ทุกคนมองจ้านอู๋มิ่งด้วยความประหลาดใจ ไม่ทราบว่าเขาไปเอาสิ่งนี้มาจากที่ใด บริเวณส่วนหางจิ้งจอกน้อยยังมีตุ่มเล็กอีกหลายแห่งยื่นออกมาจริงๆ ด้วย ระหว่างกลางหางขนดกฟูเล็กๆ ได้งอกออกมาแล้ว เหมือนไม้กวาดกำมะหยี่สีขาวหิมะอันหนึ่ง ช่างนุ่มนิ่มละมุนยิ่งนัก
จ้านอู๋มิ่งยักๆ ไหล่ พูดอย่างขุ่นข้องว่า “อันนี้ อาจจะใช่กระมัง”
“อันใดเรียกว่าอาจจะใช่ ใช่ก็คือใช่ ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ อาจารย์ลุงเ้าสำนักไม่ตำหนิเ้าหรอก” ผู่สือพูดดุด่าขึ้น
“จิ้งจอกจิติญญาเก้าหางตัวนี้เพิ่งจะเกิดออกมา หรือว่าตัวที่เป็แม่ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน? ” ฉางชิงจื่อพลันแปรเปลี่ยนเป็ตื่นเต้นขึ้นมา จิ้งจอกจิติญญาเก้าหางที่โตเต็มวัยเป็สัตว์เทพในตำนาน ฤทธิ์เดชความสามารถเหนือกว่าเทพเ้าา ทอดตาทั่วแผ่นดินใหญ่ผู้ใดสามารถเป็คู่ต่อสู้ของมันได้ ไอ้หนูขวัญกล้าบ้าบิ่นตรงหน้าคนนี้กลับไปขโมยตัวอ่อนลูกของจิ้งจอกจิติญญาเก้าหางมา ไยมิใช่นำมาซึ่งภัยพิบัติอันใหญ่หลวงแก่สำนักบริบาลเดรัจฉาน นึกถึงตรงนี้เขาหลั่งเหงื่อเย็นเยียบออกมาแล้ว
“เื่นี้ ท่านอาจารย์ปู่โปรดวางใจ สุนัขจิ้งจอกน้อยตัวนี้มิได้ขโมยมา ข้าฟักมันออกมาเอง” จ้านอู๋มิ่งเห็นความกังวลของฉางชิงจื่อแล้ว จึงรีบพูดอธิบาย
“อะไรนะ?” คำพูดของจ้านอู๋มิ่งทำให้ทุกคนใยิ่งนัก จิ้งจอกน้อยตัวนี้กลับถูกฟักออกมาโดยจ้านอู๋มิ่ง หรือว่าจิ้งจอกจิติญญาเก้าหางฟักออกจากไข่และไม่ใช่เกิดออกมาเป็ตัว? นี่กลับเป็เื่ที่มิเคยได้ยินมาก่อน
“รีบพาข้าไปดู” ฉางชิงจื่อจูงมือจ้านอู๋มิ่งพูดขึ้น
“เื่นี้ เมื่อครู่นี้ศิษย์มิทันระวังทำให้ตู้ฟักไข่ะเิไปแล้ว ฟักออกมาได้เพียงเ้าตัวเล็กนี้ตัวเดียวเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าเมื่อข้าออกมาก็ถูกท่านอาจารย์ปู่เห็นเข้าพอดีเลย” จ้านอู๋มิ่งพูดอย่างอับจนปัญญา
“ลองพูดมา ไข่สุนัขจิ้งจอกเก้าหางฟองนี้เ้าได้มาจากที่ใด” ผู่สือถามขึ้นอย่างร้อนรน
“เดิมนี่คือไข่ของวิหคจิ้งจอกเก้าหางฟองหนึ่ง ศิษย์นำสายเืของสัตว์อสูรจิ้งจอก์และจิ้งจอกปีศาจเนตรเขียวใช้กรรมวิธีพิเศษใส่เข้าไปภายในไข่ คิดไม่ถึงว่าพอฟักออกมากลับเป็เ้าตัวเล็กตัวนี้…” จ้านอู๋มิ่งพูดไม่ออกยิ่งนัก อธิบายเพิ่มเติมว่า “ดังนั้นจึงพูดว่า ข้าก็ไม่ทราบว่าใช่สุนัขจิ้งจอกจิติญญาเก้าหางในตำนานหรือไม่”
