ข้อกล่าวหาอย่างกะทันหันทำให้เหนียนอีหลานใ ได้สตินึกคิดกลับมาในทันที เหนียนอีหลานส่ายหัวตามสัญชาตญาณ "ไม่ใช่ ไม่ใช่ข้า ข้าไม่ได้ฆ่า"
"แต่...แต่เห็นอยู่ชัดๆ ว่านางอยู่ในห้องของท่าน เช่นนั้นท่าน..." ท่าทีของเหนียนยวี่ดูไม่เชื่อนางแม้แต่น้อย “ท่านพี่้าซ่อนศพทำลายหลักฐานหรือ ท่านคิดจะเอาร่างนางไปไว้ที่ไหน”
เอาไปไว้ที่ไหนงั้นหรือ?
ั้แ่แรก นางก็คิดอยากจะย้ายร่างของฟางเหอไปไว้ในห้องเหนียนยวี่ ทว่ายามนี้ เหนียนยวี่กลับปรากฏตัวขึ้นตรงหน้านางอย่างฉับพลัน ในใจนางรู้สึกสับสนเหลือเกิน ไม่มีจิตใจจะไตร่ตรองแล้วว่าเหตุใดเหนียนยวี่ถึงยังมีชีวิตอยู่ในยามนี้ ครั้นนางคิดสิ่งหนึ่งออก นางไม่รีรอพลันผุดลุกขึ้นคว้ามือของเหนียนยวี่ที่อยู่ตรงหน้า สบตามองนางอย่างใจจดใจจ่อ “ยวี่เอ๋อร์ ข้าเป็พี่สาวของเ้านะ ข้าปฏิบัติกับเ้าเยี่ยงไร เ้าคงรู้ใช่หรือไม่?”
“ข้ารู้ ยวี่เอ๋อร์รู้แน่นอนเ้าค่ะท่านพี่ บนโลกใบนี้มีเพียงพี่สาวที่ปฏิบัติกับข้าแตกต่างจากผู้อื่น” เหนียนยวี่เอ่ยปาก พูดจาความหมายไม่ชัดเจนนัก การทำตัวเสแสร้งจอมปลอมของเหนียนอีหลานแน่นอนว่าย่อมต้องแตกต่างจากผู้อื่น
เหนียนอีหลาน้าสิ่งใดกัน ถึงได้สื่อว่าตัวเอง “ดี” กับนาง
ดวงตาของเหนียนอีหลานฉายแววมีความหวัง “เช่นนั้นก็ดี เ้ารู้ว่าข้าดีกับเ้าก็นับว่าดีแล้ว ข้าดีกับเ้าขนาดนั้น มิใช่ว่าเ้าควรต้องตอบแทนข้าหรือไร?”
“ใช่ ข้าต้องตอบแทนแน่นอน ยวี่เอ๋อร์จดจำบุญคุณของท่านพี่ได้เสมอ มิอาจลืมเลือนเป็แน่”
“อืม มีใครบางคน้าให้ร้ายข้า ยวี่เอ๋อร์ ในเมื่อเ้าอยากตอบแทนข้า เช่นนั้นเ้าต้องช่วยข้า!” สายตาของเหนียนอีหลานยิ่งฉายแวววิตกกังวล เมื่อครู่นี้สาวใช้นางนั้นะโหวีดร้องออกไปเยี่ยงนั้น สักพักคงมีผู้คนมากมายมาที่นี่แน่ อาศัยแค่พละกำลังนางคนเดียว คงไร้หนทางจัดการร่างของฟางเหอ ทว่าในเมื่อเหนียนยวี่อยู่ที่นี่ คงจะช่วยนางขนย้ายได้
“ใคร้าให้ร้ายท่านพี่?” เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว เสียงเข้มขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว ทว่าเพราะเหนียนอีหลานติดอยู่ในความกลัวและตื่นตระหนกกับเื่ตรงหน้านี้ จึงมิได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเหนียนยวี่เลยแม้แต่น้อย
เหนียนอีหลานตอบสนองคำพูดของเหนียนยวี่ ดวงตานางลุกวาว ใคร้าให้ร้ายนางงั้นหรือ?
