“ เด็กต่อสู้กัน ผู้ใหญ่อย่ายื่นมือเข้าแทรกดีกว่ากระมัง ?”
และยามนี้เอง ชายร่างใหญ่ของสำนักหลิงอวิ๋นเดินออกมาท่ามกลางกลุ่มคนด้านหลังที่ส่งเสียงเอะอะไม่หยุด ย่างก้าวอย่างเชื่องช้ามาหยุดอยู่ข้างกายของเนี่ยเทียน มองสามีภรรยาหยวนชิวอิ๋งด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“เ้าเป็ใครรึ? มีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนข้าไม่ทราบ?” ไฟโทสะของหยวนชิวอิ๋งปะทุขึ้นสูงจนยับยั้งมิได้
“ลี่ฝานรึ?” อวิ๋นจื้อกั๋วมองชายร่างใหญ่ด้วยสายตาตกตะลึง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดึงรั้งเสื้อของหยวนชิวอิ๋งโดยไม่รู้ตัว
“ข้าผู้แซ่ลี่เอง” ลี่ฝานแค่นเสียงพูด
เนี่ยเฉี่ยนที่ตื่นตะลึงจึงร้อนรนคล้ายเคยได้ยินชื่อลี่ฝานผู้นี้มาก่อน เมื่อนางรู้ว่าชายร่างใหญ่เบื้องหน้านี้คือลี่ฝานจากสำนักหลิงอวิ๋น ดวงตาพลันฉายประกายความยินดีออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านลี่ โปรดช่วยทวงคืนความยุติธรรมให้พวกเราด้วย!” เนี่ยเฉี่ยนรีบพูดขึ้นทันใด
ลี่ฝานพยักหน้า พูดด้วยเสียงอันดังว่า “เ้าพาเด็กผู้นั้นกลับตระกูลเนี่ยไปก่อน ข้าอยากจะเห็นนักว่าใครมันจะกล้าขัดขวางพวกเ้า!”
หยวนชิวอิ๋งที่วางอำนาจบาตรใหญ่ในเมืองเฮยอวิ๋นมาโดยตลอด หลังจากได้ยินลี่ฝานพูดชื่อของตัวเองออกมาก็สงบสติลงได้ภายในพริบตา
นางไม่กล้าขัดแย้งกับลี่ฝานผู้นี้ แต่ก็ยังใช้สายตาเคียดแค้นจ้องเขม็งไปยังเนี่ยเฉี่ยนและเนี่ยเทียนอยู่
“เสี่ยวเทียน พวกเราไปกันเถอะ” เนี่ยเฉี่ยนจับมือเนี่ยเทียน ไม่เปิดโอกาสให้เนี่ยเทียนได้พูดก็กระชากแขนเขา พาเดินออกไปจากหน้าหอหลิงเป่าอย่างรวดเร็ว
ขณะที่เนี่ยเทียนเดินจากไป ก็คอยหันหน้ากลับมามองสามีภรรยาอวิ๋นจื้อกั๋วและลี่ฝานอยู่ตลอดเวลา
“ท่านป้าใหญ่ ลี่ฝานผู้นั้น...คือใครหรือขอรับ? เหตุใดหญิงร้ายกาจนางนั้น และคนตระกูลอวิ๋นถึงได้หวาดกลัวเขานัก?” เนี่ยเทียนเอ่ยถาม
“ลี่ฝานคือลูกศิษย์ของเ้าสำนักหลิงอวิ๋น เป็นักพรตผู้ฝึกลมปราณในขอบเขตต้น์ ต่อให้อวิ๋นเิประมุขตระกูลอวิ๋นอยู่ที่นี่ก็ยังไม่กล้าหือ” เนี่ยเฉี่ยนอธิบายเสียงเบา
“ขอบเขตต้น์!” เนี่ยเทียนตะลึง
เท่าที่เขารู้มา อวิ๋นเิของตระกูลอวิ๋นเพิ่งจะเหยียบย่างเข้าสู่ขอบเขตต้น์ได้อย่างยากลำบากเมื่อไม่กี่ปีก่อนเท่านั้น