ฉางชิงจื่อและตู้เทียนซิงกับพวกถึงกับโง่งมไปแล้ว เื่ราวกลับเป็เช่นนี้จริงๆ พวกเขาครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ชะงักลง แล้วมองจ้านอู๋มิ่งเหมือนกับเห็นตัวประหลาดก็มิปาน เนิ่นนานมิได้กล่าววาจา
ฉางชิงจื่อหันไปมองๆ หลิ่วหว่านอวี๋และเจี่ยชิง การแสดงออกทางสีหน้าของทั้งสองแปลกประหลาดยิ่งนัก นอกจากนี้ตอนที่ขึ้นเขามา ยังได้ยินสองคนกำลังะโไข่ของอีแร้งจิติญญาจันทรารัตติกาลและเืของนกฟีนิกซ์พันขน ไม่ทราบว่ายังคิดจะทำการทดลองวิวัฒนาการทางสายเืชนิดนี้เพิ่มเติมอีกใช่หรือไม่
“ลูกจิ้งจอกเก้าหางตัวนี้ เ้าดูว่าพอจะสามารถเหลือไว้ให้…”
“ท่านอาจารย์ปู่เ้าสำนักคิด้าจิ้งจอกจิติญญาเก้าหางตัวนี้หรือ?” จ้านอู๋มิ่งแย่งพูดเสียก่อน
พลันฉางชิงจื่อมิทราบจะพูดอย่างไรดี ตนในฐานะเ้าสำนักนอกจากนี้มีศักดิ์เป็อาจารย์ปู่อีกด้วย ยื่นข้อเรียกร้องชนิดนี้กับผู้เยาว์คนหนึ่ง นี่คือตัวอ่อนลูกของสัตว์เทพในตำนานทีเดียว ของวิเศษที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวหาได้ยากยิ่งนักในใต้หล้า ถึงแม้จะมีสัตว์อสูรมากมายในโลกหล้าที่มีสายเืจิ้งจอกจิติญญาเก้าหาง แต่ก็ยังมิเคยเห็นสัตว์อสูรสายเืบริสุทธิ์อย่างเช่นในมือจ้านอู๋มิ่งตัวนี้ เป็สิ่งที่เพียงพอจะทำให้ทั่วทั้งสำนักบริบาลเดรัจฉานบ้าคลั่งขึ้นมาเลยทีเดียว เมื่อครู่ทันทีที่เขาเห็นจ้านอู๋มิ่ง ก็ััได้ถึงพลังธรรมชาติที่ผิดปกติขึ้นมาทันที จวบจนกระทั่งนำจิ้งจอกจิติญญาเก้าหางมาถือไว้ในฝ่ามือ เขาจึงััได้อย่างจริงแท้แน่นอนว่า พลังธรรมชาติระหว่างฟ้าดินได้หลั่งไหลเข้าสู่ภายในร่างของสัตว์ตัวน้อยๆ นี้ด้วยตัวมันเอง จะเห็นได้ว่าคุณสมบัติของสัตว์น้อยตัวนี้ย้อนทวนฟ้าน่าทึ่งมากมายเพียงใด ความบริสุทธิ์การดูดซับพลังธรรมชาติของสัตว์อสูรตัวนี้เป็ประโยชน์กับเขาอย่างยิ่งทีเดียว
“เ้ามีข้อเรียกร้อง้าสิ่งใดพูดได้เต็มที่ อาจารย์ปู่ทราบว่า จิ้งจอกน้อยตัวนี้อาจเป็จิ้งจอกจิติญญาเก้าหางเพียงตัวเดียวบนแผ่นดินใหญ่ก็ได้ ต่อให้มิใช่สัตว์เทพสายเืบริสุทธิ์ก็ตาม แต่นั่นก็เป็สัตว์อสูรจิติญญาที่สายเืใกล้เคียงที่สุดแล้ว หากมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ตัวหนึ่งเป็สัตว์ผู้พิทักษ์ของสำนักบริบาลเดรัจฉาน สำนักบริบาลเดรัจฉานจะยั่งยืนดำรงคงอยู่ตลอดไป” ฉางชิงจื่อกล่าวอย่างเคร่งขรึมจริงจัง ต่อให้จิ้งจอกตัวนี้จะเทียบไม่ได้กับสัตว์เทพสายเืบริสุทธิ์ก็ตาม แต่ก็แตกต่างกันไม่มากแทบจะเหมือนกันทีเดียว หากบ่มเพาะเลี้ยงดูมันขึ้นมา ก็จะกลายเป็สมบัติวิเศษประจำสำนักในอนาคต
