ซูิเยว่ชะงักไป คิ้วขมวดเข้าหากัน สายตามองหญิงชราคนนั้นอย่างพิจารณาว่าคำพูดนั้นจริงหรือเท็จ
ท่านแม่ไม่ได้ตายเพราะร่างกายไม่แข็งแรง?
ซูิเยว่คิดไม่ถึงว่าการตายของท่านแม่นั้นจะมีอะไรแอบแฝงเช่นนี้
จู่ๆ ก็ได้ข้อมูลที่ทำให้รู้สึกว่าด้านหน้ามีหมอกขาวโพลนมาปกคลุม แล้วก็เื่คนบ้าที่เจอในวังครั้งที่แล้ว อีกทั้งท่าทางที่เหมือนอยากจะพูดแต่ก็ไม่พูดของฮองเฮาเวินเยว่ เมื่อเอาปริศนาพวกนี้มารวมกันก็เหมือนกับแหขนาดใหญ่
ซูิเยว่ก้มหน้าลงเงียบไปนาน แล้วค่อยเงยหน้าขึ้นมองหญิงชรา “เหตุใดฮองเฮาเหนียงเหนียงถึงคิดว่ามีแค่ข้าที่ช่วยนางได้?”
นางพูดจบก็หัวเราะเย้ยหยันตัวเองเบาๆ แค่เผชิญหน้ากับนักฆ่าขององค์ชายห้า นางยังปกป้องตัวเองแทบไม่ได้เลย
หญิงชราลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “เหนียงเหนียงตรัสว่า ถึงคุณหนูซูจะช่วยนางไม่ได้ แต่คุณหนูซูมีคนข้างกายที่ช่วยนางได้เ้าค่ะ”
ซูิเยว่หรี่ตาลงทันที สายตาเฉียบแหลมมองบีบคั้นสตรีคนนั้น “ใคร?”
หญิงชราลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมา “องค์ชายสามเ้าค่ะ ครั้งที่แล้วตอนที่คุณหนูซูกลับไป เหนียงเหนียงยังไม่วางใจ จึงส่งคนให้ตามหลังไป จนกระทั่งถึงหน้าประตูวังก็เห็นว่าองค์ชายสามมารออยู่ด้านนอก แต่ท่านวางใจได้เลย เื่นี้เหนียงเหนียงไม่เคยพูดกับใครเลยเ้าค่ะ”
ถึงว่า
ซูิเยว่เข้าใจขึ้นมาทันที
ถึงว่าเวินเยว่ถึงได้ส่งคนมาหานางเพื่อขอความช่วยเหลือในสถานการณ์เช่นนี้ แต่เื่นี้เป็เื่ของนาง นางไม่อยากรบกวนจี๋โม่หานมากเกินไป เื่ของทางจี๋โม่หานเองก็เพิ่งจะจัดการได้
ซูิเยว่ครุ่นคิดอยู่นานถึงจะให้คำตอบหญิงชรา “ก็ได้ เื่นี้ข้าจะคิดหาวิธี แต่วันมะรืนเป็วันเกิดไทเฮา สองวันนี้ทำได้แค่นิ่งเงียบไปก่อน”
นางอยากจะรู้เื่เกี่ยวกับมารดาจริงๆ โดยเฉพาะเื่ที่ว่าการตายของมารดามีเื้ั นางก็ยิ่งอยากรู้ว่ามีความจริงอะไรซ่อนอยู่กันแน่ ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไร นางก็จะลองเดิมพันดูสักตั้ง
หญิงชราที่ได้ยินซูิเยว่ตอบรับว่าจะช่วยก็รู้สึกซาบซึ้งมาก “ขอบคุณเ้าค่ะคุณหนู”
“เ้าอย่าเพิ่งขอบคุณข้าเลย” ซูิเยว่ยกมือขึ้นโบก “ถึงแม้ข้าจะรับปากว่าจะช่วยเหนียงเหนียงแล้ว แต่เื่นี้ข้าเองก็ไม่ได้มั่นใจมากเท่าไหร่นัก ตอนนี้สถานการณ์ของเหนียงเหนียงเป็อย่างไรบ้าง?”
