เมื่อได้ฟังเื่ราวต่าง ๆ จากซินหยางและซูซินแล้วทำให้เ้าของร้านตัดผ้ารู้สึกเห็นใจเป็อย่างมาก จึงยอมปล่อยให้อีกฝ่ายเช่าที่เพื่อทำการค้าอย่างที่พวกนางตั้งใจ
ข่าวของสกุลหลี่ค่อย ๆ แพร่กระจายออกไปเป็วงกว้าง ราชสำนักและชาวบ้าน ต่างพูดถึงการกระทำของใต้เท้าหลี่และภรรยาคนใหม่ ทำให้ชื่อเสียงของใต้เท้าหลี่ลดความน่าเชื่อถือลงในเวลาอันรวดเร็ว งานราชการของเขา ก็ถูกขุนนางท่านอื่นรับผิดชอบไปบางส่วน มีเวลาว่างจากงานราชการมากขึ้น ไม่ว่าจะไปที่ใดก็มีแต่คนถามถึงเื่ส่วนตัว หลายคนถึงกับตำหนิการกระทำของใต้เท้าหลี่ ที่ให้ทำฮูหยินซูซินเสียใจจนถึงกับหนีออกจากจวนไป และไม่มีวี่แววว่า สองแม่ลูกจะพากันกลับเข้าจวน ทำให้ใต้เท้าหลี่เริ่มหันมาพึ่งสุราเพื่อคลายความทุกข์ใจ
หลังจากเช่าร้านได้แล้ว ทั้งซินหยางและซูซินก็ช่วยกันทำความสะอาดร้าน มีบางอย่างผุพังไปบ้าง ก็ได้ชาวบ้านแถวนั้นมาช่วยซ่อมแซม ไม่ว่าจะเป็ชั้นวางของ หรือแม้แต่ห้องครัวก็ถูกทำใหม่ขึ้นอย่างช้า ๆ ไม่รีบร้อน
“พรุ่งนี้เดี๋ยวข้ามาช่วยทำต่อ” พ่อค้าขายผักที่อาศัยบริเวณนั้นเก็บอุปกรณ์แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนซินหยางจะน้อมกายลง
“ขอบใจท่านมากที่สละเวลามาช่วยข้า นี่คือค่าตอบแทน” ซินหยางเตรียมล้วงเอาเงินยื่นให้ ก่อนชายกลางคนจะปฏิเสธแล้วพูดขึ้น
“ข้ายินดีช่วย ตอบแทนที่คราวก่อน คุณหนูซินหยางช่วยเหมาผักร้านข้าจนหมด ทำให้ข้ามีเงินไปรักษาลูกสาว ตอนนี้คุณหนูเดือดร้อน ข้าก็ยินดีตอบแทน เื่เงินเป็เื่ที่ข้าไม่คิดเล็กคิดน้อย” พูดจบเขาก็เบี่ยงตัวเดินจากไป ซินหยางและซูซิน หันมองหน้ากันอย่างมีความหมาย พลันเลื่อนสายตามองรอบ ๆ จากร้านเก่า ๆ เริ่มเป็รูป เป็ร่างมากขึ้น
เช้าวันรุ่งขึ้นซินหยางนำของมีค่า ไปแลกกับพ่อค้าเครื่องประดับรายใหญ่ ได้เงินมาจำนวนหนึ่ง ด้วยความรู้ด้านบัญชีที่บิดาเคยสอน ทำให้นางจัดการเื่เงินได้อย่างเป็ระเบียบ ก่อนจะหันไปยังมารดาแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ท่านแม่ พรุ่งนี้ข้าจะไปสั่งชาจากร้านของเถ้าแก่เฉียง ว่ากันว่าชาของเขาเป็ชาจากต่างแดน อีกทั้งยังมีราคาต่ำกว่าพ่อค้าคนอื่น จะทำให้พวกเราทำกำไรได้มากขึ้น”
“ให้แม่ไปด้วยหรือไม่”
“ท่านแม่อยู่ดูแลที่นี่ ข้าจะไปเอง” นางเก็บเงินใส่กล่องแล้วนำไปไว้ยังเตียงนอน พลันเดินกลับมาหามารดาที่เวลานี้ดูซูบผอมไปมาก
“ยังคิดถึงท่านพ่ออยู่เหรอ” นางถามมารดาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนซูซินจะส่ายศีรษะ
