เจินจูเพิ่งจะสาวเท้าไวๆ เข้ามาในร้านสมุนไพร ลูกจ้างร้านคนหนึ่งก็เข้ามาต้อนรับ เห็นว่านางมาตัวคนเดียว เื้ัไม่มีผู้ใหญ่ติดตามมาด้วย จึงกล่าวทัก “แม่นางตัวน้อย นี่คือร้านสมุนไพร เ้าจะมาพบหมอหรือจัดยาตามใบสั่งหรือ?”
“พี่ชายท่านนี้ ข้าอยากถามสักนิด พวกท่านมีฮวาเจียวขายหรือไม่?” บนใบหน้าเจินจูประดับไว้ด้วยรอยยิ้ม ถามลูกจ้างร้านด้วยท่าทีสงบนิ่ง
เสียงเด็กสาวตัวน้อยไพเราะน่าฟัง บนใบหน้ามีรอยยิ้มหวานไร้เดียงสา ทำให้คนรู้สึกอดใจไม่รักไม่ได้
บนเก้าอี้นั่งที่ใช้ต้อนรับแขกข้างห้องโถงใหญ่ มีคนสวมชุดปักลายเมฆสีฟ้าครามอยู่คนหนึ่ง เป็เด็กที่คลุมเสื้อขนจิ้งจอกไว้บนบ่า ครั้นเห็นเครื่องหน้าของเขางามพริ้งท่าทีสูงส่ง เพ่งมองเด็กสาวรูปงามอย่างพินิจ เสียดายที่สีหน้าขาวซีดแก้มตอบเล็กน้อย ลักษณะจมอยู่กับอาการป่วยมายาวนาน
เขาในเวลานั้นเอนร่างพิงพนักเก้าอี้เล็กน้อย ดวงตาสองข้างจ้องไปยังกลางห้องโถงใหญ่ เด็กสาวรูปร่างกะทัดรัดกำลังเงยหน้าพูดคุยกับลูกจ้างร้าน บนใบหน้ามีรอยยิ้มจางๆ ประดับ กล่าวด้วยเสียงไพเราะต้องใจคน
“ฮวาเจียว? ร้านนี้ย่อมมีเป็ธรรมดา แต่เ้า้าสมุนไพรนี้อย่างเดียวหรือ?” ลูกจ้างร้านถามอย่างสงสัย
“ใช่แล้ว ข้าเอาเพียงฮวาเจียวจำนวนหนึ่ง ได้หรือไม่?” เจินจูกะพริบตาแล้วยิ้มน้อยๆ ท่าทางยังคงใสซื่อไร้เดียงสา
ลูกจ้างอ่อนวัยเกาศีรษะ ลำบากใจอยู่บ้าง “เช่นนั้นเ้ารอสักเดี๋ยว ข้าไปถามเ้าของร้านเสียครู่หนึ่ง”
ั้แ่เด็กสาวตัวเล็กเดินเข้าประตูมา เ้าของร้านหลิวของฝูอันถังก็ให้ความสนใจอยู่ก่อนแล้ว เห็นฝีปากสุภาพเรียบร้อยชัดเจนของเด็กสาว จึงเดินออกมาจากหลังโต๊ะคิดเงิน
“แม่นางตัวน้อยเหตุใดเ้า้าเพียงฮวาเจียวอย่างเดียวเล่า?” บนใบหน้าเ้าของร้านหลิวประดับด้วยรอยยิ้ม ไม่ดูถูกเจินจูจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ของนางแม้แต่น้อย
ในใจเจินจูอดพยักหน้าไม่ได้ ต้องรู้ว่ายิ่งร้านเป็ที่รู้จักยิ่งต้องไม่ปรากฏสถานการณ์ร้านใหญ่รังแกลูกค้า ยิ่งร้านที่เปิดมานานหลายปียิ่งต้องรักษาชื่อเสียงของตนเองไว้
“นี่คือท่านหลิวเ้าของร้านของพวกเรา” ลูกจ้างร้านกล่าว
“เ้าของร้านหลิว ทักทายแล้วเ้าค่ะ” เจินจูยิ้มแล้วโค้งกายเล็กน้อย นางยังไม่ค่อยเข้าใจธรรมเนียมการปฏิบัติของที่นี่ ทำได้เพียงทักทายเช่นนี้ “ครอบครัวข้า้าซื้อฮวาเจียวไม่ใช่เพื่อใช้ทำวัตถุดิบยา แต่ใช้ทำเครื่องปรุงรส สามารถขายให้ข้าเล็กน้อยได้หรือไม่? ข้ามีเงินอยู่สิบเหวินเ้าค่ะ”
เ้าของร้านหลิวแปลกใจ ฮวาเจียวนอกจากใช้กำจัดความชื้น ลดอาการท้องเสีย ช่วยย่อยอาหารและกำจัดแมลง เขายังรู้ว่าพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้นั้นเปียกชื้นร้อนอบอ้าว ดังนั้นจึงมีประเพณีเอาฮวาเจียวมาทำเครื่องปรุงรส แต่ในท้องถิ่นนี้ฮวาเจียวเป็เพียงวัตถุดิบพื้นฐานของยาอย่างหนึ่ง เด็กคนนี้เสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่ชัดเจนนัก ฟังสำเนียงก็ไม่คล้ายคนต่างถิ่น คิดๆ ดูแล้วน่าจะเป็เด็กสาวชนบทหมู่บ้านใกล้เคียง นึกไม่ถึงเลยว่าจะใช้ฮวาเจียวทำเครื่องปรุงรสเป็