“เื่นี้ ศิษย์สร้างปัญหามากมายในสำนักเมื่อไม่นานนี้ ศิษย์พี่หลายคนล้วนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับศิษย์ แต่ศิษย์ก็อดมิได้ที่จะนำสัตว์อสูรจิติญญากลับมาศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม ดังนั้นศิษย์เกรงกลัวอย่างยิ่งว่า ต่อไปจะสร้างความขุ่นเคืองให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องมากขึ้นอีก หากในอนาคตมิศึกษาค้นคว้าอีกต่อไป เป็ไปได้ว่าจะไม่มีวันสร้างจิ้งจอกจิติญญาเก้าหางเพิ่มขึ้นมาอีกตัวแล้ว ศิษย์จึงลังเลยากที่จะตัดใจจากเ้าสัตว์น้อยตัวนี้ยิ่งนัก” สภาพสีหน้าจ้านอู๋มิ่งดูเ็ปยิ่งนัก
“เื่แค่นี้เอง ไฉนพวกนั้นถึงได้ฝึกฝนจนสมองเหมือนกับสัตว์อสูรไปแล้ว! ในอนาคตศิษย์พี่คนใดมาสร้างปัญหาให้เ้า เ้าก็ให้เขามาหาข้าโดยตรง นี่คือการสร้างผลงานให้กับสำนักเลยทีเดียวนะ! ไม่รู้เื่อันใดเลยจริงๆ เ้าวางใจมีเื่ใดข้าจะรับผิดชอบเอง เ้า้าศึกษาค้นคว้าเื่ใดสามารถทำได้อย่างเต็มที่ ้าสิ่งใดก็ให้บอกอาจารย์อาผู่สือและอาจารย์อาตู้ได้……” ฉางชิงจื่อรู้สึกตื่นเต้นแล้ว เ้านี่จึงเป็ศิษย์อัจฉริยะที่แท้จริงนะเนี่ย แค่ทดลองศึกษาวิจัยก็สามารถสร้างสัตว์เทพในตำนานที่ชีพจรสายเืบริสุทธิ์ระดับสูงเช่นนี้ออกมา ต่อให้ต้องนำเอาสัตว์อสูรจิติญญาทั้งหมดในสำนักมาศึกษาวิจัยก็มิมีปัญหา ถึงเวลานั้นถ้ามีสัตว์เทพศักดิ์สิทธิ์ที่สายเืบริสุทธิ์เพิ่มอีกสักหลายตัว ไม่แน่ว่าสำนักบริบาลเดรัจฉานอาจกลายเป็สำนักใหญ่อันดับหนึ่งในแผ่นดินใหญ่นี้ไปแล้ว ถ้าสามารถอาศัยพลังของสัตว์เทพศักดิ์สิทธิ์ทลายนภาฟ้าดินและประสบความสำเร็จเหนือเทพเ้าแห่งา สำนักบริบาลเดรัจฉานก็จะมั่นคงดำรงคงอยู่ตลอดไปจริงๆ
ในฐานะเ้าสำนักบริบาลเดรัจฉาน เขาทราบสิ่งต่างๆ มากมายที่หลายๆ คนไม่ทราบ ในสมุดบันทึกโบราณของสำนักเคยบันทึกไว้ว่า เมื่อหลายแสนปีก่อนแผ่นดินนี้สามารถดูดซับพลังแก่นแท้จิติญญาได้อย่างอิสรเสรี ถึงแม้พลังแก่นแท้จิติญญาจะเบาบาง แต่ก็มากเพียงพอที่จะทำให้เทพเ้าาส่วนใหญ่ผ่านพ้นทัณฑ์สายฟ้าได้ กระทั่งบรรลุขอบเขตของร่างแก่นแท้จิติญญาสำเร็จ แต่หลายแสนปีอันใกล้นี้ ในแผ่นดินนี้มิเคยมีผู้ใดสามารถเหินหาวบินขึ้นไปได้อีก ต่อให้มีอัจฉริยะไม่กี่คนที่แข็งขืนฝืนเอาชนะผ่านพ้นทัณฑ์สายฟ้าสำเร็จ แต่ก็เพราะพลังแก่นแท้จิติญญาไม่เพียงพอ จึงต้องสูญสลายกลายเป็เถ้าธุลี ดังนั้นสิ่งล้ำค่าที่สุดบนแผ่นดินใหญ่ก็คือลูกแก้วพลังแก่นแท้จิติญญา ถึงแม้บรรพบุรุษผู้เฒ่าผู้เร้นกายเ่าั้มีศักยภาพฐานการบ่มเพาะของเทพเ้าา