โจวเฉิงแสดงความห่วงใยเซี่ยเสี่ยวหลานราวกับว่าไม่มีใครอยู่ใกล้
ท่าทีของเซี่ยเสี่ยวหลานที่มีต่อฝานเจิ้นชวน เรียกว่ารุนแรงเท่าที่จะรุนแรงได้ ทว่าท่าทีที่มีต่อแฟนหนุ่มของเธอน่ะหรือ อ่อนโยนนุ่มนวลเหลือเกิน
“เห็นพวกเขาฉันก็กินไม่ลง เมื่อครู่กินก่อนแล้วถึงขึ้นมาน่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นอาหารทั้งโต๊ะไม่สิ้นเปลืองแย่หรือ อีกเดี๋ยวใครจ่ายเงิน?”
“ให้บ้านฝานจ่ายไม่น่าเป็ไปได้เท่าไร ให้น้าของฉันจ่ายเถอะ เธอยินดีเป็แม่สื่อ ดังนั้นก็ต้องใจกว้างหน่อย”
ทั้งสองคนร้องรับเข้าขากันเป็อย่างดี โยนค่าอาหารโต๊ะนี้ให้หลิวฟาง อาหารโต๊ะนี้วิเศษมากจริงๆ วัตถุดิบคุณภาพชั้นสูงทั้งนั้น ถ้าไม่ควักเงินถึงร้อยหยวนสำหรับอาหารทั้งโต๊ะ ก็อย่าคิดเดินออกจากประตูของบ้านพักรับรองประจำเมืองไปเลย บ้านเหลียงสามคนไม่ได้แตะตะเกียบด้วยซ้ำ ทำไมหลิวฟางต้องจ่ายเงิน? เธอสะกดกลั้นความโกรธเคืองไว้จนเหมือนลำคอโป่งออกเป็เท่าตัว
หลิวฟางไม่กล้าโต้แย้ง เพราะหลังจากโจวเฉิงเข้ามา แม้แต่ฝานเจิ้นชวนก็ไม่พูดไม่จา
ทุกคนต่างจ้องไปยังสิ่งที่อยู่ด้านหน้าของโจวเฉิง อาวุธชิ้นหนึ่งวางอยู่ตรงหน้าเขา แค่วางไว้อย่างลวกๆ ตรงนั้น ราวกับวางปากกา ไฟฉาย หรือของอื่นๆ
ที่นี่คือบ้านพักรับรองประจำเมือง ใครจะกล้าพกอาวุธเล่า!
แม้แต่ฝานเจิ้นชวนก็ไม่มีทางพกอาวุธมาบ้านพักรับรองประจำเมืองเด็ดขาด
สมองเขายังไม่เลอะเลือน การเป็ฮ่องเต้เ้าถิ่นในเขตเหอตงกับการมาจองหองพองขนในเมืองมณฑลคือคนละเื่กัน!
แล้วทำไมโจวเฉิงพกได้?
อาวุธชิ้นนั้นมีรอยสึกหรออยู่บ้าง นี่ไม่ใช่อาวุธใหม่เอี่ยมอ่อง ความมันวาวของโลหะเย็นเฉียบกำลังบอกฝานเจิ้นชวนว่านี่ไม่ใช่ของปลอม
“คุณคือคนรักของเซี่ยเสี่ยวหลาน?”
ฝานเจิ้นชวนเริ่มเอ่ยปากก่อน โจวเฉิงเหลือบมองเขาอย่างเอื่อยเฉื่อย “ใช่น่ะสิ ได้ยินมาว่าคุณจะแต่งงานกับเสี่ยวหลานหรือ?”
