“อาวุธประเภทนี้ต้องใช้พลังจิตควบคุม ทำให้พลังไม่ขัดแย้งกัน ทั้งยังช่วยส่งเสริมกระบี่หยวนจุนอีก ช่างเป็ความลงตัวที่สมบูรณ์แบบ! แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่ามันมีความสามารถมากน้อยเพียงใด!?”
หยวนจุนกะน้ำหนักกระสวยเบาบางที่อยู่บนฝ่ามือสองสามครั้ง ครั้นเห็นป่าไผ่ที่อยู่ห่างไปไม่เกินร้อยเมตร ทำให้เขาฮึกเหิม อยากลองใช้อาวุธ
เขานำกระสวยห้าอันขึ้นมาตรงหน้า ใช้พลังจิตควบคุม แล้วหยิบกระบี่หยวนจุนออกมา กระสวยสีดำกระจายรอบตัวกระบี่ ซึ่งดูแล้วไม่มีผลต่อการใช้งานกระบี่แม้แต่นิดเดียว
เมื่อหยวนจุนงอมือ กระบี่สีขาวหยกก็ชักกลับ ส่วนกระสวยสีดำส่งเสียงกระทบกันของโลหะออกมา
“ฟิ้ว”
เขารวมปราณดาราภายในที่เหลืออยู่ทั้งหมดแล้วทุ่มลงไปในกระบี่หยวนจุน ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ก่อนจะพุ่งกระบี่ยาวตรงไปที่ป่าข้างหน้า เมื่อคมกระบี่พุ่งออกไป กลุ่มปราณกระบี่อันทรงพลังก็ปรากฏขึ้น
ต้นไม้ใหญ่ที่สูงตระหง่านในป่าถูกทำลายด้วยพลังปราณกระบี่สีขาวหยกที่ออกมา ตามด้วยเสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว
“ไป!”
เมื่อควบคุมการหมุนของตัวกระบี่แล้ว กระสวยสีดำห้าอันนี้ก็พร้อมโจมตี หยวนจุนเหวี่ยงพวกมันออกไปเต็มแรงทันที กระสวยตัดผ่านท้องฟ้า เห็นเพียงเส้นสีดำห้าสายที่เหลือทิ้งไว้ในอากาศ
“ตุบ ตุบ...”
กระสวยสีดำห้าอันตัดผ่านต้นไม้ใหญ่แถวแรก ทะลุสิ่งกีดขวางไปจนถึงต้นไม้แถวสุดท้ายที่ยังไม่ถูกปราณกระบี่โค่นหัก ทำให้เกิดเสียงต้นไม้ล้มลงอย่างต่อเนื่อง
“วิ้ว วิ้ว”
กระสวยสีดำที่ถูกควบคุมด้วยพลังจิตพุ่งขึ้นจากพื้น แล้วกลับไปวนรอบตัวกระบี่หยวนจุนอีกครั้ง
เมื่อเห็นพลังของกระสวยสีดำห้าอันนี้ ทั้งหยวนจุนและเสี่ยวเมิ่งต่างแสดงสีหน้าใ
กระสวยสีดำเหล่านี้มีพลังที่แตกต่างจากพลังทำลายล้างของปราณกระบี่ เพราะส่งผลต่อพื้นที่แคบมากกว่า และมีความสามารถในการเจาะทะลุที่แข็งแกร่งกว่า!
หากที่อยู่ตรงหน้าหยวนจุนมิใช่ต้นไม้ใหญ่ แต่เป็นักยุทธ์ที่มีอาวุธระดับิญญา หมายความว่า เขาไม่เพียงต้องเผชิญกับกระบี่หยวนจุนเท่านั้น แต่ต้องเผชิญกับพลังของกระสวยห้าอันนี้ด้วย
เช่นนี้ก็จะทำให้หยวนจุนสามารถจู่โจมได้ในขณะที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว
นอกจากนี้ เขายังไม่ต้องกังวลว่ากระสวยสีดำจะเลื่อนขั้นตามกระบี่หยวนจุนไม่ทัน เพราะอาวุธเวทชีวินนี้ใช้เืของเขาสร้างขึ้น มันสามารถก้าวหน้าไปพร้อมกับเขา ตราบใดที่พลังยังไม่หมด มันสามารถเลื่อนระดับขั้นได้เรื่อยๆ
ต้องเป็นักสร้างเท่านั้นถึงจะสามารถมีอาวุธเวทชีวินได้
อย่างที่รู้ ต้นกำเนิดของกระบี่หยวนจุนนั้นไม่ธรรมดา จนถึงวันนี้หยวนจุนเองก็ยังไม่เข้าใจทั้งหมด แม้จะไม่ได้เป็อาวุธเวทชีวินของหยวนจุน แต่มันก็เป็ถึงอาวุธสูงส่งระดับาาขั้นแปด
อาวุธที่หยวนจุนกลั่นแตกต่างจากทั่วไปเล็กน้อย หากทักษะการกลั่นของเขาไปถึงนักสร้างระดับจักรพรรดิขั้นสูง เขาจะสามารถกลั่นกระสวยห้าอันนี้ให้เป็อาวุธระดับมหาปราชญ์ขั้นเก้าได้!
