“เซี่ยวอี๋ คุณอยู่ไหน?”
“ฉันมากกว่าที่ควรจะถามนายว่านายอยู่ไหน เมื่อครู่นี้นายวิ่งหายไปในโซนผู้หญิงเลย จะทดสอบฉันอีกรอบเหรอไง”
“ตอนนี้สถานการณ์ข้างนอกเป็ยังไงบ้าง”
“นายเคยเห็นบรรยากาศห้องขายตั๋วรถไฟตอน่ก่อนปีใหม่ไหมล่ะ ประมาณนั้นเลย ไหนจะคนที่กำลังทยอยมาเพราะเพิ่งรู้ข่าวอีก ฉันเริ่มเห็นนักข่าวพกกล้อง SLR มากันแล้ว ทุกประตูทางออกคนแน่นไปหมด ออกไปไหนไม่ได้แล้ว”
“อย่าเพิ่งกังวลไป ทำตามที่ผมบอก ก่อนอื่นมาที่ห้องน้ำชายโซน B3”
“ห้องน้ำชายเหรอ นายนี่หลบเก่งชะมัด รอก่อนนะ ตรงนี้คนแน่นมาก เมื่อครู่นี้ก็มีไอ้ลามกมาจับก้นฉัน โดนฉันจับหักนิ้วไปแล้ว” เซี่ยวอี๋วางสายไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเธอพยายามแทรกตัวผ่านฝูงชนไป
ในห้องน้ำชาย ณ ขณะนั้น เ้าหน้าปลาจวดสองตัวถูกเทปกาวพันติดไว้กับมุมอย่างกับมัมมี่ เมิ่งฉียัดรูปถ่ายสองใบพร้อมลายเซ็นไว้กับหน้าอกพวกเขา “นี่ถือเป็ค่าชดเชยที่ทำให้พวกคุณเสียขวัญ ถ้าพวกคุณยังกล้าทำเื่น่าขยะแขยงกับรูปที่มีลายเซ็นของฉันอีก ฉันจะให้คุณบอดี้การ์ดข้างหลังนั้นทำเื่สุขแบบเจ็บๆ กับพวกคุณซะแล้ว ฉันจะบอกอะไรให้นะ เขาเป็เกย์ ชอบตุ๋ยสุดๆ ไปเลยล่ะ!”
เ้าหน้าปลาจวดทั้งสองกลัวจนร่ำไห้ ต้องบอกก่อนว่าพวกเขายังไม่ทันได้ใส่กางเกงเลย ก้นก็ยังโผล่พ้นออกมาข้างนอก!
“ไหนว่ามาซิ คุณทำยังไงให้คุณอาอู๋เหนิงว่าจ้างคุณได้” เมิ่งฉีหันหลังกลับมา “เขาพูดมาโดยตลอดว่าบอดี้การ์ดน่ะเหมือนหมา ดาราส่วนมากพังเพราะบอดี้การ์ด คนขับรถ ไม่ก็ผู้ช่วยส่วนตัว เพราะฉะนั้นแต่ไหนแต่ไรมาฉันถึงไม่เคยมีคนขับรถหรือผู้ช่วยเลย แล้วเขาก็ไม่ยอมให้ฉันมีบอดี้การ์ดด้วย”
“ง่ายมาก เป็เพราะผมน่ะสุดยอด” เสิ่นิพูดยิ้มๆ
“อย่าหาว่าฉันพูดตรงเลยนะ บอดี้การ์ดหน้าตาท่าทางธรรมดาอย่างคุณยากนักที่จะประสบความสำเร็จในสายงานนี้ ยิ่งเจอกันครั้งแรกคุณก็ลากลูกค้าเข้าห้องน้ำชายด้วยแล้ว สินค้ามีตำหนิชัดๆ ใครใช้ให้คุณช้าไอ้หน้าไหนขวางทางคุณ คุณก็แค่จัดการลวกๆ ไปสิ” เมิ่งฉียืนเท้าสะเอวพลางพูดจาขวานผ่าซาก ก็แค่พ่นคำพูดที่เป็พิษออกมา “แต่ฉันน่ะใจดีนะ ฉันจะให้โอกาสคุณพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ถ้าคุณพาฉันหลบแฟนคลับออกไปได้ ฉันจะอนุโลมให้คุณคอยติดตามฉัน”
