เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็พยักหน้า ตอบ “ได้”
ทันทีที่พูดจบ นางก็ทำท่าคล้ายจะลุกขึ้นยืน แต่กลับถูกอีกฝ่ายกอดไว้แน่นเขาพูดกับอวิ๋นซาน “ท่านพ่อตา รบกวนท่านมานั่งตรงนี้ เพื่อช่วยจับชีพจรให้อาซีเถิดขอรับ”
อวิ๋นซี “...”
ถ้อยคำขอร้องนั้น ทำให้ใบหน้าอ่อนโยนหล่อเหลาของอวิ๋นซานปรากฏแววโกรธเคืองแต่เพื่อบุตรสาว เขาจึงทำได้เพียงอดทนไว้แล้วเดินเข้าไป จับชีพจรให้อวิ๋นซี เพียงครู่หนึ่งเขาก็เงยหน้ามองบุตรสาวด้วยความประหลาดใจในดวงตาปรากฏแววยินดีอย่างชัดเจน “อาซี ตัวเ้าเองก็พอจะเดาได้แล้วใช่หรือไม่”
อวิ๋นซียิ้มบางๆ “เป็เช่นนั้นจริงๆ หรือเ้าคะ? ”
“อืม เดือนกว่าแล้ว ่นี้นอกจากเ้าจะรู้สึกอ่อนเพลียแล้ว ยังมีรู้สึกไม่สบายที่ตรงไหนอีกหรือไม่?เช่น กินไม่ลง พะอืดพะอม” เมื่อกาลก่อนตอนที่มารดาของอวิ๋นซีตั้งท้องนางคนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ และมักจะพะอืดพะอมอยู่บ่อยๆ ่สามเดือนแรกอาจเรียกได้ว่าทรมานเสียจนร่างทั้งร่างผอมโซ แค่ลมหอบหนึ่งพัดผ่านก็เกรงว่าจะสามารถปลิวไปได้
จวินเหยียนมองนางด้วยความวิตกกังวล
อวิ๋นซีเผชิญหน้ากับสายตาห่วงใยของทั้งสามีและบิดาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา“ตอนนี้ยังไม่เป็อันใดเ้าค่ะ ไม่ว่าจะกินอะไรก็อร่อย ไม่ได้รู้สึกพะอืดพะอมแม้แต่น้อยจะมีก็แค่ความรู้สึกง่วงงุนเท่านั้นเ้าค่ะ” หากพบว่ามีอาการกินไม่ลงรู้สึกพะอืดพะอมอยากจะอาเจียนั้แ่แรก ตัวนางก็คงรู้นานแล้วว่าตนกำลังตั้งครรภ์
เนื่องจากนางจำได้ว่าในชาติก่อนนั้นตอนที่ตั้งท้องหวานหว่าน แค่นางกินสิ่งใดก็อาเจียนสิ่งนั้นออกมาหมดหรือต่อให้จะเป็แค่ดื่มน้ำก็ยังรู้สึกอยากจะอาเจียน
เมื่อได้ยินดังนั้น อวิ๋นซานก็ยิ้มพยักหน้า “เช่นนี้ก็ดี ดียิ่งแค่เพียงง่วงนอน ดียิ่งนัก”
จวินเหยียนเองก็ถอนใจโล่งอก
เพียงแต่ เื่ที่อวิ๋นซีตั้งครรภ์นี้จวินเหยียนและอวิ๋นซานปรึกษากันไปรอบหนึ่งว่าจะยังไม่บอกให้คนนอกรู้ เนื่องจากครานี้จี้หยวนมาปรากฏตัวที่นี่เห็นทีทางฝั่งเมืองหลวงคงใกล้จะได้รับข่าวอะไรแล้วกระมัง
หากจะได้กลับไปยังเมืองหลวงจริงๆ การที่อวิ๋นซีตั้งครรภ์นั้นย่อมทำให้คนบางกลุ่มยิ่งอยู่ไม่สุขจวินเหยียนไม่อยากให้นางต้องพบเจอกับอันตรายใดๆ จึงทำเพียงสั่งสาวใช้ข้างกายให้ดูแลอวิ๋นซีให้ดี
