น้ำเสียงยั่วยุหยาบคายไม่ต้องเดาหลินเมิ้งหยาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็ใคร
เมื่อหันหน้าไป ก็พบว่าเป็หูลู่หนานซึ่งสวมใส่ชุดหรูหรา
ทว่า เพียงได้เห็นท่าทางลับลมคมในระหว่างเขาและไท่จื่อแล้วหลินเมิ้งหยาเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ
สองคนนี้สนิทสนมกันขนาดนี้ั้แ่เมื่อไร?
รวมหัวกันทำเื่ชั่ว? นางไม่เชื่อว่าสองคนนี้จะทำอะไรดีๆ
“ชายาอวี้ มิได้เจอกันนานเลย”
หูลู่หนานเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าหลินเมิ้งหยา ใบหน้าเปื้อนยิ้มทว่าหลินเมิ้งหยากลับััได้ถึงความมิชอบมาพากล
นางหมุนตัวเดินเข้าไปยืนข้างกายหลงเทียนอวี้โดยไม่ไว้หน้าหูลู่หนานเลยแม้แต่น้อย
ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามวางแผนอะไรเอาไว้ นางจะเปิดเผยมันออกมาให้ได้
คอยดูเถิด!
“ระวังตัวด้วยได้ยินมาว่าหูลู่หนานเป็ผู้เสนอเื่การล่าสัตว์ในครั้งนี้องครักษ์ที่คอยคุ้มครองความปลอดภัยคือคนของไท่จื่อ”
กำชับเสียงเข้มทว่าหัวใจของหลินเมิ้งหยากลับััได้ถึงความอบอุ่น
หลงเทียนอวี้เป็คนละเอียดรอบคอบ เขามักคิดเผื่อนางเสมอ
แม้หลงเทียนอวี้จะไม่บอก แต่นางก็พยักหน้าและระมัดระวังตัวกว่าเดิมยี่สิบเท่า
การล่าสัตว์ในคราวนี้มิได้มีเพียงเหล่าองค์ชายที่เข้าร่วมแม้แต่เหล่าขุนนางเองก็พาลูกหลานของตนมาเข้าร่วมด้วยเช่นเดียวกัน
หลินเมิ้งหยาคาดไม่ถึงว่าจะได้เจอเยว่ถิงที่นี่ชุดสีขาวบริสุทธิ์ที่สวมใส่ขับให้นางดูงดงามและอ่อนโยนมากขึ้น
หลังจากมองเห็นหลินเมิ้งหยา เยว่ถิงหยักยิ้มอ่อนโยนทั้งสองทักทายกัน
“เ้าชอบคุณหนูสกุลเยว่มากหรือ?”
การกระทำของทั้งคู่ตกอยู่ในสายตาของหลงเทียนอวี้
มิรู้ว่าเพราะเหตุใด ทุกครั้งที่หลินเมิ้งหยาปรากฏตัวข้างกายเขา เขามักจะรู้สึกไม่เป็ตัวของตนเองอีกทั้งสายตายังไม่อาจเลื่อนออกจากตัวนางได้
ตอนที่นางได้เห็นคุณหนูสกุลเยว่ดวงตาที่เปล่งประกายของนางในเวลานั้นทำให้หัวใจของเขารู้สึกอิ่มเอม
ขอเพียงนางดีใจ เขายิ่งรู้สึกยินดี
“นางเป็ว่าที่พี่สะใภ้ของหม่อมฉันนี่นายิ่งไปกว่านั้นพี่เยว่ถิงทั้งสวยทั้งอ่อนโยน จะมีใครไม่ชอบบ้าง?”
แน่นอนว่าหลินเมิ้งหยาชอบพี่เยว่ถิงมากนางได้รับคำอนุญาตจากท่านลุงเยว่เื่การแต่งงานของพี่ชายและพี่เยว่ถิงแล้ว
เชื่อว่าอีกไม่นานพี่เยว่ถิงจะได้เข้ามาเป็ส่วนหนึ่งในครอบครัวของนาง
“เช่นนั้นเ้าจะต้องชอบหลินหลางอย่างแน่นอนนางเองก็อ่อนโยนและมีจิตใจโอบอ้อมอารี”
น้ำเสียงของหลงเทียนอวี้เจือไว้ซึ่งความคิดถึง
ความเ็ปแล่นพล่าน ทว่าหลินเมิ้งหยากลับแสดงท่าทีมิรู้สึกอันใดก่อนจะส่งเสียงเบา
“เช่นนั้นหม่อมฉันหวังเหลือเกินว่าจะได้พบท่านหญิงหลินหลาง”
จิบเหล้าหนึ่งอึก แต่มิรู้ว่าเพราะเหตุใดกลิ่นเหล้าที่เคยหอมหวานกลับกลายเป็ขมขื่น
“ไท่จื่อไม่ทราบว่าอะไรคือรางวัลสำหรับผู้ชนะในการล่าสัตว์ในคราวนี้หรือ?”