ฝานเจิ้นชวนอยากขยี้บ้านเหลียงทุกคนทิ้ง
เขา้าขยี้หลิวฟางผู้ทำอะไรไม่เข้าท่าที่สุดให้ตายก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะเธอริเริ่มเสนอว่าจะยกหลานสาวให้แต่งงานเข้าตระกูลฝาน ด้วยขอบเขตกิจกรรมในชีวิตประจำวันของฝานเจิ้นชวนคือเขตเหอตง และเซี่ยเสี่ยวหลานมักอยู่เมืองซางตูตลอดเวลา โอกาสที่เขาจะพบเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นมีน้อยมากเหลือเกิน ต่อให้ถูกตาต้องใจเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าแล้ว ก็ต้องสืบค้นภูมิหลังของเซี่ยเสี่ยวหลานจนชัดเจนอยู่ดี
เป็เพราะปากของหลิวฟางแท้ๆ บอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็เด็กสาวบ้านนอกคอกนา จบมัธยมต้นแล้วก็ไม่เรียนต่อ บิดามารดาหย่าร้าง ใช้ชีวิตกับมารดา ไม่มีการงานเป็หลักแหล่ง พึ่งพาอาศัยครอบครัวลุง คนที่คบหาด้วยก็เป็เพียงคนต่างถิ่นยากจน... สิ่งที่กล่าวออกมาจากปากของหลิวฟาง บ้านฝานเชื่ออย่างสนิทใจ
น้าร่วมสายเืยังไม่รู้ความเป็อยู่ที่แท้จริงหรือ?
ไม่รู้ความเป็อยู่ของหลานสาว ยังจะเป็แม่สื่อประสาอะไร!
ใครจะคาดเดาได้เล่า หลิวฟางไม่รู้สถานการณ์ความเป็อยู่จริงๆ
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้เป็เพียงหญิงสาวชนบทไร้ที่พึ่งพิงแน่นอน เด็กสาวชนบทไร้ที่พึ่งพิงเป็เช่นไร ฝานเจิ้นชวนคุ้นเคยมากกว่าใคร ตอนเขาปีนขึ้นเตียงของแม่บ้านสาว เด็กนั่นไม่กล้าแม้แต่จะขัดขืน ทั้งที่น้ำตาแห่งความเ็ปถึงกับไหลรินออกมา เธอยังต้องปิดปากเองด้วยซ้ำ หันกลับมามองที่เซี่ยเสี่ยวหลาน ฝานเจิ้นชวนจะขอเธอแต่งงานอย่างจริงจัง ทว่ากระทั่งปลายนิ้วก้อยก็ยังไม่ทันได้แตะเลยสักนิดเดียว สองฝ่ายได้พบปะเป็ทางการครั้งแรก คนที่เซี่ยเสี่ยวหลานจ้างมาก็พูดจาโอ้อวดจองหอง ขอแค่จ่ายเงินพอ ไม่ว่าใครก็กล้าสังหารทั้งสิ้น!
คนผยองยังต้องหวาดกลัวพวกไม่สนชีวิต ฝานเจิ้นชวนหวงแหนชีวิตตนเองเช่นกัน ชีวิตของเขามีค่ามากกว่าคนเลวพวกนี้!
เซี่ยเสี่ยวหลานคบหากับคนรักต่างถิ่นฐานะยากจน?
ถ้าชายที่นั่งอยู่คือคนต่างถิ่นยากจนจริง ฝานเจิ้นชวนสามารถเคี้ยวอาหารทั้งโต๊ะรวมจานชามเกลี้ยงได้เลยทีเดียว
เขาโดนสองสามีภรรยาบ้านเหลียงหลอกลวงเสียน่าเวทนา หลังจากนี้จะต้องแก้แค้นคืนเป็ร้อยเท่าพันเท่า ทว่าเหนือสิ่งอื่นใดคือเขาต้องสามารถเดินออกจากประตูบ้านพักรับรองประจำเมืองไปได้อย่างปลอดภัย ยอมถอยหลังหนึ่งก้าว อดทนสักระยะให้คลื่นลมสงบนิ่ง ฝานเจิ้นชวนยอมลดศักดิ์ศรีลงเต็มที่
“สหาย นี่เป็การเข้าใจผิดทั้งหมด ฉันไม่รู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมีคนรัก—”
“แล้วหลิวอ้ายเยว่มีสามีคุณรู้หรือเปล่า? เจี่ยงชุ่ยผิงไม่ใช่แค่มีสามี แถมตอนนั้นตั้งท้องสามเดือนอยู่ ขอผมนึกหน่อยว่ามีใครอีก...”
