วังหลวงของแคว้นเชินวิจิตรงดงามไปทุกหนแห่ง
ทั้งสะพานน้อยสายน้ำไหล ทั้งป่าเขียวทิวสนงาม
ส่วนวังหลังของแคว้นจิงนั้นทุกหนทุกแห่งกลับเต็มไปด้วยความดุดัน
ธารน้ำที่ไหลผ่านสวนดอกไม้ในวังแห่งนี้ ล้วนแต่มาจากน้ำตกสูงนับพันฉื่อที่ตั้งตระหง่าน สายน้ำไหลบ่าจากที่สูงกระแทกลงบนหินก้อนใหญ่เบื้องล่างจนเกิดเสียงอึกทึก ชวนให้คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ หูอื้อไปตามกัน
ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ของแคว้นจิงโปรดน้ำตกเป็พิเศษ ทั้งยังบัญชาให้คนสร้างศาลาข้างน้ำตกขึ้นมา ทั้งยังในศาลาก็ยังวางกู่ฉินไว้
ดูแล้วช่างน่าสนใจนัก ฮ่องเต้ที่ผู้คนประณามอยู่ไม่ขาดปาก กลับมีงานอดิเรกส่วนตัวที่แสนสง่างามอย่างการเล่นกู่ฉิน อีกทั้งยังบรรเลงกู่ฉินได้ไพเราะยิ่ง
ยามที่ฮ่องเต้เล่นกู่ฉินนั้นดูแล้วไม่คล้ายกับชาวแคว้นจิงแม้แต่น้อย แต่กลับเหมือนกับปัญญาชนในแคว้นเชินเสียมากกว่า
แคว้นจิงนั้นไร้อารยะ ระบบราชวงศ์ของแคว้นจิงเองก็เพิ่งจะสมบูรณ์เมื่อไม่นานมานี้
ฮ่องเต้พระองค์ก่อน พระปิตุลาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนั้นโปรดการเลียนแบบชาวแคว้นเชินเป็อย่างยิ่ง
กระทั่งอาภรณ์ของราชวงศ์ก็ยังทำตามแบบราชวงศ์แคว้นเชิน
ทว่าชาวแคว้นจิงนั้นเดิมทีก็มีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวพรรณดำคล้ำ ไม่เหมือนกับชาวแคว้นเชินที่ร่างกายผอมบางผิวขาว ดังนั้นยามที่ราชวงศ์แคว้นจิงแต่งกายตามราชวงศ์จิง จึงให้ความรู้สึกประดักประเดิดไม่ค่อยจะเข้ากันอยู่เสมอ ทั้งมองแล้วก็ช่างน่าขัน
ราวกับชาวนามาสวมชุดคนเมือง ดูอย่างไรก็ประหลาดพิลึก
หลังจากฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ก็มีพระบัญชาให้ปรับปรุงทันที ไม่สวมอาภรณ์ตามแคว้นเชินอีกต่อไป
เดิมทีแคว้นจิงนั้นอากาศค่อนข้างหนาว ยามต้องสวมผ้าไหมทอแบบชาวแคว้นจิง เมื่อถึงฤดูหนาวก็หนาวจนแทบจะขาดใจ ยามเดินเหินก็แทบจะยืนตัวตรงไม่ได้ หนาวจนตัวสั่นกันไปหมด ด้วยเพราะอยากจะดูสุขุมเยือกเย็น จึงต้องทนหนาวให้มากขึ้นอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นคงได้สุขุมเยือกเย็นกันจนสิ้นใจกันหมด
ฮ่องเต้บัญชาให้ขุนนางพิธีการจัดการออกแบบอาภรณ์ของราชวงศ์จิงใหม่ทั้งหมด