ยามปกตินางวางตัวความเฉลียวฉลาดสง่างาม สดใสและมีเมตตามาตลอด ไม่เคยไปผูกอาฆาตผู้ใดเลย ใครกันที่้าให้ร้ายนาง
ครั้นมองเหนียนยวี่ตรงหน้า ดวงตาเหนียนอีหลานพลันทอประกายวาววับชั่วขณะ...นางหรือ?
ไม่มีทาง เหนียนอีหลานไล่การคาดเดานี้ออกไปแทบจะทันที แม้นางคิดจะทำร้ายเหนียนยวี่หลายครั้งหลายครา ทว่าเหนียนยวี่ก็หลบหลีกได้ตลอด อีกทั้งเหนียนยวี่ไม่น่าจะรู้ว่านางข้องเกี่ยวกับเื่ทั้งหมดนั่น ส่วนเื่สวนร้อยสัตว์...
"ท่านพี่ ท่านไปทำเื่อะไรที่ไม่ควรทำหรือเปล่า?"
ขณะที่เหนียนอีหลานกำลังนึกถึงเื่สวนร้อยสัตว์ เสียงของเหนียนยวี่พลันดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะพอดี ทำให้เหนียนอีหลานตัวสั่นสะท้านในทันใด
เื่ที่ไม่ควรทำงั้นหรือ?
สวนร้อยสัตว์...วันนั้นฟางเหอเป็คนปิดประตูสวนร้อยสัตว์ และยามนี้ นางกลับต้องมาตายผิดธรรมชาติเช่นนี้ นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
เหนียนอีหลานนึกถึงฮองเฮาอวี่เหวินโดยไม่รู้ตัว หรือฮองเฮาอวี่เหวินจะรู้ หากนางรู้...แล้วเหนียนยวี่เล่า?
เพียงชั่วพริบตา เหนียนอีหลานปล่อยมือเหนียนยวี่อย่างหวาดกลัว จ้องมองนางด้วยสายตาเตรียมป้องกัน พลางก้าวถอยหลังไปข้างหลังสองสามก้าว
“ท่านพี่ ท่านเป็อะไร?” เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว ยังคงแสดงท่าทีไม่รู้เื่ไร้พิษภัย เหนียนอีหลานถอยร่นฝีเท้า นางเดินตามเข้าไปใกล้ จนกระทั่งแผ่นหลังของเหนียนอีหลานชนผนัง มิอาจถอยหลังต่อได้อีก เหนียนอีหลานพลันเอ่ยกับเหนียนยวี่อย่างเสียงดังกังวาน “เ้าอย่าเข้ามา!”
เหนียนยวี่หยุดฝีเท้า “ท่านพี่ ท่านกลัวข้าทำไม? กลัวราวกับว่าข้าเป็สัตว์ร้ายกระหายเื...หรือพวกผีร้ายก็มิปาน ข้าคือน้องยวี่เอ๋อร์ของท่านพี่เองนะเ้าคะ”
“ผีร้าย...น้องยวี่เอ๋อร์...” เหนียนอีหลานดวงตาทอแสงวาววับ นางมั่นใจว่าเหนียนยวี่ตรงหน้าไม่ใช่ผี ทว่าน้องยวี่เอ๋อร์...
เหนียนอีหลานจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตาอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ราวกับอยากเห็นอะไรบนตัวนาง ทว่าสายตาบนใบหน้าเหนียนยวี่นั้นมิได้แตกต่างจากตัวนางในยามปกติเลย เช่นนั้น...
