ครั้นถงซื่อได้ยินก็รีบพาบุตรสาวทั้งสองลุกขึ้น ก้มหน้าก้มตาเอ่ยขณะหมายจะออกจากโต๊ะอาหาร
“ต้ายา แม่พาพ่อกับน้องๆ ของเ้ากลับไปคงดีกว่า มิอาจทำให้เ้าต้องวางตัวลำบากในสกุลต้วน”
แววตาของเคอโยวหรานพลันหม่นแสงลง นางวางตะเกียบ ก่อนหยัดกายลุกขึ้นเพื่อดึงมารดาและน้องสาวทั้งสองของตนให้นั่งลง เอ่ยพลางตบบ่าถงซื่อยอย่างปลอบโยน
“ท่านแม่ไม่ต้องเป็กังวลนะเ้าคะ ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่ม ขอเพียงมีข้าอยู่ ย่อมไม่มีทางปล่อยให้ผู้อื่นรังแกพวกท่านได้เ้าค่ะ”
ถงซื่ออ้าปาก คิดอยากเอ่ยบางสิ่งแต่กลับถูกเคอโยวหรานกดไหล่เอาไว้ ชั่วขณะนั้นถึงกับไม่รู้ว่าควรจะปริปากเอ่ยเช่นไร
ได้ยินแค่เคอโยวหรานที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “พี่สะใภ้ใหญ่้ากล่าวสิ่งใดหรือเ้าคะ? แท้จริงแล้วข้าทำให้สกุลต้วนต้องอับอายอันใด? นอกจากสุรา ขอเพียงบนโต๊ะท่านอาจารย์มี บนโต๊ะของสกุลต้วนยังขาดสิ่งใดไปอีกหรือเ้าคะ?”
หยวนซื่อเผยสีหน้าเคร่งขรึมพลางเอ่ย “สิ่งที่ข้าพูดหมายถึงเื่นี้หรืออย่างไร? เ้าพาบิดามารดาและน้องสาวเข้ามาอาศัยในจวนสกุลต้วน อาหารการกินก็ควรจะเท่าเทียมกัน
แต่เ้ากลับจัดสำรับสองโต๊ะเช่นนี้ ผู้ที่รู้ย่อมคิดว่าเ้าไม่กตัญญูต่อบิดามารดา ให้พวกเขากินอาหารน้อยชิ้นอีกทั้งยังไร้รสชาติ ส่วนผู้ที่ไม่รู้คงคิดว่าสกุลต้วนของพวกเราปฏิบัติไม่ดีต่อบ้านมารดาของเ้าเสียด้วยซ้ำ
หากชื่อเสียงสกุลต้วนของพวกเราเสียหายยังจะเกิดผลดีอันใดต่อเ้ากัน?”
เคอโยวหรานกดไหล่ถงซื่อที่กระวนกระวายเอาไว้ นางเปิดปากเอ่ยอย่างเชื่องช้าว่า
“พี่สะใภ้หมายถึงเื่นี้หรอกหรือเ้าคะ? ท่านไม่รู้หรือว่าครอบครัวของพวกเรายากจน ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยได้กินของดีอันใด
ท่านแม่กับน้องสาวทั้งสองของข้าลำไส้และกระเพาะอ่อนแอ จำต้องกินอาหารรสอ่อนเพื่อค่อยๆ ปรับสภาพร่างกาย
ย่อมมิอาจเทียบกับพวกท่านที่กิน ‘ข้าวปลาอุดมสมบูรณ์’ และ ‘อาหารอันโอชะ’ ในทุกๆ วันได้
หากพี่สะใภ้ใหญ่รู้สึกว่าพวกเราขวางหูขวางตา จะไม่มองก็ย่อมได้ หากรู้สึกว่าอาหารที่ข้าทำไม่ถูกปาก จะไม่กินก็ย่อมได้เช่นกัน
ไม่จำเป็ต้องกล่าววาจาตำหนิอย่างประชดประชันก่อนกินข้าวให้กระทบความอยากอาหารของคนทั้งครอบครัวหรอกเ้าค่ะ”
