หลังจากพักผ่อนไปคืนหนึ่งรุ่งเช้าของอีกวันฟ้าเพิ่งจะเริ่มสางทุกคนก็เริ่มออกเดินทาง ขบวนรถม้าเคลื่อนตัวไปตามเส้นทางราบเรียบบนถนนภายในหุบเขา เสียงเอี๊ยดๆ จากล้อรถม้าที่ดังออกมาจนทำให้ฝูงนกกาในละแวกใกล้เคียงตื่นใบินว่อนกันไปมา
ขบวนรถม้าเคลื่อนตัวมาได้ราวสามสี่ชั่วโมงทะลุผ่านป่าไม้หนาทึบออกมาถึงยังทุ่งราบแห่งหนึ่ง
“นั่น...นั่นใชู่เาสุสานทวยเทพไหม?”
มองลอดผ่านผ้าม่านของรถม้า เย่ชิงอู่และเย่ชิงหานมองเห็นทุ่งหญ้าราบโล่งห่างไกลออกไปปรากฏขุนเขาลูกใหญ่สูงตระหง่านเสียดฟ้าที่มีไอหมอกสีขาวโอบล้อมปกคลุมอยู่ทั่ว ดูราวกับตึกสูงที่ถูกสร้างขึ้นกลางทุ่งหญ้าราบโล่งทั้งดูโดดเด่นและสะดุดตา
“อืม ใช่นั่นแหละูเาสุสานทวยเทพ อีกสักพักก็จะผ่านที่นั่น เดี๋ยวจะให้พวกเ้าลงไปดูให้ชัดอีกที!” เย่ชิงหนิวพยักหน้าและไม่แปลกใจที่เห็นสีหน้าอาการตื่นใและอยากรู้อยากเห็นของทั้งสองคน ครั้งแรกที่เขาเห็นูเาสุสานทวยเทพสีหน้าอาการของเขาก็เป็เช่นนี้ไม่ต่างกัน
“ูเาลูกนี้จะสูงเกินไปแล้วกระมัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสูงโด่เด่ตรงแน่วขึ้นไปอย่างนี้เลย เขาทั้งลูกยังถูกหมอกสีขาวปกคลุมไว้ทั้งหมด แต่ส่วนยอดของูเากลับไม่มีหมอกสีขาวปกคลุมแม้แต่น้อย? อ๊า...์! ้าคล้ายกับมีหอๆ หนึ่งลอยอยู่? นั่นคือหอเทพเล็กๆ ที่กล่าวถึงใช่ไหม?” เย่ชิงอู่ลุกขึ้นยืนไปยืนค้ำอยู่ข้างหน้าต่างภายในรถม้าเริ่มสังเกตดููเาสุสานทวยเทพอย่างละเอียด ครั้งแรกที่ได้เห็นทัศนียภาพที่แปลกมหัศจรรย์เช่นนี้ทำให้นางรู้สึกตื่นเต้น แต่เมื่อนางแหงนหน้ามองขึ้นไปบนยอดของูเากลับร้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
“อืม...คล้ายกับหอๆ หนึ่งจริงๆ หรือว่าเื่ที่เล่าลือกันจะเป็ความจริง? ูเาสุสานทวยเทพสามารถเชื่อมต่อไปถึงหอเทพได้จริงๆ?” เย่ชิงหานก็มองเห็นทัศนียภาพที่แปลกมหัศจรรย์นี้เช่นเดียวกัน เบิกตากว้างอ้าปากค้างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้เห็น ูเาเกือบตลอดทั้งลูกถูกปกคลุมไปด้วยไอหมอกสีขาว มีเพียงยอดเขาที่ไม่มีหมอกปกคลุมสามารถมองเห็นทัศนียภาพ้าได้ค่อนข้างชัดเจน ส่วน้าสุดเหนือปลายยอดขุนเขามีสิ่งปลูกสร้างที่ดูคล้ายกับหอๆ หนึ่งลอยนิ่งอยู่