นอกจากนี้ ลูกในท้องก็เป็เด็กดียิ่ง อวิ๋นซีสามารถกินได้ดื่มได้โดยไม่แม้แต่จะพะอืดพะอมจนกระทั่งเวลาล่วงผ่านมาถึงสองเดือน ทุกอย่างก็ดำเนินไปเช่นนี้อย่างราบรื่น ทว่าเื่ที่อวิ๋นซีตั้งครรภ์นี้ภายในจวนนอกจากจวินเหยียนและสาวใช้ใหญ่ทั้งสี่ รวมถึงองครักษ์ลับเว่ยหลานแล้วแม้แต่พ่อบ้านเฉียวก็ยังไม่ทราบ
เช้าวันรุ่งขึ้นของวันที่หนึ่งเดือนเจ็ด อวิ๋นซีที่ตื่นนอนและเพิ่งกินอาหารเช้าเสร็จพ่อบ้านเฉียวก็เร่งมาหาที่เรือนชิงเฟิง เพื่อแจ้งว่า นอกประตูมีบุรุษนามว่าคุณชายจี้จะขอเข้าพบจึงอยากถามว่าอวิ๋นซีจะให้คนเข้าพบหรือไม่
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็รีบลุกขึ้นแล้วพูดว่า “รีบไปเชิญคนเข้ามาเถอะให้เขารอข้าที่โถงรับรองหน้าในเรือนชั้นสอง ประเดี๋ยวข้าจะออกไป”
คนแซ่จี้ที่นางคิดออกก็เห็นจะมีแค่จี้หยวน ตอนนี้ผ่านไปเดือนหนึ่งแล้ว เขากลับเพิ่งจะมาหาเกรงว่าคนคงเดินทางไปทั่วทั้งหานโจวแล้ว อีกทั้ง เกรงว่าคนคงจะมีสารใดมาจากทางเมืองหลวง
นางเปลี่ยนมาสวมชุดตุ้ยจิ้นสีฟ้าอ่อนกระโปรงร้อยจีบ จากนั้นจึงพาเพ่ยเอ๋อร์และเซียงเอ๋อร์เดินออกไปด้านนอก
ขณะนั้นจี้หยวนกำลังมองไปรอบๆ โถงรับรองที่จัดแต่งไว้อย่างประณีตงดงามเขาถามสาวใช้ข้างกายผู้หนึ่ง “ท่านอ๋องเป็ผู้จัดแต่งหรือ? ”
“ไม่ใช่เ้าค่ะ เป็พระชายาที่จัดแต่งเ้าค่ะ กระทั่งดอกไม้ที่ขอบหน้าต่างเ่าั้พระชายาก็เป็ผู้ปลูก ทว่า บ่าวได้ยินมาว่าดอกไม้เ่าั้แท้จริงแล้วเป็สมุนไพร”สาวใช้ของจวนอ๋องตอบคำด้วยท่าทีเคารพนอบน้อม
จี้หยวนมองไปยังพืชพรรณที่ดูคล้ายดอกไม้ แต่ไม่ใช่ดอกไม้ในใจอดทอดถอนใจไม่ได้ ชายาหานอ๋องผู้นี้ไม่เสียทีที่เป็หมอหญิงขนาดโถงรับรองใหญ่ในบ้านก็ยังตั้งวางสมุนไพรไว้ด้วย
“พระชายาทรงชอบปลูกสมุนไพรมากเ้าค่ะ สวนในจวนอ๋องนี้เกือบทั้งหมดก็เป็พระชายาที่ทรงปลูกสมุนไพรไว้พระนางเคยตรัสว่า การปลูกสมุนไพรไว้ในสวนสามารถช่วยป้องกันงูได้ด้วยนะเ้าคะ ดังนั้น่หน้าร้อนของทุกปีพวกเราจึงไม่จำเป็ต้องสาดกำมะถันเพื่อไล่งู”
จี้หยวนฟังสาวใช้พูดเื่ของอวิ๋นซี ทำให้ตนได้รู้จักชายาหานอ๋องมากขึ้นอีกหน่อยแล้วแต่ก็แน่นอนว่า จริงๆ แล้วคนจะเป็เช่นไรก็ยังต้องได้พบเจอกันก่อน ได้คบค้าสมาคมกันก่อนจึงจะตัดสินได้ดีขึ้น
