ศิษย์ตำหนักไท่จี๋ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่เฟิงจะบ้าคลั่งถึงขนาดสังหารเฉินฮุยจริงๆ หรือเขาจะสังหารคนตำหนักไท่จี๋ให้หมด? พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเย่เฟิงจะสังหารศิษย์ตำหนักไท่จี๋จำนวนมากขนาดนี้ แน่นอนว่าทั้งสองฝ่ายต่างไม่ตายไม่เลิกรา หรือเฉินฮุยไปทำอะไรอีกฝ่ายกัน?
วิชาเซียนเปลวสุริยะ!
เย่เฟิงปล่อยลูกไฟจำนวนหนึ่งออกจากมือ ด้วยระดับพลังในตอนนี้ของเขา แม้พลังชี่ใกล้จะหมดก็ยังสามารถปล่อยลูกไฟเปลวสุริยะออกมาได้
ซากศพของศิษย์ตำหนักไท่จี๋ที่อยู่ทั่วพื้นดินกลายเป็เถ้าถ่านเพราะถูกลูกไฟของเย่เฟิง ทุกคนใจนมือชากับวิธีการของชายหนุ่ม ลูกไฟจำนวนมากขนาดนี้ไม่ทำให้พวกหลี่เสวียนใไปมากกว่านี้แล้ว เพราะเย่เฟิงทำให้พวกเขา ‘ประหลาดใจ’ มากแล้วจริงๆ จนพวกเขาแทบไม่รู้สึกอะไรแล้ว
“เป็ไงผู้าุโหลี่ คิดดีแล้วใช่ไหม?”
หลังจากเย่เฟิงกำจัดซากศพที่อยู่ทั่วพื้นรวมทั้งเฉินฮุยก็เดินไปหาหลี่เสวียนพร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้า
เมื่อมองรอยยิ้มชั่วร้ายบนหน้าเย่เฟิง ในใจหลี่เสวียนก็รู้สึกหนาวสั่นอย่างไม่มีเหตุผล หลี่เสวียนอยู่มาค่อนชีวิต เขาไม่เคยต้องประสบสถานการณ์และผู้ชายแปลกประหลาดอย่างเย่เฟิงมาก่อน ไม่แปลกใจที่ผู้คนไม่กังขากับสิ่งที่เย่เฟิงทำ เมื่อพูดเื่นี้ขึ้นมาก็รู้สึกน่ากลัวอย่างอธิบายไม่ถูก ไม่แปลกใจที่หลังจากเหตุการณ์นั้น หลงโม่หรานจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ เขาต้องรู้ความลับบางอย่างของเย่เฟิงแน่นอน!
อาจกล่าวได้ว่าเย่เฟิงคนนี้ได้สืบทอดวรยุทธ์สำนักเก่าแก่บางอย่าง? ในประวัติศาสตร์มีสำนักไหนที่มีวิชากระบี่เซียนที่เหมือนภูตผีเช่นนี้บ้าง?
หลี่เสวียนครุ่นคิดในใจ แต่ก็รู้สึกงงงวย ขณะเย่เฟิงเดินมาหยุดนิ่งตรงหน้า ถือกระบี่เล่มยาวสีเขียวเข้มพาดคอเขา
“ฉันให้เวลาสามวินาที หากไม่ให้คนนำกระจกครอบสุริยะมา ก็คงรู้ว่าจุดจบจะเป็ยังไงนะ” เย่เฟิงเอ่ยเสียงเบา “ฉันแค่อยากหลีกเลี่ยงปัญหา และี้เีเกินกว่าจะไปหาคนของวิหารดาบ์เพื่อเอายาถอนพิษ ไม่อย่างนั้นฉันก็จะทำเหมือนกับสำนักอิ่นเซียนก่อนหน้านี้...”
ทันทีที่เขากล่าวเช่นนี้ หลี่เสวียนก็หลั่งเหงื่อเย็นเยียบ เย่เฟิงคนนี้มันไม่ยโสโอหังไปหรือไง? เื่ของสำนักอิ่นเซียนก่อนหน้านี้ หลี่เสวียนก็ได้รู้มาบ้าง แต่เขาไม่ได้สนใจอะไร ผู้นำสำนักอิ่นเซียนมีระดับพลังเพียงเจ็ดสิบปีซึ่งห่างจากระดับพวกตำหนักไท่จี๋อย่างเขาค่อนข้างมาก แต่ตอนนี้เย่เฟิงเอาชนะเขาได้และยังคุกคามเขา เขาต้องยอมรับความแข็งแกร่งของเย่เฟิง มันมาถึงจุดที่มากพอจะจัดการตำหนักไท่จี๋ทั้งหมดได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวิหารดาบ์เลย
เย่เฟิง้าไปที่วิหารดาบ์เพื่อขอยาถอนพิษ แต่มันเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้เลย ดังนั้น...