ในใจเ้าของร้านหลิวรู้สึกอยากรู้อยากเห็นจึงถามออกไปว่า “เ้ารู้ได้อย่างไรว่าฮวาเจียวสามารถนำมาทำเครื่องปรุงรสได้? ครอบครัวเ้าเอาฮวาเจียวมาทำกับข้าวอันใดหรือ?”
เจินจูมองใบหน้าเ้าของร้านหลิวที่เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ จึงกล่าวตามตรงไม่เก็บเป็ความลับ “ก็นำมาอบปลาอบเนื้อ เพื่อกำจัดกลิ่นคาวเ้าค่ะ”
เ้าของร้านหลิวฟังแล้วกำลังจะกล่าวต่อ ลูกจ้างร้านคนหนึ่งก็เดินเข้ามาข้างๆ กระซิบข้างหูอยู่ไม่กี่ประโยค
เ้าของร้านหลิวประหลาดใจเล็กน้อย แววตากวาดไปทั่วข้างๆ ห้องโถงใหญ่อย่างรวดเร็ว เขาจัดการสีหน้าที่แสดงออกมาอย่างฉับพลัน แล้วกล่าวกับเจินจูอย่างนุ่มนวล “แม่นางน้อย ข้าจะไปเอาสมุนไพรให้เ้า เ้านั่งตรงนี้รอสักเดี๋ยวก่อนเถิด”
กล่าวแล้วไม่รอให้นางได้ออกเสียง ก็พานางมายังข้างเก้าอี้ในห้องโถงใหญ่ ด้านข้างที่กำลังนั่งอยู่คือเด็กอ่อนแอขี้โรคที่คลุมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกไว้บนบ่านั่นเอง
เจินจูไม่ได้นั่งลง เพียงมองเ้าของร้านหลิวที่เดินเข้าไปครัวสมุนไพร แสร้งทำเป็ยุ่งอยู่กับงานด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เอาเถิด รอเขาสักเดี๋ยว หากไม่ขายให้นางก็ชั่งเถิด ทำได้เพียงไปซื้อร้านสมุนไพรร้านอื่นก็แล้วกัน
พอหมุนศีรษะ กลับถูกแววตาแจ่มใสละมุนละไมดึงดูด
สีหน้าเด็กชายรูปงามซีดขาว ทว่าสายตามองมาที่นางกลับแวววาวเปล่งประกาย
เจินจูชะงักงันไปเล็กน้อยแล้วเคลื่อนย้ายสายตาออกไป ชายที่สง่าหล่อเหลาไม่ได้ดึงดูดอะไรนาง ในยุคปัจจุบัน นักแสดงชายที่หน้าตาดีมากมายยกตัวอย่างไม่หวาดไม่ไหว เห็นเยอะแล้วก็แค่นั้น อีกอย่างไม่มีเื่อันใดแล้วจ้องหน้าผู้อื่นเป็เื่ไร้มารยาท โดยเฉพาะดวงหน้าแสดงอาการป่วยเช่นนี้ ทว่าก็ไม่สามารถซ่อนเร้นว่าเป็ท่านชายสูงศักดิ์ที่ร่ำรวยมีเกียรติไปทั่วทั้งกายไม่อยู่
นางแค่อยากใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบและสบาย การคบค้าสมาคมกับคนร่ำรวยมีอำนาจ ไม่สามารถปฏิบัติตัวหรือพูดอะไรแบบตรงไปตรงมาได้ อีกทั้งต้องมีแผนการต่างๆ มากมาย ไม่เช่นนั้นแล้ว เมื่อใดถูกฝังทั้งเป็ก็คงจะไม่รู้ตัวเองเลยด้วยซ้ำ นางยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็คนปกติธรรมดาที่เกียจคร้าน แต่อยากร่ำรวยและมีเวลาว่าง
น่าเสียดายนัก เื่มิได้เป็ไปตามความปรารถนา ยิ่งนางไม่สนใจเด็กหนุ่มอ่อนแอขี้โรค เด็กหนุ่มยิ่งรู้สึกประหลาดใจต่อนาง เด็กสาวเหลือบมองเขาแวบหนึ่งแล้วเคลื่อนสายตาย้ายจากไป เด็กหนุ่มรู้สึกว่าแปลกประหลาดนัก จึงมองเด็กสาวร่างเล็กแล้วแย้มรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนกล่าว “น้องสาว ถามได้หรือไม่ว่าเ้าซื้อฮวาเจียวไปทำกับข้าวอันใดหรือ?”