เพียงแต่ เื่ดีๆ ของหานอ๋อง ฝ่าาได้ทรงตัดสินพระทัยมาแล้ว และครั้งนี้ที่เขามาที่นี่ก็เพียงเพื่อมาประกาศราชโองการเท่านั้น
ยามที่เขาหันกายกลับไปอีกครั้งก็ได้เห็นสตรีในอาภรณ์สีฟ้ากำลังเดินนำสองสาวใช้เข้ามาและตอนที่เห็นเขา บนใบหน้าของสตรีนางนั้นก็เผยรอยยิ้มบางๆ “คิดไม่ถึงว่าใต้เท้าจี้จะมาหาข้าถึงที่นี่ เื่นี้ทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ ”
เมื่อจี้หยวนได้ยินก็เข้าใจในทันที ฐานะที่แท้จริงของนาง ตนสามารถคาดเดาได้อย่างถูกต้องจากนั้นจึงก้าวไปด้านหน้าเพื่อคารวะ “กระหม่อมจี้หยวนคารวะชายาหานอ๋อง”
อวิ๋นซีทำมือเป็เชิงประคอง จากนั้นจึงยิ้มแล้วเชิญเขาให้นั่งลง
“เกรงว่าชายาหานอ๋องคงจะชอบให้ผู้อื่นเรียกขานพระนามว่าฮูหยินเหยียนกระมังพ่ะย่ะค่ะ”เหยียน เป็ชื่อมั่วๆ ที่นางพูดส่งๆ ในตอนที่เจอเขาเป็ครั้งแรก
“ฮูหยินเหยียน” เขาอมยิ้ม จากนั้นก็เข้าใจได้ว่า ชื่อปลอมนั้นเป็การหยิบยืมมาจากพระนามขององค์หานอ๋องดูท่า เื่ที่ว่าหานอ๋องและชายาหานอ๋องทรงรักใคร่กันดียิ่งนั้นน่าจะเป็ความจริงแท้
“ถูกต้อง ฮูหยินเหยียน” อวิ๋นซีพยักหน้า “ชายาหานอ๋องอันใดก็เป็แค่การเรียกขานเท่านั้น” นางไม่ได้ใส่ใจมากนัก หากไม่ใช่เพื่อแก้แค้น นางก็หวังจริงๆว่าตนจะได้อยู่ที่หานโจวกับจวินเหยียนเช่นนี้ตลอดไป ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจนต่างฝ่ายต่างผมขาว
จี้หยวนเคยสืบเื่ของอวิ๋นซีมาบ้างแล้ว ในข่าวลือนั้นกล่าวว่านางเป็คนจิตใจดีมีเมตตาปฏิบัติต่อประชาชนเป็อย่างดียิ่ง และหากไม่ใช่นาง หานโจวนี้ก็คงไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไปได้มากมายเพียงนี้ยิ่งกว่านั้นตลอดทางมานี้ เขาก็ได้เห็นแล้วว่าหานโจวแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็ในตัวเมืองใหญ่หรืออำเภอเล็กๆ ล้วนแต่มีทหารรักษาการณ์อยู่อย่างแ่า ไม่ว่าจะเข้าหรือออกล้วนต้องได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวด
เื่เช่นนี้นับว่ายังไม่เคยเกิดขึ้นหากย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อนที่ยามนั้นเขาต้องเร่งเดินทางไปยังเมืองหลวงเพื่อเข้าสอบบัณฑิต