“เ้า...” หยวนซื่อโมโหจนใบหน้าแดงก่ำ เอาแต่ชี้เคอโยวหราน เอ่ยสิ่งใดไม่ออก
มารดาสกุลต้วนพลันเอ่ยขึ้นว่า “พอได้แล้ว! หยวนซื่อ อาหารในวันนี้ล้วนแต่เป็อาหารที่โยวหรานทำ สองปีที่ผ่านมา พวกเราเคยได้พบเจออาหารที่อุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้เมื่อใดกัน
หากเ้าไม่อยากกินก็กลับไปพักผ่อนในห้อง ไม่มีผู้ใดบังคับให้เ้านั่งอยู่ที่นี่
ข้าเป็คนเชิญสกุลเกี่ยวดองมาเอง ยังต้องให้เ้ามาชี้นิ้ววิจารณ์อยู่ที่นี่ด้วยหรือ”
หยวนซื่อใบหน้าซีดเผือด เอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อว่า “ท่านแม่ พวกเขาล้วนแต่เป็พวกขาเปื้อนโคลนตมในชนบท จะมานั่งทานอาหารร่วมห้องกับพวกเราได้อย่างไรกันเ้าคะ? ตามหลักแล้วพวกเขาทั้งครอบครัวควรอยู่ในห้องครัว...”
“หุบปาก” มารดาสกุลต้วนตบโต๊ะพลางหยัดกายลุกขึ้น
“หยวนซื่อ เดิมทีข้าคิดว่าหลังประสบกับความเป็อยู่ระหว่างอพยพตลอดสองปี เ้าน่าจะรู้ฐานะในยามนี้ของเ้าชัดเจนดีแล้ว ทว่าเ้าในยามนี้มิอาจเทียบแม้แต่พวกขาเปื้อนโคลนตมเสียด้วยซ้ำ
ในสายตาของผู้อื่น พวกเราเป็เพียงผู้ลี้ภัย ได้มีที่ดินสักผืนให้ซุกหัวนอนก็นับว่าเคราะห์ดียิ่งนัก อย่าได้ใช้ท่าทางเหนือกว่าเช่นนั้นของเ้าทอดมองผู้อื่น เมื่อไม่มีวงศ์สกุลคอยปกป้องคุ้มครอง เ้าก็ไม่นับเป็อันใดทั้งสิ้น
ถ้าเ้าไม่อยากกินก็กลับห้องไปเถิด ไม่มีผู้ใดห้ามเ้า”
น้ำตาของหยวนซื่อหลั่งรินดั่งไข่มุกสายขาด นางมองไปทางต้วนต้าหลางด้วยความกล้ำกลืนถึงขีดสุด ขานเรียกเสียงอ่อนว่า “ต้าหลาง...”
ไม่รอให้หยวนซื่อออดอ้อนเสร็จ ต้วนต้าหลางพลันเอ่ยขัดจังหวะนางว่า
“พอได้แล้ว ครั้งนี้เ้าเป็ฝ่ายทำผิด หากไม่มีน้องสะใภ้สาม ไม่แน่ว่าพิษของข้ากับเอ้อร์หลางอาจกำเริบไปแล้ว ร่างกายเองก็คงมิได้ผ่อนคลายเบาสบายเหมือนในยามนี้ด้วยเช่นกัน พวกเราควรจะซาบซึ้งในพระคุณของนาง มิใช่ตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น จงฟังท่านแม่ กลับห้องไปเถิด”
หยวนซื่อริมฝีปากสั่นไหว นางทอดมองต้าหลางอย่างเอ่ยสิ่งใดไม่ออก ทันใดนั้นก็กระทืบเท้าวิ่งกลับเข้าไปในห้องของตน ฟุบลงบนเตียงเปล่งเสียงร้องไห้ออกมา ยิ่งร้องยิ่งเ็ปรวดร้าวใจ
นางทำเพื่อครอบครัวนี้ ทว่าเหตุใดทุกคนถึงไม่เข้าใจเลยเล่า?