ฝานเจิ้นชวนเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเคยมีผู้หญิงมาแล้วกี่คน
ทว่าสองชื่อนี้ที่โจวเฉิงกล่าวถึงคือชื่อที่เขาจำได้พอดี ผู้หญิงสองคนนี้ทำให้ฝานเจิ้นชวนประทับใจอย่างลึกซึ้ง จดจำชื่อเสียงเรียงนามของพวกเธอได้ ก็เพราะว่าพวกเธอต่อต้านสุดใจขาดดิ้น... คนรักของเซี่ยเสี่ยวหลานสืบเสาะจนรู้กระทั่งเื่ในอดีตพวกนี้ ท่าทางวันนี้จะเมตตาไม่ได้แล้ว
ฝานเจิ้นชวนก็ร้ายกาจไม่เบาเช่นกัน สับเปลี่ยนโฉมหน้าทันที
“ถ้ามีน้ำยา นายตีฉันให้ตายสิ ฉันว่านายดูมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดานี่ นายจะยอมแลกอนาคตของตัวเองเพียงเพื่ออารมณ์หุนหันพลันแล่นชั่วครู่ เกรงว่าไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย! ผู้หญิงข้างกายนายคนนี้ ไม่ใช่พวกพอใจในสิ่งที่มีอยู่หรอกนะ ถ้านายถูกจับเพราะฆ่าคนเพื่อเธอ เธอจะหาเป้าหมายใหม่ได้ในเร็ววัน... อีกอย่างหนึ่ง เธอไม่ชอบที่ตำแหน่งงานของฉันต่ำต้อย ไม่ช้าก็เร็วจะต้องมีสักวันที่ระอานายเหมือนกัน อย่าให้เธอเจอคนที่มีอำนาจมากกว่าเชียว!”
ฝานเจิ้นชวนเจนโลก พูดสั้นๆ ไม่กี่ประโยคก็ยุแยงตะแคงรั่วได้
โจวเฉิงมีสีหน้าแปลกประหลาด
หากภรรยาของเขาชื่นชอบในอำนาจจริงก็ดีสิ แต่นี่ยังไม่จับเขาให้มั่นอีก?
โจวเฉิงมองออก ฝานเจิ้นชวนเกรงกลัวแล้ว
โจวเฉิงหยิบอาวุธขึ้นมา ฝานเจิ้นชวนก้าวถอยหลังโดยพลัน คนขับรถของเขารีบถลาเพื่อมาแย่งอย่างรู้งาน โจวเฉิงเคลื่อนไหวว่องไวกว่า บรรจุะุและปลดไก ยกมือยิงเข้าที่ขาของคนขับรถทันที
นัดนี้ทะลุเข่าของคนขับรถ คนขับรถล้มลงกับพื้น เก่อเจี้ยนเหยียบเขาไว้ กลัวว่าเขาจะกระเสือกกระสนพลีชีพ
ฝานเจิ้นชวนถอยไปอยู่ด้านหลังเก้าอี้แล้วหัวเราะลั่น “ที่แท้นายไม่กล้าฆ่าคน!”
การลงมือลงไม้ในบ้านพักรับรองประจำเมืองก็วุ่นวายมากพอแล้ว เมื่อได้ยินเสียงดัง นอกจากฝานเจิ้นชวนที่ยังกล้าขยับเขยื้อน คนอื่นล้วนใกลัวจนนิ่งกันหมดทุกคน ไม่ต้องพูดถึงบ้านเหลียงทั้งสามคน แม้แต่มารดาของฝานเจิ้นชวนก็ไม่แตกต่างกัน
ทำลงไปแล้วจริงๆ น่ะสิ!
ยิงคนตายแล้วฟื้นคืนชีพไม่ได้เสียด้วย ต่อให้โจวเฉิงถูกจำคุกตัดสินโทษในภายหลัง ก็สามารถจัดการฆ่าพวกเขาทุกคนทิ้งได้อยู่ดี
เหลียงฮวนไม่กล้าแม้แต่จะมองโจวเฉิง
ใบหน้านั้นช่างหล่อเหลา ทว่าโเี้กว่าเซี่ยเสี่ยวหลานยิ่งนัก
เหลียงปิ่งอันกับหลิวฟางรู้สึกละอายใจ โจวเฉิงผู้นี้ไม่ใช่คนที่ต่อกรได้ง่ายเลย
โจวเฉิงไม่ได้ถูกฝานเจิ้นชวนยั่วยุโทสะจนสูญเสียสติสัมปชัญญะ เนื่องจากเซี่ยเสี่ยวหลานกุมมืออีกข้างของเขาไว้
โจวเฉิงกลัวจะทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานใ สำหรับการลงมือต่อหน้าภรรยาเขานี้ โจวเฉิงไม่กล้าที่จะเดิมพัน
เขายับยั้งอารมณ์โกรธเกรี้ยวดุร้ายในใจ และกลายเป็โจวเฉิงที่เ้าเล่ห์อีกครั้ง
“ผมไม่ฆ่าคุณหรอก สิ่งที่คุณสมควรได้รับคือบทลงโทษทางกฎหมายมากกว่า”
คนขับรถนั่งกอดเข่า เ็ปจนกล้ามเนื้อหดเกร็ง
ฝานเจิ้นชวนแสดงสีหน้าอาฆาตมาดร้าย
“แกคิดว่าตัวเองเป็ใคร? ต่อให้มีเื้ัสุดยอด แต่คนที่ทำผิดคือแกต่างหาก ตอนนี้ก็ควรเป็แกที่ต้องคุกเข่าอ้อนวอน! แกวางใจเถอะ แกโดนจับเมื่อไร ฉันจะตั้งใจลิ้มรสผู้หญิงของแกเป็อย่างดี... แกหนีไม่รอดหรอก ที่นี่คือบ้านพักรับรองประจำเมือง!”