“แหะๆ ด้วยเหตุนี้พวกเราถึงได้กล้าพูดอย่างแน่ใจอย่างไรล่ะว่า ขอเพียงแค่ผ่านด่านที่สามก็จะสามารถไปถึงหอเล็กๆ แห่งนั้นได้ ตอนนี้พวกเ้าคงเชื่อแล้วสินะ ตลอดเวลาทีู่เาแห่งนี้ดำรงอยู่ไม่เคยมีใครคิดที่จะสงสัยในสิ่งที่เล่าสืบต่อกันมา นั่นก็เพราะว่าที่ปลายยอดเขามีหอเทพเล็กๆ อยู่ให้เห็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งแปลกประหลาดมหัศจรรย์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในูเาสุสานทวยเทพก็เป็เครื่องยืนยันตำนานเล่าขานได้เป็อย่างดี!” เย่ชิงหนิวพยักหน้าแล้วพูดขึ้นอย่างสรรเสริญ
“มหัศจรรย์เป็อย่างมาก เป็เื่ที่มหัศจรรย์อย่างที่สุด! หอเทพสามารถมองเห็นได้เช่นนี้ ทำไมถึงไม่มีคนเหาะลอยขึ้นไปโดยตรงแล้วบุกเข้าไปภายในหอเทพหยิบเอาสมบัติชิ้นสำคัญที่สุดมาก็สิ้นเื่?” เย่ชิงอู่ขยับจมูกเล็กๆ น่ารักของนางแล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย
“ยายเด็กโง่ ถ้าหากง่ายดายอย่างที่เ้าพูดเช่นนั้นหอเทพก็คงหายไปตั้งนานแล้วสิ!” เย่ชิงหานมองดูเย่ชิงอู่ทำท่าทางขยับจมูกที่น่ารักของนาง ดวงตาปรากฏแววอ่อนโยนผ่านวาบพร้อมกับพูดหยอกล้อออกไป
“เหอะๆ หลานอู่ ่นี้สมองของเ้าคงทำงานได้ไม่ค่อยดีนักสิน่ะ เ้าหนูหานพูดได้ถูกต้อง ถ้าหากง่ายดายเช่นนั้นูเาสุสานทวยเทพคงพังทลายไปนานแล้ว ตามตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา ขอเพียงได้รับสมบัติชิ้นสำคัญที่สุดที่อยู่ในหอเทพแห่งนั้น ูเาสุสานทวยเทพก็จะทำลายตัวเองลงทันที สำหรับเื่ที่ว่าทำไมไม่มีคนเหาะลอยขึ้นไป เื่นี้ก็อย่างที่ข้าได้บอกไปว่าูเาสุสานทวยเทพมีเื่แปลกมหัศจรรย์เยอะ ทุกคนที่เข้าไปใกลู้เาสุสานทวยเทพจะถูกพลังกักกันไร้รูปลักษณ์บางอย่างที่มองไม่เห็นทำให้ไม่มีใครสามารถเหาะลอยได้ ทำได้เพียงแค่อาศัยการเดินเข้าไปเรื่อยๆ ทีละก้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงโน้มถ่วงที่อยู่ภายในนั้นรุนแรงเป็อย่างมาก อีกสักครู่พวกเ้าเข้าไปััด้วยตัวเองก็จะเข้าใจเอง...”
เย่ชิงหนิวลูบหัวของเย่ชิงอู่อย่างรักใคร่เอ็นดู พูดอธิบายขึ้นให้นางฟังอย่างไม่เบื่อหน่าย
“อืม ท่านลุงผิงรีบขับรถม้าให้ไปเร็วๆ หน่อย ข้าอยากไปเล่นทีู่เาสุสานทวยเทพแล้ว!” เย่ชิงอู่มองค้อนเย่ชิงหานไปครั้งหนึ่งก่อนจะหันไปพูดกับเย่ผิงที่นั่งอยู่ที่นั่งด้านหน้าของรถม้า
.................................
มองเห็นขุนเขาอยู่แค่เบื้องหน้า แต่วิ่งม้าแทบตายกว่าจะถึง แมู้เาสุสานทวยเทพจะมองเห็นได้จากไกลๆ แต่ขบวนรถม้าวิ่งมาชั่วโมงกว่าๆ ถึงได้มาถึงบริเวณตีนเขา
“หยุดพักเอาแรงอยู่กับที่ให้พวกเขาออกไปเปิดหูเปิดตาครึ่งชั่วโมง!”