นอกจากนี้พวกเขายังมีสายเืสูงส่งไหลเวียนอยู่ในกายแท้ๆ ยามนี้กลับต้องมาทานอาหารร่วมกับพวกขาเปื้อนโคลนตม นางไม่ยินยอมจริงๆ!
เมื่อหยวนซื่อจากไปแล้ว เคอโยวหรานก็มองมารดาสกุลต้วนด้วยสายตาซาบซึ้งและพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นหันมาดูแลมารดากับน้องๆ ของตนกินข้าว
หลังการก่อความวุ่นวายของหยวนซื่อผ่านพ้นไป ถงซื่อยิ่งประหม่ากว่าเดิม เอ้อร์ยาเองก็ไม่ต่างกัน โยวหรานให้กินสิ่งใดนางก็กินสิ่งนั้น ไม่แม้แต่จะเงยหน้าสักนิด
เคอโยวหรานรู้ดี หากจะเปลี่ยนแปลงนิสัยยอมคนของพวกนาง ย่อมมิใช่เื่ที่จะทำได้ภายในหนึ่งคืน
โชคดีที่มีซานยาอยู่ด้วย เด็กคนนี้นิสัยร่าเริงน่าเอ็นดู เื่เมื่อครู่ไม่ส่งผลใดกับนางแม้แต่น้อย ยามนี้กำลังพุ้ยข้าวเข้าปากตนอย่างขะมักเขม้น กินอย่างเอร็ดอร่อยเลยทีเดียว
หลังทานอาหารเสร็จ มารดาสกุลต้วนก็จัดแจงที่พักให้ท่านปรมาจารย์แพทย์พิษทั้งสอง ส่วนเคอโยวหรานต้มน้ำร้อนเพื่อให้แม่ลูกสกุลเคออาบน้ำอุ่น
ขณะพวกนางกำลังล้างหน้าบ้วนปาก เคอโยวหรานก็หาผ้านวมปักลายดอกไม้โบราณจากเขตชุดเครื่องนอนออกมาหลายผืนเพื่อให้พวกนางปูนอน
ยามมองบิดาทึ่มผู้นอนมิได้สติอยู่บนเตียง เคอโยวหรานเพียงยกยิ้มเข้าใจ เนื่องจากท่านอาจารย์บอกเอาไว้แล้ว
การฝังเข็มครั้งแรก ท่านพ่อจะนอนหลับจนถึงเที่ยงวันของวันพรุ่ง หลังเืคั่งบนศีรษะถูกขับออก สติปัญญาของบิดานางจะค่อยๆ ฟื้นคืน ทุกสิ่งจะมุ่งสู่ทิศทางที่ดี
รอจนกระทั่งถงซื่อพาบุตรสาวทั้งสองเข้านอน เคอโยวหรานจึงค่อยไปอาบน้ำในห้องอาบน้ำ จากนั้นลากฝีเท้าหนักอึ้งเข้าไปในห้องของต้วนซานหลาง
นึกไม่ถึงว่านอกจากหยวนซื่อภรรยาต้าหลาง ทุกคนในสกุลต้วนล้วนแต่มารวมตัวกันในห้อง
ไป๋ซื่อภรรยาเอ้อร์หลางคลี่ยิ้ม ยกถาดใส่น้ำชาหลายจอกพลางเอ่ยว่า “น้องสะใภ้สาม คืนนี้ท่านแม่บอกว่าจะชดเชยพิธียกน้ำชาสักหน่อย
เพราะขาของซานหลางไม่ค่อยสะดวก สถานที่ยกน้ำชาจึงต้องจัดในห้องนอนของพวกเ้าเสียแล้ว เ้าคงไม่ถือสากระมัง?”