ทั้งฮ่องเต้นั้นยังเด็ดขาดนัก ขุนนางพิธีการคนแรกกล้าเอ่ยปากถากถางอาภรณ์แบบแคว้นเชินที่ทั้งใต้หล้าต่างก็ยอมรับว่างดงาม เพียงเท่านั้นก็ถูกฮ่องเต้สั่งปะาทันที
ส่วนขุนนางคนที่สองกลับตั้งใจกว่ากันมากนัก
ชีวิตน้อยๆ นี่ช่างสำคัญนัก ขอแค่ไม่ปากมาก เขารู้ดีว่าฮ่องเต้องค์ใหม่ล้วนตัดสินตามเนื้อผ้า เพียงแค่ทำงานให้ดี ไม่ทำให้แคว้นจิงขายหน้า เพียงเท่านี้ก็ไม่มีปัญหาใดแล้ว
ดังนั้นเขาจึงได้เลือกใช้ขนสัตว์ชนิดหนึ่ง ขนสัตว์นี้ทั้งอบอุ่นทั้งเบาสบาย ส่วนแขนเสื้อก็ใช้ผ้าทอขนสัตว์ต่อออกมา
เมื่อสวมแล้วก็รู้สึกทั้งอบอุ่น และหรูหรา
เช่นนั้นขุนนางนายนี้จึงได้รับการตกรางวัลเสียมากมาย
บัดนี้ฮ่องเต้รุ่ยก็ฉลองพระองค์ด้วยอาภรณ์ยาวสีนิลอยู่เช่นกัน ปลายแขนฉลองพระองค์ยังมีขนสัตว์สีขาว มองแล้วช่างหรูหราเหนือสามัญ ทั้งยังรักษาความอบอุ่นได้ดี ช่างมีประโยชน์เหมาะสมกับวสันตฤดูที่แสนจะหนาวเย็นของแคว้นจิงนัก
โดยเฉพาะยามที่ยืนอยู่หน้าน้ำตกเช่นนี้ ละอองน้ำที่สาดกระเซ็นลงมานั้น เมื่อัักายแล้วก็ทำให้คนรู้สึกเย็นะเืเหลือเกิน
เสียงกู่ฉินที่บรรเลงช่างเปี่ยมไปด้วยพลัง
แม้น้ำตกจะเสียงดังอึกทึกนัก ทว่าเสียงกู่ฉินนั้นกลับดุดันยิ่งกว่า
เมื่อทั้งสองเสียงปะทะกัน เหล่าฝ่ายในที่ยืนอยู่ด้านข้างก็พลันหน้าซีดเผือด ทว่าฮ่องเต้นั้นกลับดุดันขึ้นเรื่อยๆ
จวบจนเสียง “ผึง” ของสายกู่ฉินที่ขาดสะบั้นดังขึ้น
ฮ่องเต้พลันลุกขึ้น เมื่อมองออกไปนอกศาลาก็เห็นว่ามีคนสองคนกำลังคุกเข่าอยู่
คนหนึ่งสวมชุดดำ กำลังโขกศีรษะลงกับพื้น ส่วนอีกคนสวมชุดสีเหลืองขนเป็ด แม้จะกำลังคุกเข่าอยู่เช่นกันแต่แผ่นหลังนั้นกลับยืดตรง
“เ้าพูดก่อน” ฮ่องเต้ชี้ไปที่นางกำนัลนางหนึ่ง
“ฮองเฮาขอเข้าเฝ้าฝ่าาเพคะ” นางกำนัลทูลขึ้น
ฮ่องเต้เมื่อได้ยินว่าฮองเฮาขอพบตน ใบหน้าก็พลันปรากฏแววตื่นเต้นอย่างหาได้ยากขึ้นมา ดังนั้นจึงรีบเสด็จไปหานางทันที ส่วนคนชุดดำที่คุกเข่าอยู่อีกด้านหนึ่งก็รีบโขกศีรษะขึ้นมา เพียงแค่ไม่กี่ครั้งใบหน้านั้นก็ปรากฏรอยเืจากการกระแทกกับพื้นหิน
“ทูลฝ่าา เหล่าทหารบนทุ่งหญ้าพ่ายแล้ว ทั้งยังมีทหารล้มตายอีกนับหมื่นเพคะ”
ฮ่องเต้ที่กำลังย่างเท้าจะจากไปก็พลันหันกลับมายกเท้าเตะใส่คนชุดดำจนตัวลอย สีหน้าปรากฏแววโทสะ และตรัสขึ้น “มีตาหามีแววไม่ ข้าเคยกล่าวไปแล้วว่าในวังหลวงแห่งนี้ เื่ของฮองเฮาสำคัญที่สุด ฮองเฮาจะพบข้า เ้ายังมาขวางไว้ให้เื่ติดขัด ตายเป็หมื่นครั้งก็ยังไม่สาสม”