เนื่องจากเป็เพียงงานเลี้ยงเล็กๆ ดังนั้นจึงไม่มีพิธีรีตองมากมายนัก
หูลู่หนานที่มิรู้ว่าไปสนิทชิดเชื้อกับไท่จื่อั้แ่ตอนไหนส่งเสียงแสดงให้เห็นถึงความเคารพและให้เกียรติไท่จื่อเป็อย่างมาก
ไท่จื่อชักสายตากลับจากเรือนร่างของหลินเมิ้งหยา
ยิ่งได้เห็นความงามของชายาอวี้เขายิ่งรู้สึกว่าเ้าคนไร้ประโยชน์อย่างหลงเทียนอวี้ไม่เหมาะสมที่จะได้นาง
ทว่า ก็ยังพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกของตนเองเอาไว้
“รางวัล? หากองค์ชายรองไม่พูดข้าก็คงลืมไปแล้ว เข้ามา นำรางวัลเข้ามา”
มีคนรีบเข้าไปนำกล่องทองคำฝังหยกเข้ามาหลินเมิ้งหยามองดูด้วยความประหลาดใจ ขนาดกล่องยังดูมีราคามากขนาดนี้เกรงว่าของข้างในคงมีราคามิแพ้กัน
“นี่คือไข่มุกหายากที่ทางตงไฮ่นำมาถวายเป็เครื่องราชบรรณาการเมื่อปีที่แล้วทุกคนลองเชยชมดูเถิด”
ไท่จื่อสั่งให้เปิดกล่องพวกเขาได้เห็นไข่มุกเม็ดใหญ่ส่องประกายสวยงามอยู่ภายใน
“ใหญ่โตอะไรขนาดนี้”
“เพียงแค่เม็ดเดียว ราคาก็มิอาจประเมินได้”
ทุกคนร้องออกมาด้วยความใ
ของชิ้นนี้เป็ของหายาก แน่นอนว่าคนธรรมดามิเคยเห็นมาก่อน
หลินเมิ้งหยาทำเพียงชำเลืองมอง ไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหน
แม้ไข่มุกเช่นนี้จะไม่อาจพบเห็นได้บ่อยนัก แต่การใช้งานก็ยากยิ่งไข่มุกที่ใหญ่ขนาดนี้ หากนำมาประดับคงมิวายเหนื่อยตายอย่างแน่นอน
“เ้าชอบหรือไม่?”
เมื่อเห็นท่าทางไม่แยแสของหลินเมิ้งหยา หลงเทียนอวี้ก็รู้สึกประหลาดใจ
ปกติสตรีทั่วไปล้วนชอบของหายากพวกนี้ทว่าชายาของเขากลับมิได้รู้สึกสนอกสนใจเลยแม้แต่น้อย
“หม่อมฉันกลับรู้สึกว่าหมาน้อยและแมวน้อยน่ารักกว่าของชิ้นนี้อีกเพคะได้มาแล้วจะเอาไปทำอะไรได้ เอาไปโอ้อวดชาวบ้านหรือเพคะ?”
เป็ความเห็นที่ผิดแปลกจากปกติยิ่งนัก หลงเทียนอวี้พลันรู้สึกขึ้นมาในใจ
“ชายาอวี้ พระชายารองตู๋กูเชิญเสด็จ”
หลินเมิ้งหยาที่กำลังดื่มเหล้าเพราะความอารมณ์ไม่ดีได้ยินเสียงคนแปลกหน้าเรียกชื่อของตนเอง
เมื่อหันหน้ากลับไปมอง ก็ได้เห็นใบหน้าสะดุดตา
“ชายารองตู๋กู?” ราวกับว่านางเคยได้ยินชื่อนี้มาแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่กลับนึกไม่ออก
“ชายารองของไท่จื่อ พวกเราเคยเจอในงานเลี้ยงแล้ว”
หลงเทียนอวี้ยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างใบหู
หลินเมิ้งหยาพูดไม่ออก ร่างกายแข็งทื่อเพราะหลงเทียนอวี้ที่อยู่ๆก็ขยับเข้ามาใกล้
“เหตุใดชายารองของเ้าจึงอยากพบข้า?”