“แม่สงสารเ้ามากกว่า จากที่ไม่เคยลำบาก ทุกวันนี้เ้าทำงานไม่เคยหยุด เมื่อใดที่ร้านเปิด เ้าจะเหนื่อยกว่านี้อีกมาก ไหวหรือไม่” ซินหยางกำมือมารดา แล้วสบตาอีกฝ่ายแน่นิ่ง
“ข้าจะทำให้ท่านพ่อเห็น ว่าไม่มีท่านพ่อ พวกเราก็อยู่ได้” คำพูดของซินหยางทำให้ซูซินชะงักนิ่ง ก่อนจะปล่อยยิ้มออกมาอย่างมีความหมาย
ภายในจวนสกุลหลี่ ฟางเหมยนั่งดื่มชาอย่างมีความสุข ยามนี้นางกลายเป็คุณหนูสกุลหลี่ มีบ่าวไพร่นับสิบคอยดูแล ั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้า ล้วนเป็เครื่องประดับของซินหยางทั้งสิ้น รสชาติความสุขสบายแท้จริงแล้วเป็เช่นนี้เอง
‘ท่านพ่อ...คราวนี้ท่านเห็นแล้วใช่หรือไม่ ว่าความฝันของข้าเป็จริง ข้ามีจวนหลังใหญ่ มีบ่าวรับใช้มากมายคอยดูแล เื่ที่ท่านเคยบอก ว่าความฝันของข้าไม่มีวันเป็ไปได้ ตอนนี้ข้าทำสำเร็จแล้ว จริงอยู่แม้ต้องแลกอะไรหลายอย่าง แต่ในที่สุดสิ่งที่ข้ากับท่านแม่ได้มา ก็คุ้มมิใช่เหรอ...’ หญิงสาวมองหิมะที่กำลังร่วงหล่นลงสู่พื้น แล้วหวนนึกถึงคำพูดบิดาที่เคยบอกว่าความฝันของนาง ไม่มีวันเป็จริง ก่อนฝีเท้าของมารดาจะเดินเข้ามาจากด้านหลัง แล้วพูดบางอย่างออกมา
“เหตุใดมานั่งอยู่ตรงนี้”
“หิมะปีนี้ ตกมากกว่าทุกปีท่านว่าหรือไม่” เซิ่นหลานเลื่อนสายตามองหิมะแล้วนิ่งเงียบ ก่อนฟางเหมยจะพูดขึ้นด้วยสายตาสั่นไหว
“ปีที่แล้ว หิมะตกไม่มากเท่านี้ แต่จวนของเราไม่อาจปกป้องความเหน็บหนาวได้ หากเรายังอยู่ที่จวนสกุลหวัง ป่านนี้ก็คงหนาวตายเป็แน่” หญิงกลางคนได้ยินดังนั้นจึงย่อตัวลงนั่งด้านข้าง หวนนึกถึงสามีที่จากไป พร้อมน้ำตาเอ่อขึ้นด้วยความคิดถึง
“พ่อของเ้า แม้จะเป็เพียงขุนนางระดับล่าง ไม่มีเงินทองมากมายเหมือนขุนนางคนอื่น แต่คุณธรรมสูงส่ง หากเขารู้เื่ที่แม่ทำในตอนนี้ เขาต้องโกรธมากเป็แน่”
“โกรธแล้วยังไง หากท่านแม่ไม่ทำเช่นนี้ พวกเราสองแม่ลูกจะเอาตัวรอดไปได้สักกี่วัน ทรัพย์สินมีค่าก็ไม่มีติดตัว นอกจากจวนเก่า ๆ หากขายไปแล้ว ได้เงินเท่าใดก็ยังไม่รู้ คุณธรรมงั้นเหรอ หึ! มีคุณธรรมแล้วได้อะไรบ้าง สุดท้ายท่านพ่อก็เป็ได้แค่ขุนนางระดับล่าง มีผู้ใดเห็นหัวบ้าง”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เสียงของเซิ่นหลานเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ ก่อนฟางเหมยจะชะงักนิ่ง แล้วหุบปากลง
“ถึงอย่างไร เขาก็เป็พ่อของเ้า เ้าไม่มีสิทธิ์พูดเช่นนี้” ฟางเหมยรู้ว่าบังอาจพูดจาล่วงเกินบิดา นางจึงขยับกายเอนซบไหล่มารดาเบา ๆ พร้อมมองไปยังหิมะที่ตกโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย
