เฉินไฮว่ชิงพอจะเข้าใจแล้ว หากพูดถึงเหยียนเฟยผู้นี้นั้น ก็ไม่เชิงว่ามีปัญหาต่อเยว่เยียนเยียนนักหรอก แต่น่าจะมีปัญหากับน้ำแกงใสผักกาดขาวของเยว่เยียนเยียนต่างหาก และอาจจะไม่ได้มุ่งไปที่เยว่เยียนเยียน เป็ไปได้อย่างมากว่าเพราะเขาแค่ไม่ชอบกินผักกาดขาวเฉยๆ
แต่จะว่าไปแล้ว เฉินไฮว่ชิงเองก็ไม่ใช่คนกินมังสวิรัติที่จะชื่นชอบผักกาดขาวเสียหน่อย และก็ไม่ได้บำเพ็ญเพียรอะไรขนาดนั้น หากไม่ใช่เพราะเยว่เยียนเยียนละก็... เขาคงไม่กินมันหลายวันเช่นนี้แน่นอน
“เอาเถอะๆ เ้าฟังข้าพูด...” ในยามที่ควรพูดเกลี้ยกล่อมก็ต้องพูดสักสองสามคำ ถึงอย่างไรเยว่เยียนเยียนกับเหยียนเฟยสองผู้นี้ ยังไม่รู้ว่าต้องหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่เล็กๆ นี้ของตนไปจนถึงตอนไหน หากทะเลาะเบาะแว้งกันทุกวันไม่จบไม่สิ้น ก็ทำให้ตาแก่อย่างเขาปวดหัวเสียจริง
“ความจริงแล้ว น้ำแกงใสผักกาดขาวที่เยียนเยียนทำก็ไม่ได้กินยากมากมายนัก อีกอย่างได้ยินมาว่ากินอาหารอ่อนๆ สักหน่อย ก็มีผลดีต่อร่างกายมากเลยไม่ใช่หรือ...” ใบหน้าของเฉินไฮว่ชิงนั้นขมวดรวมกันเป็ก้อนด้วยการแย้มยิ้ม กลายเป็ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยับย่น
ทว่าเหยียนเฟยนั้นไม่เอาด้วย ตนเพิ่งจะอายุสิบเจ็ดสิบแปด จะมาห่วงสุขภาพกินผักกาดขาวทำไมกัน? นั่นเป็่วัยที่ควรจะได้รับสารอาหารที่จำเป็อย่างครบถ้วน เน้นเนื้อและไขมัน จะให้เชื่อคำพูดเพ้อเจ้อบ้าบอที่ว่ากินอาหารใส่เกลือน้อยๆ กินผักมากๆ แล้วจะรูปร่างดีอายุยืนแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด!
“เอาเถอะเหล่าเฉิน ข้าจะบอกท่าน วันนี้อย่างไรข้าก็กินน้ำแกงใสผักกาดขาวนี้ไม่ได้อีกแล้ว หากท่านคิดจะให้นางอยู่ต่อ เช่นนั้นข้าจะไปเสียเดี๋ยวนี้!”
ไม่มีทางเลือก เหยียนเฟยได้แต่เอ่ยวาจาอันหยาบกระด้าง ทำท่าทางข่มขู่ เขาไม่เชื่อหรอกว่าเฉินไฮว่ชิงจะไม่ยอมไล่แม่ทูนหัวนั่นไป?!
แต่น่าเสียดายที่เหยียนเฟยคาดไม่ถึง ว่าตนจะสะดุดหกคะเมนอยู่กับเยว่เยียนเยียนผู้นี้จริงๆ ...