หญิงชราตอบตามความจริง “ตอนนี้เหนียงเหนียงถูกขังอยู่ในวังเ้าค่ะ หลังจากวางยาพิษเสร็จแล้ว นางก็ทำลายหลักฐานทิ้งทั้งหมดเพื่อป้องกันปัญหาใดใดที่จะตามมา ดังนั้นตอนนี้ฮ่องเต้จึงไม่มีหลักฐานอะไร คงจะยื้อเวลาไปได้อีกสักระยะหนึ่ง”
“เช่นนั้นทางด้านสกุลเวินล่ะ?”
ซูิเยว่ขมวดคิ้ว เกิดเื่ใหญ่ขนาดนี้ ทางด้านสกุลเวินไม่มีความเคลื่อนไหวเลยสักนิดเชียวหรือ หากเวินเยว่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง สกุลเวินก็จะล้มลงด้วยเช่นกัน
สีหน้าของหญิงชราย่ำแย่เล็กน้อย “สกุลเวินพอถึงรุ่นนี้ก็มีแต่คนไม่ได้เื่ มีแค่เหนียงเหนียงคนเดียวที่คอยค้ำเอาไว้ ราชครูเวินก็อายุมากแล้ว ตอนนี้จึงไม่ได้รับความสำคัญ ถึงแม้จะร้อนใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เ้าค่ะ”
ซูิเยว่ถอนหายใจ สถานการณ์ในตอนนี้จัดการยากจริงๆ หากนางอยากจะรู้เื่ของมารดาก็ต้องล้างมลทินของเวินเยว่ให้ได้ โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันได้ว่าเวินเยว่นั้นเป็คนวางยา
ซูิเยว่ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้อง เื่นี้นางจะบอกจี๋โม่หานดีหรือไม่ คิดไม่ถึงว่าครั้งก่อนจะถูกเวินเยว่เห็นนางอยู่กับจี๋โม่หานเข้าเสียได้ อีกทั้งเหตุใดเวินเยว่ถึงได้มั่นใจว่าจี๋โม่หานจะมีวิธีช่วยนางได้
ถ้าไม่ใช่เพราะนางรู้จักจี๋โม่หานดี นางก็คงคิดว่าเขาเป็แค่องค์ชายที่ทั้งตาบอด พิการและไม่มีอำนาจอะไร
ซูิเยว่คิดอยู่ครึ่งวันก็ยังคิดวิธีดีๆ ไม่ออก นางจึงพยักหน้าอย่างหงุดหงิด เป็อย่างที่คิดเลย พอนางห่างจากจี๋โม่หานก็ทำอะไรได้ไม่ดีเลย
อีกทั้งตอนนี้ก็ใกล้จะถึงงานวันเกิดไทเฮาแล้ว นางไม่อาจทำให้ทางนี้เกิดปัญหาอะไรขึ้นได้ ทำได้แค่วางเื่นี้เอาไว้ด้านข้างก่อน แล้วค่อยวางแผนหลังจากงานวันเกิดไทเฮา
ซูิเยว่ให้หญิงชราพักในเรือนของตัวเองไปก่อน แล้วสั่งให้พวกเสี่ยวอวี่ดูแลนางอย่างดี อย่าให้เกิดปัญหาอะไร
สองวันต่อมา ซูิเยว่กับเสี่ยวอวี่รีบปักของขวัญวันเกิดที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้จนเสร็จ เดิมทีควรจะเสร็จเร็วกว่านี้ ช่วยไม่ได้ที่หลายวันนี้ถูกเื่อื่นทำให้ล่าช้าไป
นี่เป็งานวันเกิดครั้งแรกหลังจากที่ฮ่องเต้มอบตำแหน่งให้ ภายในวังจะต้องจัดงานใหญ่โตแน่ พวกขุนนางและพระญาติพวกนั้นต่างให้ความสำคัญเป็พิเศษแน่นอน
และแล้ววันเกิดของไทเฮาก็มาถึง ตอนเช้าตรู่ ฟ้ายังไม่สว่างดี ซูิเยว่ก็ถูกเสี่ยวอวี่ปลุกขึ้นมาแต่งตัว วันนี้ค่อนข้างเป็งานที่ทางการ ชุดที่สวมใส่จะไม่พิถีพิถันไม่ได้
เสี่ยวอวี่ดูแลซูิเยว่อาบน้ำ จากนั้นก็แต่งหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นาง
