"ท่านพ่อ" กระต่ายอ้วนตัวน้อยเกาะประตู ชะโงกศีรษะเข้ามา เผยให้เห็นใบหน้ายิ้มแย้มดวงน้อย ซูซานหลางแค่นเสียงหึ คร้านจะสนใจนาง
เฉียวเยว่ซุกมือน้อยๆ ของตนเองไว้ด้านหลัง ยิ้มร่าวิ่งเข้ามาหาทันที "ท่านพ่อ!"
น้ำเสียงฉอเลาะกับท่าทางประจบสอพลอเช่นนี้ชวนให้คนหัวใจละลายโดยแท้
"เ้ามาทำไม ตามท่านย่าของเ้าไปแล้วมิใช่หรือ" ซูซานหลางยังคงปั้นปึ่ง
ท่านพ่อเ้าคิดเ้าแค้นกว่าที่คาดไว้แฮะ!
"แต่ข้ารักท่านพ่อมากกว่า ท่านพ่อของข้างามสง่าดังต้นหยกล้อลม เป็ยอดอัจฉริยะโดดเด่นหนึ่งในหมื่น เป็ประหนึ่งเซียนผู้อยู่เหนือธุลีของแดนมนุษย์ คุณชายรูปงามทั้งหลายล้วนไม่อาจเทียบเทียมท่านได้สักคน..." คำพูดเสนาะหูพรั่งพรูออกมาราวกับเทเมล็ดถั่วจากกระบอก
"วาจาหวานหูไม่คิดเงินหรือ?"
เฉียวเยว่ปีนขึ้นตักของบิดา ก่อนที่จะชูมือน้อยๆ ที่ซุกไว้ด้านหลังขึ้นมาต่อหน้าเขา น้ำเสียงฉอเลาะอ่อนหวาน "ให้ท่านพ่อเ้าค่ะ"
ซูซานหลาง "..."
นี่เป็ดอกไม้ดอกแรกที่บุตรสาวมอบให้เขา
ถึงแม้ใบหน้ายังคงบึ้งตึง แต่กลับรับดอกไม้ไป มุมปากยังโค้งขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เฉียวเยว่ดูแวบเดียวก็รู้ ฮิๆๆ... มีทางแล้ว
นางพูดอย่างประจบเอาใจ "ท่านพ่อ ท่านอย่าโกรธข้ากับฉีอันได้หรือไม่ พวกเราล้วนเป็เด็กดี แม้บางครั้งจะทำผิดไปบ้าง แต่จุดด่างพร้อยเล็กน้อยไหนเลยจะบดบังความดีงามส่วนใหญ่ได้ พวกเราล้วนเป็หยกงามที่ดีที่สุดของท่านนะเ้าคะ"
ซูซานหลางมองไปที่ประตู "หยกงาม... สุดแสบ" อีกคนก็โผล่ศีรษะเข้ามา
เขากวักมือเรียก "เข้ามาเถอะ"
ฉีอันรีบวิ่งเข้ามา เขาก็ซ่อนดอกไม้หนึ่งดอกไว้เหมือนกันนะ
"ท่านพ่อ ข้ารักท่าน"
ซูซานหลางมืดแปดด้านไม่รู้จะว่าอย่างไร
เห็นเด็กน้อยอวบอ้วนสองคนยืนมองตนเองตาปริบๆ ซูซานหลางไหนเลยจะยังมีโทสะหลงเหลืออยู่ "พ่อรักพวกเ้าสองคนที่สุด จะไม่หวังดีต่อพวกเ้าได้อย่างไร"
"พวกเราทราบเ้าค่ะ ฉีอัน เ้าก็รู้ใช่หรือไม่?"