“จริงสิ ข้าลืมแสดงความยินดีกับท่านไปเลย ในที่สุดท่านก็สอบติด และได้รับราชการสมดังที่ปรารถนาแล้ว”อวิ๋นซีมองไปยังจี้หยวน ก่อนจะยกจอกขึ้น จากนั้นจึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “อวิ๋นซีขอใช้ชาแทนสุราเพื่อคารวะท่าน ยินดีกับท่านด้วย”
จี้หยวนดื่มชาไปจอกหนึ่ง จากนั้นจึงยิ้มบางๆ “หากไม่ได้พระชายาและท่านอ๋องที่ช่วยเหลือไว้ในตอนนั้นก็คงจะไม่มีจี้หยวนในวันนี้ก่อนหน้านี้จี้หยวนคิดจริงๆ ว่าพวกท่านคือคุณชายเหยียน และฮูหยินเหยียน แต่เมื่อให้คนไปสืบดูก็คิดไม่ถึงว่าจะไร้ข่าวคราวใดราวกับพวกท่านหายไปจากโลกนี้เสียเฉยๆทว่า สิ่งที่กระหม่อมคาดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ แท้จริงแล้วพวกท่านก็คือหานอ๋องและชายาหานอ๋อง”
อวิ๋นซีส่ายหน้า “ตอนนั้น ข้าและท่านอ๋องจำต้องออกไปทำธุระด้านนอก ส่วนสาเหตุที่ช่วยท่านก็เป็แค่ความรับผิดชอบและการตอบสนองโดยธรรมชาติของคนเป็หมอก็เท่านั้นเื่ในอดีต ท่านอย่าได้เก็บมาใส่ใจเลย”
คนทั้งสองพูดจาทักทายกันเล็กๆ น้อยๆ เพียงครู่หนึ่ง จู่ๆ จี้หยวนก็ถามขึ้น“ไม่ทราบว่าท่านอ๋องจะกลับมาถึงจวนเมื่อใดหรือพ่ะย่ะค่ะ? ”
อวิ๋นซีมองไปยังพ่อบ้านที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านข้าง “ลุงเฉียว ลำบากท่านแล้ว ช่วยให้คนไปตามท่านอ๋องทีแจ้งพระองค์ว่าที่บ้านมีแขกสำคัญมาขอเข้าพบ”
จี้หยวนตั้งใจฟังทุกถ้อยคำทุกคำพูด จึงไม่ได้พลาดคำที่นางพูดว่า ‘บ้าน’ ไม่ใช่ ‘จวน’ เพียงชั่วเวลาสั้นๆ ที่เขาได้อยู่ที่นี่ ตัวเขาก็ค้นพบว่าจวนหานอ๋องแห่งนี้ไม่เหมือนกับจวนทั่วไปจริงๆ
บ้าน? คาดว่า พระชายาและนายหญิงหลายคนของราชวงศ์คงจะไม่เห็นจวนเป็ดังบ้านแต่เป็สถานที่ที่จะช่วยยกระดับให้พวกนางสง่างามและมีอำนาจมากกว่าเป็สถานที่ที่เมื่อเข้าไปแล้วย่อมสามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงสถานะอันสูงส่งของนางได้
แต่ อวิ๋นซีผู้นี้ กลับแตกต่าง
จวินเหยียนรีบกลับมาโดยเร็ว และเมื่อเห็นจี้หยวนอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่ได้มีสีหน้าประหลาดใจอะไรและทำเพียงตอบรับการคารวะของจี้หยวนด้วยท่าทีเรียบเฉย จากนั้นจึงถามเสียงขรึมไปประโยคหนึ่ง“เสนาบดีจี้มาหาถึงที่ในยามนี้ มีเื่อันใดหรือ? ”
เมื่อจี้หยวนได้ยินก็ยิ้มน้อยๆ “กระหม่อมมาที่นี่เพียงเพื่อประกาศราชโองการของฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้