แต่เนื่องเพราะไม่สามารถดูดซับพลังแก่นแท้จิติญญาได้เองตามธรรมชาติ ล้วนต้องอาศัยการเสริมเพิ่มเติมด้วยลูกแก้วพลังแก่นแท้จิติญญา เมื่อเป็เช่นนี้บรรพบุรุษผู้เฒ่าจึงมิกล้าลงมือตามอำเภอใจ ทันทีที่พลังแก่นแท้จิติญญาหมดสิ้นลง ระดับของขอบเขตมีแนวโน้มที่จะถดถอยกลับไปที่จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ นี่ก็คือสาเหตุที่แต่ละสำนักถึงแม้จะมีบรรพบุรุษผู้เฒ่าระดับขอบเขตเทพเ้าา แต่กลับมิกล้าลงมือโดยพลการ
กล่าวถึงที่สุดแล้วพลังแก่นแท้จิติญญาหาได้ยาก มีจำนวนจำกัดยิ่งนัก ถ้าสำนักมีสัตว์อสูรเทพเ้า สัตว์อสูรเทพเ้าที่โตเต็มวัยก็จะอยู่เหนือเทพเ้าา อาศัยแค่เนื้อหนังและพร์ของสัตว์อสูรเทพเ้า ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เทพเ้าามิกล้าขยับ ดังนั้นการทดลองของจ้านอู๋มิ่งสามารถทำให้สายเืของสัตว์อสูรจิติญญาวิวัฒนาการให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ฉางชิงจื่อตื่นเต้นยิ่งนัก ในที่สุดจ้านอู๋มิ่งก็เป็สมบัติล้ำค่าของวิเศษของสำนักบริบาลเดรัจฉานจริงๆ ! ส่วนเื่การล่วงเกินศิษย์พี่ศิษย์น้อง นั่นนับเป็อะไรได้ ้าสัตว์อสูรจิติญญาประเภทใดก็ให้สัตว์อสูรจิติญญาประเภทนั้นไป
“เช่นนี้ก็ขอขอบคุณล่วงหน้าท่านอาจารย์ปู่เ้าสำนักแล้ว ศิษย์ก็รู้สึกวางใจแล้ว มิฉะนั้นพอศิษย์ลงเขาก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน……” คำพูดของจ้านอู๋มิ่งทำให้ผู่สือและตู้เทียนซิงพูดไม่ออกจริงๆ เขาลงเขายังต้องรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนนะหรือ ก็มิทราบว่าผู้ใดรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนกันแน่ พวกศิษย์พี่ศิษย์น้องป้องกันเขาเหมือนกับป้องกันขโมย เพราะกลัวว่าจ้านอู๋มิ่งจะถูกตาต้องใจสัตว์อสูรจิติญญาของเขาตัวนั้น ต่อสู้กันหรือ ก็ต่อสู้ชนะสัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวของเ้าไม่ได้ ร้องเรียนหรือ เลวี่ยเหวินซิวก็เป็ไอ้เฒ่าคลั่งที่ปกป้องไอ้หนู……ศิษย์ระดับทั้งบนล่างทั้งสำนักเห็นเ้าจ้านอู๋มิ่งจึงอกสั่นขวัญแขวนต่างหากเล่า
“ไม่หรอก ข้าจะให้ป้ายคำสั่งแก่เ้าอันหนึ่ง เห็นป้ายนี้เช่นเดียวกับได้เห็นข้า เ้า้าสิ่งใดสามารถเอ่ยปากได้เต็มที่” ที่ฉางชิงจื่อถืออยู่ในมือคือจิ้งจอกจิติญญาเก้าหางเชียวนะ สิ่งนี้มิอาจตัดใจปล่อยให้ผ่านไป แต่รับของผู้อื่นมาแล้ว ปากก็ต้องตกปากรับคำขอของผู้อื่น ย่อมมิสามารถรับเอาจิ้งจอกจิติญญาเก้าหางตัวนี้ไปเปล่าๆ กระมัง? ฉางชิงจื่อมาคิดๆ ดูแล้ว รู้สึกว่าศิษย์ผู้นี้น่ะ เอ็นดูเขาหน่อยก็แล้วกัน สามารถสร้างผลงานก็ใช้ได้แล้ว สิ่งที่ทำก็เป็เื่ใหญ่เื่ราวสำคัญเสียด้วย พูดพลางฉางชิงจื่อก็หยิบป้ายคำสั่งสีม่วงป้ายหนึ่งมอบให้จ้านอู๋มิ่ง