เมื่อฮ่องเต้ตรัสเช่นนี้ขึ้น เหล่าฝ่ายในคนอื่นๆ จึงรีบลงมือลากนางออกไปทันที
ส่วนนางกำนัลที่ยังคุกเข่าอยู่ด้านหลังนั้นกลับยังเ็าไร้ซึ่งอารมณ์ดังเดิม นางคือนางกำนัลที่เคยรับใช้ฮองเฮาอยู่ในหุบเขานักโทษ จึงเคยเห็นความเป็ความตายมามากมายนัก
ตำหนักของฮองเฮาเป๋านั้นอยู่ไม่ไกลจากน้ำตกนัก
ยามเข้าไปในตำหนัก ก็ยังคงได้ยินเสียงน้ำตกอยู่
ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ที่เอาแต่ฆ่าแกงคนไม่หยุดหย่อน ยามย่างกรายเข้ามาในตำหนักแห่งนี้กลับเปลี่ยนไปราวเป็อีกคน
ฮ่องเต้ยามเสด็จดูมีแววล่องลอย หากมิใช่ว่ามีเหล่านางกำนัลอยู่ด้านข้าง ฮ่องเต้ก็รู้สึกราวกับว่าตนนั้นจะะโโลดเต้น
ฮองเฮาเป๋าบัดนี้ประทับอยู่บนเบาะนุ่ม ร่างงดงามอยู่ในฉลองพระองค์ยาวสีชมพูอ่อน
ลักษณะของนางนั้นแตกต่างกับที่ใต้หล้ากล่าวขานว่านางงดงามราวกับเทพเซียน ใบหน้ารูปไข่หงส์มีแววเข้มงวด คิ้วและดวงตาห่างกัน ทำให้คนรู้สึกว่านางนั้นดูยิ่งใหญ่ไม่เบา บนแก้มมีไฝเม็ดเล็กอยู่มากมาย ผิวพรรณขาวกระจ่างจึงทำให้ไฝบนแก้มนั้นดูเด่นชัดขึ้น และดูน่าเกลียดไม่เบา ทว่าไฝเหล่านี้ก็ทำให้เ้าของใบหน้านี้ดูซุกซนไม่เบา
ริมฝีปากไม่ได้เล็กอย่างผลอิงเถาที่ชาวแคว้นเชินนิยม แต่กลับหนาอวบอิ่ม
รวมๆ ทั้งใบพักตร์แล้วก็ทำให้คนมองอยากมองต่ออีกสักหน่อยด้วยความฉงน แต่ในขณะเดียวกันก็มองแล้วรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจเหลือเกิน
เมื่อฮ่องเต้รุ่ยเสด็จเข้ามา เหล่านางกำนัลก็พากันถอยหลังไปทันที
ด้วยเพราะเมื่อก่อนนั้นเคยมีนางกำนัลไม่รู้ความ นางกำนัลเ่าั้ล้วนแต่ถูกฮ่องเต้ปลิดชีพทั้งสิ้น
ฮ่องเต้เสด็จมาหยุดลงหน้าเบาะนุ่ม ก่อนจะลงมือถอดรองเท้าออก แล้วนั่งขัดสมาธิลงบนเบาะนุ่ม ทอดพระเนตรมองฮองเฮาเป๋าอย่างเบิกบานใจ
รูปลักษณ์ของฮ่องเต้รุ่ยก็มิอาจนับได้ว่าน่ารัก มีลักษณะของสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ หน้าผากสูง จมูกโด่ง แก้มทั้งสองด้านแดงระเรื่อ ติ่งหูอวบหนา ความจริงแล้วก็ฟังดูโอ้อวดไปเสียหน่อย จิตรกรที่วาดรูปเหมือนของฮ่องเต้ เพื่อจะประจบประแจงจึงลอบเปลี่ยนรายละเอียดเล็กน้อย
ทว่าบัดนี้ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ในยามปกติกลับไม่เหมือนเดิม ใบหน้านั้นประดับด้วยรอยยิ้มราวกับพี่ชายข้างบ้านผู้หนึ่ง
