เหอชูซานมาถึงหน้าบ้านของตัวเองยามรุ่งสางพอดี ในตรอกมีกระดาษสีเหลืองปลิวว่อน กลิ่นธูปฟุ้งไปทั่ว ป้าหลิวที่อาศัยอยู่ชั้นบนของตึกกำลังร้องไห้โหยหวนท่ามกลางญาติพี่น้อง เธอคุกเข่าลงกับพื้นแล้วโค้งคำนับไปทางท้องฟ้า ขอร้องให้ลูกชายของเธอกลับมาทั้งที่ถูกควักไส้ควักพุงตายอย่างน่าอนาถไปแล้ว เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนดาดฟ้าจึงได้แต่ทุบพื้น ร้องไห้ และสาปแช่งพวกแก๊งมาเฟียว่าจะต้องตายอย่างน่าอนาถ!
ไม่มีใครสังเกตเห็นเหอชูซานที่สวมแจ็กเก็ตสีดำยืนนิ่งมองกระดาษสีเหลืองบนพื้น ไม่นานเขาก็ก้มหน้าเดินจากไปอย่างเงียบๆ
หมอฟันเหอถอนหายใจและพาลูกชายของเขาเข้าไปในคลินิก ปิดประตู แล้วพูดกับลูกชายของเขาเสียงเบาว่า “ลูกของเธอเองก็เป็พวกมาเฟียเหมือนกัน น่าสงสารจริงๆ... แล้วเมื่อวานนี้ลูกหายไปไหนมาทั้งวัน?! ชย่าลิ่วอีไปหรือยัง?!”
ภายในเวลาเพียงยี่สิบกว่าชั่วโมง เหอชูซานไม่เพียงแต่จะได้รู้เื่ราวความรักที่ซับซ้อนของเหล่ามาเฟียเท่านั้น แต่ยังถูกไล่ล่า ะโตึก แบกผู้ชายตัวใหญ่ๆ วิ่งไปหลาย่ถนน หนีออกจากนอกเมืองไปอีกหลายกิโลเมตรเพื่อไปหาพี่ใหญ่มาเฟีย ได้เป็นักแสดงชั้นยอด และได้เห็นการฆ่าล้างแค้นของแก๊งมาเฟียด้วยสองตา... ประสบการณ์ที่เข้มข้นและนองเืนี้ทำให้จิตใจที่บริสุทธิ์และอ่อนเยาว์ของเขาสั่นะเือย่างรุนแรง สมองของเขายังคงว่างเปล่า เขาทำเพียงแค่ปล่อยกระเป๋าใบเล็กที่กอดไว้แน่นในอ้อมแขนของเขาลง แล้วถอดแจ็กเก็ตสีดำที่ขโมยมาจากสตูดิโอหนังออก
หมอฟันเหออ้าปากค้างด้วยความใเมื่อเห็นรอยเืเปรอะเปื้อนเต็มร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของลูกชาย!
“ไอ้หยา! ไอ้หยา!” หมอฟันเหอร้องออกมา!
“พ่อ ผมไม่เป็ไร” เหอชูซานพูดเสียงเบา “ไม่ใช่เืของผม พ่อช่วยตักน้ำมาให้ผมล้างตัวหน่อยได้ไหมครับ?”
หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว นักศึกษาเหอก็ป่วยมีไข้สูงจนต้องนอนซมอยู่บนเตียงนานสามวัน ระหว่างนั้นเขาฝัน เหอชูซานครึ่งหลับครึ่งตื่น รู้สึกราวกับมีไม้มาคนอยู่ในสมอง พยายามจะปั่นความรัก ความแค้น และความสัมพันธ์ที่วุ่นวายทั้งหมดให้กระจัดกระจายแล้วโยนมันออกไปจากหัว
พ่อของเขาไปมหาวิทยาลัยแทนเขา คืนหนังสือเล่มหนาให้ห้องสมุด พร้อมทั้งขอลาป่วยกับทางมหาวิทยาลัยโดยบอกว่าเขาป่วยหนักและขอเลื่อนสอบซ่อมออกไปก่อน
……
ในขณะที่เหอชูซานนอนหลับๆ ตื่นๆ อยู่บนเตียงเล็กๆ ที่ทั้งมืดและชื้น ชย่าลิ่วอีก็ถูกพันทั้งร่างให้เป็มัมมี่อย่างดีโดยแพทย์ในห้องพิเศษของโรงพยาบาล และเขาเองก็อยู่ในห้วงแห่งความฝันเช่นกัน
ฤทธิ์ยาชายังไม่หมด สมองของเขารู้สึกมึนงงราวกับเดินอยู่ในความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด เขาได้ยินแต่เสียงหัวเราะอันน่าสยดสยองก่อนตายของสวี่อิงและคำพูดที่เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาทที่สวี่อิงกระซิบข้างหูเขา
“ชย่าเสี่ยวลิ่ว... แกมันไอ้คนชั้นต่ำ... ฉันจะทำให้แกไม่มีวันรู้เลยว่า... ชิงหลงตายยังไง...”