สีหน้าผู่สือและตู้เทียนซิงล้วนแปรเปลี่ยนแล้ว นี่คือป้ายคำสั่งสัตว์อสูรม่วงทอง พวกเขาในฐานะผู้าุโจึงมีป้ายคำสั่งสัตว์อสูรทอง คราวนี้จ้านอู๋มิ่งยังมีศักดิ์ฐานะสูงยิ่งกว่าพวกเขาแล้ว กลายเป็รุ่นอาจารย์อาของตนไปแล้ว สามารถท่องทั่วสำนักบริบาลเดรัจฉานนี้โดยมิต้องหวั่นเกรงผู้ใดแล้ว นอกจากผู้มีระดับเทียบเท่าเ้าสำนักไม่กี่คนและตัวประหลาดเฒ่าเ่าั้ที่ไม่ลงจากเขาแล้ว มิมีผู้ใดสามารถควบคุมจ้านอู๋มิ่งได้แล้ว
จ้านอู๋มิ่งปีติยินดีแล้ว เขารู้จักป้ายคำสั่งม่วงทองนี้ ในฐานะศิษย์หลักในมือเขามีป้ายคำสั่งเงินอันหนึ่ง ต่ำกว่าป้ายเงินยังมีป้ายสัตว์อสูรสามชนิด ทองแดง เหล็ก ไม้ ตนเองยกระดับเพิ่มสูงขึ้นทีเดียวสองรุ่น กลายเป็ผู้ป้ายสัตว์อสูรทองม่วง ต่อไปในอนาคตกระทำเื่ราวต่างๆ ก็สะดวกขึ้นแล้ว หลังจากนี้จะท่องทั่วหนึ่งแสนมหาบรรพตของสำนักบริบาลเดรัจฉานให้ดีๆ ทุกแห่งหนมิมีการละเว้น นี่คือความเห็นชอบของท่านอาจารย์ปู่เ้าสำนักด้วยเชียวนะ
“ขอบคุณท่านอาจารย์ปู่เ้าสำนัก!” จ้านอู๋มิ่งรับป้ายสัตว์อสูรม่วงทองด้วยความลิงโลดยินดี สิ่งของนี้ทำหายไม่ได้เด็ดขาด นี่คือเครื่องมือฉ้อฉลหลอกลวงที่ดีที่สุด
“ประเสริฐยิ่ง แต่ไฉนเ้าถึงทำวิจัยค้นคว้าในกระท่อมมุงจากเล่า? ” ฉางชิงจื่อถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ยอดเขาพันใบไม้หยาบๆ เรียบง่าย ศิษย์ก็มิทราบวิธีปลูกสร้างบ้าน ครั้งที่แล้วขุดถ้ำขึ้นมาแห่งหนึ่ง การทดสอบประสบความล้มเหลวเกิดะเิขึ้นมา ปรากฏว่าฝังศิษย์อยู่ภายในนั้น คลานออกมาได้อย่างยากลำบากแสนเข็ญ ต่อมาจึงทำกระท่อมมุงจากอย่างง่ายๆ แบบนี้ต่อให้ะเิขึ้นมา หญ้าประเภทจากน้ำหนักเบาสามารถคลานออกมาอย่างง่ายดาย” พอจ้านอู๋มิ่งได้ยิน ไม่ร่ำไห้ยากจนเวลานี้จะร้องไห้ยากจนเมื่อไรเล่า ดังนั้นเขาจึงพูดจนตนเองน่าสงสารยิ่ง เงินทองมิอาจสุรุ่ยสุร่ายนะ หลังจากะเิาเ็ขึ้นมาการรักษาล้วนต้องใช้เงิน สัตว์อสูรจิติญญาสำหรับการทดลองและโอสถสมุนไพรต่างๆ ที่ใช้ในการทดลองก็ขาดแคลนเช่นกันและอื่นๆ เป็ต้น
จ้านอู๋มิ่งเพิ่งพูดจบ ฉางชิงจื่อโบกมือคราหนึ่ง “ผู่สือ เ้าเพิ่มเติมสิ่งเหล่านี้ให้จ้านอู๋มิ่ง จะต้องสร้างบ้านแข็งแรงมั่นคงให้เขาหลังหนึ่ง แกะสลักวางค่ายกลให้เรียบร้อย เพื่อความปลอดภัยของการทดลอง” ตามด้วยพูดกับตู้เทียนซิง “เทียนซิง ต่อไปเงินเดือนของจ้านอู๋มิ่งเพิ่มเป็สองเท่า เทียบเท่ากับผู้าุโ”