หลินเมิ้งหยาพยายามเมินเฉยหลงเทียนอวี้ที่ขยับเข้ามาแนบชิดตนเอง
ทว่ายิ่งพยายาม ก็ยิ่งไม่มีความหมาย
“ชายารองรับสั่งว่ารู้สึกถูกชะตากับพระชายาดังนั้นจึงอยากสนิทสนมกันไว้เพคะ”
คำพูดของนางกำนัลเรียกสติหลินเมิ้งหยากลับมานางยังคงจำหญิงสาวสวมใส่ชุดสีม่วงในวันงานเลี้ยงได้
ที่แท้ นางก็คือชายารองตู๋กูผู้เลื่องชื่อคนนั้น
ทว่า ไท่จื่อและท่านอ๋องหาใช่มิตรสหายที่ดีต่อกันไม่เหตุใดนางจึงต้องเชื้อเชิญตนเองไปหาด้วยเล่า?
“เช่นนั้นหรือ แต่ชายารองมีเื่อะไรจึงต้องเชิญข้าไปด้วยเล่า?”
หลินเมิ้งหยาลุกขึ้น เดินตามหลังนางกำนัลออกจากกระโจมงานเลี้ยง
“เหนียงเหนียงรับสั่งว่ารู้สึกถูกชะตากับพระชายาดังนั้นจึงส่งหนู่ปี้มาเชิญพระชายาไปเข้าเฝ้า พระชายาตามหนู่ปี้มาเถิดเพคะ”
นางกำนัลมีท่าทางใสซื่อ ทว่าหลินเมิ้งหยากลับรู้สึกว่าชายารองตู๋กูจะต้องวางแผนอะไรบางอย่างเอาไว้แน่
ทั้งสองเดินนำหน้าและตามหลังกันเข้าไปในกระโจมเล็กหลังหนึ่งภายในคือชายารองตู๋กูที่สวมใส่ชุดขี่ม้าและดื่มเหล้ากินกับแกล้มรอหลินเมิ้งหยา
“พระชายารอง พระชายาอวี้มาถึงแล้วเพคะ”
นางกำนัลถอนตัวกลับออกไปภายในกระโจมเล็กจึงเหลือเพียงหลินเมิ้งหยาและชายารองตู๋กู
“น้องหลิน ข้าเตรียมกับแกล้มเหล้าเอาไว้มากมายข้าอยากทำความรู้จักสนิทสนมกับน้องหลินเอาไว้ เ้าคงไม่ถือสาใช่หรือไม่?”
ชายารองของไท่จื่อหาได้เหมือนชายารองทั่วไปไม่ทันทีที่ไท่จื่อขึ้นครองราชย์ นางจะกลายเป็พระสนมของฮ่องเต้ทันที
ดังนั้น การทำความรู้จักกับหลินเมิ้งหยาเอาไว้จึงมิใช่เื่แปลก
ทว่าน้องหลินคำนี้....
หัวใจของหลินเมิ้งหยาสั่นไหว
“ไม่หรอกเพคะ เมิ้งหยาเสียมารยาทแล้ว”
หลินเมิ้งหยาหัวเราะ นั่งลงด้วยท่าทางผ่อนคลายมองดูกระโจมเล็กหลังนี้ด้วยหัวใจเต้นระรัว
“ล้วนเป็คนกันเองทั้งนั้น น้องหญิงอย่าได้เกรงใจไปเลย”
ชายารองตู๋กูส่งเสียงหัวเราะอ่อนโยน ไร้ซึ่งความหยิ่งยโส
หลินเมิ้งหยากลับระมัดระวังตัวมากขึ้นแต่ถึงกระนั้นกลับส่งยิ้มอ่อนโยน
“เชิญพระชายารองเพคะ”
“ข้าเคยได้ยินไท่จื่อรับสั่งว่าวันที่พระสนมเต๋อเฟยได้พบกับเ้าพระนางตกตะลึงในความงามของเ้าเป็อย่างมาก”
ชายารองตู๋กูหยิบแก้วเหล้าขึ้นและเล่าเื่ให้ฟัง
“หม่อมฉันเป็เพียงหิ่งห้อยตัวเล็กๆมิอาจส่องประกายงดงามได้อย่างพระองค์หรอกเพคะ”
หลินเมิ้งหยาหัวเราะ ทันทีที่ริมฝีปากแตะขอบแก้วก็รีบส่งเสียงออกมา
“คำพูดคำจาของเ้าทำให้พี่สาวคนนี้ชื่นชอบยิ่งนักหากน้องหญิงมิรังเกียจ ต่อจากนี้ไปพวกเรามาสนิทสนมกันให้มากขึ้นกว่านี้เถิด”
คำพูดของชายารองมีเลศนัย หลินเมิ้งหยาร้องเตือนตัวเองในใจ
