สำหรับเซี่ยวอี๋แล้ว ทุกอย่างเหมือนดั่งเทพนิยายเื่ซินเดอเรลล่า เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เธอยังสวมชุด GUCCI ราคาแสนสอง นั่งจิบไวน์องุ่นอยู่ในโรงแรมหกดาวอยู่เลย เป็ประหนึ่งเ้าหญิงที่ดึงดูดสายตานับไม่ถ้วน ทว่าตอนนี้ เธอกลับมาสวมเสื้อกั๊กรัดรูปลดราคาที่ซื้อมาจากตลาดนัดกลางคืน กางเกงเดนิมสีซีด รองเท้าผ้าใบ New Balance ซอมซ่อ นั่งอยู่ข้างหน้าต่างร้าน KFC และกำลังดื่มแอปเปิลโซดาด้วยโปรโมชั่นซื้อแก้วที่สองลดครึ่งราคา
แม้เธอจะดึงดูดสายตาชายหนุ่มได้ไม่น้อยเช่นก่อนหน้า แต่ชายหนุ่มพวกนั้นต่างก็กำลังดูดนิ้วหลังจากแทะไก่รสดั้งเดิม เซี่ยวอี๋ทนมองหน้าพวกเขาไม่ไหว
ส่วนทางด้านของเสิ่นิและอู๋เหนิงก็กำลังเชือดเฉือนกันอย่างดุเดือด พวกเขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกันมาตลอดทางจนถึงห้างหลินไห่ กระทั่งนั่งลงแล้ว พวกเขาก็ยังเจรจากันไม่จบ หลักๆ แล้วก็ต่อรองราคาค่าจ้าง และในที่สุด อู๋เหนิงก็ต้องยอมจำนน เขาถอนหายใจพลางเซ็นชื่อและดันเอกสารสัญญาว่าจ้างบอดี้การ์ดให้เสิ่นิ
“ตามที่ตกลงกันไว้ ระยะเวลาการคุ้มครองคือ 7 วัน กระทั่งเมิ่งฉีทำการแข่งขันรายการ The Voice of China ในรอบชิงชนะเลิศจบ ระหว่างนี้ บริษัทรักษาความปลอดภัยตระกูลเสิ่นจะให้ความคุ้มครองฟรีตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดอะไรขึ้นกับเมิ่งฉี ทางคุณจะต้องชดใช้ด้วยเงินจำนวนสิบล้านหยวน ตามมาตรฐานบริษัทรักษาความปลอดภัย
หากระยะเวลาการคุ้มครองผ่านพ้นไปได้โดยราบรื่น ผมรับปากว่าจะเอ่ยชื่อบริษัทคุณในระหว่างการสัมภาษณ์ขนาดกลาง และกล่าวขอบคุณใน่เวลาไม่เกิน 5 วินาที ถือเป็ค่าตอบแทน” อู๋เหนิงคิดว่ามันไม่ควรเรียกว่าสัญญาด้วยซ้ำ เพราะมันไม่ต่างอะไรกับหนังสือรับรองเลย เสิ่นิไม่แม้กระทั่งก้มลงอ่านสัญญานั่น เขาเซ็นชื่อลงบนเอกสารรับรองโดยไม่ลังเล สิ่งที่เขา้าก็คือชื่อเสียงและการได้รับการขนานนามว่าเป็ขาใหญ่
“ตอนนี้พาผมไปพบนายจ้างได้หรือยัง” เสิ่นิพุ่งเข้าหางานทันที
“ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก อีก 10 นาทีกว่าเธอจะมาถึง” อู๋เหนิงเอนกายบนเก้าอี้ไม้ สายตาของเขาเสมองไปยังหน้าปัดนาฬิกา Rolex ที่อยู่บนข้อมือ “ั้แ่เข้าร่วมรายการ The Voice of China ฉีฉีของผมก็ไม่ได้พักผ่อนมาสามเดือนแล้ว วันนี้ผมก็เลยปล่อยให้เธอได้พักสักหนึ่งวัน เธอจะมาชอปปิง” อู๋เหนิงยังคงหน้านิ่ว