จ้านอู๋มิ่งรีบกล่าวขอบคุณ ราคาค่าตัวพุ่งกระฉูดแล้ว ในใจปลื้มปีติขึ้นมาทันใด แอบคิดในใจ “ยังคงเป็สำนักบริบาลเดรัจฉานที่ประเสริฐ ล้วนเป็คนสัตย์ซื่อที่จิตใจเที่ยงตรง”
ผู่สือมองสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเ้าเล่ห์แล้วพูดไม่ออกจริงๆ ศิษย์หลานตัวน้อยคนนี้อนาคตก้าวหน้าไร้ขีดจำกัดจริงๆ เ้าสำนักออกปากพูดเองแล้ว คราวนี้กลายเป็สมบัติของวิเศษแห่งสำนักไปแล้วจริงๆ ในใจเขารู้สึกยินดียิ่งนัก สายตาที่มองไปทางตู้เทียนซิงแฝงความหมายพึงพอใจภาคภูมิใจมากน้อยอยู่บ้าง
“ท่านอาจารย์ปู่เ้าสำนัก ศิษย์พลันนึกถึงเื่ราวขึ้นมาได้เื่หนึ่ง ในใจรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง จึงใคร่ขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์ปู่เ้าสำนัก” จ้านอู๋มิ่งถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย
“เื่อันใด ลองพูดมา” ฉางชิงจื่ออารมณ์ดียิ่งในตอนนี้
“ศิษย์ออกไปล่าสัตว์อสูรเมื่อไม่นานนี้ พบสองแคว้นกำลังทำศึกาบนแดนรกร้างที่ราบลุ่มแถบทิศเหนือ าเ็ล้มตายนับมิถ้วน โลหิตหลั่งไหลเนืองนอง ศิษย์รู้สึกแปลกใจนิ่งนัก หลังศึกาของสองแคว้นไม่มีผู้ใดทำความสะอาดสนามรบ ปล่อยทิ้งซากศพไว้เกลื่อนกลาดเป็อาหารของเหล่าบรรดาสัตว์ป่า ศิษย์รู้สึกทนทานไม่ได้ กำลังคิดจะจัดการฝังซากศพกระดูกคนเสียชีวิต กลับคาดมิถึงว่าเห็นคนแต่งตัวประหลาดสองคนถืออุปกรณ์พิเศษชนิดหนึ่งเดินวนเวียนไปมาใกล้ซากศพ ศิษย์มองไม่เห็นฐานการบ่มเพาะของทั้งสอง พวกมันคลุมร่างด้วยเสื้อคลุมสีดำ สามารถป้องกันการตรวจสอบจากประสาทัั ยามที่ศิษย์เห็นอุปกรณ์ที่พวกมันถือ มีความรู้สึกที่ไม่มั่นคงของิญญาชนิดหนึ่ง ศิษย์รู้สึกว่า สิ่งนั้นสมควรเป็กระดิ่งกักิญญาอาถรรพณ์ชั่วร้ายยิ่งชนิดหนึ่ง สามารถจองจำิญญาของผู้เสียชีวิตไว้ ิญญาที่ถูกกักขังจะไม่มีวันไปผุดไปเกิด อาถรรพณ์ชั่วร้ายอย่างยิ่ง พื้นที่ราบรกร้างแถบทิศเหนือเป็ดินแดนของแคว้นมหาจักรพรรดิรัตติกาล เห็นได้ชัดว่าสองคนนั้นมิใช่คนของสำนักบริบาลเดรัจฉานเรา ดังนั้นศิษย์คิดจะถามว่า หรือว่าแคว้นมหาจักรพรรดิรัตติกาลยังมีสำนักนิกายอาถรรพณ์ชั่วร้ายสำนักหนึ่ง?” จ้านอู๋มิ่งขมวดคิ้วถามขึ้น
สีหน้าฉางชิงจื่อแปรเปลี่ยนเล็กน้อย พึมพำขึ้นว่า “ใช้กระดิ่งกักิญญาในสนามรบ……หรือว่าจะเป็พวกมัน?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้