อวิ๋นเิที่เหยียบย่างเข้าสู่ขั้นต้น์จึงกลายเป็บุคคลผู้ยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองเฮยอวิ๋น และก็ด้วยเหตุนี้ ตระกูลอวิ๋นถึงได้นั่งทับอยู่บนหัวของตระกูลเนี่ยได้อย่างง่ายดาย
ลี่ฝานไม่ได้เป็เพียงนักพรตผู้ฝึกลมปราณขอบเขตต้น์เท่านั้น ทั้งยังเป็ลูกศิษย์ของเ้าสำนักหลิงอวิ๋นด้วย ไม่ว่าจะเป็สถานะหรือความสามารถก็ล้วนแข็งแกร่งยิ่งกว่าอวิ๋นเิ
มีตำแหน่งฐานะและความสามารถเช่นนี้ขวางกั้น อวิ๋นจื้อกั๋วย่อมไม่กล้าปล่อยให้หยวนชิวอิ๋งก่อเื่วุ่นวายเป็แน่ ทำได้เพียงยอมอ่อนข้อให้เท่านั้น
“คราวนี้โชคดีจริงๆ ที่ท่านลี่อยู่ด้วยพอดี มิฉะนั้นหยวนชิวอิ๋งไม่มีทางยอมเลิกราง่ายๆ แน่นอน ข้ารู้จักผู้หญิงคนนี้ดี” เนี่ยเฉี่ยนแอบรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีนัก “เ้านี่นะ ไม่เคยทำให้วางใจได้เลย หยวนชิวอิ๋งนางปากเปราะก็ปล่อยนางไป แค่ไม่ต้องไปสนใจนางก็พอแล้ว หลายปีมานี้ ไม่ว่าคำพูดเลวร้ายแค่ไหน นางก็พูดกับข้ามาหมดแล้ว แต่ข้าก็ยังมีชีวิตอยู่ดีมิใช่หรือ?”
“คำพูดของคนไม่สามารถสร้างความเ็ปที่แท้จริงได้เสียหน่อย ทนๆ เอาเดี๋ยวก็ผ่านไปได้เอง”
“ตอนนี้เ้าควรเอาพละกำลังทั้งหมดไปไว้ที่การฝึกบำเพ็ญตบะมากกว่า หากเ้าสามารถฝ่าทะลุขั้นหลอมลมปราณเก้าได้ตอนอายุสิบห้า กลายเป็ลูกศิษย์ที่แท้จริงของสำนักหลิงอวิ๋น ป้าใหญ่ถึงจะได้มีความหวังทวงคืนความยุติธรรมจากความอัปยศที่ได้รับอย่างไรเล่า”
“ท่านป้าใหญ่วางใจเถอะ ข้าไม่มีทางทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน!” เนี่ยเทียนกล่าวอย่างหนักแน่น
“ป้าใหญ่เชื่อเ้า” เนี่ยเฉี่ยนยิ้มแย้มแล้วพูดขึ้นมาอีกว่า “แต่ว่า แม้วิธีการของเ้าจะไม่เหมาะสม ทว่าคำพูดที่เ้าตอกกลับหยวนชิวอิ๋งไป ป้าใหญ่ฟังแล้วรู้สึกดีมากเลยล่ะ”
“ฮ่าๆ” เนี่ยเทียนเองก็หัวเราะขึ้นมาอย่างดีใจเช่นกัน
“สวัสดี เ้ามีนามว่าอะไรรึ?” ขณะที่เนี่ยเฉี่ยนและเนี่ยเทียนกำลังจะเดินพ้นไปนั้นเอง เด็กหญิงที่ก่อนหน้านั้นยืนอยู่กับลี่ฝานอยู่ๆ ก็วิ่งเข้ามาหา จ้องมองเนี่ยเทียนด้วยความสนใจ ในดวงตาเฉลียวฉลาดเปล่งประกายระยิบระยับ
“ข้าชื่อเนี่ยเทียน”
เนี่ยเทียนที่อารมณ์ดีหลังจากเอาชนะอวิ๋นซงได้ รอยยิ้มบนใบหน้าจึงยังไม่เหือดหาย เอ่ยปากตอบอย่างไม่คิดมาก
“ข้าชื่อเจียงหลิงจู” เด็กหญิงผู้มีดวงตาสุกใสเป็ฝ่ายบอกชื่อด้วยตัวเอง ยิ้มตาหยีเอ่ยถาม “เ้าเอาชนะเ้าหมอนั่นได้อย่างไรรึ?”