เสียงพูดราบเรียบของเย่ชิงหนิวดังออกมาจากภายในรถม้า เหล่าผู้าุโทั้งหลายที่อยู่ภายในรถม้าต่างยิ้มราบเรียบกันออกมาแล้วออกคำสั่งให้หยุดรถ จากนั้นพวกเหล่านายน้อยและคุณหนูทั้งหลายที่อยู่บนรถม้าต่างพากันะโลงจากรถั้แ่วินาทีแรกที่รถม้าหยุดลง เตรียมตัวที่จะออกไปสำรวจดููเาสุสานทวยเทพที่ได้ยินชื่อเสียงมาแสนนานแห่งนี้
เย่ชิงหานยิ้มออกมาเล็กน้อยะโลงรถม้าตามเย่ชิงอู่ไป เขาอยากจะพิจารณาดูให้เต็มๆ ตาสักหน่อยกับสถานที่ขึ้นชื่อเื่ความอันตรายที่สามารถทำให้บิดาของตนเองต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้แห่งนี้
เพียงแต่...ในทันทีที่เขาะโลงจากรถม้าพลันรู้สึกได้ถึงร่างกายที่เริ่มหนักอึ้งมากขึ้นกว่าปกติหลายเท่าตัว พลังมหาศาลเริ่มกดทับลงมายังร่างกายของเขาอย่างรุนแรง เมื่อเท้าแตะถึงพื้นขาของเขางอลงทันทีโดยอัตโนมัติจนเกือบจะนั่งก้นจ้ำเบ้าลงไปกับพื้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรู้สึกได้ว่าการไหลเวียนของโลหิตภายในร่างกายเชื่องช้าลงไปหลายส่วน บริเวณหน้าอกรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ค่อยสะดวก ทั่วทั้งสรรพางค์กายรู้สึกไม่ค่อยสบายขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น? ศัตรูลอบโจมตี?”
เย่ชิงหานรีบโคจรพลังปราณรบขึ้นพร้อมกับรวมร่างสัตว์อสูรในทันที สายตาเริ่มกวาดมองสำรวจดูสภาพแวดล้อมโดยรอบทั้งสี่ทิศอย่างระมัดระวัง
เพียงแต่...โดยรอบทั้งสี่ทิศไม่ได้ปรากฏผู้คนแปลกหน้าแม้แต่สักคนเดียว จะมีก็แต่เย่ชิงอู่ เฟิงจื่อ ฮวาเฉ่าที่ลงจากรถม้าพร้อมๆ กันสีหน้าอาการตื่นใสายตาสำรวจมองดูโดยรอบทั้งสี่ทิศเหมือนกันไม่ต่างจากเขา เห็นได้ชัดว่าเผชิญกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเดียวกัน
“ไอ้หยา!”
ในเวลานี้เองหลงสุ่ยหลิวะโลงมาจากรถม้า แต่คาดว่าคงะโลงมาอย่างรีบร้อนจนเกินไปจึงยืนได้ไม่มั่นคงทำให้ล้มลงก้นกระแทกพื้นลงไป และจากนั้นเขาก็รีบชักกระบี่ออกมาไว้ในมือพร้อมกับเริ่มสำรวจมองดูทั้งสี่ทิศอย่างตื่นเต้นระแวดระวัง
“ไม่ต้องตื่นเต้นใ...” หลงไซ้หนานเดินลงมาจากรถม้าอย่างเอื่อยเฉื่อยสบายๆ มองเห็นทุกคนที่กำลังตั้งท่าเตรียมต่อสู้นางยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นต่อ “นี่ก็คือความแปลกมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของูเาสุสานทวยเทพ แรงโน้มถ่วงของที่นี่มีมากกว่าปกติสิบเท่า พวกเ้าปรับตัวสักหน่อยเดี๋ยวก็ชินเอง!”