ราวกับเพื่อยืนยันวาจาของฝานเจิ้นชวน เสียงฝีเท้าอันว่องไวดังขึ้น มีคนได้ยินเสียงดังและรีบขึ้นมาแล้ว!
ฝานเจิ้นชวนปากเสียเกินไปแล้ว โจวเฉิงทนให้คนพูดถึงภรรยาของตนแบบนี้ไม่ได้ เขาคว้าศีรษะของฝานเจิ้นชวน ใช้หัวเข่ากระแทกเข้าไปเต็มแรง คนทั้งห้องร่ำร้องด้วยความใมาก ฝานเจิ้นชวนเงยหน้าอีกครั้ง ดั้งจมูกเบี้ยวเสียแล้ว เืเปรอะทั่วใบหน้า อ้าปากส่งเสียงร้อง ‘แหวะ’ คายฟันเปื้อนเืออกมาสองซี่
“ตำรวจล่ะ ให้ตำรวจมาจับเขาสิ! ใครก็ได้เข้ามาที ช่วยด้วย! แกปล่อยฝานเจิ้นชวนนะ!”
น้าหลี่กรีดร้องขณะพิงกับโต๊ะ โจวเฉิงมีอาวุธน่ะสิ มิเช่นนั้นเธอเข้าไปตะลุมบอนกับโจวเฉิงตั้งนานแล้ว
ฝานเจิ้นชวนดั้งจมูกหัก โดนกระแทกจนฟันหลุด เ้าตัวกลับยังคงหัวเราะ โจวเฉิงไม่กล้าฆ่าเขาให้ตาย เช่นนั้นเขาคือผู้ชนะแล้วนั่นเอง!
ประตูที่ปิดไม่สนิทถูกดันออกจนได้ มีคนมากมายวิ่งกรูเข้ามา ผู้นำกลุ่มก็คือคนที่ฝานเจิ้นชวนทักทายและเรียกเขาว่า ‘เหล่าฝาน’ เมื่อครู่ ฝานเจิ้นชวนสบายใจไปเปราะหนึ่ง กำลังเสริมของเขามาแล้ว!
น้าหลี่ทนรอฆ่าโจวเฉิงแทบไม่ไหว บ้านเหลียงทั้งสามคนอยากะโโลดเต้นร้องยินดียิ่งนัก
น่ากลัวเหลือเกิน ยิงทะลุเข่าคนขับรถของฝานเจิ้นชวน ฝานเจิ้นชวนเปื้อนเืทั่วใบหน้า รายต่อไปจะเป็พวกเขาหรือไม่?
เคราะห์ดีที่ผู้กอบกู้มาแล้ว!
“เร็ว รีบคุมตัวเขาไว้ เมื่อครู่เขาทำร้ายคน!”
โจวเฉิงโยนฝานเจิ้นชวนทิ้งอย่างรังเกียจเดียดฉันท์ ผู้ช่วยชีวิตของเหล่าฝานหน้านิ่วคิ้วขมวด พวกเขาไม่ได้มาจับกุมโจวเฉิงดั่งที่ฝานเจิ้นชวนคาดหวัง อีกทั้งกล่าวด้วยน้ำเสียงขึงขังแทน
“คุณฝานเจิ้นชวน ผมได้รับประกาศจากเบื้องบน ตอนนี้ต้องขอเชิญคุณให้ความร่วมมือในการตรวจสอบปัญหาบางอย่าง”