แซ่เจียง ชื่อหลิงจู...” เนี่ยเฉี่ยนสีหน้ากระตุกเล็กน้อย ตอนที่มองไปยังเด็กหญิงผู้นั้นดวงตาฉายแววแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด
“ไอ้เ้าคนที่ชื่ออวิ๋นซงนั่นหรือ?” เนี่ยเทียนหัวเราะฮ่าๆ ส่ายหัวกล่าวว่า “ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก แค่ฝีมือเขามันอ่อนด้อยเกินไปเท่านั้นเอง”
“เขาอ่อนด้อยเกินไปรึ?” เจียงหลิงจูหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง พูดด้วยความสนใจ “เ้ามากกว่าที่เป็ฝ่ายอ่อนด้อยกระมัง? ขอบเขตเขาสูงกว่าเ้าถึงสามขั้นเชียวนะ!”
“ใครบอกว่าขอบเขตสูงกว่าแล้วจะต้องชนะเสมอไปเล่า?” เนี่ยเทียนแสร้งทำท่าใ พูดด้วยท่าทางวางอำนาจ “ั้แ่เล็กจนโต คู่ต่อสู้ของข้าล้วนขอบเขตสูงกว่าข้าทั้งนั้น แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องนอนหมอบอยู่แทบเท้าข้าอยู่ดี”
“เก่งขนาดนี้เชียวรึ?” เจียงหลิงจูยิ่งสนใจมากยิ่งขึ้น “ถ้าเป็เช่นนี้ วันหน้าเ้าก็ต้องเข้าไปอยู่ในสำนักหลิงอวิ๋นอย่างนั้นสิ?”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว!” เนี่ยเทียนเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“ฮ่าๆ ข้าจะรอคอยวันที่เ้าถูกสำนักหลิงอวิ๋นรับขึ้นเขาไปอย่างเนี่ยเสียน” เจียงหลิงจูยิ้มตาหยี
“แน่นอน” เนี่ยเทียนเองก็ไม่ถ่อมตัวแม้แต่น้อย
“เนี่ยเทียน เ้าเป็คนที่น่าสนใจมาก ข้าจะจำเ้าเอาไว้” เจียงหลิงจูโบกมือ ะโโลดเต้นไปหาลี่ฝาน เดินไปพลางหันกลับมาพูดว่า “ข้าชื่อเจียงหลิงจู เ้าก็จำข้าไว้ด้วยนะ ต่อไปพวกเรายังจะต้องได้เจอกันอีก”
“อ้อ” เนี่ยเทียนพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“เจียงหลิงจูกับลี่ฝานเป็...” เนี่ยเฉี่ยนเหม่อมองเด็กหญิงผู้นั้นที่จากไป
“ป้าใหญ่ พวกเรากลับกันไหมขอรับ?” เนี่ยเทียนเอ่ยเร่ง
“อ้อ ได้สิ พวกเรากลับกันเถอะ” เนี่ยเฉี่ยนคล้ายคืนสติกลับมากะทันหัน นางไม่ได้พูดอธิบายสิ่งใดกับเนี่ยเทียนนัก และเดินจากไปพร้อมกับเขา
ในจวนตระกูลเนี่ยประดับประดาด้วยผ้าและโคมไฟสวยงาม เสียงผู้คนดังอึกทึกไปทั่วจวน
รอจนเนี่ยเทียนและเนี่ยเฉี่ยนกลับมาจากหอหลิงเป่าก็พบว่าบนใบหน้าของคนตระกูลเนี่ยทุกคนที่พวกเขาเห็นล้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้มเบิกบานใจ
“นายน้อยใหญ่กลับมาแล้ว เขาไปอยู่สำนักหลิงอวิ๋นได้ไม่กี่ปี ตอนนี้อยู่ในขอบเขต่กลางของท้าย์แล้ว นายน้อยใหญ่อยู่ในสำนักหลิงอวิ๋นได้อย่างมั่นคง ต่อไปตระกูลเนี่ยของเราย่อมโชติ่ชัชวาลอย่างแน่นอน”
“ได้ยินมาว่าคราวนี้นายน้อยใหญ่มาพร้อมกับลี่ฝานลูกศิษย์ยอดฝีมือของเ้าสำนักหลิงอวิ๋นด้วย นายน้อยใหญ่ช่างได้รับเกียรติสูงยิ่งนัก!”