“ฮ่าๆ คุณเกรงใจผมเกินไปแล้ว” เสิ่นิยิ้มเจื่อน เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าการที่เขาเลือกเปิดบิลกับแม่นี่เขาสะเพร่าไปหรือเปล่า
5 นาทีผ่านไปเซี่ยวอี๋ก็มาถึงหน้าห้องน้ำชาย เธอทำตามที่เสิ่นิสั่งไว้โดยเอาป้าย “กำลังซ่อม” ที่เตรียมมาติดแขวนไว้ที่หน้าห้องน้ำ
จนกระทั่งเซี่ยวอี๋เข้ามา เธอก็พบบรรดาเหล่าผู้ชายที่พากันนั่งยองๆ อย่างเรียบร้อยเสียยิ่งกว่าต่อแถวเข้าห้องน้ำหญิงเสียอีก ผู้เฒ่าหลายสิบคนถูกพันไว้อย่างกับบ๊ะจ่าง และทุกคนก็ล้วนมีรูปพร้อมลายเซ็นอยู่บนอก
“เสิ่นิเหรอ นายทำอะไรอยู่น่ะ” เซี่ยวอี๋ร้องเรียก
“พวกคุณรู้จักกันเหรอใหมดเลย นึกว่าจะได้ชมกังฟูอีกรอบ รูปของฉันก็หมดแล้วด้วย” เมิ่งฉีพูดพลางลูบอกเป็การโล่งใจ
“ผมก็ไม่มีเทปแล้ว ไอ้อ้วนที่เข้ามาคนสุดท้ายนั่นใช้เทปผมไปเยอะเชียว” เสิ่นิมองดูก้อนลูกชิ้นหนักราวหนึ่งร้อยกิโลกรัมตรงหน้า เขาถอนหายใจและโยนม้วนกระดาษที่เหลือทิ้ง “เวลามีจำกัด ตอนนี้ต้องดำเนินการตามแผน B เซี่ยวอี๋ ผมอยากให้คุณกับเมิ่งฉีสลับเสื้อผ้ากัน”
หญิงสาวทั้งสองเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ติดกันและสลับชุดกันอย่างว่าง่าย
“เซี่ยวอี๋ใช่ไหม คุณว่าหน้าอกคุณใหญ่ไปหรือเปล่า คัพ C ใช่ไหม? มันหลวมมากเลย!” เมิ่งฉียังคงปากกับใจตรงกัน
“อย่าเวอร์! ไม่ขนาดนั้นซะหน่อย ของเธอก็มี ของฉันก็แค่พอดีกำมือเท่านั้นแหละ” เซี่ยวอี๋กับเมิ่งฉีพูดกันอย่างตรงไปตรงมา จู่ๆ ก็กลายเป็พี่สาวน้องสาวที่สนิทชิดเชื้อกันขึ้นมา
เหล่าผู้เฒ่าด้านนอกต่างพากับแอบฟังบทสนทนาอันเย้ายวน ครึ่งหนึ่งพากันเขินหน้าแดง อีกครึ่งหนึ่งพากันยิ้มกริ่ม แต่ที่เป็เอกฉันท์กันทุกคนก็คือเป้ากางเกงที่ตึงกันถ้วนหน้า รวมทั้งเสิ่นิที่ยืนพิงกำแพงอยู่ด้วย เป้าของเขาก็ร่วมกางเต็นท์ด้วยเหมือนกัน
ห้านาทีต่อมา สองสาวที่สลับเครื่องแต่งกายกันเสร็จแล้วก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ส่วนสูงของพวกเธอต่างกันถึง 13 เิเ เมิ่งฉีสวมเสื้อกั๊กรัดรูปให้กลายเป็เสื้อทรง Hip-hop กางเกงเดนิมรัดรูปก็กลายมาเป็กระโปรงสั้นหลวมๆ เธอไม่ได้สลับสร้อยข้อมือ มันอาจจะมีความหมายพิเศษบางอย่างกับเธอก็ได้
แม้เสื้อผ้าจะหลวมไปหน่อยก็ไม่เป็ไร เซี่ยวอี๋น่ะสิที่เสื้อรัดจนแทบแย่ เสื้อ Hip-hop ถูกหน้าอกไซส์ 32 C ดันจนปูดนูนเป็ยอดเขา กระโปรงยีนท่อนล่างถูกเปลี่ยนมาเป็ขาสั้นรัดรูป เมื่อมองจากด้านหลัง จะแอบเห็นแก้มก้นโผล่พ้นออกมาเล็กน้อย