คำพูดเช่นนั้นควรพูดกับหญิงสาวที่คอยรับใช้ไท่จื่อจึงจะถูกต้องนางเป็ชายาอวี้ เหตุใดจึงพูดกับนางเช่นนี้
“ขอเพียงชายารองตู๋กูไม่รังเกียจ เมิ้งหยาจะให้ความเคารพพระองค์อย่างแน่นอนเพคะ”
มิรู้ว่าเพราะเหตุใดนางรู้สึกได้ว่ารอยยิ้มของชายารองตู๋กูมิได้ประสงค์ดีเลยแม้แต่น้อย
นางควรรีบกลับไปหาหลงเทียนอวี้
“เหนียงเหนียง ท่านอ๋องยัง้าให้หม่อมฉันคอยดูแล หม่อมฉันคงไม่อาจอยู่เป็เพื่อนได้นานนักขอทูลลาก่อนเพคะ”
หลินเมิ้งหยาถวายคำนับ คิดอยากออกไปจากกระโจมหลังนี้แต่คิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่เดินถึงหน้าประตู อยู่ๆจะถูกทหารองครักษ์เข้ามาจับตัวไว้
“เหตุใดต้องรีบร้อนขนาดนี้เล่า? อยู่ดื่มเหล้ากับข้าสักสองสามจอกมิได้หรือ?”
น้ำเสียงชายารองตู๋กูเย็นะเื ใบหน้าไร้ซึ่งความโอบอ้อมอารี
จ้องมองดวงตาของหลินเมิ้งหยา รู้สึกสงสารเล็กน้อยแต่ยิ่งไปกว่านั้นคือรู้สึกสะใจเสียมากกว่า
“ท่านหมายความว่าอย่างไรเพคะ?”
หลินเมิ้งหยายังไม่อยากฉีกหน้าฝ่ายตรงข้ามเหตุเพราะตัวนางอยู่เพียงลำพังคนเดียว
“ข้าหมายความว่าอย่างไร? พระชายาอวี้มิเข้าใจหรือ? นับั้แ่วันที่ไท่จื่อได้เห็นเ้า พระองค์เฝ้าพร่ำเพ้อหาไม่เว้นวันพระองค์้าตัวเ้า แต่น้องหญิงกลับมิให้โอกาสไท่จื่อเลยพอมาวันนี้โอกาสนั้นได้มาถึงแล้ว น้องหญิงอย่าทำให้พี่ต้องผิดหวังเลย เข้ามาจับตัวนางเอาไว้”
น้ำเสียงเ็า ชายารองตู๋กูฉีกหน้ากากบนใบหน้าของตนเองจนหมดสิ้น
จวนของไท่จื่อมีสาวงามมากมายแต่คนที่ทำให้ไท่จื่อเฝ้าฝันหาได้มีเพียงชายาอวี้เพียงผู้เดียว
ยิ่งไปกว่านั้นไท่จื่อเอ่ยอีกว่า หากนางสามารถช่วยให้ไท่จื่อสมหวังเช่นนั้นตำแหน่งชายาเอกของไท่จื่อจะตกเป็ของนาง
เพื่อทำให้ไท่จื่อสมปรารถนา นางคิดหาวิธีมากมายคราวนี้นางคงต้องหาประโยชน์จากชายาอวี้แล้ว
“พวกเ้าคิดจะทำอะไร? ข้าขอเตือนพวกเ้า ข้าคือชายาอวี้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้หากพวกเ้าทำอะไรข้า โทษที่จะได้รับคือปะาชีวิต!”
หลินเมิ้งหยากลับไร้ซึ่งท่าทีหวาดผวาเหมือนอย่างที่ชายารองตู๋กูคิดยิ่งไปกว่านั้นนางมิได้ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
ท่าทางยังคงสงบนิ่งและเย่อหยิ่ง
“น้องสาวที่น่ารักของข้า เ้าอย่าพยายามหนีไปเลยไท่จื่อเปรียบเสมือนหยกหายาก พระองค์จะต้องปฏิบัติกับเ้าอย่างดีแน่นอน”
ชายารองตู๋กูส่งยิ้มอ่อนโยน ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจ
ที่นี่ล้วนมีเพียงคนของนาง หลินเมิ้งหยาคิดจะหนีตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว
“โอ้ นี่มันเื่น่าสนุกอะไรกันล่ะนี่เปิ่นหวังเข้าร่วมด้วยคนจะเป็ไรหรือไม่?”
