“อาจารย์” เสียงอ่อนหวานทำให้มู่เฉิงหนิงปล่อยยิ้มออก
“เ้าเรียกข้าด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ มีอะไรอยากรู้อีก”
“ที่ท่านบอกว่า ข้าต้องขึ้นไปรับใช้ องค์หญิงแห่งเก๋อไห่ นามว่าหยางฟางเหนียงนั้น นางเป็เทพนิสัยเช่นไร”
“หยางฟางเหนียง เดิมทีอาศัยอยู่กับเ้าสมุทรเก๋อไห่ แต่พระชายาแห่ง์ขอมาเลี้ยงเองั้แ่เด็ก นางเติบโตมาพร้อมกับองค์รัชทายาทและองค์ชายรอง แม้ฐานะของนางจะเป็องค์หญิงจากเ้าสมุทรเก๋อไห่ แต่ในนามนางก็เปรียบเสมือนองค์หญิงแห่ง์ เหล่าเทพเซียนต่างล้วนยำเกรง”
“เช่นนั้น นางน่าจะมีเซียนรับใช้มากมายรายล้อม แล้วเหตุใดท่านเทพชะตาต้องพาข้าขึ้นไปรับใช้นางด้วย” มู่เฉิงหนิงใช้มือจิ้มจมูกนางครั้งหนึ่ง แล้วเงยหน้าทอดสายตามองตรงไปยังน้ำตกที่ไหลรินลงจากหน้าผา
“ข้อนั้นข้าไม่อาจรู้ได้ ศิษย์ของข้าทุกคน จะถูกกระจายไปอยู่ตามจุดต่าง ๆ เพื่อทำหน้าที่บน์ ใครจะไปที่ใดนั้น ท่านเทพแห่งชะตาจะเป็ผู้กำหนด”
“อาจารย์ วัน ๆ ท่านอยู่ที่สำนัก แต่ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าต้องไปรับใช้องค์หญิงฟางเหนียง” มู่เฉิงหนิงชะงักนิ่ง ก่อนจะทำเปลี่ยนเื่ แล้วจับกายของหนิงเอ๋อตั้งตรง
“เ้าเป็เด็กที่ยังอยากรู้อยากเห็น หากขึ้นไปบน์แล้ว อย่าก่อเื่จนต้องโทษทำผิดกฎ ในบรรดาศิษย์ทุกคน ข้าเป็ห่วงเ้ามากที่สุด” หนิงเอ๋อก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด
“ข้าจะพยายามไม่ทำให้อาจารย์ต้องเสียชื่อ”
“ดีมาก ยามนี้เย็นแล้ว เ้ากลับไปพักเถอะ ข้าเองก็อยากเข้ากรรมฐานแล้วเหมือนกัน” ว่าแล้วหนิงเอ๋อก็ทำความเคารพ ก่อนที่เ้าสำนักจะลุกขึ้นเดินจากไป ปล่อยให้หญิงสาวนึกหวาดหวั่นกับสิ่งที่ต้องเจอในภายหน้า
ตำหนักไท่จือ เป็ตำหนักที่ประทับขององค์หญิงหยางฟางเหนียง ซึ่งาาแห่ง์ได้ทรงประทานให้เมื่อนางมีอายุครบเจ็ดพันปีทิพย์ หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดประจำตัวสีชมพูอ่อนคลุมทับด้วยผ้าไหมสีขาว ที่ทอจากใยของแมงมุม์ ทุกก้าวที่นางเดินผ่านจะมีกลิ่นหอมของดอกงิ้วโชยทิ้งไว้ เป็กลิ่นประจำตัวของนาง
“องค์หญิงเพคะ พรุ่งนี้ท่านเทพชะตา จะพาสาวใช้ที่พึ่งสำเร็จเป็เซียนเข้ามารับใช้องค์หญิง”
“ข้อนั้นข้ารู้แล้ว ข้าขอฝากเ้าดูแลอบรมสั่งสอนนางด้วย” น้ำคำอ่อนหวานพูดกับสาวใช้ด้วยกิริยานุ่มนวล พร้อมกับมือที่กำลังปักลวดลายลงบนผ้า อย่างบรรจง
“ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ ข้าตั้งใจปักให้กับองค์ชายรอง เ้าช่วยดูหน่อย ว่างดงามเพียงพอที่คู่ควรกับเขาฤาไม่” สาวใช้ย่อตัวลงอย่างเคารพ แล้วเดินเข้ามาหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนที่ว่า พลันเลื่อนสายตามองดูลวดลาย ที่บรรจงปักเป็รูปหงส์บินบนนภา สายตาของสาวใช้เป็ประกาย แล้วย่อตัวลงเล็กน้อย
“ทูลองค์หญิง ผ้าปักของท่านงดงามอย่างมาก อีกทั้งความหมายบนผ้า บอกเป็ั์ได้อย่างดี ข้าเชื่อว่าหากองค์ชายรองทอดเนตรเห็น จะต้องพอพระทัยอย่างมากเพคะ” ฟางเหนียงปล่อยยิ้มออกมา แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นทอดสายตามองอย่างมีความหวัง
“ข้าเอง หวังว่าเขาจะชอบ แต่ไหนแต่ไรเขามักจะบ่น ว่าข้าไร้หัวใจ เ็าจนน่ากลัว”
“องค์หญิงเป็เช่นนั้นจริง ๆ เพคะ”
“อิงอิง แม้แต่เ้า ก็เข้าข้างเขาฤา”
“หม่อมฉันมิกล้าเพคะ เพียงแค่อิงอิงรู้สึกเห็นใจองค์ชายรองเท่านั้นเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมา องค์ชายรองเป็คนยึดมั่นในความรัก หัวใจของเขามีเพียงองค์หญิงคนเดียวเสมอมา หากเขาได้รับผ้าเช็ดหน้าที่ปักด้วยฝีพระหัตถ์ขององค์หญิงแล้ว องค์ชายรองต้องดีพระทัยมากอย่างแน่นอนเพคะ”
“ข้าก็หวังว่าจะเป็เช่นนั้น” ฟางเหนียงมองดูผ้าปักแล้วปล่อยยิ้มออกมาอย่างมีความหมาย ก่อนอยู่ ๆ ท้องฟ้าสีขาวละมุน มีการเคลื่อนไหวของสายลมบางเบาลอยมากระทบกายทั้งสอง พร้อมกลิ่นหอมของดอกเหมย์ คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ก่อนที่สายตาของอิงอิงจะเบิกกว้าง
“องค์หญิงเพคะ ท่านดูนั่นสิ” อิงอิงชี้มือไปยังดอกไม้ที่ลอยละลิ่วปลิวมาตามลม ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งสรวงสรรค์ เหล่าหมู่เทพพากันหยุดชะงัก มองดูเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นด้วยความแปลกใจ
“อิงอิง ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่ฤาไม่” ฟางเหนียงมองดูดอกเหมย์พร้อมกับน้ำตาเอ่อขึ้น อย่างรู้ความหมายของมัน เพียงครู่เดียวหนึ่งในดอกไม้ก็ค่อย ๆ ปลิวมาลงมาบนมือของนางเบา ๆ รังความปลาบปลื้มให้กับหยางฟางเหนียงเป็อย่างมาก
“ดอกเหมย เ้าช่วยข้าดูหน่อย ว่านี่ใช่ดอกเหมยจริง ๆ ฤาไม่”
“ไม่ผิดเพคะ เป็ดอกเหมยจริง ๆ เพคะ”
“หากเป็เช่นนั้น สิ่งที่เทพแห่งชะตาเคยประกาศไว้จะเป็จริงใช่ฤาไม่ เมื่อใดที่มีเหตุการณ์ดอกเหมย์ร่วงหล่นลงมา นั่นหมายถึงคู่