หลี่เสวียนพิจารณาอย่างระมัดระวัง แต่ในความเป็จริงนั้น เขาก็ได้ข้อสรุปว่ามันไม่คุ้มค่าที่จะต้องตายพร้อมกับหญิงสาวสำนักอิ่นเซียน!
“งั้นก็ดี บางทีพวกเราอาจร่วมมือกันได้”
หลี่เสวียนปรับอารมณ์ให้คงที่ ก่อนเงยหน้ามองเย่เฟิงแล้วกล่าวขึ้นช้าๆ
ไม่เพียงแต่เหตุผลก่อนหน้านี้เขายังพิจารณาเฉินเจี้ยนสยง หากเฉินเจี้ยนสยงสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มชั่วร้ายมากมาย แม้เขาจะได้รับตำแหน่งผู้นำตำหนักไท่จี๋ก็ไม่ใช่เื่ดี
หลี่เสวียนเป็คนเที่ยงธรรม และเขาไม่สามารถทนเื่แบบนี้ได้แน่นอน ในทางกลับกันที่จริงเย่เฟิงป้องกันตัวเองเท่านั้น การลงมือทั้งหมดคือการถูกบังคับให้ทำ แม้ว่าแรกเริ่มจะลงมือเพื่อความแข็งแกร่ง แต่ก็มีเหตุผลที่ต้องกระทำลงไปเหมือนกัน
หลี่เสวียนไม่คิดร้ายอะไรกับเย่เฟิงอีกต่อไป เขาแน่ใจว่าตนต่อต้านเย่เฟิงเพราะเื่ของหลิงเฉิน ท้ายที่สุดแล้วเกิดเื่อะไรขึ้น หรือบางทีเขาควรลองถามเย่เฟิง?
“ผู้รู้สถานการณ์คือผู้มีปัญญาเป็เลิศ”
เย่เฟิงพยักหน้าเห็นด้วย และยิ้มออกมาในที่สุด
ไม่ใช่เื่ง่ายที่ชายชราหลี่เสวียนจะยอมแพ้เช่นนี้ เขาไม่ได้สนใจหลี่เสวียนอีก หันกลับมาและเดินไปหาจื่อเจี้ยนหลานที่อยู่อีกฝั่ง สำหรับวิธีที่หลี่เสวียนติดต่อกับคนในตำหนักไท่จี๋นั้น เย่เฟิงเชื่อว่าต้องมีวิธีการล้ำสมัยแน่นอน โลกสมัยใหม่นี้พัฒนาไปไกลแล้ว มันมีโทรศัพท์มือถือที่สามารถโทรข้ามโลกได้
“เธอเป็ยังไงบ้าง?”
เย่เฟิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อย สีหน้าดูอ่อนแรงมาก
ต่อหน้าศัตรูเขาต้องไม่แสดงความอ่อนแอออกมา ต้องมีทีท่าสงบนิ่งอยู่เสมอ นี่คือสิ่งที่ซูเฟยหยิ่งสอน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต้องให้ศัตรูรู้สึกว่าเขามั่นใจ! หากแสดงความอ่อนแอและความขี้ขลาดให้ศัตรูได้เห็นก็จะพบกับความพ่ายแพ้ได้ แต่ตอนนี้เย่เฟิงหันกลับมาและเผชิญหน้ากับจื่อเจี้ยนหลานที่โดนยาพิษ เขาไม่สามารถซ่อนความกังวลที่อยู่ในใจไว้ได้เลย เขากลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอมากกว่าใคร! ดังนั้นการสังหารเฉินฮุยเมื่อครู่นี้ก็เพื่อกำจัดสิ่งชั่วร้ายให้จื่อเจี้ยนหลาน
“ดูเหมือนจะไม่เป็อะไรนะ”
หลงหว่านเอ๋อร์ดูแลจื่อเจี้ยนหลานอยู่ และเอ่ยตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้น หญิงสาวทั้งสองคนพิงหินก้อนใหญ่ขณะที่หลงหว่านเอ๋อร์ใช้เคล็ดแสงศักดิ์สิทธิ์รักษาเงียบๆ น่าเสียดายที่เคล็ดแสงศักดิ์สิทธิ์ไม่มีผลต่อาแที่มีพิษ
สิ่งนี้กระตุ้นเย่เฟิงมากขึ้นกว่าเดิม อยากให้ชูชูเป็ผู้ฝึกวิถีเซียนที่เชี่ยวชาญวิชาแพทย์ หากมีผู้ฝึกวิถีเซียนด้านวิชาแพทย์ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอาการติดไฟหรือพิษก็จะมีวิธีแก้ไขอย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องถูกผู้อื่นควบคุม