“เป็เ้า...เป็เ้าที่ฆ่าฟางเหอใช่หรือไม่?” เหนียนอีหลานสบสายตาของเหนียนยวี่อย่างตรงไปตรงมา นางไม่ค่อยมั่นใจในการคาดเดาของตัวเองนักว่าถูกหรือไม่ถูก
คิ้วงดงามของเหนียนยวี่ขมวดเข้าหากัน สีหน้าพลันหม่นหมอง “ข้าฆ่าหรือ? ท่านพี่ ท่านอย่ามายัดเยียดความผิดให้ยวี่เอ๋อร์ ยวี่เอ๋อร์จะสังหารผู้อื่นโดยไร้ซึ่งเหตุผลได้อย่างไร? ฟางเหอเป็สาวใช้คนสนิทของท่านพี่นะ”
มิใช่นาง? เหนียนอีหลานดวงตาลุกวาว อารมณ์ตึงเครียดที่มีมากเกินไป ทำให้ความคิดของเหนียนอีหลานยุ่งเหยิง
หากไม่ใช่นาง เช่นนั้นจะเป็ใครได้อีก
ไม่รู้เพราะเหตุใด ั้แ่เช้า นางถึงได้รู้สึกว่าตนเองใจร้อนอย่างน่าแปลก ทั้งยังตอบสนองช้ากว่าเดิมมาก เหมือนมีบางอย่างผุดขึ้นในหัวนาง ทว่านางกลับนึกไม่ออก จับไม่ได้และมิสามารถเรียบเรียงเื่ราวในหัวได้ ไม่รู้ว่าควรทำสิ่งใดก่อน สิ่งใดหลัง
เฉกเช่นยามนี้ ที่นางรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังจะััอะไรบางอย่างได้ แต่สุดท้ายบางสิ่งในหัวกลับสลายหายไป
เหนียนอีหลานรู้ว่าตัวเองควรต้องสงบนิ่ง นางสูดหายใจลึกเฮือกนึ่ง นางต้องทำตัวสงบนิ่งให้เร็วที่สุดเพื่อจัดการกับสถานการณ์ในตอนนี้
ดูเหมือนว่านางจะกลับมามีเหตุผลเช่นเดิมเล็กหน่อยแล้ว เหนียนอีหลานเห็นร่างไร้ิญญาของฟางเหอบนพื้น พลันรีบวิ่งพุ่งไปตรงหน้า ยามนี้สิ่งที่ต้องจัดการเร่งด่วนที่สุดคือร่างของฟางเหอ ส่วนเื่ที่ฟางเหอตายอย่างไรนั้น นางค่อยมาสืบหาให้ชัดเจนหลังจากนี้
“รีบมาช่วยข้า หลังลานเซียนหลานมีบ่อน้ำอยู่ มาช่วยยกร่างฟางเหอก่อน” เหนียนอีหลานเอ่ยสั่งอย่างหนักแน่น
“บ่อน้ำ?”
นางคิดจะเอาร่างฟางเหอไปไว้ในบ่อน้ำ เพื่อซ่อนศพทำลายหลักฐานงั้นหรือ?
นี่เป็ของกำนัลชิ้นใหญ่ที่นางมอบให้เลยเชียวนะ นางจะยอมปล่อยให้เหนียนอีหลานจัดการลวกๆ เช่นนี้ได้อย่างไร?
เหนียนยวี่จ้องมองเหนียนอีหลานที่กำลังข่มกลั้นจิตใจที่อัดแน่นไปด้วยความหวาดกลัวและรังเกียจ คิดอยากจะหยิบผ้าปูเตียงมาห่อร่างฟางเหอใหม่ ดวงตาทอประกายเย็นะเืพาดผ่าน เหนียนยวี่ก้าวไปข้างหน้าตามที่นาง้าและช่วยนางลากร่างของฟางเหอใส่ผ้าปูที่นอน
ถึงแม้นางจะช่วยลาก ทว่าในใจเหนียนยวี่กลับกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง
“ท่านพี่ วันก่อนข้าไม่ระวังจนเผลอเข้าไปในสวนร้อยสัตว์ และก็ไม่รู้ว่าผู้ใดมาปิดประตูสวน ยวี่เอ๋อร์ต้องรออยู่ในสวนร้อยสัตว์เป็เวลานานมาก” เหนียนยวี่เอ่ยปากขึ้นมาเหมือนไม่ตั้งใจ
สวนร้อยสัตว์หรือ?