“ประทานโทษนะ ่หัวเลี้ยวหัวต่ออย่างนี้ คุณยังปล่อยให้เธอไปไหนมาไหนคนเดียวอีก…นี่คุณเป็ผู้จัดการแบบไหนกัน” เสิ่นิว่ากระทบ
“คุณรู้จักเธอมานานแค่ไหน ผมอยู่กับเธอมาสามปีแล้ว แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ยังจนปัญญา ไม่สามารถทำให้แม่สาวน้อยคนนี้เชื่องได้ เมื่อ 4 ปีก่อน ตอนที่เมิ่งฉีอายุ 18 ปีกว่า เธอคว้าตำแหน่งสาวมั่นมาครองได้ด้วยการร้องบทเพลงบุปผารำพัน ซึ่งได้รับความนิยมเป็อย่างมาก เพราะฉะนั้นผมจึงพยายามอย่างหนัก เพื่อที่จะได้เป็ผู้จัดการของเธอ
ผมไม่เคยมองใครพลาด เธอเพียบพร้อมไปด้วยคุณลักษณะของอัญมณีชิ้นงาม แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ทำให้ผมผิดหวัง เพราะนอกจากผลงานในปีแรกแล้ว หลังจากนั้นก็มีแต่ข่าวเสียๆ หายๆ ไม่ว่าผมจะอบรมเธอสักเท่าไร เธอก็ไม่เชื่อฟัง จนกระทั่งเกิดเื่ที่ฮ่องกงเมื่อสองปีก่อน เธอจึงโดนบริษัทแบน ผมก็เลยซวยไปด้วยจนถึงตอนนี้
นี่ถ้าไม่ใช่เพราะผมใช้เส้นสายที่มีอยู่ ดันเมิ่งฉีให้เข้าไปในเวที The Voice of China คุณก็คงไม่ได้พาผู้หญิงคนนี้มาอ่อยผมหรอก” อู๋เหนิงมองกลับไปที่เสิ่นิอย่างเหยียดหยาม “เด็กน้อย วงการบันเทิงน่ะซับซ้อนกว่าที่คุณคิด ความเสี่ยงและผลประโยชน์เป็ของคู่กัน บางครั้ง เพื่อที่จะได้รับโอกาส คุณจำต้องไปหลับนอนกับใครสักคน และบางทีก็ต้องเดิมพันด้วยชีวิต
ผมไม่เคืองที่คุณใช้วิธีสกปรกกับผม เพราะความไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องด้วยกลเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของคุณนั้น มันเหมือนกับพฤติกรรมของผมในสมัยก่อนมาก”
“คุณอยากได้ผมเป็ลูกชายเหรอ” เสิ่นิยิ้ม
“ผมไม่สนลูกชายบุญธรรมหรอก แต่ถ้าเป็ลูกสาวบุญธรรมละก็ว่าไปอย่าง” ว่าแล้วอู๋เหนิงก็หันไปจ้องเซี่ยวอี๋ซึ่งนั่งอยู่ข้างเสิ่นิตาเป็มัน แววความปรารถนาเปล่งประกาย หากแต่ความปรารถนานั้นไม่ใช่เชิงชู้สาว แต่กลับเป็ความทะเยอทะยานในการที่จะเจียระไนอัญมณีเม็ดงาม
10 นาทีผ่านไปโดยที่ไม่ทันได้รู้ตัว ที่นอกร้าน KFC มีหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เธอสวมหมวกแก๊ปสะพายเป้นักเรียนกำลังผลักประตูหมุนเดินเข้ามาในห้างหลินไห่
