“ประเสริฐนัก พี่ชายเห็นเ้านอนน้ำลายไหลก็อารมณ์เสียทันที!” จ้านอู๋มิ่งยื่นมือออกมาบดขยี้คอหอยศิษย์สำนักิญญาเร้นลับแหลกยับเยิน การลงมืออันแสนอำมหิต ทำให้เหยียนชิงชิงใ เมื่อครู่ยังบอกว่าตนเองจิตใจเมตตามือไม้อ่อน พอขึ้นมาก็ฆ่าไปคนหนึ่งแล้ว จิตใจเมตตาที่ไหนกันเล่า?
“ตายคนหนึ่งก็คือตายเช่นกัน มิสู้ไปด้วยกันเถิดนะ!” จ้านอู๋มิ่งลงมือครั้งแล้วครั้งเล่า คนของสำนักิญญาเร้นลับทั้งสามเสียชีวิตหมดสิ้น เขาไม่้าให้คนนอกล่วงรู้ว่าเขาพบโชคลาภบนเกาะแห่งนี้ ล้วนกล่าวว่าความมั่งคั่งไม่เปิดเผยสู่ภายนอก เกิดถูกคนหมายปองทรัพย์ล่วงรู้เข้า เช่นนั้นกลางคืนก็จะหลับไม่สนิทแล้ว ดังนั้นคนรู้ยิ่งน้อยยิ่งประเสริฐ คนตายย่อมไม่สามารถเปิดเผยเื่ราวออกไปได้
สุดท้าย มองดูสาวงามตัวน้อยของสำนักหลอมโอสถ จ้านอู๋มิ่งมิอาจตัดใจลงมือแล้ว มองไปที่เหยียนชิงชิง พูดอย่างขุ่นข้องหงุดหงิดว่า “ข้ายังคงมีจิตใจเมตตาเกินไปแล้ว เ้าพานางไปด้วยเถิด”
เหยียนชิงชิงก็หงุดหงิดแล้วเช่นกัน สี่คนฆ่าไปแล้วสามคน เหลือสาวงามคนหนึ่ง เ้าก็มือไม้อ่อนแล้ว เ้าหมายความว่าอย่างไร? กลับยัง้าให้ข้าแบกรับภาระนี้อีก แต่คำสั่งของเ้านายมิอาจไม่ปฏิบัติตาม คิดๆ แล้ว นางเสนอความเห็นขึ้นว่า “หรือไม่นายท่านก็ใส่นางเข้าไปในถุงสัตว์อสูรจิติญญาเถิด ถึงอย่างไรในนั้นใส่คนมีชีวิตอีกหลายคนก็ยังเพียงพออยู่”
“เ้าคิดว่าในนั้นสามารถใส่คนเข้าไปได้ตามอำเภอใจหรือ? คนที่เข้าไปได้ล้วนต้องจิติญญาเชื่อมโยงถึงกันหรือเปิดใจยอมรับในตัวข้าทั้งกายและจิตใจเท่านั้น มิฉะนั้นเ้าคิดว่าข้าจะทำให้เ้าต้องแบกภาระไว้อย่างลำบาก โดยที่ข้าไม่รักใคร่ห่วงใยเ้าเลยอย่างนั้นหรือ?” จ้านอู๋มิ่งพูดอย่างอับจนปัญญา
“อา ยังมีเื่เช่นนี้อีก” เหยียนชิงชิงรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย ได้ยินจ้านอู๋มิ่งพูดเช่นนี้ ความหึงหวงภายในใจหายไปหมดสิ้น อุ้มร่างสาวน้อยขึ้นด้วยมือเดียว ตามหลังจ้านอู๋มิ่งแอบเข้าไปในถ้ำ
……
ถ้ำลึกอย่างยิ่ง หลังจากมุ่งหน้าเข้าไปหลายสิบวาแล้วก็มีเส้นทางอีกหลายสาย ในทางเดินมีร่องรอยอันชัดเจนของการขุดเจาะด้วยแรงงานคน แต่กาลเวลาผ่านไปเนิ่นนานมากแล้ว บนผนังถ้ำมีแร่หินโลหะก่อตัวขึ้นเป็เงามันวาววับ ลักษณะเส้นทางในถ้ำหมุนวนเป็เกลียว มุ่งลงสู่ชั้นใต้มหาสมุทรสุดลึกล้ำ
จ้านอู๋มิ่งมิอาจไม่ปล่อยหมูล่าขุมทรัพย์ออกมา เ้าหมูน้อยตัวนี้ไม่ได้เก่งเฉพาะแค่ล่าขุมทรัพย์ ความสามารถในการหาคนกลับร้ายกาจยิ่งกว่า หมูล่าขุมทรัพย์เลือกเส้นทางสายหนึ่งแล้วเดินลงไป ยิ่งเดินลงไป จ้านอู๋มิ่งยิ่งรู้สึกตระหนก บนผนังถ้ำกลับก่อผลึกสีน้ำเงินขึ้น เป็ทองสีน้ำเงิน พลังเหนือธรรมชาติที่กดดันคนเปล่งประกายออกมาเป็เส้นสาย ทองคำสีน้ำเงินเหล่านี้กำลังแปรสภาพเป็หินจิติญญา
“สถานที่นี้คงมิใช่เหมืองหินจิติญญาขนาดใหญ่หรอกนะ?” เหยียนชิงชิงกะพริบดวงตากลมโตอันงดงาม มองไปรอบๆ บริเวณอย่างแปลกใจ
ถ้าภายในถ้ำนี้ล้วนเป็หินชนิดนี้ทั้งหมด ก็จะเป็โชคลาภชนิดมากมายมหาศาลเพียงไหนกันนะ! ทองคำสีน้ำเงินมีมูลค่ามากกว่าทองคำธรรมดามากมายนัก แต่ในยามปกติ ผู้คนล้วนมิค่อยนำออกมาใช้กัน เนื่องจากทองคำสีน้ำเงินเป็วัสดุสร้างอาวุธที่คุณภาพดีที่สุด ภายในกระบี่คมเล่มหนึ่ง หากเพิ่มทองคำสีน้ำเงินลงไป กระบี่เล่มนั้นจะต้องคมกล้าสุดเปรียบปาน นำมาใช้สร้างอาวุธของกองทัพจะสามารถสร้างเป็กองทัพอันแข็งแกร่งไร้เทียมทานออกมาอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าทองคำสีน้ำเงินนั้นหายากยิ่งนัก โดยทั่วไปในกองทัพมีเพียงนายทหารระดับสูงเท่านั้นจึงสามารถพวกมันได้