“อื้อ ผมว่าสวยดีนะ” เสิ่นิวิจารณ์ด้วยความจริงใจ ผู้ชายสิบกว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็พยักหน้าเห็นพ้องว่าเห็นด้วย
“สวยบ้านนายสิ รัดจะตายอยู่แล้ว!” เซี่ยวอี๋ดึงขอบกางเกงไม่หยุด เธอพยายามจะซุกซ่อนก้อนที่โผล่พ้นออกมาที่ด้านหลัง
“เริ่มดำเนินการได้” เสิ่นิกล่าวอย่างจริงจัง
เซี่ยวอี๋ที่เปลี่ยนมาใส่เครื่องเสื้อผ้าของเมิ่งฉี พร้อมกับหมวกแก๊ปและแว่นตากันแดดนำออกมาจากห้องน้ำชายไปก่อน ในขณะที่แฟนคลับที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันสงสัยว่าทำไมถึงมีผู้หญิงออกมาจากห้องน้ำชาย เสิ่นิก็กระโจนออกมาจากด้านในและะโว่า “เมิ่งฉี! เธอคือเมิ่งฉี! ”
เสียงะโนั่นเหมือนกับประกายไฟ พอจุดติดปุ๊บก็ควบคุมไม่อยู่ เสียงกรี๊ดและกองเชียร์มะรุมมะตุ้มกันเข้ามา เซี่ยวอี๋จึงได้โอกาสแสดงทักษะทางด้านกรีฑาอันโดดเด่นอีกครั้ง เธอวิ่งหน้าตั้ง
ภายใต้การกรูไปของฝูงชน เสิ่นิโอบ “คนรัก” ภายใต้เสื้อสูทออกมาจากห้องน้ำชาย พวกเขาเดินไปยังบันไดซึ่งทอดลงไปสู่โซนผู้หญิง
่นั้นมีบางคนสังเกตเห็นคู่รักคู่นี้ แต่ทุกครั้งที่พวกเขาเห็นคนมอง พวกเขาก็จะจงใจกอดกันอย่างแนบชิด คลอเคลียกันเสียจนหน้าแทบจะติดกัน และแม่ดาราสาวในอ้อมกอดของเขาก็ไม่มีกลิ่นอายความประหม่าหรือความวิตกกังวลเลยสักนิด
ใบหน้าของเมิ่งฉีแนบลงกับอกของเสิ่นิ ทะลุผ่านเสื้อเชิ้ตบางๆ เธอรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า ท่าเดินอันแปลกประหลาดทำให้เธอมองไม่เห็นทาง สายตาของเธอเห็นแค่เพียงรอยแผลเป็อันสยดสยองบนเรือนร่างของเสิ่นิ ที่ผ่านลอดออกมาให้เห็นตรงช่องว่างระหว่างกระดุมเสื้อเท่านั้น
มือของเขาโอบเอวเธอแน่นราวเกราะป้องกัน มันต้านแรงปะทะของผู้คนที่สัญจรไปมา เธอรู้สึกเหมือนกับว่าอ้อมแขนของเขาเป็สถานที่อันปลอดภัยที่สุดในโลก ใบหน้าน้อยๆ ของเมิ่งฉีเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมา
พวกเขาเดินออกไปจากห้างหลินไห่เช่นนั้น มีรถตู้สีดำคันหนึ่งจอดลงตรงหน้าพวกเขาอย่างรีบร้อน