เธอสูงไม่ถึง 155 เิเ สวมรองเท้า Converse ส้นเตี้ย ถุงน่องดำยาวถึงหัวเข่า มันเข้ากันดีชุดกับกระโปรงยีนทรงบาน เสื้อยืด Hip-hop ตัวโคร่ง ตรงอกมีลายหัวใจห้าแฉกสีเหลือง เธอสวมแว่นกันแดดเพื่อบดบังใบหน้า ข้อมือขวาสวมสร้อยข้อมือสีดำเส้นโต ให้ความรู้สึกอ่อนโยน นุ่มนวล และเข้าถึงง่าย
ใครจะไปคิดละว่าแม่โลลิน้อยที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าทั้งชุดรวมกันราคาไม่ถึง 600 หยวน ที่จริงแล้วคือนักร้องยอดนิยมเมิ่งฉี
เมิ่งฉียืนอยู่ตรงหน้าประตู เธออ้าแขนสองข้างออกกว้างพร้อมกับสูดหายใจเข้าเต็มปอด นี่สินะ รสชาติแห่งอิสรภาพ การชอปปิงได้อย่างไร้ขีดจำกัดแบบนี้สิ ถึงจะเป็แรงจูงใจในการมีชีวิตอยู่ของผู้หญิง
การฝึกอบรม การสัมภาษณ์บ้าบออะไรกัน! เมิ่งฉีก้าวเดินไปยังชั้นหนึ่งซึ่งมีผู้คนพลุกพล่าน มันเป็แหล่งรวมร้านรวงของหญิงสาว มีทุกสรรพสิ่งให้เลือกสรรในราคาย่อมเยา ที่ชั้นหนึ่งนี่ได้รับความนิยมเป็อย่างมาก ในวันหยุดพักผ่อนเช่นนี้ ย่อมแออัดไปด้วยผู้คน
“มาในที่ชุมชนแบบนี้ ไร้สาระสิ้นดี” เสิ่นิลากเซี่ยวอี๋ให้ลุกขึ้นยืน “ไป ทำหน้าที่กัน”
เมื่อเห็นบอดี้การ์ดทั้งคู่ทุ่มเทกับงานเช่นนี้ อู๋เหนิงก็กระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความอิ่มเอมใจ เขาจะได้เสพสุขกับวันพักผ่อนของเขาต่อไป
“แม่ค้าคะ ลดราคาหน่อยได้ไหม” เสียงดังเซ็งแซ่ในโซนร้านขายของผู้หญิง เมิ่งฉีแทรกตัวเข้าไปในร้านขายการ์ดคริสตัล เธอต่อรองราคากับสาวอวบซึ่งเป็เ้าของร้านขายของกระจุกกระจิก
“ร้านเล็ก ห้ามต่อ” เ้าของร้านเ้าเนื้ออคติกับคนผอม นางพูดอย่างเ็าในขณะที่กำลังกินไก่อยู่
“320 นี่ลดให้ 20 ก็ได้ ให้ฉันได้สนุกกับการต่อราคาหน่อย น่านะ” เมิ่งฉีเอียงหัวทำเสียงอ้อน
“ร้านเล็ก ห้ามต่อ” เ้าของร้านยังคงย้ำคำเดิม
“เอาอย่างนี้ไหม คุณอย่าบอกใครนะ ฉันจะแจกลายเซ็นให้คุณ คุณลดให้ฉัน 20 นะ” เมิ่งฉีเริ่มมองซ้ายมองขวาอย่างกับโจร ด้านนอกร้านมีผู้คนเดินกันขวักไขว่ แต่ในร้านไม่ได้มีลูกค้าคนอื่น
“แจกลายเซ็นเหรอ คุณเป็ดาราหรือยังไง” สาวอวบเ้าของร้านถึงได้เงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวที่สวมหมวกแก๊ปกับแว่นกันแดดสีดำอันโต
“ก็ใช่น่ะสิ สวัสดีค่ะ ฉันเมิ่งฉี” เมิ่งฉียิ้มพลางถอดแว่นกันแดดออกจากกรอบหน้า เพื่อที่จะได้สนุกกับการต่อรองราคา เธอถึงกับยอมขายหน้าแบบนี้!