ฉีอันรีบพยักหน้าราวกับนกแก้วตัวน้อย พูดซ้ำประโยคเดียวกับเฉียวเยว่ "พวกเราทราบขอรับ"
ซูซานหลางทอยิ้มบางๆ พลางลูบศีรษะของบุตรทั้งสองอย่างอ่อนโยน "พ่อคิดได้แล้วล่ะ เมื่อพวกเ้าอยากเก็บรักษาเอง ก็เอาเถอะ..." เขาเว้นไปหนึ่งจังหวะก่อนพูดต่อ "แต่เื่ครานี้อย่าเอาไปพูดต่อหน้าท่านตากับลุงของเ้าเป็อันขาด"
เฉียวเยว่ยิ้มเ้าเล่ห์ออกมาทันควัน "ท่านพ่อกลัวท่านลุงหรือ"
ซูซานหลางถลึงตาใส่นาง "เหลวไหล พ่อกลัวลุงของเ้าเสียที่ไหน ความรู้ของท่านลุงเ้าไหนเลยจะเทียบข้าได้" หลังจากนั้นก็ปิดปากสนิท เ้าตัวน้อยทั้งสองของเขาหาใช่คนที่จะควบคุมปากได้ดีนัก
"เมื่อวานจวนของท่านตาเ้ายังเก็บกวาดไม่เรียบร้อย รออีกสองวันหลังจากเข้าที่เข้าทางแล้ว พ่อจะพาพวกเ้าไปแสดงความยินดี"
เฉียวเยว่ปรบมือ "ประเสริฐยิ่ง ข้าจะไปค้างคืนด้วย"
พอเห็นบิดาหน้าบึ้งอีกหน ก็รีบพูดต่อ "เมื่อวานข้าถามท่านลุงแล้ว ท่านลุงบอกยินดีต้อนรับ"
ซูซานหลางพลันรู้สึกว่าบุตรสาวช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน นางคิดว่าไม่ว่าใครตนเองก็ล้วนเข้าหาได้ทุกคนหรือ พี่ภรรยาของเขาคนนี้ใช่คนคบหาง่ายเสียที่ไหน
"ข้าคุยกับท่านตาด้วย ให้เขาสอนหนังสือให้ข้า ท่านตาก็ตกลงแล้ว
ซูซานหลางพลันตะลึงงัน
ถามเพื่อความแน่ใจ "ท่านตาของเ้ารับปากแล้ว?"
เฉียวเยว่ทำสีหน้างุนงง "เหตุใดจะไม่รับปากเล่า คนสอนง่ายเช่นข้า ท่านตามีแต่จะดีใจสิไม่ว่า ข้ากับฉีอันจะไปเรียนหนังสือกับท่านตาด้วยกัน ท่านตาบอกว่าจะสอนข้าให้เก่งกล้าสามารถเหมือนกับพี่สาวเลย"
"ซูเฉียวเยว่ เด็กโกหกจะถูกหมาป่าคาบไปกิน เ้ารู้หรือไม่?" ซูซานหลางเอ่ยเสียงเนิบช้า
เฉียวเยว่ยืดอก "ข้าโกหกเสียที่ไหน ไม่เชื่อท่านไปถามท่านตากับท่านลุงดูก็ได้"
ซูซานหลางนึกทอดถอนใจ เพียงชั่วขณะที่ตนเองพลั้งเผลอ ยายหนูของเขาก็ไปรบเร้าผู้อื่นมากมายเพียงนี้ นางเอาเวลาไหนไปทำ ยิ่งไปกว่านั้น... ท่านพ่อตาของเขาไม่รับศิษย์มาสิบห้าปีแล้ว หากเขายอมสอนให้เด็กน้อยสองคนนี้จริง..."
ซูซานหลางไม่รู้ว่าควรเรียกบุตรชายบุตรสาวของตนเองว่าศิษย์น้อง หรือจะเรียกบุตรชายบุตรสาวเหมือนเดิมดี
ชั่วพริบตานั้น ซูซานหลางรู้สึกว่าสมองของตนเองคิดเลอะเทอะไปใหญ่แล้วจริงๆ
ท่านพ่อตาถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แฝดสองคนนี้ก็เป็เื่ปรกติดีมิใช่หรือ
ถึงอย่างไรก็เป็ครอบครัวเดียวกัน นี่เป็เื่ที่สมควรแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซูซานหลางก็เบิกบานใจขึ้นหลายส่วน แม้อาจารย์จะเป็คนแปลกสักหน่อย แต่ความรู้ก็มีอยู่จริง หากสอนให้เด็กน้อยสองคนก็ย่อมจะสอนได้ดีกว่าเขาผู้เป็บิดา
"เช่นนั้นพวกเ้าก็ต้องทำตัวดีๆ อย่าทำให้ท่านตาโกรธเล่า เข้าใจหรือไม่?" เขากำชับ
เฉียวเยว่ลุกขึ้นหอมแก้มซูซานหลาง ดวงหน้าผลิยิ้มพลางพูดฉอเลาะ "ถึงแม้จะทำให้ท่านตาโมโห ข้าก็สามารถง้องอนให้หายได้ ท่านพ่อดูสิ ตอนนี้ท่านเองก็ไม่โกรธแล้วใช่หรือไม่?"
ซูซานหลางเลิกคิ้ว "..." เ้าตัวแสบ เด็กเดี๋ยวนี้แผนสูงขนาดนี้กันแล้วหรือ?
"ใครบอกว่าข้าหายโกรธแล้ว ในใจของพ่อยังขุ่นเคืองอยู่นิดหน่อย หากเฉียวเยว่ยอมไปคัดคัมภีร์กตัญญุตาธรรมสักหนึ่งบท พ่ออาจจะพอฝืนใจให้อภัยเ้า"
ฉีอันรีบพูดเสริมทันใด "เช่นนั้นท่านพ่อก็ให้อภัยข้าแล้วสิ ประเสริฐยิ่ง"
หลังจากนั้นก็ะโลงจากตักของซูซานหลางโดยไม่รอคำตอบ วิ่งออกไปข้างนอกอย่างดีอกดีใจ "ข้าจะไปบอกท่านแม่ว่าท่านพ่ออภัยให้ข้าแล้ว แต่ไม่อภัยให้เฉียวเยว่..."
เฉียวเยว่ "..."
เ้าหมอนี่ถึงกับทิ้งนางเลย
"เขียนก็เขียนสิ ข้าเขียนอักษรเก่งอยู่แล้ว"
นางเขียนอักษรได้สวยที่สุดในบรรดาเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ถามว่าดีที่สุดหรือไม่ ก็อาจจะยังไม่ใช่
"ไปเถอะ พ่อจะชี้แนะให้ เฉียวเยว่ตั้งใจเขียนอักษรสวยๆ แล้วเอาไปคัมภีร์บทนี้ไปมอบให้ท่านตาดีหรือไม่?"
เขาวางบุตรสาวลงแล้วจูงมือเดินไปที่ประตู
เฉียวเยว่พยักหน้าอย่างหนักแน่น รับปากแต่โดยดี
ถึงแม้ว่านี่จะเป็แผนการของบิดา แต่นางก็กลับยินดีเขียน
เฉียวเยว่พูดอย่างจริงจัง "ท่านพ่อ ข้าเป็ยอดหญิงงามแห่งต้าฉี ยามนิ่งดุจหญิงพรหมจรรย์ ยามเคลื่อนไหวก็ปราดเปรียวดุจกระต่ายลี้ภัย"
ซูซานหลางแทบจะเท้าสะดุด "พูดถึงเื่คุยโม้ ข้าว่าไม่มีผู้ใดเทียบเ้าได้เลยจริงๆ"
"พูดถึงเื่กิน ก็ไม่มีผู้ใดเทียบข้าได้เช่นกัน" เฉียวเยว่เสริมอีกประโยค
นางยิ้มตาหยี "ไม่รู้ว่าวันนี้โรงครัวทำขนมอะไร ข้าให้อวิ๋นเอ๋อร์ไปเอามาแล้ว"
สิ้นคำพูด ก็เห็นอวิ๋นเอ๋อร์กลับมาพร้อมกับตะกร้าใบน้อย นางหน้าบานทันควัน "อวิ๋นเอ๋อร์"
เสียงของนางใสกังวาน
อวิ๋นเอ๋อร์หัวเราะออกมา "คารวะนายท่านสาม วันนี้เป็ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วแดงเ้าค่ะคุณหนูเจ็ด"
ดวงตาของเฉียวเยว่โค้งเป็รูปจันทร์เสี้ยวทันใด ทุกคราที่ซูซานหลางเห็นสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของบุตรสาวก็รู้สึกเหมือนท้องฟ้าสว่างไสว เขาลูบศีรษะของเด็กหญิงตัวน้อย "ไป พ่อจะจูงเ้ากลับ พวกเรากินขนมกันก่อน แล้วค่อยเขียนอักษร วันนี้พ่อจะอยู่เป็เพื่อนเ้าทั้งวันเลย"