“นี่หมายความว่านายน้อยใหญ่ของพวกเราอยู่ในสำนักหลิงอวิ๋นได้ไม่เลวเลย”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว!”
“...”
ตลอดทางที่เดินมา เนี่ยเทียนได้ยินเสียงพูดคุยชื่นชมเนี่ยหานจากปากของคนมากมายในตระกูล
“วันนี้คนสำคัญของตระกูลถูกกำหนดมาแล้วว่าคือเนี่ยหานและเนี่ยเสียน ไม่เกี่ยวกับพวกเรา” เนี่ยเฉี่ยนพูดกับเนี่ยเทียนขณะที่ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย “ข้าหวังว่าสักวันหนึ่ง ทุกคนของตระกูลเนี่ยจะได้ไชโยโห่ร้องเพื่อเ้าเช่นกัน”
“ต้องมีวันนั้นอย่างแน่นอน” เนี่ยเทียนกล่าวด้วยความคาดหวัง
“เ้ากลับไปเถอะ ข้าจะไปคุยกับท่านตาของเ้าเสียหน่อย” เนี่ยเฉี่ยนกล่าวกำชับหนึ่งประโยคก็เดินไปทางเรือนที่พักของเนี่ยตงไห่เพียงลำพัง
หลังจากที่เนี่ยตงไห่ลงจากตำแหน่งประมุขของตระกูลก็ย้ายออกมาจากตำหนักหลักตระกูลเนี่ย ตอนนี้อาศัยอยู่ในเรือนหินอีกด้านหนึ่งของจวนที่ไม่สะดุดตานัก
ตอนที่เนี่ยเฉี่ยนเดินมาถึงก็เห็นว่าเนี่ยตงไห่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง กำลังเหม่อมองลงไปยังทิศทางของตำหนักหลัก
ที่นั่นรวบรวมผู้าุโมากมายของตระกูลเอาไว้ เสียงหัวเราะเบิกบานดังลอยออกมาให้ได้ยินเป็ระยะ
เนี่ยเฉี่ยนไม่ต้องคิดก็รู้ว่ายามนี้ในตำหนักใหญ่ ทุกคนในตระกูลต่างก็กำลังยกยอปอปั้นเนี่ยเป่ยชวน เนี่ยหาน และเนี่ยเสียนอยู่
ความครึกครื้นและเสียงอึกทึกในตำหนักใหญ่ ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับพวกนางพ่อลูก นับั้แ่ที่เนี่ยตงไห่ย้ายออกมาจากที่นั่น คนของตระกูลเ่าั้ก็แทบไม่เคยมีใครมาเยี่ยมเยียนเนี่ยตงไห่อีกเลย
“ท่านพ่อ ข้ากับเนี่ยเทียนเพิ่งได้เจอกับหยวนชิวอิ๋งที่หอหลิงเป่า” เนี่ยเฉี่ยนกล่าวเสียงเบา
เนี่ยตงไห่หันขวับมาหา พูดด้วยสีหน้ามืดทะมึน “ทำไมรึ? โดนนางหญิงชั่วช้านั่นพูดจาิ่เกียรติมาอีกแล้วรึ?”