เ้าของร้านอวบอ้วนกะพริบตามองเมิ่งฉีที่อยู่ตรงหน้าเธอด้วยความตกตะลึง และทันใดนั้น เธอก็ทำอาหารกลางวันหลุดมือ ก่อนจะอุทานด้วยเสียงดังแปดหลอดเหมือนป้าซูซาน มิลเลอร์ “ว้าย! เมิ่งฉีมาเดินร้านฉัน! อ๊ะ! มีดาราดังมาเดินร้านฉัน!”
เสียงกรี๊ดทำเอาเมิ่งฉีใ เธอรีบสวมแว่นกันแดดกลับคืนพร้อมส่งเสียง “ชู่” แต่ใครจะคิดล่ะว่าพลังปอดของเ้าของร้านอวบอ้วนจะดีมากขนาดนี้ เธอกรี๊ดต่อเนื่องอยู่ประมาณ 30 วินาที นี่ถ้าเข้าประกวด The Voice of China คงจะปังยิ่งกว่าเมิ่งฉีแล้วล่ะ
เสียงกรี๊ดอย่างกับหมูโดนเชือด ฝูงชนมุงที่นอกประตูร้านทันที เพื่อรอชมความสนุกสนาน
“คุณนี่แย่มาก ฉันจะไม่มาซื้อของที่ร้านคุณอีก! ห่วย! ห่วยมาก!” เมิ่งฉีวางการ์ดลง และไม่ทันรอให้ฝูงชนมีปฏิกิริยาใดๆ เธอรีบแทรกตัววิ่งหนีออกมาทันที
“เธอ...เธอคือเมิ่งฉี!” ในที่สุดเ้าของร้านอวบอ้วนก็สงบลง ประโยคนั้นทำเอาคนนอกร้านพากันแตกตื่น
เมิ่งฉีเหรอ?! นักร้องที่ตอนนี้ฮอตที่สุดในประเทศ ในโลกออนไลน์โหวตให้เธอเป็“นักร้องในฝัน” (อันดับหนึ่งคือสี่ดรุณี) อันดับสองเชียว ข่าวว่าเธอมาเดินตลาดนัดผู้หญิงนั้นเหมือนกับใครมาโยนะเิทิ้งไว้ แฟนคลับเริ่มคลุ้มคลั่ง พวกเขาต่างส่งเสียงร้องะโเรียก “เมิ่งฉี” และวิ่งตามกันเป็กองทัพ
“ตายแล้ว! ตายแล้ว! ถ้าอู๋เหนิงรู้เข้าต้องโดนด่าแน่!” เมิ่งฉีวิ่งสับแขน น่าเสียดายที่ขาเรียวสั้นนั้นวิ่งได้ไม่เร็วนัก ฝูงชนที่วิ่งไล่ตามมามีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และทันใดนั้นเองก็มีแขนยื่นออกมาจากด้านหลัง ดึงเธอเข้าไปยังห้องเล็กๆ ราวกับนกอินทรีคว้าจับลูกเจี๊ยบ
“นี่คุณ!” เมิ่งฉียังไม่ทันได้ต่อว่าอะไรก็ถูกกดร่างเข้ากับกำแพง ปากของเธอถูกอุดไว้ เมิ่งฉีตื่นตระหนก เธอพยายามจะขัดขืน แต่ชายตรงหน้ากลับนิ่งราวกับรูปปั้นเหล็ก
ณ ขณะนั้น ฝูงชนที่วิ่งตามมาก็ไม่ทันได้เห็นเธอและวิ่งผ่านไป เมิ่งฉีเพิ่งจะได้กลิ่นอันกวนใจ และโถฉี่ที่อยู่ติดกับผนังนั่นก็ทำให้เมิ่งฉีคิดได้ในทันทีว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่ในห้องน้ำชายในตำนาน
ในชีวิตนี้ เมิ่งฉีเคยไปมามากมายหลายที่ แต่นี่เป็ครั้งแรกที่เธอได้มาเยี่ยมชมห้องน้ำชาย เธอไม่ได้รู้สึกพิสมัย แต่กลับคลื่นไส้และอยากอาเจียน ที่แท้พวกผู้ชายก็ยืนฉี่อยู่หน้าของเล่นพวกนี้นี่เอง ฉี่บนพื้นก็ยังไม่ทันแห้งดีเลย น่าขยะแขยงสิ้นดี!