“ขึ้นรถ” อู๋เหนิงเปิดประตูออก “คู่รัก” ถูกดึงตัวขึ้นไปรถขับวนรอบห้างหนึ่งรอบ ก่อนจะจอดลงที่บริเวณลานจอดรถด้านหลัง เซี่ยวอี๋ซึ่งอยู่ในสภาพที่เสื้อผ้าแทบจะฉีกขาดผมเผ้ายุ่งเหยิง เธอยืนเท้าสะเอวอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ตามแผนหลอกล่อขั้นสุดท้ายเซี่ยวอี๋จะบอกว่าตัวเองไม่ใช่เมิ่งฉี แต่แฟนคลับชายกลุ่มหนึ่งก็ยังคงฉวยโอกาสดึงทึ้งเสื้อผ้าเธอ ทำเอาเซี่ยวอี๋เดือด เธอจับชายหื่นคนหนึ่งซึ่งแอบจับหน้าอกเธอบิดไหล่จนแขนเขาแทบหัก เล่นเอาพ่อนั่นตัวสั่นเทิ้มก่อนจะรีบหนีไป
“ไอ้เสิ่นิเวร ให้ฉันวิ่งติดกันตั้งสองวัน” เซี่ยวอี๋ที่น่องสั่นบ่นหลังจากขึ้นรถมาได้ เห็นได้ชัดว่าเธอเพิ่งจะเผชิญกับฝันร้ายมาอีกรอบ
“พี่เซี่ยวอี๋ไม่ต้องโมโหไปนะ ฉันจะหักเงินเดือนเขาเอง” เมิ่งฉีที่เรียกเธอว่าพี่สาวมีเจตนาเป็อริกับผู้ชาย แต่กลับเป็มิตรกับผู้หญิง หรือว่าเธอจะเป็ “เลสเบี้ยน”
“ฮ่าๆ ความจริงแล้วพวกเราไม่ได้เงินเดือนซักสลึงเดียวด้วยซ้ำ แค่เลี้ยงข้าวพวกเราก็พอ” เซี่ยวอี๋รู้สึกว่าตัวเองเริ่มสับสน
“เลิกหาเื่ได้แล้ว เมิ่งฉี เมื่อครู่นี้นักออกแบบท่าเต้นโทรมาบอกว่าเขาออกแบบท่าเต้นสำหรับนัดชิงชนะเลิศเสร็จแล้ว ให้เราเข้าไปดู ไคว่จุ่ยหวาก็อยู่ที่นั่นด้วย จะได้คุยกันเื่ขั้นตอนการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ” อู๋เหนิงกลับสู่โหมดการทำงานของผู้จัดการระดับเหรียญทอง
“ฮะ ไม่ได้บอกให้หนูพักผ่อนหรอกเหรอคะวันนี้” เมิ่งฉีทำเสียงออดอ้อน
“จะไปวิ่งหนีหน้าตั้งที่ห้างอื่นอีกหรือไง” อู๋เหนิงเอ็ดตะโร “ไม่ใช่ว่าอาจะว่าเธอหรอกนะ แต่ว่าเธอประมาทเกินไปกับรอบชิงชนะเลิศ จนวันนี้แล้วเธอก็ยังไม่เลือกเพลงสุดท้ายที่เธอจะแข่งเลย แม่ชาเขียวคู่แข่งของเธอน่ะตัดสินใจร้องเพลง ‘Billie Jean’ ของไมเคิล แจ็กสันั้แ่เมื่อเดือนก่อนแล้ว ซ้ำยังเชิญเหล่านักออกแบบท่าเต้นมืออาชีพมาจากอเมริกาด้วย และหนึ่งในนั้นก็มีคนที่เคยทำต้นฉบับของไมเคิล แจ็กสันอยู่ด้วย เรียกว่าจัดเต็มมาก”
“หนูรู้ว่าเวลามันเร่งรัด แต่อาหานักแต่งเพลงมาเปลี่ยนคำร้องซะจนหนูเวียนหัวไปหมดแล้ว แล้วไหนยังจะให้หนูเรียนท่าเต้นแบบเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีอีก!” เมิ่งฉีถอนหายใจพลางทำหน้าน่ารัก “ถ้าอย่างนั้นอาก็ให้หนูร้องเพลงที่หนูแต่งสิ ยังไงซะสองปีที่ผ่านมานี้หนูก็สร้างผลงานนองเืเอาไว้ไม่น้อย หนูรับรอง 100% เลยว่าหนูจะทุ่มเทสุดความสามารถ!”