เฉินไฮว่ชิงเห็นเหยียนเฟยตัดสินใจที่จะไปเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่เอ่ยอะไรมากความ เพียงยักไหล่แล้วหันหน้ากลับไปอย่างไม่รู้สึกผิด เก็บเบ็ดตกปลาของตน แล้วเตรียมอีกเบ็ดคันหนึ่ง หากว่าตกได้ อย่างน้อยก็จะได้เพิ่มเนื้อในน้ำแกงใสผักกาดขาวของตน เสริมคุณค่าทางโภชนาการได้ไม่ใช่หรือ?
“เช่นนั้นเ้าไปเถอะ...”
แม้เสียงของเฉินไฮว่ชิงจะเบา แต่กลับเป็ราวกับคมดาบ ทิ่มแทงดวงใจของเหยียนเฟยเข้าอย่างจัง เขาไม่ได้ยินผิดไปใช่ไหม? เพื่อนที่ดีของตนที่รู้จักกันมาหลายปีเพื่อนต่างวัยเฉินไฮว่ชิง ยามนี้ไม่นึกว่าเพียงเพื่อสตรีที่ไม่รู้ว่าหนีมาจากไหนคนหนึ่ง กลับให้คนที่แต่เดิมไม่มีที่ไปเช่นตน… จากไปงั้นหรือ?!
ไป... เขาจะไปที่ไหนได้เล่า?!!
บรรยากาศพลันน่าอึดอัดขึ้นมาอย่างยิ่ง เหยียนเฟยที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีนั้น ยืนอึ้งอยู่อีกด้าน อารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจบนใบหน้านั้น ราวกับเพิ่งถูกสามีหน้าไม่อายของตนไล่ออกจากบ้านอย่างไรอย่างนั้น เหมือนกับภรรยาสาวเลยจริงๆ
หรือว่าที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วในฐานะเด็กสาวปลอมตัวเป็เขามาได้โดยไร้อุปสรรคนั้น เดิมทียังคิดว่าเป็เพราะเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วดูองอาจผึ่งผายเกินไป ยามนี้ได้มาเห็น บางทีอาจจะมีเหตุผลที่ว่าเหยียนเฟยดูตุ้งติ้งเกินไปปะปนอยู่ในนั้นด้วยก็ได้...
“ข้าว่านะ เหล่าเฉิน...” ครุ่นคิดอยู่นาน เหยียนเฟยถึงค่อยๆ ย่อตัวลง ขมวดคิ้วจนหน้าย่นรวมกันเป็ก้อนอยู่เบื้องหน้าเฉินไฮว่ชิง “พวกเราเป็พี่น้องกันมาตั้งหลายปี ท่านไม่รู้สถานการณ์ในตอนนี้ของข้าหรืออย่างไร?”
เหยียนเฟยที่กำลังลนลานหวาดกลัวนั้นกลับเอ่ยคำพูดออกมาได้อย่างเรียบเฉย ราวกับไม่ได้ระบายความโกรธเคืองที่อัดอั้นอยู่ในทรวงอก แต่เฉินไฮว่ชิงนั้นแม้แต่หัวก็ยังไม่เขยื้อนเลยแม้แต่น้อย แล้วจ้องมองคันเบ็ดที่เดิมทีก็ไม่มีทางมีปลามาติดของตนต่อไป เอ่ยรับเสียงทุ้มต่ำ “ข้ารู้ แล้วทำไมล่ะ... เ้าจะไป แล้วข้าจะต้องประจบเอาใจเ้า รั้งให้เ้าอยู่กินน้ำแกงใสผักกาดขาวไปเรื่อยๆ อย่างนั้นหรือ?”
แม้คำพูดของเฉินไฮว่ชิงนั้นก็มีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ว่า... เหยียนเฟยเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ ไม่ใช่หรือ?
