“เอาล่ะ พ่อเข้าใจเจตนาของเ้าแล้ว จะเอาอย่างไรก็ตามใจเ้าเลย ข้าสนับสนุนเต็มที่” จื่อเทียนหลางกล่าว
“ขอบคุณขอรับท่านพ่อ” จื่อต้าหลงประสานมือคารวะ
“ลูกแม่ ถ้าหากเ้าจะท่องยุทธภพต้องดูแลตัวเองให้ดีๆนะ” จื่อฮวากล่าวด้วยความเป็ห่วง แม้จื่อต้าหลงจะเป็บุรุษ แต่ด้วยความที่เป็แม่นางย่อมเป็ห่วงเสมอ
“ขอรับท่านแม่ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี” จื่อต้าหลงตอบ
หลังจากคุยกับท่านพ่อและท่านแม่เสร็จเด็กหนุ่มก็ออกจากตระกูลไปที่สำนักปลาทองทันที เพื่อไปยืนยันการจบการศึกษา
ณ สำนักปลาทอง
จื่อต้าหลงเดินเข้าไปที่สำนักเขาพบกับศิษย์ใหม่มากมาย
“เฮ้ พวกเ้าดูนั่น นั่นมันศิษย์พี่จื่อนี่นา!!” ศิษย์คนนึงกล่าวขึ้น
“ศิษย์พี่จื่อที่ได้อันดับ 1 ในศึกการประลองรุ่นเยาว์แห่งแคว้นลี่น่ะรึ ไหนๆ” ศิษย์อีกคนถาม
“นั่นไง คนที่ใส่อาภรณ์สีม่วงหน้าตาหล่อเหลาคนนั้นไง!”
“ว้าวว ศิษย์พี่จื่อช่างหล่อเหลามากเลย!” ศิษย์สตรีกลุ่มนึงเห็นจื่อต้าหลงก็กรี๊ดกร๊าดคุยกันอย่างสนุกสนาน
จื่อต้าหลงเมื่อรู้ว่าเหล่าศิษย์กำลังพูดถึงเขาอยู่ เด็กหนุ่มจึงเดินยืดอกผายไหล่ผึ่ง เพื่อความเท่ เขาจำต้องเดินอย่างช้าๆค่อยๆ
‘ฮ่าๆๆ ชมอีกสิชมข้าอีก ข้ามันหล่อะเิ’ จื่อต้าหลงคิดในใจ เด็กหนุ่มคิดว่าท่าทางการเดินของเขาคงจะดูสง่างามไม่น้อย
“พวกเ้าดูนั่นสิ? ศิษย์พี่จื่อเขาเป็อะไร? ท่าเดินแปลกๆดูราวกับลิงป่วย”
“หรือว่าเขาจะาเ็จากการต่อสู้?”
“…..”
หลังจากเดินโชว์ตัวจนพอใจแล้ว เด็กหนุ่มก็เข้าไปพบกับผู้าุโชางยี่ที่ตึกเ้าสำนัก เมื่อไปถึงเขาก็ทำการคารวะ “ศิษย์ จื่อต้าหลง คารวะผู้อาวุุโสชางยี่!!” หลังจากนั้นเขาก็กล่าวต่อว่า “ข้ามาเพื่อขอเข้าพบเ้าสำนักขอรับ”
ผู้าุโชางยี่หันมามองเด็กหนุ่มด้วยแววตาเปล่งประกาย
“เ้าเองรึที่คว้าอันดับ 1 มาได้ ฮ่าๆๆ มาเถอะข้าจะพาเ้าไปพบเ้าสำนัก”
หลังจากนั้นจื่อต้าหลงก็ตามผู้าุโชางยี่ไปยังห้องเ้าสำนัก…. ภายในห้องนั้นเ้าสำนักปลาทองยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“เ้าคือจื่อต้าหลงสินะ” เ้าสำนักกล่าวเมื่อเห็นผู้าุโชางยี่พาเด็กหนุ่มเข้ามา
“ใช่แล้วขอรับ” จื่อต้าหลงตอบอย่างนอบน้อม
“ยอดเยี่ยมนัก! ปราณจิตขั้นสองกลับสามารถล้มระดับปราณจิตขั้นเก้าได้! เ้าได้สร้างชื่อเสียงให้สำนักอย่างมหาศาล ระดับพลังเ้าในตอนนี้สามารถเลื่อนขั้นเป็ผู้าุโในสำนักได้แล้ว เ้า้าหรือไม่?” เ้าสำนักกล่าวชมเชยพร้อมกับถามเด็กหนุ่ม
“เรียนเ้าสำนัก ศิษย์มาที่นี่เพื่อยืนยันการจบการศึกษาขอรับ….” จื่อต้าหลงกล่าว
“เป็เช่นนี้เอง… น่าเสียดายนัก เ้ามุ่งหวังสิ่งใด บอกข้าได้หรือไม่?” เ้าสำนักถามพร้อมกับมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาคมกริบ
“ข้าอยากท่องยุทธภพ อยากเป็เ้าแห่งยุทธภพขอรับ” จื่อต้าหลงตอบอย่างจริงจัง