น้ำเสียงนุ่มนวลใสสะอาด คล้ายกับเสียงหินหยก
เจินจูหันมามองไปทางเขา ในใจถอดทอนใจว่าเด็กหนุ่มนี่ไม่เพียงดูดีแต่น้ำเสียงยังไพเราะอีกด้วย น่าเสียดายที่เป็คนป่วย ยังไม่ทันถึงหน้าหนาว เสื้อขนสุนัขจิ้งจอกหนาๆ ก็คลุมอยู่บนกายแล้ว ร่างกายช่างอ่อนแอกลัวความหนาวเย็นนัก
เจินจูเปิดปากยิ้ม ยังคงท่าทางไร้เดียงสาไม่รู้เื่ราวไว้ เอียงศีรษะเล็กน้อยแล้วเอ่ย “พี่ชายท่านนี้ ท่านพูดกับข้าอยู่หรือ?”
อย่างไรเสียนางก็เพิ่งจะสิบขวบ แสร้งทำตัวเด็กให้ถึงที่สุดไปเลยดีกว่า
“ใช่แล้ว เหตุใดเ้าถึงมาร้านสมุนไพรซื้อฮวาเจียวด้วยตัวเอง? ผู้ใหญ่ครอบครัวเ้าเล่า?” เด็กหนุ่มมองเด็กสาวที่มีรอยยิ้มน่ารักตรงหน้า กะดูแล้วน่าจะเพิ่งแปดเก้าขวบได้กระมัง ไม่นึกเลยว่าเด็กขนาดนี้จะต้องออกมาซื้อของด้วยตนเอง แล้วยังไม่กลัวถูกฉุดตัวไปด้วย
“พวกเขารอข้าอยู่ข้างหน้า ข้าซื้อฮวาเจียวเสร็จก็กลับแล้ว” เจินจูกะพริบตาแสร้งทำว่าน่ารักต่อไป
ดวงตาโตและขนตายาวกะพริบเป็ระยะ เด็กหนุ่มโดนความน่ารักเข้าไปพักหนึ่ง เมื่ออยากเปิดปากกล่าว ในลำคอก็เกิดอาการคันและไอก็ตามมา
“แค่กๆๆ ” เขาหันศีรษะไปแล้วใช้มือปิดริมฝีปาก แต่ปิดเสียงไอจนแทบขาดใจอยู่พักหนึ่งไว้ไม่อยู่ ชายวัยกลางคนที่ไว้หนวดเคราแพะเดินเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว หยิบเอาขวดยาเล็กๆ ออกมาจากในอก เทยาลูกกลอนเม็ดดำปี๋ออกมาสองเม็ดส่งให้เด็กชาย
“คุณชาย ท่านทานยาก่อนเถิด” ชายวัยกลางคนถือถ้วยชาจากบนโต๊ะส่งไปข้างริมฝีปากเขา
เด็กหนุ่มฝืนข่มอาการไอแล้วดื่มยาลงไป แต่กลับไอเสียจนใบหน้าไร้เืฝาดริมฝีปากสีซีดขาว
เจินจูที่ดูอยู่ด้านข้างอดรู้สึกเห็นอกเห็นใจไม่ได้ เด็กหนุ่มวัยกำลังพอเหมาะกลับถูกความเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ทรมานจนซูบผอมไปมาก เฮ้อ! มีเงินแล้วอย่างไร? โรคภัยไข้เจ็บบางอย่างยังรักษาไม่หาย ดูสีหน้าขาวๆ ของเขาที่มีสีอมเขียว ท่าทางน่าจะป่วยมานานมากแล้ว
เจินจูเม้มปากอย่างจนปัญญา แม้นางมีใจอยากช่วยเขา แต่คงไม่สามารถแลกกับการเปิดเผยตนเองได้ คิดแล้วไม่มีวิธีดีๆ อะไรเลย
หลังเด็กหนุ่มทานยาเข้าไปแล้ว พอถูๆ ไถๆ กดอาการไอเอาไว้ได้ ก็กลับไม่สนใจจะพูดจาใดๆ อีก ความถี่จากการไอของเขาเริ่มบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ยาของหมอหลวงชราหม่าก็เริ่มกดไว้ต่อไปไม่ไหว เขาลูบหน้าอกที่เ็ปเนื่องจากอาการไออย่างรุนแรง สายตาพลันหดหู่อ้างว้างยิ่งขึ้น