“ฟังนะ ผมเป็บอดี้การ์ดที่อู๋เหนิงว่าจ้างมา รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของคุณ ถ้าไม่อยากแจกลายเซ็นจนนิ้วพังล่ะก็ฟังผมซะ” เสิ่นิโชว์สัญญาที่ทำกับอู๋เหนิงพลางปล่อยมือออกจากเมิ่งฉี
“ขอบคุณที่ช่วยฉันเมื่อครู่นี้นะ” หลังจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่ เมิ่งฉีก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณเป็บอดี้การ์ดคนแรกที่พาฉันเข้าห้องน้ำชาย ถือเป็การตอบแทน ฉันไล่คุณออก เงินสักแดงเดียวฉันก็จะไม่ให้ ไอ้โรคจิต”
แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าก็ดังใกล้เข้ามา เสิ่นเมิ่งไม่สนว่าเมิ่งฉีจะเต็มใจหรือไม่ เขาดึงเธอเข้าไปหลบอยู่ระหว่างกำแพงด้านหลัง เมิ่งฉีพยายามดิ้นรน ที่ด้านนอกกำแพงกั้นบางๆ นั่น มีเสียงของชายหน้าปลาจวดสองคนเดินเข้ามาอย่างระริกระรี่
“เฮ้ คุณได้ยินหรือเปล่า เมิ่งฉีอยู่ที่นี่นะ! มีคนเห็นหล่อน!” นาย A อุทานพร้อมรูดซิปลง
“โม้หรือเปล่า จะเป็ไปได้ยังไง แต่จะว่าไป ผมก็ชอบน้องสาวโลลิคนนั้นมากเลยนะ ตัวเล็กๆ น่ารัก เมื่อคืนผมก็จัดกับรูปเธอไปรอบหนึ่ง!” นาย B พูด
“ฮ่าๆๆ บังเอิญจัง ผมก็เหมือนกัน” นาย A แสยะยิ้ม
และด้วยเหตุนั้นเอง เมิ่งฉีก็เหมือนถูกกระตุกเส้นประสาท เธอพุ่งตัวออกไปจากชั้นกำแพงกั้น ยืนอยู่ด้านหลังของชายทั้งคู่ สองมือเท้าสะเอวและผิวปาก “เฮ้!”
ชายสองคนนั้นยืนบื้อ พอพวกเขาหันกลับมา ไอ้ของที่อยู่ในมือก็หันตามมาด้วย ทำให้ต่างฝ่ายต่างฉี่รดกางเกงเพื่อน
เมิ่งฉีทนภาพอนาจารนั้นแไม่ไหว เธอเอียงศีรษะแล้วพูดอย่างหัวเสียว่า “พวกแก ไอ้โรคจิตทั้งสองคน ชอบจัดกับรูปฉันไม่ใช่เหรอ ตัวจริงอยู่นี่แล้วไง! มาจัดให้ฉันดูหน่อยซิ!”
นายหน้าปลาจวดสองคนนั้นเคยต่อสู้แบบนี้ที่ไหนกัน อย่าว่าแต่เถียงกับเทพธิดาเลย แค่พูดด้วยสองสามคำก็ตัวสั่นแล้ว เมื่อได้ประจันหน้ากับแม่เทพธิดาดาราดังอย่างเมิ่งฉี พวกเขาก็เหวอกันจนแทบหัวใจวาย
“ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมอู๋เหนิงถึงเอาแม่นี่ไม่อยู่ แสบเหลือเกิน…” เสิ่นิถอนหายใจพลางหยิบเทปกาวออกมาม้วนหนึ่ง ก่อนจะเดินตรงไปยังนายหน้าปลาจวดสองคนนั่น “ขออภัยด้วย ต้องทำให้คุณทั้งคู่ผิดหวังแล้ว…”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้