“ฮ่าๆๆๆ เป้าหมายของเ้าช่างยิ่งใหญ่นัก! เอาล่ะ ในเมื่อเป็สิ่งที่เ้า้างั้นจงไปเสียเถิด ข้าไม่อาจรั้งเ้าไว้ในสำนักเล็กๆเช่นนี้ได้” เ้าสำนักปลาทองกล่าวอย่างเข้าใจ
“ขอบคุณเ้าสำนักที่เข้าใจ งั้นข้าขอลา” จื่อต้าหลงกล่าวพร้อมประสานมือคารวะ
จื่อต้าหลงนั้นอยู่ในสำนักปลาทองมาถึง 3 ปี แม้เขาจะไม่มีอาจารย์เป็การส่วนตัว แต่เขาก็อยากจบการศึกษาอย่างถูกต้อง 3 ปีนี้ นับว่าเขาผูกพันธ์กับสำนักไม่น้อย จากอายุ 13 ปี ถึง 16 ปี ส่วนใหญ่แล้วเขามักจะฝึกวิชาอยู่ในสำนักมากกว่าออกไปทำภารกิจ
หลังจากร่ำลาเ้าสำนักเสร็จเขาก็เหมือนปลดภาระทางจิตใจลง เด็กหนุ่มระลึกไว้เสมอว่าเคยเป็ศิษย์ของที่นี่ อย่างน้อยก็ทำให้เขาได้เจอมิตรสหาย ค่ำนี้เขามีนัดกับเฉิงไฉเซียวและลวี่เหริน ที่โรงเตี๊ยมเมฆแดง เขาจึงรีบมาจัดการธุระให้เสร็จสิ้นจะได้ดื่มกินอย่างสบายใจ
ขณะจื่อต้าหลงเดินท่องตลาดภายในเมือง เด็กหนุ่มพลันรู้สึกว่าเมืองปลาทองช่างเล็กจ้อยไปเสียแล้ว การที่เขาได้ออกไปเปิดหูเปิดตาไปท่องยุทธภพไปงานประลองอาณาจักรลี่นั้น ได้เปิดหูเปิดตาเขามากมายยิ่งนัก
เด็กหนุ่มกลับไปยังห้องตัวเองที่ตระกูลจื่อ เขาคิดที่จะดูดซับยาระดับสูงสองเม็ดที่ได้มา การดูดซับยาสองเม็ดนี้ใช้เวลากว่า 2 ชั่วยาม ทว่ามันก็ทำให้ตอนนี้เขาทะลุคอขวด เลื่อนขึ้นไปอยู่ในชั้นลมปราณจิตขั้นที่สามแล้ว!
หลังจากเด็กหนุ่มดูดซับเม็ดยาระดับสูงเสร็จกก็ถึงเวลานัดพอดี
ณ โรงเตี๊ยมเมฆแดง
จื่อต้าหลงเดินขึ้นไปที่ชั้นสองริมระเบียงเหมือนเดิม
“คุณชายจื่อ ้าสั่งอะไรขอรับ?” เสี่ยวเอ้อถามอย่างยิ้มแย้มเมื่อเห็นลูกค้าประจำกระเป๋าหนักเดินเข้ามา
“เอาสุราเมฆแดงมาให้ข้าสามป้าน” จื่อต้าหลงกล่าวเสียงนุ่ม เสี่ยวเอ้อรับคำสั่งเสร็จก็ไปจัดการจัดหาสุราเมฆแดงให้เขา
จื่อต้าหลงร่ำสุราเพียงลำพังอยู่ ครึ่งชั่วยาม สองสหายก็มาถึง
“เฮ้ เ้ามาไวดีนี่” เฉิงไฉเซียวกล่าวขึ้นมา หลังจากมาถึงเขาก็เลือกที่นั่งมุมประจำ
ลวี่เหรินเองก็นั่งลงที่นั่งประจำของเขาเช่นกัน
“ฮ่าๆๆ พอดีข้าว่างน่ะ เลยมาเร็วกว่าเวลานัด พวกท่านเองก็จัดการธุระของตัวเองเสร็จแล้วรึ?” จื่อต้าหลงถาม
“แน่นอน ตระกูลข้าดีใจมากที่สามารถติด 1 ใน 10 ของศึกการประลองรุ่นเยาว์แคว้นลี่ได้ ฮ่าๆๆ กะว่าจะหาวันเลี้ยงฉลองกันอยู่” เฉิงไฉเซียวกล่าวอย่างอารมณ์ดี
“แล้วทางเ้าล่ะลวี่เหริน?” จื่อต้าหลงถาม
“ตระกูลข้าเองก็จัดงานฉลองเช่นกัน ท่านพ่อข้า ถึงกับชวนข้ารับใช้บ่าวสาวมาร่วมดื่มทั้งตระกูลเลย” ลวี่เหรินตอบ
“ดูเหมือนพวกเราจะพาเกียรติยศมาให้สำนักและวงศ์ตระกูลมากเลยนะ” จื่อต้าหลงกล่าว เด็กหนุ่มยกจอกสุราขึ้นมาดื่มอย่างสบายอารมณ์ เขามองนางรำที่ร่ายรำอยู่กลางเวที พร่ำบ่นเพ้อว่าวันนี้เหล่านางรำช่างร่ายรำได้งดงามยิ่งนัก ช่างสบายตาเสียนี่กระไร!