เหยียนเฟยถอนหายใจยาว ยกมือขึ้นตบไหล่ของเฉินไฮว่ชิงเบาๆ แล้วพลันะเิอารมณ์โมโหของตนออกมาอย่างกะทันหัน เขาโวยวายขึ้นมาเสียงดัง “ท่านก็รู้ว่าตอนนี้ข้าไม่มีที่ใดให้ไปแล้วไม่ใช่หรือ?! แล้วเหตุใดท่านถึงไม่อาจทำเพื่อพี่น้องที่รู้จักกันมาหลายปีของท่าน ไล่ผู้หญิงคนนั้นไปเสียเล่า ท่านบอกข้ามาตามตรง ท่านแอบรักนางอยู่ใช่หรือไม่? อายุห่างกันเช่นนี้ก็แปลกๆ อยู่นะ หรือว่าท่านแอบรักแม่ของนางอยู่ใช่หรือไม่?? ท่านบอกข้ามาเถอะพี่ชาย ท่านบอกข้ามา ข้าจะไม่โทษท่านอย่างแน่นอน!”
ความคิดแปลกประหลาดหลั่งไหลออกมาเป็ชุดอย่างไม่ขาดสาย โจมตีโสตประสาทของเหยียนเฟยไม่หยุดหย่อน คิดดูแล้ว หากเขาไม่ถูกน้ำแกงใสผักกาดขาวล้างสมอง ก็คงเป็เพราะถูกผู้หญิงที่เอาแต่ทำน้ำแกงใสผักกาดขาวผู้นั้นบีบคั้นจนเป็บ้าไปแล้วเป็แน่
“พูดจาเพ้อเจ้อ!” เฉินไฮว่ชิงโมโหจนโยนเบ็ดตกปลาทิ้ง หากให้ข้าพูด เบ็ดตกปลานั้นก็ควรจะโยนทิ้งไปตั้งนานแล้ว อย่างไรเสียแม้แต่เหยื่อตกปลาก็ยังไม่มี จะตกปลาไม่ได้ก็สมควรแล้ว
เคราหงอกขาวถูกเหยียนเฟยยั่วโมโหจนกระพือกระจายออก เฉินไฮว่ชิงเอ่ยเสียงทุ้มต่ำอีกครั้ง “เ้าทำให้ปลาของข้าเตลิดหนีไปอีกแล้ว!” เหยียนเฟยเบ้ปาก จินตนาการไม่ออกจริงๆ ว่ายังมีเหตุผลใดอีกที่สามารถทำให้ตาแก่ที่รักการกินเนื้อผู้นี้อดทนแม่นางน้อยที่ทำอาหารห่วยแตกแถมยังทำแต่อาหารมังสวิรัติมานานขนาดนี้ได้!
“เฮ้อ เ้าไม่เข้าใจ...” รออยู่พักหนึ่ง เฉินไฮว่ชิงถึงได้เปล่งเสียงออกมาในที่สุด “แม่นางผู้นี้ ตระกูลของนางมีบุญคุณต่อข้า ชีวิตคนเราไม่อาจไม่รู้จักความพอประมาณหรอกนะ...”