ในสายตาของเย่เฟิง หากต้องสร้างกองกำลังของตัวเองขึ้นมา การฝึกผู้ฝึกวิถีเซียนวิชาแพทย์เป็เื่จำเป็อย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าชูชูเป็ตัวเลือกที่ดีที่สุด ไม่เพียงมีพร์ในการเข้าใจยาและการแพทย์เท่านั้น แต่ยังมีบุคลิกอ่อนโยน ชูชูจึงเป็ตัวเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะฝึกวิถีเซียนวิชาแพทย์ เมื่อเขากลับมาจากทะเลทรายอาจจะมาพิจารณาให้ชูชูเป็ผู้ฝึกวิถีเซียน แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้
“มัดเลย”
เย่เฟิงมองศิษย์ตำหนักไท่จี๋ห้าคนที่เหลือทั้งชายหญิงด้วยสายตาเ็า เขาไม่้าสังหารคนไปมากกว่านี้ แต่ปล่อยคนเหล่านี้ไปไม่ได้ จึงใช้พวกเขาเป็ตัวประกันเหมือนหลี่เสวียนเป็การดีกว่า
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เย่เฟิงส่งมีดบินหลายเล่มด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ทำให้ทั้งห้าคนาเ็และติดพิษใจสลาย
ทันทีหลังจากนั้นจ้าวอี้เปยก็ควบแน่นสร้างร่างขึ้นมาแล้วปรากฏตัวในความมืดเงียบๆ รับโซ่เหล็กหนาและยาวที่เย่เฟิงโยนมาให้เขา จากนั้นสะบัดเพียงครั้งเดียว ศิษย์ทั้งห้าของตำหนักไท่จี๋ก็ถูกมัดด้วยกันเป็กลุ่มก้อนแล้วถูกโยนไปอีกฝั่ง หลังจากจัดการเสร็จสิ้น จ้าวอี้เปยก็กลับสู่ความมืดและกลายเป็ควันหายไปทันที
ในสายตาของหลี่เสวียนและศิษย์ทั้งห้าคนของตำหนักไท่จี๋ ดูเหมือนว่าจ้าวอี้เปยจะปรากฏตัวในพริบตาแล้วหายไปในทันที ทั้งตอนปรากฏตัวและหายไปนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้นคล้ายกับภูตผีที่ปรากฏและหายไปราวกับไม่มีร่างกาย!
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม จนไม่รู้แล้วว่าเย่เฟิงเป็ตัวอะไรกันแน่ พวกเขามองเย่เฟิงที่สวมเสื้อเชิ้ตสีดำซึ่งกำลังหันหลัง และปรากฏเครื่องหมายคำถามในใจเต็มไปหมด
หลี่เสวียนหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าออกมาจากเข็มขัดกางเกงของเขาและเริ่มส่งข้อความ เห็นได้ชัดว่าเป็การบอกให้คนส่งกระจกครอบสุริยะมาให้
เย่เฟิงสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ขณะก้าวไปข้างหน้าเพื่อดูอาการจื่อเจี้ยนหลาน ทันใดนั้นก็พบเหยี่ยวสีขาวบินอยู่บนฟ้าและหยุดอยู่เหนือหัวของเขา
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว ท่านอาจารย์!
เหยี่ยวสีขาวตัวใหญ่เป็วิชาเซียนส่งข่าวแบบหนึ่งของซูเฟยหยิ่งซึ่งเดินทางได้หลายพันลี้ การปรากฏตัวของมันเป็ตัวแทนส่งข่าวของซูเฟยหยิ่งซึ่งทำให้เย่เฟิงกังวลเล็กน้อย เพราะท่านอาจารย์ไล่ตามราชันหั่วยวินเยาไป ไม่รู้เลยว่าสถานการณ์เป็อย่างไรบ้าง?