เมื่อจัดการเื่พวกนี้ไปได้พอสมควร เวลาก็ผ่านไปหนึ่งชั่วยามกว่า ตอนที่ตื่นมาเดิมทีก็เช้ามากอยู่แล้ว หลังแต่งตัวเสร็จฟ้าก็สว่างพอดี
พ่อบ้านฝูซูมาเร่งอีกครั้งเพื่อบอกว่าซูโม่รออยู่ที่หน้าเรือนแล้ว
ซูิเยว่จึงไม่ทานอาหารเช้าแล้วรีบเร่งให้เสี่ยวอวี่ห่อของให้เรียบร้อย จากนั้นก็ออกจากหอฮวาซีแล้ววิ่งไปที่เรือนหน้า ก่อนจะไปนางก็ไม่ลืมสั่งให้เสี่ยวอวี่ดูคนข้างกายฮองเฮาให้ดี
ด้านนอกประตูจวนสกุลซู รถม้าได้มารออยู่ตรงหน้าก่อนแล้ว ซูโม่กำลังยืนรอนางอยู่ที่หน้าประตู
ซูิเยว่จับกระโปรงเดินเข้าไปหาแล้วทำความเคารพซูโม่ อีกฝ่ายพูดแค่อืมเสียงเรียบ ก่อนจะขึ้นรถม้าโดยที่ไม่หันหน้ากลับมามองนางเลยสักนิด
นางเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีกแล้วตามเสี่ยวอวี่ไปขึ้นรถม้าที่อยู่ด้านหลัง
รถม้าเริ่มออกเดินทางไปวังหลวง ตลอดทางซูิเยว่เห็นรถม้าของตระกูลอื่นเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดด้วย ในงานวันนี้คงจะเป็ขุนนางและพ่อค้าชนชั้นสูงแทบจะทั้งหมด
จี๋โม่หานก็คงจะไปด้วยสินะ
ซูิเยว่คิดถึงจี๋โม่หานอีกแล้ว นางยกมือขึ้นมาลูบสร้อยจี้ที่จี๋โม่หานให้นางเอาไว้ตรงอกเสื้อ เสด็จแม่ของจี๋โม่หานได้จากไปั้แ่เขายังเด็กมาก หลายปีหลังจากนั้นเขาก็ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวนอกวัง
นางถอนหายใจแล้วดึงความคิดกลับมา จากนั้นก็คิดได้ว่าในงานเลี้ยงวันนี้จ้าวอวี้ถิงจะต้องมาด้วยแน่นอน พอคิดว่าจะต้องเจอคนที่ตนไม่ชอบแล้ว นางก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
แล้วก็องค์ชายห้าที่ถูกสั่งไม่ให้เข้าวังหากไม่มีคำสั่ง ไม่รู้ว่าเขาจะมาหรือไม่ แต่ว่าอย่างมากก็ต้องมาแน่ อย่างไรพฤติกรรมของราชวงศ์พวกนี้นางรู้ดี
องค์ชายห้าไม่มีทางยอมหยุดทำร้ายนางแน่ รวมถึงจ้าวอวี้ถิงด้วย ใน่นี้ถึงแม้ว่าจะหยุดไปชั่วขณะ แต่พวกนั้นต้องมีความคิดอะไรอยู่เื้ัแน่
รถม้าวิ่งมาได้ครึ่งชั่วยามก็มาหยุดที่หน้าประตูวัง
เสี่ยวอวี่พยุงซูิเยว่ลงมาจากรถม้า แล้วก็เหมือนกับแต่ก่อน คนที่มาร่วมงานเลี้ยงจะต้องลงตรงนี้แล้วเปลี่ยนมานั่งเสลี่ยงจากในวังเข้าไป รถม้าทั้งหมดจะถูกจอดเอาไว้ที่หน้าประตูวัง
ซูิเยว่มองไปรอบๆ หนึ่งรอบ เพียงครู่เดียวก็เห็นรถม้าของจวนองค์ชายสามจอดอยู่ไม่ไกล จี๋โม่หานเองก็กำลังลงจากรถม้า โดยมีหลิงชวนเป็คนเข็นรถเข็นให้เขา
วันนี้จี๋โม่หานสวมชุดดำทั้งตัว แขนเสื้อ สาบเสื้อและคอเสื้อนั้นปักด้วยด้ายสีทองซึ่งเผยกลิ่นอายของชนชั้นสูงออกมา ส่วนผมก็ใช้กวานหยกมัดไว้สูง ยิ่งขับให้ผิวของเขาขาวมากขึ้นจนดึงดูดสายตาของกลุ่มคน