เคอโยวหรานยกยิ้มเข้าใจ หยิบน้ำชาหนึ่งจอกมาจากถาดและเอ่ยว่า “ย่อมไม่ถือสาเ้าค่ะ”
นางก็มิใช่คนจากโลกนี้อยู่แล้ว สำหรับนาง สิ่งเหล่านี้เป็เพียงพิธีการอย่างหนึ่ง การให้ความสำคัญและความห่วงใยเอ็นดูของมารดาสกุลต้วนต่างหากที่นางใส่ใจมากที่สุด
กระทั่งกระบวนการยกน้ำชา รับของขวัญ และเปลี่ยนคำเรียกขานเสร็จสิ้น เคอโยวหรานก็เหน็ดเหนื่อยจนถึงขั้นแทบจะไม่มีแรงหายใจ
ทุกคนเห็นนางเหน็ดเหนื่อยจึงพากันอำลาจากไป
เคอโยวหรานอ้าปากหาว ศีรษะล้มลงปลายเตียงก่อนจะหลับใหลมิได้สติภายในพริบตา
ครั้นต้วนเหลยถิงเห็นสภาพเช่นนี้ของนาง สายตาก็หม่นแสงลงเล็กน้อย หยัดกายลุกขึ้นอุ้มนางวางลงในผ้าห่ม ลอบเอ่ยในใจว่า : แม่นางผู้นี้ผอมเกินไปแล้ว จำต้องบำรุงสักหน่อยจึงจะดี
เช้าตรู่วันต่อมา เคอโยวหรานตื่นขึ้นในอ้อมกอดของต้วนเหลยถิง ยามััได้ถึงไออุ่นข้างกาย นางพลันปิดเปลือกตาไม่กล้าขยับเขยื้อนเลยสักนิด
์ ตนต้องหิวกระหายเพียงใดถึงได้โอบกอดบุรุษข้างกายเอาไว้แน่นถึงเพียงนี้
ครั้นลองนึกดู แท้จริงแล้วเมื่อคืนนางขึ้นมานอนบนเตียงั้แ่เมื่อใด?
ไอ้หยา! เมื่อวานเหนื่อยเกินไป ภาพตัดเสียได้
ต้วนซานหลางรู้ว่าแม่นางน้อยในอ้อมกอดตื่นแล้ว และกำลังแกล้งหลับไม่ยอมขยับเขยื้อน
เขาหรี่ดวงตา มุมปากหยักยก ท่อนแขนออกแรงกระชับกอดเพิ่มขึ้นหลายส่วน จัดการโอบกอดเคอโยวหรานเข้าหาอ้อมอกของตนแน่น คิดอยากจะหยอกเย้านางอย่างอารมณ์ดียิ่งนัก
ครานี้เคอโยวหรานมิอาจแกล้งหลับต่อได้โดยสมบูรณ์ นางฝืนยกยิ้มและเอ่ยอย่างกระดากอายว่า “แหะๆ อรุณสวัสดิ์เ้าค่ะ!”
จากนั้นผลักอ้อมอกของบุรุษออกแล้วพลิกกายลงจากเตียงด้วยความรวดเร็ว สาวเท้าวิ่งไปหลังฉากกั้นภายในไม่กี่ก้าวและรีบผลัดเสื้อผ้าอย่างฉับไว
นางกุมหน้าอกพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
ให้ตายเถิด นึกไม่ถึงว่านางจะกอดบุรุษผู้นี้แล้วหัวใจเต้นแรง มีอันใดผิดพลาดหรือไม่? พวกเราไม่สนิทกันมิใช่หรือ?
“เคอโยวหรานนะเคอโยวหราน เ้าไม่เคยพบบุรุษมาแปดภพแปดชาติหรืออย่างไร? อยู่ตัวคนเดียวนานเกินไปจนขาดความรักเสียแล้ว?...”
“เ้าว่าอย่างไรนะ?” น้ำเสียงอบอุ่นดังขึ้นจากทางด้านหลังของเคอโยวหราน
เคอโยวหรานหันหลังกลับทันใด หนึ่งใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยหนวดเคราพลันปรากฏอยู่เบื้องหน้านาง
“อ๊ะ...”
นางเปล่งเสียงใออกมาโดยสัญชาตญาณ หัวใจบีบเข้าหากันพลางถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว ผู้ใดจะรู้ว่านางกลับเหยียบชายกระโปรงของตนเอง จากนั้นโงนเงนไปทางด้านหลังอย่างไม่ต้องสงสัย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้