เฉียวเยว่รู้สึกว่าบิดาของนางทึ่มยิ่งนัก ก่อนตอบด้วยสีหน้าจริงจัง "ข้าอยากอยู่กับท่านพ่อ แต่ว่าวันนี้เป็วันเรียนหนังสือของเสด็จพี่รัชทายาทกับพี่ชายิ่มิใช่หรือ ท่านจะทิ้งให้พวกเขาแห้งเฉาอยู่ที่นั่นได้อย่างไร"
ซูซานหลางรู้สึกว่าสติปัญญาของตนเองถูกกระต่ายอ้วนตัวน้อยวัยห้าขวบบดขยี้จนเละไปแล้ว
แต่เขา... ก็ลืมไปเสียสนิทจริงๆ
สงสัยจะปลาบปลื้มที่ได้รับดอกไม้จากบุตรสาวมากเกินไปหน่อย?
บัดนี้รัชทายาทกับิ่จื้อรุ่ยมองห้องหนังสือว่างเปล่า กับดอกไม้สองดอกบนโต๊ะ ในใจก็คาดคะเนไปสารพัด
ในที่สุดิ่จื้อรุ่ยก็เอ่ยขึ้นก่อน "ไม่นึกเลยว่าอาจารย์หญิงจะเป็ฝ่ายมอบดอกไม้ให้อาจารย์ก่อน"
อาจารย์กับอาจารย์หญิงมีความรักต่อกันอย่างลึกซึ้ง เป็ไปไม่ได้ที่ผู้อื่นจะเป็คนมอบให้
ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ
เขาต้องเขียนจดหมายถึงมารดา ให้นางมอบดอกไม้ให้บิดาของเขาบ้างแล้ว
รัชทายาทนึกดูแล้วก็เห็นด้วย ช่วยไม่ได้ผู้อื่นเป็สามีภรรยาที่รักใคร่กลมเกลียว คิดว่านี่คงจะเป็วิธีกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา เสด็จแม่เคร่งครัดในกฎระเบียบเกินไป หากทำอย่างอาจารย์หญิงบ้าง สามีภรรยาก็จะอาจจะสนิทชิดเชื้อกันมากกว่านี้กระมัง?
"รัชทายาท จื้อรุ่ย พวกเ้ามาถึงั้แ่เมื่อไร นี่คงรอแย่แล้วสิ?" ซูซานหลางอมยิ้มเดินเข้ามา สั่งกับบ่าวชายด้านข้าง "หาแจกันสวยๆ สักใบแล้วเอาดอกไม้ไปปัก ตัดแต่งให้ดี อย่าให้เฉาเร็วเกินไป"
"ขอรับ"
เห็นซูซานหลางใส่ใจเช่นนี้ รัชทายาทกับิ่จื้อรุ่ยต่างสบตากันอย่างรู้กัน
"เอาล่ะ วันนี้ข้าจะสอนพวกเ้าเื่...." น้ำเสียงรีบเร่งขึ้นหลายส่วน
ดูท่าอาจารย์หญิงจะมอบดอกไม้ให้จริงๆ
เรียนรู้ไว้!
...
เฉียวเยว่กินขนมเสร็จก็คัดอักษรอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะบ่นว่า "อวิ๋นเอ๋อร์ เ้าไม่รู้สึกหรือว่าขนมของวันนี้น้อยไปหน่อย?"