เวลานั้นเ้าของร้านหลิวที่ห่อฮวาเจียวเสร็จก็เดินเข้ามา มองเด็กหนุ่มอย่างกังวลใจอยู่ไม่นานจึงส่งห่อกระดาษให้นางและกล่าวว่า “แม่นางน้อย ให้เ้า นี่คือฮวาเจียว”
“ขอบคุณเ้าของร้านหลิว นี่คือเงินสิบเหวิน พอหรือไม่?” เจินจูยิ้มแล้วรับห่อกระดาษมา หยิบเงินสิบเหวินส่งออกไป
“พอสิ” ฮวาเจียวไม่นับได้ว่าแพง พื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ปลูกไว้ไม่น้อย เพียงแต่เส้นทางค่อนข้างไกล ค่าขนส่งเลยแพงขึ้นมาหน่อย เ้าของร้านหลิวมองเด็กหนุ่มแวบหนึ่ง เห็นว่าเขาไม่กล่าวอันใดออกมา จึงรับเงินไว้
“ขอบคุณเ้าของร้านหลิว แล้วก็พี่ชายท่านนี้ยิ่งนัก เช่นนั้นข้ากลับก่อนนะเ้าคะ ท่านพ่อน่าจะรอจนร้อนใจแล้ว” บนใบหน้าเจินจูประดับไว้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนกล่าวอำลา
เด็กหนุ่มอดทนอาการไอเอาไว้แล้วยิ้มจางๆ มุมปากโค้งในระดับที่ดูดี ก่อนกล่าวว่า “อื้ม น้องสาว ระวังตัวด้วย รีบกลับไปเถิด”
เจินจูหันหน้ากลับไปยังเขา แย้มรอยยิ้ม แล้วหมุนกายเดินจากไป
ก้าวข้ามธรณีประตูมา ร่างกายนางก็หยุดลง อดหันกลับไปมองเด็กหนุ่มอ่อนแอขี้โรคที่มีสีหน้าอ้างว้างแวบหนึ่งไม่ได้ ถอนหายใจเบาๆ หนึ่งที นางกัดริมฝีปากล่าง หยิบเอาหัวไชเท้าหัวขาวผลผลิตจากมิติช่องว่างออกมาหนึ่งหัว
หันกลับไปยังทิศเดิมเดินกลับไปทางเด็กหนุ่ม ยิ้มขึ้นมาแล้วกล่าวเสียงสดใสไพเราะว่า “พี่ชาย นี่คือหัวไชเท้าที่บ้านข้าปลูกเอง อร่อยมากนะ ให้ท่านแล้วกัน”
กล่าวจบก็หมุนกายวิ่งจากไป มีเพียงเท่านี้นี้ที่นางจะทำให้ได้
หัวไชเท้ากลมดิกกลิ้งขยับเล็กน้อยอยู่บนโต๊ะ เด็กหนุ่มถือโอกาสหยิบขึ้นมา มองเงาร่างที่ค่อยๆ หายไปตรงนอกประตู อดยิ้มไม่ได้
“แม่นางน้อยผู้นี้น่าสนใจยิ่งนัก ไม่นึกเลยว่าจะให้หัวไชเท้าหนึ่งหัวแก่คุณชายด้วย หัวไชเท้าหัวใหญ่เพียงนี้เมื่อครู่นางเก็บไว้ที่ใดกัน” เ้าของร้านหลิวเข้ามาใกล้แล้วมองดู อดหัวเราะ ขึ้นมาไม่ได้ “แต่ว่า หัวไชเท้านี้ปลูกได้ไม่เลวนัก ดูแล้วขาวๆ อวบๆ น่ารักยิ่ง”
ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่้ามองมาตลอด กลับไม่มีรอยยิ้มปรากฏออกมา มองเพียงเด็กชายด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก ดวงตาทอความสลดไม่สบายใจ คุณชายของพวกเขาเกิดจากภาวะมีบุตรยากตอนอยู่ในครรภ์มารดา ร่างกายจึงอ่อนแอมีโรคมากมายมาตลอด ั้แ่เด็กก็แช่อยู่ในหม้อต้มยาจีน ฟูเหรินเฟ้นหาท่านหมอที่โด่งดังทั่วทั้งใต้หล้าก็ไม่อาจทำให้คุณชายแข็งแรงขึ้นมาได้