ซึ่งเป็สิ่งที่อาวุธอื่นทำไม่ได้
และที่หยวนจุนสามารถเลื่อนขั้นระดับอาวุธของกระบี่หยวนจุนได้ เพราะว่าเดิมทีมันเป็อาวุธระดับาาขั้นแปดอยู่แล้ว แม้จะสูญเสียระดับเดิมไป แต่ก็สามารถฟื้นฟูระดับได้หลังจากถูกปลุกขึ้นมาใหม่
“แม้อาวุธเวทชีวินจะเป็อาวุธประเภทหนึ่ง แต่ตอนกลั่นได้ใส่เืของตนเองเข้าไป ดังนั้นถึงคนอื่นจะได้ไปก็ใช้มันไม่ได้”
เสี่ยวเมิ่งมองเขาอย่างชื่นชม มีความสุขที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจ การที่หยวนจุนสามารถกลั่นอาวุธเวทชีวินระดับิญญาขั้นหนึ่งได้อย่างสมบูรณ์ นั่นเป็สิ่งที่นางคาดไม่ถึง
“แสงเยือกเย็นแผ่ออก หมอกคลุมราวั จากนี้ไปข้าจะเรียกเ้าว่ากระสวยเสวียนหลง!” หยวนจุนเก็บกระบี่ยาวของเขา ก่อนจะนำกระสวยเสวียนหลงขึ้นมาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ขณะเดียวกัน ปู่ของเสี่ยวเมิ่งได้วิ่งข้ามธรณีประตู ก่อนจะคว้ากระสวยเสวียนหลงในมือของหยวนจุน แล้วจ้องมองอย่างมีสมาธิ ทั้งนี้ หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่ามือชราที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นนั้นสั่นเล็กน้อย
สามวันก่อน เพื่อเสี่ยวเมิ่งแล้วเขาได้ให้คำแนะนำอันล้ำค่าแก่หยวนจุน เพื่อสำหรับใช้ในการกลั่นอาวุธเวทชีวิน หลังจากนั้นเพียงไม่นาน เขาได้เห็นกระสวยเสวียนหลงที่มีพลังมหาศาลห้าอันแล้ว การที่เขามิได้ห้ามเสี่ยวเมิ่งนั้นทำให้เขาแอบดีใจลึกๆ
บางครั้งเสี่ยวเมิ่งก็มีสายตาเฉียบแหลมกว่าเขามาก
แน่นอนว่าสิ่งที่ชายชราคาใจที่สุดก็คือตัวตนของหยวนจุน เขาไม่เพียงใช้เวลาแค่หนึ่งก้านธูปสร้างอาวุธระดับิญญาขั้นหนึ่งออกมา แต่ภายในสิบวันเขายังสามารถเข้าใจเจ็ดหฤทัยสูตร และภายในสามวันเขาสามารถกลั่นอาวุธเวทชีวินของตนเองได้
ทั่วทั้งมหาภพหลิงเทียน นอกจากเขาแล้วจะมีผู้ใดสามารถทำได้อีก?
“เสี่ยวเมิ่ง วัตถุแร่ผลึกถูกเ้าหนุ่มนี้ใช้ไปมาก พรุ่งนี้เ้าพาเขาไปทีู่เาด้านหลังนะ!” ชายชราเพิ่งรู้ตัวว่าเสียมารยาทจึงส่งกระสวยเสวียนหลงคืนหยวนจุนไป เขาใช้มือป้องปากไอ แล้วกล่าวเสียงเรียบ
“เข้าใจแล้ว ท่านปู่”
หยวนจุนขยับปาก โน้มหน้าเข้าหาใบหูเสี่ยวเมิ่งเล็กน้อยและถามเสียงเบาว่า “มิใช่ว่าปู่ของเ้าอยากให้ข้าหาวัตถุแร่ผลึกเพื่อชดเชยหรอกนะ?”
