ใช่… มันควรจะไม่มีอะไร
เมื่อคืนทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความยินยอม ไม่มีใครบังคับใคร
แต่ความจริงที่ว่า... เธอจำอะไรไม่ได้เลย
นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้เขาเริ่มรู้สึกผิด ไม่ใช่เพราะเขาบังคับเธอ แต่เพราะ... เขาไม่รู้ว่าเธอรู้สึกยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดวงตาคมเข้มมองตามแผ่นหลังบางที่กำลังเดินออกไป
ก่อนภาพในหัวจะย้อนกลับไปยังค่ำคืนนั้น ค่ำคืนที่ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น
เสียงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ดังกระหึ่มทั่วผับแสงสลัวสลับแสงไฟสีสันวูบวาบที่กระทบผู้คนที่กำลังโยกตัวตามจังหวะบนฟลอร์แดนซ์
ปุริมปรัชญ์นั่งอยู่บนโซน VIP ริมกระจกชั้นลอย แก้ววิสกี้ในมือแทบไม่ถูกแตะ ดวงตาคมสบเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังเต้นอยู่กลางฟลอร์ เธอสวมเดรสสั้นสีแดงสด แนบเนื้อพอดีตัว ทรวดทรงชัดเจนทุกสัดส่วน ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของเธอ... มันไม่ใช่แค่การเต้น แต่มันเหมือนกับกำลังยั่วยวนในความคิดของเขา
เธอสามารถตรึงสายตาของเขาเอาไว้ได้เหมือนกับที่สามารถทำให้หลาย ๆ คนในร้านที่กำลังสนใจเธอเหมือนกัน
“มองไรวะ” นัท ณัฐวุฒิ เพื่อนของเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ มองตามสายตาของเพื่อนที่นิ่งค้างอยู่แบบนั้น
“อะไรวะ มองอะไรกัน” พอร์ช พีรธนันท์ ที่นั่งฝั่งตรงข้ามเงยหน้าขึ้นก่อนจะมองตามบ้าง
“โหว... โคตรดีเลยว่ะ” พีรธนันท์พยักหน้ากับภาพหญิงสาวที่เพื่อนสนใจ “เหมือนนางฟ้ามาเต้นตรงหน้า”
“เซ็กส์เอ็กแตกชิบหาย” ณัฐวุฒิพยักหน้าแรงรัว ๆ
“ไอ้ห่าปรัชญ์ ตาดีฉิบเป๋ง!” พีรธนันท์หัวเราะเบา ๆ พลางยกแก้วชนอากาศ
“จ้องขนาดนี้ จะลงไปลุยเลยไหมครับคุณชาย” ณัฐวุฒิแซวขำ ๆ พร้อมดันไหล่เพื่อนเบา ๆ
แต่ปุริมปรัชญ์ยังคงนิ่งเงียบ ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มมุมปาก ดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปยังหญิงสาวคนนั้น
เธอเต้นเหมือนไม่รับรู้ว่าตัวเองคือจุดศูนย์กลางของความสนใจ แต่อย่างน้อย... เธอก็รู้แน่ ๆ ว่าเธอดึงดูดได้มากขนาดไหน
จังหวะเต้นของเธอกระตุกบางอย่างในใจของเขาอย่างแรงตอนนี้อารมณ์ที่อยากได้มันเข้ามาก่อกวนจิตใจของปุริมปรัชญ์อย่างหนัก เธอคนนี้มีแรงดึงดูดกับเขามาก มากจนไม่อาจละสายตาได้
“ไปไหน?” พีรธนันท์ถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนลุกจากโซฟา
“ธุระ” ปุริมปรัชญ์ตอบสั้น ๆ พร้อมกับเดินออกจากโซน VIP โดยไม่รอฟังคำถามต่อ
“ธุระอะไรของมันวะ?” พีรธนันท์หันไปถามณัฐวุฒิที่นั่งอยู่ข้างกันด้วยสีหน้างง ๆ
“กูก็นั่งอยู่กับมึงเนี่ย” ณัฐวุฒิกลอกตา ก่อนจะหันกลับไปกอดสาวข้างกายต่ออย่างไม่ใส่ใจนัก
แม้จะเป็คืนที่เต็มไปด้วยสาวสวยมากหน้าหลายตา แต่วันนี้ปุริมปรัชญ์ดูจะแปลกไปจากทุกคืนที่ผ่านมา สายตาที่เคยไล่ไปตามเส้นโค้งเว้าของหญิงสาวแต่ละคน วันนี้กลับไม่แลแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าหญิงสาวที่แต่งตัวจัดจ้านแค่ไหนจะเดินเข้ามาใกล้ ส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มอย่างไร เขาก็แค่เฉย
แต่กับเธอคนนั้น
คนเดียวบนฟลอร์เต้นรำนั่น
เขากลับยอมลุกจากที่นั่งเพื่อเดินเข้าไปหา
เหมือนแรงดึงดูดบางอย่าง... กำลังพาเขาไปในที่ที่ไม่เคยตั้งใจจะไป
ปุริมปรัชญ์เดินออกมาอีกด้าน ท่ามกลางเสียงดนตรีเบสหนักที่ยังคงดังกระหึ่มทั่วผับ สายตาเขาเหลือบไปเห็นเธอ
หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงเพลิงคนนั้น เขามองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแน่ใจว่าเธอกำลังยื้อยุดกับชายคนหนึ่ง ไม่ใช่คู่รักที่กำลังงอนกันอย่างที่ใครอาจเข้าใจ และท่าทางของเธอไม่ได้เต็มใจที่จะอยู่ตรงนั้นถึงแม้ว่าเธอจะดูมึนเมาอยู่บ้าง
คิ้วเข้มของปุริมปรัชญ์ขมวดแน่น
“ปล่อย! อย่ามายุ่ง!” เสียงตวาดดังลั่นท่ามกลางเสียงเพลง เธอสะบัดแขนออกอย่างแรง แต่ชายคนนั้นกลับยิ่งพยายามรั้ง
“ไม่เอาน่า...ไปกับพี่เถอะน่า อย่าดื้อ” เสียงมันฟังดูทั้งเมา ทั้งลามปาม
“บอกว่าไม่ไปไง! ออกไป!” เธอตะคอกอย่างสุดกลั้น
ปุริมปรัชญ์เขาก้าวเข้าไปหา ก่อนจะกระชากแขนของชายคนนั้นออกจากเธอด้วยแรงที่ไม่ต้องอธิบายอะไร
“เฮ้ย! มึงเสือกไรด้วยวะ?!” ชายคนนั้นหันมามองเขาด้วยความโมโห
“เธอบอกว่าไม่ไปกับมึง นายไม่ได้ยินหรือไง”
“เื่ของผัวเมีย อย่าเสือกดีกว่า”
“ผัวเมียเหี้ยไร? กูไม่เห็นว่าเธอจะเต็มใจเลย” น้ำเสียงของปุริมปรัชญ์เย็นจัด ทว่าแฝงไว้ด้วยแรงกดดันที่ทำให้อีกฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ
เขาดึงคอเสื้ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้พลางพูดชัดถ้อยชัดคำ
“ไปดี ๆ ก่อนจะมีปัญหา”
“คุณปรัชญ์ครับ เกิดอะไรขึ้น?” การ์ดของผับที่เดินตรวจอยู่ไม่ไกล รีบตรงเข้ามาถามเมื่อเห็นสถานการณ์ตึงเครียด
“มันลวนลามผู้หญิง เอาตัวมันออกไปซะ” ปุริมปรัชญ์หันไปบอก
“ครับ” การ์ดไม่รีรอ รีบพาชายคนนั้นออกจากพื้นที่ทันที
เมื่อความวุ่นวายสงบลง เขาหันกลับมามองหญิงสาวตรงหน้า เธอยืนโงนเงนเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มหวานให้เขาทั้งที่ดวงตาเริ่มปรือเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
“ขอบใจน้า~ ใจดีจังเลย...” เธอลากเสียงยาวด้วยน้ำเสียงอ้อน ๆ ของคนเมา
“หึ เป็ไรรึเปล่า? ยังไหวไหม?” เขาถามพลางมองสำรวจเธอ
“หว๋ายยย~ ไหวน๊าาา...” เธอพยายามยืนตัวตรงอย่างมั่นใจ แต่กลับต้องเอื้อมมือไปพิงผนังใกล้ ๆ
เธอพยักหน้าหยอย ๆ เหมือนจะบอกว่าไม่เป็ไร แต่ยังไม่ทันก้าวได้กี่ก้าว ขาเ้ากรรมกลับอ่อนแรงจนเกือบทรุดลงกับพื้น โชคดีที่ปุริมปรัชญ์คว้าเอวบางไว้ได้ทัน
“จะกลับบ้าน...” เสียงอู้อี้จากริมฝีปากแดงสดดังขึ้นเมื่อทั้งสองสบตากันเพียงชั่วครู่
“กลับยังไง?” เขาถาม
“ไม่รู้...” เธอส่ายหัวช้า ๆ ซบอกเขาเบา ๆ อย่างไม่ตั้งใจ
“งั้นเดี๋ยวไปส่ง โอเคไหม?”
“เคร๊รรรร...” เสียงเธอลากยาวเหมือนเด็กน้อยที่ยอมแพ้อย่างหมดท่า
เขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจับมือเธอไว้แน่น ไม่ให้เดินสะเปะสะปะจนล้ม ขณะเดียวกันก็ควักมือถืออีกมือส่งข้อความไปบอกเพื่อนว่าขอกลับก่อน
“ยืนดี ๆ หน่อย” เขาบอก ขณะประคองเธอไปจนถึงรถ
“อืออออ ดีแล้ววว...” เธอตอบเสียงอ้อยอิ่ง ยืนพิงรถสปอร์ตคันหรูไว้ราวกับมันคือเตียงนุ่ม
เขาเปิดประตูให้เธอ ก่อนจะช่วยพยุงขึ้นนั่งในรถ
“บ้านอยู่ไหน?” เขาถามเมื่อรถเคลื่อนออกสู่ถนนใหญ่
ไม่มีเสียงตอบกลับ...
เขาหันไปมอง เห็นเธอเอนหัวพิงกระจกรถ หลับตาพริ้ม ปล่อยลมหายใจสม่ำเสมอ ราวกับเ้าหญิงหลับใหล
“เธอ...เธอ?” เขาเรียกพร้อมกับสะกิดเบา ๆ
“อือ... อย่ายุ่ง จะนอน...” เธอบ่นงึมงำ ปัดมือเขาออกแบบงัวเงีย
เขาถอนหายใจหนัก ๆ
“ไม่ตื่นก็ไม่ตื่น งั้นกลับไปด้วยกันเลยแล้วกัน...” เขาพึมพำ ก่อนจะหันกลับไปขับรถ
ปลายทางคือคอนโดหรูใจกลางเมืองของเขาเอง
เขาขับรถมุ่งหน้าไปที่คอนโดที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง พอนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าได้แต่ส่ายหัวไปมาพร้อมรอยยิ้ม คิดไว้อยู่ก่อนหน้าว่าจะพาตัวเองเข้าไปทำความรู้จักกับเธอที่โต๊ะ แต่ก็มีเหตุให้มาเจอกับเธอเสียก่อน
และทั้งหมด...ก็เริ่มต้นจากความบังเอิญที่ไม่ได้ตั้งใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้