ภายในหอประชุม หานเฟิงดึงหานเตาและพรรคพวกถอยหลังไปสองก้าว พลางมองเสิ่นเสวียนอย่างไม่แน่ใจ
ความรู้สึกกำลังบอกเขาว่า เสิ่นเสวียนคนนี้ไม่ธรรมดา
ผู้คนในหอประชุมต่างมีความคิดผุดขึ้นมา แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ย พวกเขากำลังดูว่าเสิ่นเหวินเทาจะทำอย่างไรต่อไป
ปัง!
เสิ่นเหวินเทาที่นั่งอยู่ตบฝ่ามือลงบนโต๊ะน้ำชาด้านข้าง พริบตาโต๊ะก็แหลกเป็ผุยผงลงไปกองกับพื้น
“ข้าไม่สนว่าเ้าเป็ใคร บังอาจสังหารองครักษ์ของข้า ใครหน้าไหนก็ช่วยเ้าไม่ได้”
หลังจากกล่าวจบ เสิ่นเหวินเทาก็ทะยานขึ้นไปกลางอากาศ ฟาดพลังฝ่ามือโจมตีใส่เสิ่นเสวียน
เสิ่นเหวินเทามีพลังขั้นแม่ทัพระดับสูงสุด หาใช่พลังที่องครักษ์ทั้งสองจะเทียบเคียงได้ ไอพลังต่อสู้รวมตัวอยู่เหนือฝ่ามือคล้ายจะควบแน่นจนจับต้องได้ ร่างยังมาไม่ถึงแต่ไอพลังต่อสู้กลับพุ่งประชิดตัวแล้ว
เสิ่นเสวียนมองพลังฝ่ามือของเสิ่นเหวินเทาที่โจมตีเข้ามา ความคิดในหัวพรั่งพรูอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ความทรงจำของร่างนี้คละเคล้าเข้ากับความทรงจำของตนเองแล้ว เขาก็รับรู้ได้ว่าพลังของเสิ่นเหวินเทาผู้นี้เทียบได้กับการบำเพ็ญเพียรขั้นปี้กู่[1] ระดับปลายหรือขั้นแก่นทองคำระดับต้น แต่เสิ่นเสวียนมีพลังขั้นไถซีระดับกลางเท่านั้น ต่างกันถึงหนึ่งขั้นพลัง หากปะทะกันจริงๆ ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน
ทว่าเสิ่นเสวียนก็มีข้อได้เปรียบของตนเอง
เมื่อฝ่ามือพุ่งเข้าปะทะหน้าอกของเสิ่นเสวียน ฝ่ามือนั้นพลันทะลุผ่านร่างของเขาไป
ร่างปลอม!
เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหันทำให้เสิ่นเหวินเทาตะลึงงัน แต่เมื่อััได้ถึงร่างเงาของเสิ่นเสวียนที่ปรากฏขึ้นด้านหลัง จึงฟาดฝ่ามือออกไปอีกครั้ง
พลั่ก!
ครั้งนี้เสิ่นเสวียนไม่ได้หลบหลีก เขากอดอกแน่นรับแรงปะทะจากพลังฝ่ามือ
เสิ่นเหวินเทายืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน ส่วนเสิ่นเสวียนถอยหลังไปสองก้าวจึงจะยืนได้มั่นคงอีกครั้ง
ทุกคนในหอประชุมกำลังจ้องมองการต่อสู้ระหว่างทั้งสอง โดยเฉพาะร่างปลอมของเสิ่นเสวียนที่ปรากฏขึ้นเมื่อครู่ทำให้พวกเขาใมาก นี่คือเสิ่นเสวียนตัวจริงใช่หรือไม่ หรือจะเป็ตัวปลอมตามที่เสิ่นเหวินเทากล่าวไว้
หลังจากเข้าปะทะกันสองครั้ง ทำให้เสิ่นเสวียนประเมินพลังของเสิ่นเหวินเทาได้คร่าวๆ ว่าแข็งแกร่งกว่าที่ตนเองคาดไว้ มิอาจสู้ได้ อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายก็มิอาจสังหารเขาได้เช่นกัน
“ผู้าุโใหญ่ เสิ่นเหวินเทาคิดสังหารนายน้อย ท่านไม่ไยดีบ้างเลยหรือ”
เสิ่นเสวียนถอยหลังไปสองก้าวพลางกล่าวขึ้น
เมื่อได้ยินคำของเสิ่นเสวียน หลายๆ คนก็เบนสายตาไปมองผู้าุโใหญ่เสิ่นล่างที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของหอประชุม
หากกล่าวถึงเื่พร์มิใช่ความาุโ ผู้าุโใหญ่ต่างหากที่มีอำนาจสูงสุดในตระกูลเสิ่น เพียงแต่่ที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยได้ข้องเกี่ยวกับเื่ราวในตระกูลนัก อีกทั้งเป็ยอดฝีมือขั้นบรรพบุรุษเพียงคนเดียวในตระกูลเสิ่น ในความเห็นของเสิ่นเสวียน วิธีการเช่นนี้เพียงพอจะทำให้ผู้าุโใหญ่สนใจได้
“เขาเป็ถึงนายน้อย หยุดเถอะ!”