อวิ๋นเอ๋อร์รู้ว่านางชอบกิน ปรกติจะหยิบมาหกจาน แต่วันนี้กลับน้อยกว่าทุกวันมีเพียงสามจาน
"ตอนบ่าวไปถึงก็เหลือไม่มากแล้ว คิดว่าอาจจะยังมีคนไม่ได้ไปรับ จึงมิได้หยิบมาเยอะเ้าค่ะ" นางยิ้มอย่างอ่อนโยน "อีกอย่าง มารดาข้าบอกว่าตอนบ่ายจะทำขนมเกาลัด ข้าคิดว่าเดี๋ยวค่อยไปหยิบขนมเกาลัดมาให้คุณหนูอีกรอบก็ได้เ้าค่ะ"
เฉียวเยว่ปรบมือด้วยความดีใจ "ข้าชอบขนมเกาลัดของหมัวมัว พี่อวิ๋นเอ๋อร์แสนดีที่สุด คิก... พี่อวิ๋นเอ๋อร์อยู่ข้างกายข้า ข้าก็เป็หอสูงใกล้น้ำได้ยลแสงจันทร์ก่อน"
"คุณหนูเจ็ดน่าเอ็นดูเพียงนี้ ผู้ใดจะละเลยลงคอเล่า"
เฉียวเยว่เท้าคาง ทำตาปริบๆ เอ่ยถามอย่างชิงจัง "แต่เหตุใดวันนี้ขนมของโรงครัวถึงน้อยนักเล่า ปรกติบ้านเราไม่เห็นจะเป็เช่นนี้"
นางเป็เด็กน้อยหัวไว
"ได้ยินว่าเรือนสองหยิบไปเยอะมาก ใครๆ ต่างก็รู้ ไท่ไท่รองชอบกินขนมเปี๊ยะถั่วแดงเป็พิเศษ"
เฉียวเยว่นึกถึงวันที่ไท่ไท่รองไปเอะอะโวยวายที่เรือนของท่านย่า ด้วยอุปนิสัยของท่านย่าจะต้องลงโทษนางอย่างแน่นอน แต่กลับไม่มี วันต่อมาก็ยังเห็นนางดีๆ อยู่
หรือว่าจะมีสาเหตุบางอย่างซ่อนอยู่?
"ไอ้หยา" นางคิดจนเพลินไปหน่อย พลั้งมือสะบัดพู่กันใส่หน้าของตนเอง ดวงหน้าขาวสะอาดจึงลายพร้อยทันควัน
อวิ๋นเอ๋อร์หัวเราะออกมา "คุณหนูอย่าเพิ่งขยับตัวไปไหนนะเ้าคะ บ่าวจะไปซักผ้ามาเช็ดให้เ้าค่ะ"
"ไม่เป็ไร ไม่ต้องหรอก อย่างไรเสียเดี๋ยวข้าก็ต้องไปล้างหน้าอยู่ดี รอเขียนเสร็จก่อนก็ได้"
นางก้มศีรษะ แลดูจริงจังขึ้นมา "ข้าจะเขียนให้ดี นี่เป็ของขวัญชิ้นแรกของข้าที่ตั้งใจมอบให้ท่านตา"
แต่ถึงกระนั้น อวิ๋นเอ๋อร์ก็ยังคงออกไปข้างนอกไปซักผ้าเช็ดหน้ามา เฉียวเยว่เขียนอักษรไปคนเดียวเงียบๆ
จนกระทั่งรัชทายาทกับิ่จื้อรุ่ยมาถึง เห็นเฉียวเยว่อยู่ในสภาพนี้
นางสวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อน ดวงหน้าขาวอมชมพูเปื้อนหมึกเป็ดวงๆ ผมเปียสายเล็กห้อยลงมาด้านหน้า แต่นางก็ไม่นำพา ยังคงตั้งหน้าตั้งตาขีดเขียนอักษรอย่างจริงจัง แม้คนนอกเข้ามาก็ยังไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย ตั้งใจจนผิดปรกติ
แต่ตอนนี้เฉียวเยว่เงยหน้าขึ้น เห็นคนทั้งสอง ก็ยิ้มกระจ่างพร่างพราย "เสด็จพี่รัชทายาท พี่ชายิ่ พวกท่านมาแล้วหรือ"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้