เสี่ยวเมิ่งยกมือสองข้าง ยิ้มกริ่มแล้วตอบว่า “ยินดีด้วย เ้าคิดถูกแล้ว”
แม้หยวนจุนจะไม่พอใจ แต่ก็มิได้กล่าวอะไรออกไป ครั้นเวลากลางคืน เขาดูดซับพลังโอสถที่ซ่อนอยู่ภายในเพื่อเสริมพลังยุทธ์ แม้จะบรรลุวงแหวนใหญ่ขั้นสามไม่สำเร็จ แต่ก็ไปถึง่ปลายแล้ว อีกไม่นานคงสามารถก้าวผ่านวงแหวนใหญ่ขั้นสามได้!
รุ่งขึ้นหยวนจุนตามเสี่ยวเมิ่งไปทีู่เาใหญ่หลังเมืองเทียนอวิ่น วัตถุแร่ผลึกทั้งหมดที่เสี่ยวเมิ่งนำไปเร่ขาย ต่างหามาจากูเาที่อยู่ด้านหลังนี้
คนธรรมดาทั่วไปหาวัตถุแร่ผลึกไม่ได้ และมีน้อยคนนักที่ถามถึงูเาที่อยู่ด้านหลังนี้
เสี่ยวเมิ่งเป็ถึงนักสร้าง แค่นางขายของให้โรงประมูลสองรอบก็ได้เหรียญทองกลับมาเป็กองแล้ว การที่นางใช้เวลาว่างไปขายของในเมืองจึงเป็เื่ที่ทำให้ผู้อื่นไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร
เื่นั้น นางกล่าวว่าเพื่อ้าปกปิดฐานะอาชีพนักสร้าง ไม่ให้ผู้คนสงสัยและไม่ให้เกิดปัญหาตามมา แต่รูปลักษณ์ของนางกลับสะดุดตาเกินไป ยิ่งนาง้าหลบเลี่ยงสายตาจากผู้อื่นมากเท่าไร นางก็ยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นเท่านั้น
ขณะที่ทั้งสองกำลังเข้าใกลู้เาที่อยู่ด้านหลัง แผ่นกระดาษปริศนาภายในของหยวนจุนก็มีพลังผันผวนแปลกๆ
“เป็ไปได้ไหมว่าทีู่เาแห่งนี้ยังมีสิ่งพิเศษอื่นที่ซ่อนอยู่อีก?”
เมื่อนึกย้อนกลับไป เขาคิดได้ว่ากระดาษนี้มีลางสังหรณ์บางอย่าง หยวนจุนหรี่ตาแล้วมองไปรอบๆ ูเา
จากระดับพลังยุทธ์ที่เขามีอยู่ในตอนนี้ ไม่สามารถรู้สึกถึงการมีอยู่ของสิ่งพิเศษบนูเานี้ได้ ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงถามเสี่ยวเมิ่งว่า “แม่นางเสี่ยวเมิ่ง ไม่กี่วันก่อนนี้เ้าเคยพูดถึงเื่อัคนีเก้าโชติ หรือว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับูเาด้านหลังนี้?”
หลังจากเสี่ยวเมิ่งได้ยินคำถามนี้ หยวนจุนจับการตอบสนองของนางได้ทันที นางสะดุ้งราวกับแตะถูกกระแสไฟ
นางหันมาด้วยสีหน้าบูดบึ้งแต่ก็มิได้ปิดบัง จากนั้นก็พยักหน้าอย่างจริงจัง
“การที่ภายในร่างกายของเ้ารู้สึกสบาย นั่นคือความรู้สึกของอักษรลับเก้าตะวัน!”
เสี่ยวเมิ่งตอบอย่างตรงประเด็น
เื่ที่หยวนจุนฝึกฝนอักษรลับเก้าตะวัน มีแต่ตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้ ไม่คิดเลยว่าสถานที่อย่างเมืองเทียนอวิ่นยังมีคนที่รู้เกี่ยวกับอักษรลับเก้าตะวันด้วย อีกทั้งยังคาดเดาได้ว่าเขาเคยฝึกฝนอักษรลับเก้าตะวัน
ทุกครั้งที่เอ่ยถึงเื่นี้ เขาจะต้องระมัดระวังตัวเป็พิเศษ “แม่นางเสี่ยวเมิ่ง เหตุใดถึงกล่าวเช่นนั้นล่ะ?”
“อักษรลับเก้าตะวันเป็กฎที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อสนองต่อ์และโลก มันถูกใช้เพื่อปรับสมดุลของเปลวไฟเก้าชนิด ภายในตัวข้ามีต้นเพลิงชนิดหนึ่งที่อยู่ในเปลวไฟของอัคนีเก้าโชติ ข้าย่อมต้องเดาได้อยู่แล้ว!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้