— ชิงหลงตายได้อย่างไร? แกฆ่าไม่ใช่หรือ?! ยังจะมีใครอีก?! เหลวไหล!
เขากำหมัดแน่น ก่อนจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทว่าเหล่าผู้าุโที่อยู่ข้างเตียงของเขากำลังตั้งใจฟังพินัยกรรมอยู่ จึงไม่ได้สังเกตว่าเขาฟื้นแล้ว
ลุงหยวนพาทนายความผู้มีร่างกายผอมบางและดูฉลาดมาด้วย พร้อมทั้งแนะนำว่าเป็ทนายความส่วนตัวของชิงหลง ชิงหลงเคยสั่งลุงหยวนไว้ว่า หากตนเองเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ก็ให้เอาไม้เท้าหัวัออกมาและให้ทนายความส่วนตัวนำพินัยกรรมมาประกาศ
“พินัยกรรมของคุณห่าวเฉิงชิงแบ่งออกเป็สองส่วน” ทนายความอธิบาย “ส่วนแรก ทรัพย์สินส่วนตัวทั้งหมดจะตกเป็ของภรรยา คุณนายชย่าเสี่ยวหม่าน และส่วนที่สอง เสนอให้ชย่าลิ่วอีเป็ ‘หัวหน้า’ คนต่อไป”
ชย่าลิ่วอีหลับตา มือข้างที่ไม่ได้รับาเ็กำผ้าห่มแน่นด้วยความสั่นเทา
เหล่าผู้าุโต่างมองหน้ากัน ลุงหยวนพูดขึ้น “ชิงหลงลงคะแนนเสียงไปแล้ว พวกท่านคิดเห็นยังไงบ้าง?”
“ฉันจะฟังชิงหลง” ลุงฉิวผู้ที่าุโน้อยที่สุดในกลุ่มพูดขึ้น “ชิงหลงพูดถูก เสี่ยวลิ่วเป็คนฉลาด มีความกล้าหาญ เขาสามารถรับผิดชอบงานใหญ่ได้”
“เสี่ยวลิ่วยังมีประสบการณ์น้อย” ผู้เฒ่าเก๋อผู้มีาุโสูงสุดพูด “แถมยังไม่เคยเป็รองหัวหน้ามาก่อน จะให้เลื่อนขั้นเป็หัวหน้าโดยตรงเลยก็ไม่ถูกต้องตามกฎนัก”
“กฎเป็สิ่งที่คนตั้งขึ้นมา ไม่ใช่สิ่งที่ตายตัว” ลุงฉิวพูด “เสี่ยวลิ่วดํารงตำแหน่ง ‘หงกุ้น’ มาหลายปี สร้างผลประโยชน์ให้แก๊งมากมาย มีทั้งความดีความชอบและความลำบาก ฉันว่าเขามีคุณสมบัติพอ”
“เขาอายุเพียงแค่เท่านี้เองนะ?” ผู้เฒ่าเก๋อถาม “ถ้าให้เขามาเป็ ‘หัวหน้าใหญ่’ ฉันกลัวว่าคนที่อยู่ข้างล่างจะไม่ยอมรับ”
ทั้งสองโต้เถียงกันสองสามประโยค ต้วนชินหวังที่นั่งเงียบๆ อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้น “ตอนที่ชิงหลงเป็ ‘หัวหน้าใหญ่’ ตอนอายุ 25 ปีก็มีคนที่ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน แล้วพวกเขาเป็ยังไงบ้างล่ะ?”
ผู้เฒ่าเก๋อพูดไม่ออก ภาพเหตุการณ์นองเืที่ชิงหลงกวาดล้างผู้ต่อต้านอย่างเด็ดขาดผุดขึ้นมาในความคิดของทุกคน หัวหน้าแก๊งผู้ดูเหมือนจะอ่อนโยนและมีคุณธรรมคนนี้สามารถนั่งอยู่ในตำแหน่ง ‘หัวหน้าใหญ่’ ได้นานถึงสิบปีก็เพราะความโเี้ของเขา
ต้วนชินหวังพูดต่ออย่างแ่เบา “ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ไม่เห็นด้วยมากที่สุดไม่ใช่สวี่อิงหรอกหรือ? เขาไม่อยู่แล้ว ยังจะมีใครคัดค้านอีก?”
สีหน้าของผู้เฒ่าเก๋อซีดลงทันที เขาขมวดคิ้วและไม่พูดอะไรอีก
“ฉันโหวตให้ชย่าลิ่วอี” ต้วนชินหวังพูด “เหล่าหยวน แล้วนายล่ะ?”