“ฮ่าๆๆ เดี๋ยวนี้เ้าหันมาสนใจหญิงสาวแล้วรึ?” เฉิงไฉเซียวกล่าวหยอกล้อ
“แน่นอนข้าเองก็เติบโตมาถึงขั้นนี้แล้ว ฮ่าๆๆๆ” จื่อต้าหลงตอบติดตลก
“งั้นวันนี้เราลองไปเที่ยวหอนางโลมกันมั้ย?” เฉิงไฉเซียวเสนอ
“หอนางโลมกับที่นี่ต่างกันอย่างไรรึ?” จื่อต้าหลงถามอย่างใสซื่อ
“ไว้เ้าได้ไปก็จะรู้เอง ข้าเองก็เคยไปมาอยู่หลายครั้ง ที่นั่นต่างกับที่นี่มากนัก เดี๋ยวพี่ใหญ่คนนี้จะพาเด็กน้อยอย่างพวกเ้าไปเปิดโลกเอง” เฉิงไฉเซียวกล่าวพร้อมกับทุกอกตัวเอง
“ลวี่เหรินเ้าล่ะเคยไปหรือไม่?” จื่อต้าหลงถาม
“ข้าเองก็ไม่เคยไปเช่นกัน แต่พอรู้มาบ้างว่ามันแตกต่างกันอย่างไร” ลวี่เหรินตอบนิ่งๆ
“งั้นวันนี้พวกเราจะไปเที่ยวหอนางโลมกันสักครั้ง!” จื่อต้าหลงกล่าวอย่างมุ่งมั่น เขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่าหอนางโลมมันเป็สถานที่เช่นไร?
“งั้นรีบดื่มกันเถอะจะได้ย้ายสถานที่ อิอิอิ” เฉิงไฉเซียวกล่าวพร้อมยกรอยยิ้มอย่างชั่วร้าย
ลวี่เหรินถึงกับส่ายหัวให้กับเฉิงไฉเซียว สหายเขาผู้นี้ช่างอารมณ์ขันยิ่งนัก
หลังออกมาจากโรงเตี๊ยมเมฆแดง จื่อต้าหลงก็ถามว่า “เราจะไปหอนางโลมที่ไหนกัน?”
“แน่นอนว่าต้องไปที่หอจันทรา หอนางโลมในเมืองปลาทอง มีหอจันทรานี่แหละโด่งดังที่สุดในเมืองแล้ว!” เฉิงไฉเซียวเอ่ยอย่างผู้รู้
“งั้นรีบนำไปเลย” จื่อต้าหลงกล่าวเร่ง
หลังจากตกลงกันเสร็จสิ้น เฉิงไฉเซียวก็ได้เดินนำ เขาพาสหายไปเที่ยวหอนางโลม เดินผ่านถนนไปหลายสาย เมื่อไปถึงจื่อต้าหลงพบว่า หอจันทรานั้นช่างดูโอ่อ่าประดับประตาไปด้วยโคมไฟระย้า สวยสดงดงามเป็อย่างยิ่ง! นี่ขับเน้นให้บรรยากาศดีกว่าเดิมนับหลายเท่าดูราวกับทางเข้าสวน์!
หลังจากพวกเขาเดินเข้าไป ก็มีหญิงงามมากมายออกมาให้บริการถามไถ่
“นายน้อยทั้งสามเชิญเลยเ้าค่ะ” หญิงคณิกานางนึงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงหวานใส ทั้งสามได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าในทันใด พวกเขาตามนางไปจนถึงชั้นสอง
จื่อต้าหลงเองสังเกตุเห็นว่าทุกโต๊ะจะมีอิสตรีมานั่งคลอเคลียกับเหล่าบุรุษทุกโต๊ะ เมื่อไปถึงโต๊ะทั้งสามก็นั่งลง หลังจากนั้นก็มีหญิงสาวสามคนมาให้บริการ พวกนางถามว่าจะรับอะไรดี? พวกเขาจึงสั่งสุราพร้อมกับแกล้มไป
หญิงคณิกาทั้งสามยังไม่จากไปไหน หลังจากสุรามาถึงพวกนางก็บริการรินลงจอกให้ พร้อมชวนทั้งสามหนุ่มพูดคุย สำหรับจื่อต้าหลง นับว่าเป็ประสบการณ์ที่แปลกใหม่มากที่มีหญิงสาวมาร่วมโต๊ะด้วยเช่นนี้ บรรยากาศภายในร้านเต็มไปด้วยเสียงดนตรีบรรเลงเพลงตลอดเวลา