“เสี่ยวเป๋า จะช่วยข้าตัดชุดหรือ” ฮ่องเต้รุ่ยตรัสถามขึ้น
เขาเอนกายสูงใหญ่ของตนพิงฮองเฮาข้างกาย ััความอบอุ่นจากกายนาง
เข็มในมือของฮองเฮาพลันชะงักค้าง
นางกับเขานั้นเป็ลูกพี่ลูกน้องกัน เช่นเดียวกันกับฮ่องเต้พระองค์ก่อน
ั้แ่เล็กความสัมพันธ์ระหว่างนางกับพวกเขาทั้งสองก็นับว่าไม่เลว นางนั้นยังทำตัวคล้ายกับเด็กชายคนหนึ่งด้วยซ้ำ
ญาติผู้พี่นั้นนิสัยดีนัก ญาติผู้น้องกลับมุทะลุไปสักหน่อย
ต่อมาฝั่งตระกูลก็ให้นางแต่งงานญาติผู้พี่
นางยังจำวันแต่งงานของตนได้ ยามที่นางยังอยู่ในห้องหอ สวมชุดผ้าไหมสีแดง คลุมหน้าด้วยผ้าคลุมศีรษะผืนงาม
รุ่ยนั้นซุกซนลอบบุกเข้ามาเพื่อเอาขนมมาให้นาง ด้วยกลัวว่านางจะหิว
ปกติยามเล่นซนกันนั้นนางเล่นกับรุ่ยแล้วสนุกที่สุด ความสัมพันธ์ของพวกเขานับว่าดีเยี่ยม เพราะรุ่ยนั้นซุกซนเช่นเดียวกับนาง
นางยิ้มแป้นกินขนมที่เขายื่นมาเข้าไป
ยามทั้งสองอยู่ใต้แสงสีแดงจากเทียนนั้นก็รู้สึกว่าสีแดงของมันช่างเย้ายวนอย่างประหลาด
รุ่ยในตอนนั้นพลันร้องไห้ขึ้นมา
ต่อมาหลังจากที่นางได้เป็ฮองเฮา เขาก็ถูกเนรเทศไปอยู่ที่อื่นเสียแล้ว
“อารุ่ย ข้าไม่ได้ทำให้ท่านสักหน่อย” ฮองเฮาเป๋าตรัสขึ้น
น้ำเสียงของนางแห้งผาก ทั้งที่เคยสดใส ลำนำของนางบนทุ่งหญ้านับว่าเลื่องชื่อ ในตอนนั้นนางนับว่าขับลำนำได้ดีที่สุด พิณเองก็ดีดได้ดีไม่แพ้กัน
ทว่าความหนาวเหน็บในหุบเขานักโทษนั้นได้ทำลายเสียงของนางจนหมดสิ้น บัดนี้จึงได้แหบแห้งเช่นนี้
ใบหน้าของฮ่องเต้พลันขรึมลง ก่อนจะคว้าร่างของสตรีตรงหน้าเข้ามาใกล้
“เสี่ยวเป๋า เ้ามีน้ำมีนวลขึ้นหรือไม่” ยามนี้ฮ่องเต้ราวกับได้กลายเป็เด็กหนุ่มในวันวาน ซุกซนไม่เกรงกลัวสิ่งใด
“เสี่ยวเป๋าเสียงพิณที่ข้าดีดเมื่อครู่เพราะหรือไม่”
ฮองเฮาเป๋าวางเข็มในมือลง แล้วหันไปสบกับฮ่องเต้
ฮ่องเต้ยื่นมือไปลูบลำคอของฮองเฮาเบาๆ มือนั้นช่างอ่านโยน ไม่เหมือนกับสิ่งที่ตรัส
“ไม่เพราะเท่าใดนัก ไอสังหารรุนแรงเกินไป อารุ่ย ข้าท้องแล้ว ตอนนี้ข้ากำลังทำชุดให้บุตรของพวกเรา” ฮองเฮาตรัสขึ้นพร้อมรอยยิ้มจางๆ
“อารุ่ย ถอนกำลังจากทุ่งหญ้าเถิด ั้แ่วันแรกที่ข้าส่งเขาไป ข้าก็ไม่ใช่มารดาของเขาอีกแล้ว ชาตินี้ข้าจะไม่ตามหาเด็กคนนั้นอีก ข้ากำลังจะมีบุตรของตนเองแล้ว พวกเราช่วยกันเลี้ยงลูกของเราให้ดีเถิด ต่อไปก็ให้เขาขึ้นเป็ฮ่องเต้แคว้นจิงต่อไป”