อากาศหนาวและลมเย็นครั้งหนึ่งเมื่อสองปีก่อน เกือบจะพรากชีวิตของคุณชายไป ปีนั้นฟูเหรินร้อนไห้จนตาเกือบมองไม่เห็น ไม่ง่ายเลยที่รอดพ้นจากเงื้อมมือของพยายมกลับมาได้ ทว่าร่างกายกลับยิ่งแย่ลง ไอครั้งแล้วครั้งเล่า หยุดๆ หายๆ หมอหลวงชราหม่าผู้รักษาคุณชายจึงทำยาชนิดนี้เพื่อระงับอาการไอโดยเฉพาะ แต่ว่าทุกวันนี้ยิ่งใช้ก็ยิ่งไม่ค่อยได้ผลแล้ว เช่นนี้จะเรียกว่าดีได้อย่างไรกัน หากไม่สามารถพาคุณชายกลับไปเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัย ฟูเหรินจะต้องถลกหนังเขาออกอย่างเสียไม่ได้แน่
แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จากความทุกข์ใจทั่วทั้งใบหน้าของชายวัยกลางคน แต่อาการซึมเศร้าของเด็กหนุ่มกลับบรรเทาลงมาก เพราะได้รับหัวไชเท้ามา เขาค่อยๆ ลูบหัวไชเท้าที่เย็นเรียบเนียนในมือ รับรู้ได้ถึงเจตนาดีที่มาจากเด็กสาว
เจินจูวิ่งเหยาะๆ กลับไปข้างกายหูฉางกุ้ย ในตาหูฉางกุ้ยดูเหมือนจะกระสับกระส่ายกังวลใจ เมื่อเห็นว่านางปลอดภัยสุดท้ายจึงปรากฏรอยยิ้มออกมาได้
“เจินจู เ้ากล้าหาญเกินไปแล้ว เหตุใดกล้าไปไหนมาไหนได้คนเดียวทุกที่เลยเล่า ทำเอาท่านพ่อเ้าตกอกใหมด” หูฉางหลินที่ใบหน้าขรึมแสร้งตำหนิ
“ท่านลุง ข้าแค่ไปซื้อฮวาเจียวมาเท่านั้น มิได้ไปซ่องโจร มีอันใดต้องกังวลกัน ผู้อื่นไม่กล้าทำอันใดข้าหรอก พวกเขาเปิดประตูทำการค้า แสวงหาเพียงเงินทอง ข้ามีเงิน พวกเขาย่อมต้องขายให้ข้า ถึงแม้พวกเขาไม่ขาย ข้าไปถามเสียหน่อยก็ไม่เป็อันใดหรอก” เจินจูแสดงสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทำไมจึงเห็นเื่ธรรมดาเป็เื่ประหลาดกัน ที่นางเข้าไปซื้อก็เพื่อแสดงให้พวกเขาเห็นว่ามองสิ่งนี้เป็เื่ร้ายแรงเกินปกติเกินไปแล้ว
พอเจินจูกล่าวเช่นนี้ พี่น้องสกุลหูจึงมองหน้ากัน กล่าวได้ราวกับว่าพวกเขาขี้ขลาดยิ่งนัก
หูฉางหลินหัวเราะเก้อเขินแล้วกล่าว “ยัยหนูนี่มีเหตุผลนัก ไม่รู้ว่าเรียนรู้จากผู้ใดมา ครั้งหน้าห้ามทำเช่นนี้แล้วนะ พอแล้ว พวกเรารีบกลับกันเถิด เลยเวลาเที่ยงมาแล้ว ถึงบ้านจะมืดเอาได้”
หูฉางหลินก้าวเร็วๆ ไปข้างหน้าอย่างหยอกเย้า เจินจูก็ไม่ได้บอกให้เขาหยุดวุ่นวาย แต่เดินตามไปด้วยรอยยิ้ม