“ไม่ได้!” อู๋เหนิงปฏิเสธอย่างไม่ไยดี “อาบอกเธอตั้งกี่หนแล้วว่าการแข่งขันระดับนี้การร้องเพลงใหม่นั้นเป็เื่ต้องห้าม เปลี่ยนเป็ท่าเต้นโชว์นมโชว์ก้นโชว์ขาสิถึงจะปัง ยุคกระแสนิยมแบบนี้ ใครเขาจะไปมีอารมณ์ฟังเพลงช้ากัน”
“พูดง่ายจัง คนดูไม่ได้มีแต่คุณอานะคะ อกหนูก็คัพ A ขาก็สั้น ตูดก็ปอด อาจะให้หนูเอาอะไรไปโชว์คะ” เมิ่งฉีพูดจาล้อเลียนตัวเอง ทำเอาเซี่ยวอี๋ขำไปด้วย
เป็ดาราเวลาก็จะเร่งรีบแบบนี้ บอกให้พักผ่อนพอบอกหมดเวลาก็คือหมดเวลา เมิ่งฉีดึงม่านกั้นหลังรถตู้ลงเพื่อเปลี่ยนเป็เชิ้ตสีขาว และคืนเสื้อผ้าให้กับเซี่ยวอี๋
รถตู้ขับเข้าไปยังสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลินไห่ นี่คือสถานที่จัดงาน The Voice of China ในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งสามารถจุกองเชียร์ได้ถึงสองหมื่นคนในคราเดียว
ทันทีที่รถหยุดลง งานก็เข้าทันที อู๋เหนิง้าที่จะไปหาไคว่จุ่ยหวาก่อนเพื่อทราบถึงระเบียบขั้นตอน เซี่ยวอี๋กลายมาเป็ผู้ช่วย รับผิดชอบการย้ายของกระจุกกระจิกไปยังห้องแต่งตัวของเมิ่งฉี ส่วนเมิ่งฉีและเสิ่นิก็ล่วงหน้าไปดูฉากเวที
บรีฟงานอยู่กับเ้าหน้าที่อยู่นานสองนาน ในที่สุดเมิ่งฉีก็ได้เข้ามาถึงสนามฟุตบอล เวทีซึ่งกำลังจะเสร็จสมบูรณ์ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางสนามฟุตบอล ราวกับกำลังกวักมือเรียกเธออยู่
เมิ่งฉีไม่ได้ขึ้นเวทีใหญ่ขนาดนี้มานานมากแล้ว การร้องเพลงต่อหน้าผู้ชมกว่าหมื่นชีวิต เมื่อนึกย้อนกลับไป เธอเคยได้ออกคอนเสิร์ตอยู่สองสามครั้งเมื่อ 4 ปีก่อน แต่ต่อมาก็มีข่าวเสียๆ หายๆ ทั้งิ่ประมาท ทะเลาะวิวาท หมกเม็ดปกปิดเื่ราวอันไม่น่ารื่นรมย์ต่างๆ
“คุณว่ามันสวยไหม” เมิ่งฉียืนอยู่ตรงประตูทางออก ดวงตาของเธอจับจ้องไปยังเวทีด้วยความหลงใหล
“เวทีที่มีแต่กองเหล็กนี่ ใช้คำว่าสวยได้ด้วยเหรอ” เสิ่นิยืนเอามือสอดกระเป๋ากางเกงไว้พลางมองไปยังเมิ่งฉีที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาอยากจะบอกว่า สีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของสาวน้อยเมิ่งฉีตอนนี้ต่างหากถึงจะเรียกว่าความสวยงาม
“ผู้ชายดิบเถื่อนอย่างคุณจะไปเข้าใจความงามของเวทีการแสดงได้ยังไง มันก็เหมือนกับม้าขาวของเ้าชาย รองเท้าแก้วของซินเดอเรลล่า ปีกของนางฟ้า มันเป็ดาวมฤตยูของเทพเ้า ทุกเวทีล้วนมีชีวิต มีแต่ผู้ที่มีหัวใจน่ายำเกรงเท่านั้นแหละ ถึงจะขึ้นไปเดินบนนั้นได้เพื่อที่จะขับกล่อมบทเพลงอันไพเราะ”
เสิ่นิยืนอยู่ด้านล่างเวที เขากลายเป็ผู้ชมคนแรกของเมิ่งฉี...