ลุงหยวนพยักหน้า “แน่นอนว่าฉันเคารพความเห็นของชิงหลง ในเมื่อมีแต่เหล่าเก๋อที่คัดค้าน เื่นี้ก็ถือว่าตกลงกันได้แล้ว ตอนนี้ยังอยู่ใน่ไว้ทุกข์ให้ชิงหลง พิธีทุกอย่างก็ควรทำอย่างเรียบง่าย ฉะนั้นอีกสามวันหลังจากนี้เราจะจัด ‘พิธีแต่งตั้งหัวหน้าใหญ่’ อย่างเรียบง่ายที่แก๊งเพื่อให้หัวหน้าใหญ่คนใหม่ได้ขึ้นรับตำแหน่งอย่างเป็ทางการ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ชย่าลิ่วอีก็หลับตาลงแล้วลอบถอนหายใจออกมาอย่างเงียบๆ
เขาไม่ได้มีความคิดที่จะถ่อมตัวหรือยกตำแหน่ง ‘หัวหน้าใหญ่’ ให้คนอื่น หลังจากที่ชิงหลงตายไป สวี่อิงก็ตายตาม เฉิงต้าจุ้ยก็ถูกเขาฆ่าไปแล้ว เหล่าผู้าุโทั้งหลายต่างก็อยากมีชีวิตที่เงียบสงบ ไม่อยากเป็คนที่ต้องออกหน้าออกตาในแก๊ง จึงชัดเจนว่าไม่มีใครที่เหมาะสมจะรับตำแหน่งนี้นอกจากชย่าลิ่วอีอีกแล้ว และถึงแม้ว่าชุยตงตงจะเป็คนที่กล้าหาญและฉลาด แต่เธอกลับมีนิสัยเ้าชู้และรักความสนุกสนาน ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเป็หัวหน้าใหญ่ ดังนั้นเธอจึงสนับสนุนให้ชย่าลิ่วอีรับตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ด้วยความเต็มใจ
มีเพียงการที่เขาขึ้นเป็หัวหน้าแก๊งเท่านั้น จึงจะสามารถทำให้แก๊งเซียวฉีเติบโตต่อไปได้ และมีเพียงการที่เขาได้ขึ้นเป็หัวหน้าแก๊งเท่านั้น จึงจะสามารถสืบหาสาเหตุการตายที่แท้จริงของชิงหลงได้...
เขานอนหลับตาอยู่บนเตียงโดยไม่พูดอะไร เหล่าผู้าุโที่หารือเื่สำคัญกันเสร็จเรียบร้อยแล้วแวะมาดูเขาที่ยังคง ‘หลับ’ อีกนิดหน่อยแล้วก็แยกย้ายกันไป เมื่อไม่มีผู้ใดอยู่ในห้องแล้ว เสี่ยวหม่าก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างร่าเริง “พี่ลิ่วอี! อย่าแกล้งหลับสิ!”
“ไสหัวไป” ชย่าลิ่วอีลืมตาขึ้นมาพูด “เอาน้ำมา”
เสี่ยวหม่ารีบคลานเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำ เขาปรับหัวเตียงให้ยกขึ้น เสียบหลอดลงในแก้ว แล้วส่งให้พี่ใหญ่ดื่ม “พี่ลิ่วอี พี่ไม่เป็อะไรก็ดีแล้ว! ถ้ามีอะไรให้ผมรับใช้ ไม่ว่าจะเื่เล็กเื่ใหญ่ก็บอกมาได้เลย!”
“ไปไกลๆ เลยไอ้หน้าโง่ เห็นหน้าขี้เหร่ของแกแล้วใครจะไปฉี่ออกกัน?” ชย่าลิ่วอีพูด “ได้ยินมาว่าตอนนั้นแกเผ่นไวใช่เล่นเลยนี่?”
เสี่ยวหม่าตอบอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอนอยู่แล้วครับ! ก็พี่ลิวอีฝึกผมมาเองกับมือนี่! ผมตีลังกาตั้งหลายตลบแล้วตรงไปบ้านที่เจ๊ตงตง จากนั้นนักร้องสาวบ้านนั้นก็รีบพาผมไปซ่อนเลย! เสี่ยวหม่าคนนี้คือใครกัน? คนสนิทคนสำคัญของพี่ลิ่วอีไง! ถ้าปล่อยให้สวี่จับผมได้ ผมคงทำให้งานของพี่ลิ่วอีช้าไปเยอะ!”
“ไอ้เวรนี่” ชย่าลิ่วอีหัวเราะแล้วด่าอีกประโยคหนึ่ง “แกเป็คนเปลี่ยนของในตู้เซฟเหรอ?”
“เปลี่ยนั้แ่เช้าตรู่แล้วครับ! พอเจ๊ตงตงกลับมาถึงบ้านปุ๊บ ผมก็รีบรายงานเลยว่าพี่เคยบอกว่ามีกล่องที่สำคัญมากอยู่ใบหนึ่ง ถ้าเกิดเื่ขึ้นต้องไปเปลี่ยน เจ๊ตงตงก็รีบเปลี่ยนให้ในคืนนั้นเลย! พี่ลิ่วอี ครั้งนี้ผมไม่ได้เอาสมองไปไว้ตรงก้นนะครับ ไม่ต้องตีผมด้วยไม้แล้วใช่ไหม?”
“ตี! หงกุ้น แกจะเอาไม่เอา?”
“ตีด้วยหงกุ้นมันจะเจ็บขนาดไหน” เสี่ยวหม่าพึมพำ ไม่นานก็อุทานออกมาพร้อมกับดีดร่างะโออกไปไกล “พะ พี่ลิ่วอี เมื่อกี้พี่พูดว่าอะไรนะ!”