เสิ่นล่างกล่าวเสียงเรียบต่อเสิ่นเหวินเทา
“แต่เขาสังหาร...” เสิ่นเหวินเทาอยากจะกล่าวอีก แต่เสิ่นล่างห้ามไว้
“ข้าบอกให้เ้าหยุด ไม่ได้ยินหรือ”
น้ำเสียงของเสิ่นล่างแฝงด้วยไอพลังเย็นะเื
“ขอรับ” เสิ่นเหวินเทารับคำทันที แต่กระนั้นสีหน้ากลับเย็นเยียบ
รอให้เขาอำนาจอย่างแท้จริงก่อนเถอะ ผู้าุโใหญ่คือคนแรกที่เขาจะกำจัดทิ้ง
“ในเมื่อนายน้อยสบายดี พิธีแต่งตั้งผู้นำตระกูลยังคงเป็ไปตามกำหนดเดิม เริ่มพิธีในอีกสามวัน”
เมื่อเสิ่นล่างกล่าวจบ ดวงตาพร่ามัวคู่นั้นก็ปิดลงตามเดิม แต่ตอนที่หลับตาลงกลับมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นเล็กน้อยตรงมุมปาก
“ขอรับ”
คนตระกูลเสิ่นกล่าวรับคำโดยพร้อมเพรียงกัน
พิธีแต่งตั้งผู้นำตระกูลเป็ขั้นตอนหนึ่งสำหรับนายน้อยผู้ที่จะเข้ารับตำแหน่งผู้นำตระกูล นอกจากขั้นตอนพื้นฐานแล้ว ยังมีการประเมินที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งด้วย นั่นคือการเอาชนะคนรุ่นเดียวกันในตระกูลให้ได้สามคน ในโลกที่ให้ความเคารพต่อพลังเช่นนี้ พลังคืออำนาจอันดับหนึ่งชั่วนิรันดร์
ที่เสิ่นเหวินเทากล้าเข้ารับตำแหน่งแทนที่เสิ่นเสวียนก่อนหน้านี้ เพราะทุกคนรับรู้ว่าเสิ่นเสวียนเป็คนไร้ความสามารถ จึงไม่มีใครคัดค้าน
แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
“แล้วการแต่งงานของข้าล่ะ”
หานเตาที่ยืนอยู่ด้านหลังหานเฟิงกล่าวขึ้น
เมื่อได้ยินคำของหานเตา หานเฟิงถึงกับควันออกหู หานเตาคนนี้แม้พลังจะไม่เลว แต่กลับสมองกลวง เห็นอยู่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะกล่าวถึงเื่นี้ หรือแม้้ากล่าวถึงก็ต้องรู้ตัวตนของเสิ่นเสวียนให้แน่ชัดเสียก่อน
ในขณะเดียวกัน เมื่อเหล่าคนรุ่นเยาว์ตระกูลเสิ่นได้ยินคำของหานเตา ต่างมองหานเตาด้วยสีหน้าโกรธเคือง
เสิ่นเสวียนปัดแขนเสื้อ ก้าวไปตรงหน้าหานเตา มองอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็ยกมือขึ้นและสะบัดออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
เพียะ!
เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังลั่น แก้มด้านขวาของหานเตาพลันบวมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“เ้าคู่ควรแล้วหรือ”
เสิ่นเสวียนกล่าวด้วยเสียงเบามาก แต่ดังชัดเจนเต็มสองหูของทุกคน
เสิ่นเหวินเทายืนอยู่ด้านหลัง มุมปากกระตุกสั่น ตำแหน่งของตระกูลหานในเมืองอวี่ฮว่าสูงส่งยิ่งกว่าตระกูลเสิ่น ฝ่ามือเดียวของเสิ่นเสวียนเท่ากับประกาศศึกกับตระกูลหาน และที่เสิ่นเหวินเทากล้ารับตำแหน่งผู้ดูแลตระกูล เพราะได้รับความเห็นชอบจากตระกูลหาน
ฝ่ามือของเสิ่นเสวียนทำให้หานเฟิงกับหานเตาตะลึงอยู่กับที่
“เ้า! เ้ากล้าตบข้าหรือ”
หานเตาะเิอารมณ์ โจมตีพลังหมัดใส่เสิ่นเสวียน แต่เสิ่นเสวียนกลับแสดงท่าร่างอย่างชำนาญหลบหลีกไปได้สบายๆ ขณะที่หานเตาคิดจะโจมตีออกไปอีก หานเฟิงกลับห้ามเขาเอาไว้
“พอแล้ว”
“เ้ารั้งข้าไว้ทำไม ข้าจะฆ่าเขา”
“ข้าบอกให้เ้าหยุด”
หานเฟิงปรายตามองหานเตา สั่งให้หานเตานิ่งไว้ หานเฟิงมีอำนาจสูงสุดในบรรดาคนรุ่นเยาว์ตระกูลหาน
