“ข้าตัดสินใจผิดเองที่ผลึกเขาไว้ในเขตแดนเผ่ามาร ทำให้ตงฟางสามารถดูดซับพลังิญญาขั้นหกเข้าสู่ตัว แล้วหลอมรวมพลังิญญาของเขาเข้าด้วยกัน จนทำให้เขาสามารถสำเร็จพลังิญญาขั้นเจ็ดได้โดยไม่ต้องทำอะไรเลย เทพแห่งชะตาทำนายว่าอีกไม่นานตงฟางจะได้รับอิสระ ซึ่งเมื่อเวลานั้นมาถึง แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้”
ไป่เอ๋อกำมือแน่นด้วยความคับแค้นใจ นางอยากสับตงฟางออกเป็ชิ้น ๆ แล้วโยนให้แร้งกาจิกกินจนไม่เหลือเศษซาก ทว่านางทำได้เพียงเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ในส่วนลึก แล้วตั้งใจฟังสิ่งที่ตงหยางพูดด้วยท่าทางสำรวม
“มีเพียงทางเดียวที่จะกอบกู้สถานการณ์กลับคืนมาได้ นั่นคือหาผู้มีดวงจิตสีเพลิง เมื่อข้ากับเขาพลึกพลังิญญารวมกันก็มีโอกาสเอาชนะตงฟางได้” ไป่เอ๋อนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งอย่างใช้ความคิด
“ผู้มีดวงจิตสีเพลิงงั้นเหรอ นานมาแล้วท่านพ่อเคยพูดถึงผู้มีดวงจิตสีเพลิงคนสุดท้าย เขาเป็คนจากเผ่าจิ้งจอก แต่นั่นก็หลายแสนปีแล้วที่เขาดับขันธ์ไป พิภพของเราสิ้นผู้มีดวงจิตสีเพลิงนานแล้วนะเ้าคะ”
“ข้ารู้...แต่เมื่อเทพแห่งชะตาทำนายเช่นนั้น ย่อมมีเหตุปัจจัยให้เกิด” เขาพูดพร้อมสายลมอ่อนพัดมาปะทะกาย
“หมายความว่า เวลานี้พิภพของเรา มีผู้มีดวงจิตสีเพลิงกำเนิดขึ้นแล้วงั้นเหรอเ้าคะ” นางขบคิดอย่างชาญฉลาด ก่อนตงหยางพยักหน้าตอบรับเบา ๆ แล้วทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า
“ที่ข้าหนักใจ เพราะข้าไม่รู้ว่าจะตามหาผู้มีดวงจิตสีเพลิงได้อย่างไร พิภพกว้างใหญ่ไพศาลเกินกว่าข้าจะล่วงรู้ได้ แม้ประมุขเผ่าต่าง ๆ จะส่งคนออกตามหา ก็ใช่ว่าเจอง่าย ๆ” ก่อนรอยยิ้มอ่อนหวานของไป่เอ๋อจะค่อย ๆ คลี่ออก แล้วพูดปลอบด้วยน้ำเสียงบางเบา
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้าจะอยู่ข้างท่าน จะทำทุกอย่างเพื่อให้ท่าน ตามหาผู้มีดวงจิตสีเพลิงให้พบ” สิ้นเสียงของไป่เอ๋อร่างของตงหยางเตรียมเบี่ยงออก ก่อนนางจะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“ท่านประมุขเพิ่งจะมาถึง ท่านจะไปที่ใดอีกเ้าคะ” หญิงสาวเดินมาดักไว้ เพราะเพิ่งได้เห็นหน้าเขาเพียงครู่เดียว ยังไม่ทันได้คลายความคิดถึงลงแม้แต่น้อย
“ข้าจะไปยังแดนมนุษย์ บางทีความสงบของที่นั่นอาจทำให้ข้าคิดอะไรออก” พูดจบร่างอันสง่างามก็หายลับไป หลงเหลือไว้เพียงความว่างเปล่า ก่อนมือบางของไป่เอ๋อจะกำแน่นด้วยความคับแค้นใจ
“ตงฟาง เหตุใดเ้าไม่ตาย ๆ ไป เหตุใดเ้ายังอยู่เพื่อทำลายเขาไม่จบสิ้น ไอ้คนชั่ว ไอ้คนไร้คุณธรรม ข้าเกลียดเ้าที่สุด” เสียงะโพร้อมมือบางก้มหยิบก้อนหินปาเข้าไปในผลึกนั้นด้วยความโกรธ หินสีดำถูกนางโยนเข้าไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนเสียงหัวเราะของตงฟางจะดังลอดออกมา