“ไม่ใช่ท่านพ่อ” เนี่ยเฉี่ยนส่ายหัว “เสี่ยวเทียนช่วยตอกกลับไปให้ข้าแล้ว แถมยังสั่งสอนลูกชายของหยวนชิวอิ๋งแทนข้าด้วย”
เนี่ยตงไห่ตะลึง “เ้าเด็กที่ชื่ออวิ๋นซงนั่นมีพร์โดดเด่นยิ่งกว่าเนี่ยหงเสียอีก ได้ยินว่าฝ่าทะลุหลอมลมปราณขั้นเจ็ดแล้ว เนี่ยเทียนจะสั่งสอนเขาได้อย่างไร?”
เนี่ยเฉี่ยนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดหนึ่งรอบโดยไม่ปิดบัง
กล่าวจบ นางก็พูดอย่างเป็กังวลว่า “หญิงผู้นั้นไม่ใช่บุคคลที่มีจิตใจงามอยู่แล้ว ก่อนหน้านั้นเป็เพราะว่าลี่ฝานอยู่ด้วย นางถึงไม่กล้าสำแดงฤทธิ์เดชอะไร ข้ากังวลว่าพอลี่ฝานจากไปแล้ว นางจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ แล้วจะมาหาเื่พวกเราทีหลัง วันนี้ไม่เหมือนในอดีตอีกแล้ว ท่านพ่อลงจากตำแหน่งประมุขตระกูลเนี่ย หากนางมาหาเื่จริง ข้าเกรงว่า...”
“เ้าจับตามองเนี่ยเทียนให้ดี ่นี้อย่าให้เขาออกจากจวนตระกูลเนี่ย ขอแค่เขาอยู่ในจวน ตระกูลอวิ๋นย่อมไม่กล้าทำเื่ไม่ดีแน่นอน” เนี่ยตงไห่สีหน้าเคร่งเครียด
“ข้าขอโทษ” เนี่ยเฉี่ยนกล่าวขอโทษเสียงเบา “เพราะข้าไม่ได้ดูแลเนี่ยเทียนให้ดี”
“เื่บางเื่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ไม่โทษเ้าหรอก” เนี่ยตงไห่ถอนหายใจ
และเวลานี้เอง
เนี่ยเทียนที่โยนเสียงเอะอะเซ็งแซ่มากมายของตระกูลเนี่ยทิ้งไป พอกลับมาถึงห้องของตัวเองก็รู้สึกว่าเวลากระชั้นชิดจึงรีบลงมือฝึกบำเพ็ญตบะ
เขายังจำได้ว่าคราวก่อนตอนที่ต่อสู้กับเนี่ยหง เนื่องจากในร่างมีพละกำลังประหลาดโผล่ขึ้นมากะทันหัน ทำให้คืนนั้นเขาไข้ขึ้นสูงไม่หยุด
ครั้งนี้เขาต่อสู้กับอวิ๋นซงก็อาศัยพลังลึกลับนั่นเช่นกัน เขาระวังตัวมากขึ้น ตอนที่ฝึกบำเพ็ญตบะจึงสังเกตความเคลื่อนไหวในร่างกายของตัวเองอย่างเงียบๆ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ขณะที่เขาฝึกบำเพ็ญตบะก็เริ่มรู้สึกร้อนตรงเอวข้างซ้ายขึ้นมากะทันหัน
เขานึกว่าตัวเองมีไข้สูงอีกครั้ง จึงรีบหันไปมองตรงข้างเอว
“เอ๊ะ!”
เมื่อมองไปเขาถึงได้รู้ว่าความรู้สึกแสบร้อนไม่ได้มาจากร่างกายของเขา แต่มาจากกระดูกสัตว์ชิ้นนั้นที่เขาจับได้ตอนงานเลี้ยงฉลองจับฉลาก
------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้