“ฝ่ามือของเ้าที่โจมตีตระกูลหานของข้า พวกข้าจะจดจำไว้ ตระกูลหานของข้าจะท้าสู้กับเ้าในวันพิธีแต่งตั้งของเ้า หากเ้าไม่รับคำท้า สองตระกูลหานเสิ่นจะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง และข้าเชื่อว่าตระกูลหานทำได้”
หานเฟิงมองเสิ่นเสวียนพลางกล่าวเสียงเรียบ
เมื่อได้ยินคำของหานเฟิง ทุกคนในตระกูลเสิ่นไม่มีใครกล่าวอะไร เพราะพวกเขารู้ว่าตระกูลหานทำได้อย่างที่กล่าวไว้จริงๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเสิ่นเสวียนจะกล้ารับคำท้าหรือไม่
เพราะในพิธีแต่งตั้งผู้นำตระกูลมีข้อกำหนดว่า ชีวิตและความตายถูกลิขิตไว้แล้ว
หากเสิ่นเสวียนรับคำท้า แม้จะโดนสังหาร ใครก็ไม่อาจยุ่งเกี่ยวได้
เสิ่นเหวินเทามองเสิ่นเสวียนด้วยรอยยิ้มเย็น ตระกูลหานหาใช่ผู้ที่พวกเขาจะล่วงเกินได้ ตระกูลเสิ่นมีเพียงผู้าุโใหญ่เสิ่นล่างคนเดียวที่เป็ยอดฝีมือขั้นบรรพบุรุษ ส่วนตระกูลหานกลับมีถึงสามคน
“ข้ารับคำท้า แต่พวกเ้าระวังให้ดีล่ะ อย่าให้โดนข้าฆ่าตาย”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับหานเฟิงด้วยรอยยิ้ม แม้เสียงจะเบา ทว่าบาดลึกเข้าไปในใจทุกคำ
“ดี เ้ากล้ามาก พวกเราไป”
หานเฟิงปรายตามองเสิ่นเสวียนอีกครั้ง แล้วเขาก็ออกไปจากหอประชุมพร้อมหานเตาที่ยังคงคับข้องใจ
เสิ่นเหวินเทาสะบัดแขนเสื้อเดินตามหานเฟิงออกไปเช่นกัน
การประชุมจบลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างแยกย้าย ส่วนผู้าุโใหญ่บอกกับเสิ่นเสวียนก่อนจะจากไป ให้เสิ่นเสวียนไปหาเขาที่เรือนคืนนี้
จากนั้นเสิ่นเสวียนก็พาเสิ่นเสี่ยวเม่ยกลับไปยังเรือนเล็กด้านหลัง
ในลานกว้างหลังเขาของตระกูลเสิ่น เสิ่นเสี่ยวเม่ยนั่งอยู่บนรถเข็น กำลังมองเสิ่นเสวียนด้วยความรู้สึกปีติยินดี
เสิ่นเสวียนนั่งอยู่บนม้าหิน มองพิจารณาเสิ่นเสี่ยวเม่ยั้แ่หัวจรดเท้า
เขามีน้องสาวแล้ว! เซียนพเนจรเก้าด่านเคราะห์ที่เล่นกับด่านเคราะห์อัสนีนับพันปีเมื่อชาติก่อนมีน้องสาวแล้วในตอนนี้ ทั้งยังทำให้เขารู้สึกว่าเขามีครอบครัวแล้วจริงๆ
“ท่านพี่ ท่านเป็อะไร”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยถามเมื่อเห็นเสิ่นเสวียนเหม่อลอย
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก เ้าย้ายมาพักอยู่ข้างๆ วันนี้เลยแล้วกัน ขาของเ้ามีปัญหาเล็กน้อย พี่จะรักษาให้เ้าเอง”
“ขาของข้ายังรักษาได้หรือ”
คำพูดของเสิ่นเสวียนทำให้เสิ่นเสี่ยวเม่ยตะลึง เหล่าผู้าุโในตระกูลเชิญบรรดาปรมาจารย์โอสถที่มีชื่อเสียงมาก็ยังรักษานางไม่ได้ นางเองก็ยอมแพ้ไปนานแล้ว ตอนนี้ได้ยินว่ายังรักษาได้ นางจะไม่ดีใจได้อย่างไร
“แน่นอน ไม่เพียงรักษาได้เท่านั้น ยังทำให้พร์ของเ้ากลับมาเหมือนเดิมได้อีกด้วย”
เสิ่นเสวียนยิ้มพลางกล่าว เขาไม่ได้บอกนางว่าความจริงแล้วขาของนางไม่ได้มีปัญหาอะไร แค่โดนวางยาพิษเท่านั้น ทำให้ชีพจรอ่อนแรง เป็เหตุให้เดินไม่ได้
มือวางยาผู้นั้น ก็คือเสิ่นเหวินเทานั่นเอง
.................................................
[1] ปี้กู่ (辟谷) เป็การบำเพ็ญเพียรของนักพรตเต๋า โดยการไม่กินธัญพืชห้าชนิด ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ข้าวสาลี และถั่วเหลือง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้