“อ้อ...” เย่ชิงหานเข้าใจขึ้นมาอย่างรวดเร็ว รู้สึกว่าเย่ชิงหนิวพูดไปแล้วในตอนเช้าว่าแรงโน้มถ่วงของที่นี่ค่อนข้างรุนแรงกว่าที่อื่นทั่วไป ในตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่ไม่คาดคิดว่าแรงโน้มถ่วงของที่นี่จะรุนแรงน่ากลัวถึงเพียงนี้ ตอนที่อยู่บนรถม้าไม่ได้สังเกตถึงเื่นี้ แต่พอลงรถม้ามาเท่านั้นแม้เดินยังรู้สึกยากลำบาก ทั้งการไหลเวียนของเืที่เชื่องช้าลงและร่างกายที่รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวขึ้น
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงไซ้หนานพูดเย่ชิงหานรีบสลายร่างอสูรในทันที โคจรพลังปราณรบภายในร่างอยู่หลายรอบเพื่อปรับสภาพของร่างกาย เย่ชิงหนิวและพวกผู้าุโระดับขอบเขตาาจักรพรรดิมากมายอยู่ที่นี่ ถ้าหากมีศัตรูลอบโจมตีพวกเขาย่อมรับรู้ได้ก่อนหน้าแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขายังคงนั่งเงียบอยู่บนรถม้าก็แสดงว่าสถานการณ์ปลอดภัย ไม่จำเป็ต้องกังวลใดๆ
หลังจากหลงไซ้หนานพูดขึ้นทุกคนร่างกายพลันรู้สึกผ่อนคลายขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะยังมีความสงสัยอยู่ต่อปรากฏการณ์เช่นนี้ก็ตาม แต่เมื่อนึกถึงผู้มีพลังโจมตีที่รุนแรงที่สุดเป็อันดับสามของเขตปกครองเทพาอย่างเย่ชิงหนิวอยู่ด้วยภายในรถม้าแต่กลับไม่พูดอะไรออกมา ทำให้พวกเขาขจัดความสงสัยทิ้งไปแล้วเริ่มโคจรพลังปราณรบขึ้นเพื่อปรับสภาพร่างกาย
“มหัศจรรย์จริงๆ มีพลังแรงโน้มถ่วงที่รุนแรงน่ากลัวเช่นนี้อยู่ด้วย ก้าวเดินอยู่ที่นี่ยากลำบากกว่าภายนอกหลายเท่าตัวมาก หากคิดจะเดินอย่างอิสระไม่ลำบากมาก ตัวข้ายังต้องโคจรพลังปราณรบแทบสุดกำลังถึงจะสามารถต้านทานพลังแรงโน้มถ่วงเอาไว้ได้” ผ่านการปรับสภาพร่างกายอยู่สักพักหลายคนเริ่มปรับตัวคุ้นเคยกับสภาพแปลกมหัศจรรย์นี้ได้บ้างแล้ว เฟิงจื่อริมฝีปากสั่นกระตุกพร้อมกับพูดขึ้นอย่างตกตะลึง
“อืม อยู่ที่นี่ข้ารู้สึกว่าอยากจะะโก็คงะโไม่ขึ้น ระดับความเร็วลดลงอย่างมหาศาล มหัศจรรย์เกินคำบรรยายจริงๆ!” ฮวาเฉ่าลองคิดที่จะะโขึ้นเบาๆ แต่ยังไม่ทันที่เท้าจะพ้นจากพื้น เืที่อยู่ภายในกายกลับพลุ่งพล่านไหลเวียนกลับตาลปัตรขึ้นมา จึงรีบหยุดการกระทำในทันทีแล้วพูดขึ้นด้วยจิตใจที่หวาดผวา
“เหอะๆ...ละแวกใกล้เคียงูเาสุสานทวยเทพไม่มีใครสามารถที่จะเหาะลอยได้ ยิ่งพลังฝีมือสูงเท่าไรแรงโน้มถ่วงที่ได้รับยิ่งรุนแรงขึ้นตาม ไม่ว่าใครก็จะต้องอาศัยการเดินเพียงเท่านั้น ต่อให้เป็ผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อาศัยอาณาเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ในการต้านทานด้วย คิดว่าก็คงเหาะลอยขึ้นได้ไม่เกินเมตรหรือสองเมตรเพียงเท่านั้น แต่พลังปราณรบที่ต้องใช้ก็มากมายมหาศาลจนเกินไป ดังนั้นปกติทุกคนที่มาถึงที่นี่ล้วนอาศัยการเดินด้วยเท้ารุดไปข้างหน้าด้วยกันทั้งนั้น!” หลงไซ้หนานยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับพูดอธิบายให้ทุกคนฟัง
เย่ชิงหานพยักหน้าแล้วแหงนหน้ามองดูหอเทพที่ลอยเด่นอยู่้าเหนือศีรษะขึ้นไปไกลลิบ พลางคิดอยู่ภายในใจ ‘อืม ถึงว่าทำไมไม่มีคนสามารถเหาะลอยขึ้นไปแล้วเข้าไปเอาของวิเศษล้ำค่าที่สุดที่อยู่ภายในหอเทพนั้นได้ แรงโน้มถ่วงที่รุนแรงมหาศาลเช่นนี้ใครจะเหาะลอยขึ้นไปได้... แต่ว่า ทวีปัเพลิงไม่ใช่ว่ามีผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตเทพ์อยู่สามคนหรอกรึ? พวกเขาก็เหาะลอยขึ้นไปไม่ได้เช่นกันหรืออย่างไร?’
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้