่างกายของพวกเขาขณะพักผ่อน วันต่อมา คนทั้งสองก็ฝึกวิชาต่อในสภาพสมบูรณ์พร้อม
ในแต่ละวัน เซียวเฉิน้าให้พวกเขาทะลวงขีดจำกัดสูงสุดสองครั้ง
หนึ่งเดือนต่อมา เหลยอวิ๋นถิงย่างสู่ขั้นแรกกำเนิดสามชั้นฟ้าระดับสูงสุด ส่วนเหลยชิงโหรวอยู่ขั้นแรกกำเนิดเจ็ดชั้นฟ้าระดับกลาง คนทั้งสองเชี่ยวชาญเคล็ดวิชามากขึ้นภายใต้การฝึกฝนของเซียวเฉิน
ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน เหลยชิงโหรวอยู่ขั้นแรกกำเนิดเจ็ดชั้นฟ้าระดับสูงสุด ส่วนเหลยอวิ๋นถิงกลับทำให้รู้สึกประหลาดใจ เพราะเขาบรรลุขั้นแรกกำเนิดหกชั้นฟ้า แม้แต่เซียวเฉินก็ใอยู่บ้าง
ที่แท้คุณสมบัติร่างกายของเหลยอวิ๋นถิงเข้ากับเคล็ดวิชาอัสนีคลั่งเป็อย่างยิ่ง สามารถปลุกพลังแฝงในตัวเขา ความเร็วในการฝึกวิชาจึงไม่เหมือนในอดีต เวลานี้ คนทั้งสองไม่ได้ถูกทุบตีถ่ายเดียว ยังต้านทานเซียวเฉินได้บ้าง ถึงผลลัพธ์ยังไม่พ้นถูกทุบตีอยู่ดี แต่ก้าวหน้าเร็วมาก
จุดนี้ ขนาดเซียวเฉินยังชื่นชม
หนึ่งเดือนสุดท้ายก่อนการทดสอบภายในตระกูลของหมู่บ้านเหลยถิง เหลยอวิ๋นถิงย่างสู่ขั้นแรกกำเนิดเจ็ดชั้นฟ้า ส่วนเหลยชิงโหรวหยุดอยู่ที่ขั้นแรกกำเนิดเจ็ดชั้นฟ้าระดับสูงสุดและมีแววว่าจะทะลวงระดับขั้นอยู่รางๆ เซียวเฉินพอใจในข้อนี้เป็อย่างยิ่ง
ความสามารถเช่นนี้เพียงพอที่จะรับมือกับการทดสอบภายในตระกูลแล้ว
เื่ที่ทำให้เซียวเฉินประหลาดใจนั่นก็คือ ในเวลาสามเดือนนี้ เหลยเยี่ยและเหลยเผิงเหมือนระเหยกลายเป็ไอ พวกเขาไม่มีความเคลื่อนไหวเลยสักนิด ทว่าเซียวเฉินไม่ใส่ใจนัก ถึงมีความเคลื่อนไหวเขาก็ไม่กลัว เพราะ “ฐานะนี้” ของตนเองใช้ได้ดียิ่ง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาสามเดือนก็ล่วงเลย
วันนี้หมู่บ้านเหลยถิงมีบรรยากาศเคร่งขรึม
เนื่องจากวันนี้คือวันทดสอบภายในตระกูลที่จัดขึ้นปีละครั้งของหมู่บ้านเหลยถิงเพื่อทดสอบว่า ในหนึ่งปีที่ผ่านมาบุตรหลานมีความก้าวหน้าหรือไม่
บุตรหลานของหมู่บ้านเหลยถิงทุกคนที่เข้าร่วมการทดสอบภายในตระกูลครั้งนี้ต่างทยอยกันมา เพื่อสร้างความตื่นตะลึงและได้รับความสำคัญจากตระกูลในการทดสอบ
เซียวเฉิน เหลยอวิ๋นถิง และเหลยชิงโหรวก็มาด้วย ฝึกวิชาอย่างยากลำบากเป็เวลาถึงสามเดือนก็เพื่อสร้างชื่อในวันนี้!
เหลยอวิ๋นถิงและเหลยชิงโหรวพยายามอดกลั้นอยู่ตลอด
เมื่อเหลยอวิ๋นถิงและเหลยชิงโหรวมาถึง บุตรหลานตระกูลเหลยพากันแสดงสีหน้าดูถูก
“เหลยอวิ๋นถิง เ้าก็มาร่วมการทดสอบภายในตระกูลด้วยหรือ ว่าอย่างไร? ยังรังเกียจว่าขายหน้าไม่พออีกหรือ เป็ฐานล่างทุกปีก็มาได้ทุกปี ยิ่งแพ้ยิ่งกล้าหาญสินะ!”
ประโยคเดียวของเหลยชิ่งทำเอาทั้งงานฮาครืน
เซียวเฉินมองดูอยู่ด้านข้างโดยไม่เอ่ยวาจา ส่วนสีหน้าของเหลยอวิ๋นถิงเย็นเยียบลงโดยสมบูรณ์ ในอดีตเขาไม่มีความสามารถจึงได้แต่อดทน แต่บัดนี้เขามีความสามารถแล้ว ทำไมยังต้องทนต่อไปด้วย?
“เหลยชิ่ง หุบปากสุนัขของเ้าเสีย”
เหลยอวิ๋นถิงเอ่ยด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเ็า