รู้จักกับเขามานานหลายปีขนาดนี้ เหยียนเฟยเองก็เพิ่งเคยเห็นสีหน้าลำบากใจของเฉินไฮว่ชิงเป็ครั้งแรก ทั้งยังเคร่งขรึมเช่นนี้ จึงได้รู้ว่าในใจของเขามีปมปัญหาที่บอกไม่ถูกอยู่ น่ากลัวว่าคงไม่อาจไล่แม่นางผู้นั้นไปอีก่หนึ่งจริงๆ
ฟังเฉินไฮว่ชิงพูดพร่ำพรรณนาอยู่พักใหญ่ เหยียนเฟยถึงพอจะเข้าใจความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงระหว่างเฉินไฮว่ชิงกับบรรพบุรุษของแม่นางน้อยผู้นั้นขึ้นมาบ้างแล้ว ที่แท้เฉินไฮว่ชิงกับบิดาของเยว่เยียนเยียนนั้นเคยเป็ศิษย์ร่วมสำนักกัน ทั้งสองคารวะอาจารย์คนเดียวกัน พวกเขาเรียนตำราและเรียนวิชาแพทย์ไปด้วย
ต่อมาเฉินไฮว่ชิงก็ไปชอบพอสตรีผู้ไม่ควรชอบผู้หนึ่งเข้า เื่ราวสับสนวุ่นวายมากทีเดียว
เพื่อสตรีผู้นี้แล้ว เฉินไฮว่ชิงเกือบถูกขับไล่ออกจากสำนักยังพอว่า ยังเกือบเอาชีวิตไม่รอดอีกต่างหาก ในระหว่างนั้นได้เข้าไปพัวพันกับเื่ราวของบรรพบุรุษมากมาย ทำเอาเหยียนเฟยฟังไป พลางร้องออกมาว่าปวดกบาลนัก
สุดท้าย บิดาของเยว่เยียนเยียนก็ได้ช่วยชีวิตของเฉินไฮว่ชิงเอาไว้ นับแต่นั้นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันอยู่แล้วของทั้งสองก็ได้กลายเป็สหายร่วมเป็ร่วมตายกัน ถึงแม้ในใจของเฉินไฮว่ชิงจะยังเก็บสตรีที่ไม่ควรชอบผู้นั้นเอาไว้ ตลอดชีวิตจึงไม่ได้แต่งงาน แต่บิดาของเยว่เยียนเยียนกลับแต่งงานกับมารดาของเยว่เยียนเยียนตามการจัดวางของตระกูล และใช้ชีวิตไปอย่างเป็ปกติธรรมดา
เพราะรู้ว่าเฉินไฮว่ชิงนั้นมีวิชาความรู้ไม่เลว ทั้งเก็บตัวรักสันโดษในป่าเขา มีรกรากชัดเจน ดังนั้นบิดาของเยว่เยียนเยียนจึงส่งเยว่เยียนเยียนมาั้แ่ยังเด็ก เพื่อร่ำเรียนวิชาความรู้ ผ่านไปชั่วแวบเดียว นับว่าเฉินไฮว่ชิงเองก็ได้เฝ้าดูเยว่เยียนเยียนเติบโตขึ้นมาเช่นกัน
ดังนั้นสหายในกาลก่อน ย่อมไม่ต้องพูดให้มากความ
เหยียนเฟยฟังอย่างเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ ในหัวของเขากลับเต็มไปด้วยเื่ราวความรักหวานซึ้งอันน่าตื่นเต้นเร้าใจ ทั้งยังสงสัยว่าผู้ที่ตาแก่เฉินไฮว่ชิงชอบพอนั้นอาจจะไม่ใช่หญิงสาวก็ได้ และเป็ไปได้มากว่าคงจะเป็บิดาบังเกิดเกล้าของเยว่เยียนเยียนผู้นี้นี่ล่ะ?
จิ๊ๆ เื่ราวความรักอันงดงามเคล้าน้ำตาเช่นนี้ ช่างน่าซาบซึ้งกินใจเสียจริง...
“ยามนี้เ้าเข้าใจแล้วหรือไม่ อย่างไรเยียนเยียนก็ไปไม่ได้” เฉินไฮว่ชิงยื่นคำขาดสุดท้ายอย่างสิ้นเชิง ทั้งยังประกาศจุดยืนของตน เหยียนเฟยที่ไม่มีที่จะไปเองก็ได้แต่เชื่อฟังเท่านั้น เขาพยักหน้าอย่างจำใจ
ทว่า เหยียนเฟยเองก็รู้สึกว่าตนยังสามารถตื๊อต่อไปได้อีกหน่อย ด้วยเหตุนี้เขาจึงยิ้มหน้าแป้น แล้วเอ่ยเสียงเบา “เช่นนั้น พรุ่งนี้ขอกินน้ำแกงผักกวางตุ้งได้หรือไม่? ผักกาดขาวข้ากินจนเกินพอแล้วจริงๆ ...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้