เหตุใดจู่ๆ เหนียนยวี่ถึงเอ่ยถึงสวนร้อยสัตว์?
“ท่านพี่ ท่านเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับสวนร้อยสัตว์หรือไม่?” เหนียนยวี่สังเกตท่าทีของเหนียนอีหลาน พลางเอ่ยต่อว่า “ข่าวลือนั้นเล่าลือกันว่าในสวนร้อยสัตว์ช่างแปลกประหลาดและพิศวงมาก สิบปีก่อน องค์หญิงจี้เยวี่ยเองก็สิ้นชีวิตลงในสวนร้อยสัตว์ ฮ่องเต้ยามนั้นถึงกับรับสั่งให้ปิดสวนร้อยสัตว์ เพิ่มความแข็งแรงของประตูและติดตั้งกลไกประตูสวนร้อยสัตว์ ั้แ่นั้นมา ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้สวนร้อยสัตว์อีกเลย บ้างเล่าลือกันว่า ระยะเวลาผ่านไปนานหลังจากที่องค์หญิงจี้เยวี่ยทรงสิ้นพระชนม์ จะมีเสียงร้องไห้ขอความช่วยเหลือของเด็กดังขึ้นในสวนร้อยสัตว์ทุกคืน”
เหนียนยวี่เอ่ยถึงตรงนี้ เหนียนอีหลานพลันตัวสั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัด ทุกสิ่งอยู่ในสายตาของเหนียนยวี่ จากนั้นนางเล่าต่อว่า “คนในราชสำนักพูดว่า ิญญาขององค์หญิงจี้เยวี่ยเป็ทุกข์ แม้นางจะไร้ชีวีแล้วทว่ามิมีทางลืมความเ็ปยามนั้นได้ เสียงร้องห่มร้องไห้ทุกคืนราวกับ้าให้คนมาช่วย ดูเหมือนว่าวันฉีเฉี่ยวจะเป็วันระลึกถึงการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงจี้เยวี่ยพอดี”
วันที่ระลึกถึงการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงจี้เยวี่ยงั้นหรือ?
เหนียนอีหลานหวนนึกคำพูดของฮองเฮาอวี่เหวินในวันนั้น คืนนั้นดูเหมือนว่าจะเป็วันที่ระลึกถึงการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงจี้เยวี่ยจริงดังที่เหนียนยวี่เอ่ย และเสียงร้องคร่ำครวญนั้น...
“ช่วยลูกด้วย...เสด็จแม่ ช่วยลูกด้วย...”
เสียงร้องเรียกขอความช่วยเหลือของเด็กน้อยที่นางได้ยินนอกสวนร้อยสัตว์ในคืนนั้น ดังก้องอยู่ในหัวของเหนียนอีหลานอย่างชัดเจนมาก ราวกับว่าทุกเสียงที่ร้องเรียกตีรัวอยู่ในใจนาง เหนียนอีหลานมือสั่น จนไร้กำลังจะลากร่างของฟางเหอ
เหนียนยวี่มองดวงหน้าซีดเผือดของนาง รู้สึกขำขันในใจ กลัวแล้วหรือ?
เหนียนยวี่เหลือบมองฟางเหอที่ถูกห่อด้วยผ้าปูเตียง ไม่ได้วางแผนจะปล่อยให้การทรมานเหนียนอีหลานจบเช่นนี้ จึงเอ่ยต่อไปอย่าง “บังเอิญว่าข้ายังได้ยินมาอีกว่า เคยมีนางกำนัลคนหนึ่งถูกฮองเฮาลงโทษฐานทำผิด วันนั้นนางไปทำความสะอาดที่ด้านหน้าสวนร้อยสัตว์พอดี นางพึมพำสาปแช่งฮองเฮาที่นั่น ท่านรู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางในท้ายที่สุด?”