“เ้าหลงรักเขาถึงเพียงนี้ ทว่าเขามองข้ามผ่านความรักของเ้าไปโดยไม่ไยดี นานนับหมื่น ๆ ปี ความเ็าที่เขามอบให้เ้าไม่เคยเปลี่ยน เช่นนี้แล้วเ้าจะโกรธข้าด้วยเื่ใด การที่เ้าปาหินใส่ข้าซ้ำ ๆ มันไม่ทำให้เขารักเ้ามากขึ้นหรอก สู้เ้ากลับมาอยู่เคียงข้างข้าไม่ดีกว่าเหรอ หืม...” เสียงจอมมารพูดกล่อม ก่อนไป่เอ๋อจะหัวเราะมุมปากอย่างรู้ทัน
“คนอย่างเ้าชั่วร้ายเกินกว่าข้าจะเคียงข้างได้ เ้าอย่าฝันว่าจะได้รับอิสรภาพกลับออกมาทำชั่วได้อีก ข้าจะทำทุกทาง เพื่อให้เ้าถูกจองจำไปชั่วนิรันดร์ ข้าจะไม่มีวันยอมให้เ้าทำร้ายท่านประมุขเป็อันขาด” ไป่เอ๋อะโใส่จอมมารด้วยความโกรธ ก่อนเขาจะหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข
“ไป่เอ๋อ..นะไป่เอ๋อ เ้าช่างโง่เขลายิ่งนัก ข้าจะบอกให้เอาบุญ ว่านับจากนี้จะไม่มีใครมีพลังิญญาสูงกว่าข้าอีก ข้าจะทุกอย่างในพิภพนี้แต่เพียงผู้เดียว ฮ่า ๆ ผู้ใดขัดขวางมันผู้นั้นต้องตาย แล้วมาดูกันว่าพลังของข้าจะทำให้เผ่ามารเป็หนึ่งในใต้หล้าได้หรือไม่”
“ข้าจะไม่ยอมให้ถึงวันนั้น และความฝันของเ้าก็ต้องพังทลายลง เพราะประมุขตงหยางเช่นเดิม” ไป่เอ๋อะโตอบด้วยความโกรธแค้น
“ไป่เอ๋อ...เมื่อถึงเวลาเ้าอาจเปลี่ยนความคิด เ้าลืมไปแล้วเหรอ คืนวันนั้นบนยอดเขา เ้ากับข้ามีความสุขเท่าใด” จอมมารพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งหัวเราะ พยายามรื้อฟื้นความทรงจำอันลึกซึ้งระหว่างเขากับนางในอดีต
“หุบปากของเ้าซะ ข้าไม่อยากฟัง และข้าไม่ได้จดจำ คนชั่วอย่างเ้าไม่มีวันได้หัวใจข้าไปครอง ที่ข้าพลาดเพราะเ้าแอบอ้างเป็ท่านพี่ตงหยาง เ้าเหมือนกันก็เพียงหน้าตา ส่วนจิตใจมืดบอดเกินกว่าข้าจะรักเ้าลง” หญิงสาวพูดจบ จึงรีบหันหลังวิ่งหนีกลับมายังตำหนักพร้อมน้ำตาแห่งความคับแค้นใจ
“เมื่อใดที่ข้าเป็อิสระ...เ้าต้องเป็ของข้าแต่เพียงผู้เดียวไป่เอ๋อ” ตงฟางหลับตาลงแล้วตั้งมั่นกับตัวเอง พร้อมรวบรวมกำลังผลึกพลังิญญาเข้าด้วยกันอย่างสงบ
ภายใต้แสงเทียนที่ไหวระริกไปมา ประมุขเผ่าวิหคหันมองไปยังภรรยาที่นอนหลับอยู่ด้านข้าง ก่อนตัดสินใจลุกขึ้นมารินชาแล้วยกดื่ม ท่ามกลางความคิดมากมายในสมอง ชายกลางคนย่อตัวลงนั่ง ถอนหายใจอยู่หลายครั้ง หลายเดือนแล้ว ที่ธิดาของเขาหนีเที่ยวยังแดนมนุษย์ หากเป็เมื่อก่อนเขาคงส่งคนไปตามกลับมาลงโทษ ทว่าเวลานี้...หัวใจของเขาอยากให้ิเยว่จากไปไม่หวนคืน
“ท่านพี่ เหตุใดยังไม่นอน” เสียงของหยางซินเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วง ก่อนนางจะตัดสินใจเดินเข้ามาหาสามีแล้วย่อตัวลงนั่ง มือบางเอื้อมไปจับมือเขาแน่นแล้วปล่อยยิ้มกว้างออกมา
“ข้ารู้ว่าท่านมีเื่ทุกข์ใจ แต่ข้าเป็เมียที่เคียงข้างท่านมานับแสน ๆ ปี มีหรือข้าจะไม่รู้ว่าท่านมีปัญหาที่แก้ไม่ได้ เลิกปิดบังข้า แล้วช่วยบอกความจริงได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” สายตาสั่นไหวของต้าเหรินหันมายังภรรยาแล้วก้มหน้าลงเล็กน้อย