“มิฉะนั้นเ้าคิดว่าข้ามาที่นี่เพื่อท่องเที่ยวหรือไร สถานที่นี้จะต้องมีสมบัติอันมหัศจรรย์อย่างแน่นอน หืม? ข้างหน้านั่นเสียงอะไร?” จ้านอู๋มิ่งรวบรวมสมาธิ รีบเก็บหมูล่าขุมทรัพย์ขึ้นมา เงี่ยหูตั้งใจฟัง
“มีคน!” เหยียนชิงชิงก็ได้ยินแล้วเช่นกัน เสียงนั้นเล็ดลอดมาออกมาตามผนังถ้ำที่หมุนวน ได้ยินอย่างคลุมเครือ แต่จ้านอู๋มิ่งทราบว่า ใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
ทั้งสองคนเดินลงมาอย่างระมัดระวัง พลันเบื้องหน้าสว่างขึ้นมาทันใด ด้านล่างสุดของก้นถ้ำกลับปรากฏพื้นที่กว้างขวางขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เหมือนกับถ้ำเหมืองที่ถูกขุดจนหมดสิ้นแล้วแห่งหนึ่ง
แม่น้ำสีทองสายหนึ่งจากปลายถ้ำไหลช้าๆ สู่แอ่งน้ำสีทองแห่งหนึ่ง ดวงตาของจ้านอู๋มิ่งเขม็งจนแทบตั้งตรงแล้ว เขามองเห็นก้อนหินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง รอบด้านเป็สีทองอร่าม ตั้งตระหง่านอยู่ตรงต้นน้ำของลำธารสีทองสายนั้น แสงสว่างภายในถ้ำใต้ดินมาจากก้อนหินขนาดใหญ่มหึมานี้เอง สายธารสีทองค่อยๆ ไหลผ่านพื้นหินขนาดใหญ่ เหมือนของเหลวเหนียวหนืดเข้มข้นไหลลงสู่แม่น้ำสีทอง
“หินทองคำจิติญญาระดับเทพ!” ปากน้อยๆ ของเหยียนชิงชิงอ้าจนกลมแล้ว ใส่ไข่ไก่เข้าไปได้ทั้งฟอง ริมฝีปากงามสีแดงสด ท่วงท่าเย้ายวนเชิญชวนเกินจะเปรียบ กลับไม่สามารถดึงดูดสายตาของจ้านอู๋มิ่ง เนื่องจากความสนใจทั้งหมดของจ้านอู๋มิ่งอยู่ที่ก้อนหินขนาดั์ก้อนนั้น
ซึ่งความจริงหินจิติญญาระดับเทพนับเป็หินแก่นแท้จิติญญา พลังเหนือธรรมชาติที่ปล่อยออกมาไม่ใช่พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้แบบธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็พลังแก่นแท้จิติญญาของอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ
“นั่นคือธารน้ำอุทกจิติญญาสายหนึ่ง!” สายตาของเหยียนชิงชิงมองไปตามแม่น้ำสายสีทอง ทว่าต้องตะลึงงันอีกครั้งแล้ว บนแอ่งน้ำสีทองนั้นมีดอกไม้สวยสดงดงามหลายดอกลอยอยู่ ประกายแสงสีม่วงทองดุจความฝันดั่งมายา กลิ่นหอมประหลาดกระจายออกมา กลับถูกจำกัดด้วยพื้นที่ ไม่อาจขยายออกพ้นจากถ้ำใต้ดิน
“ปทุมหัวใจสีม่วงพันมายา!” เหยียนชิงชิงโพล่งเสียงต่ำ โอสถสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถทำให้มหาจักรพรรดิาทะลวงด่านบรรลุขอบเขตจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดาย
ยามที่มหาจักรพรรดิาทะลวงด่านบรรลุขอบเขตจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ มักจะเกิดเหตุเนื่องจากจิตมารที่กำจัดยาก ส่งผลให้เกิดธาตุไฟเข้าแทรก ภัยพิบัติของจิตมารน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าทัณฑ์สายฟ้า ปทุมหัวใจสีม่วงพันมายาสามารถขจัดจิตมารทุกชนิดให้หมดสิ้นไป มหาจักรพรรดิาทะลวงด่านบรรลุขอบเขตจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ก็จะไม่มีอันตรายอีกต่อไป ดอกบัวนี้เพียงพอจะทำให้ตัวประหลาดเฒ่าทั่วใต้หล้าต่างพากันคลุ้มคลั่ง
คิดไม่ถึงว่าจะมีสมบัติจิติญญาล้ำค่าในถ้ำใต้ดินแห่งนี้ ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีหินจิติญญาระดับเทพก้อนใหญ่และธารน้ำอุทกจิติญญาทั้งสาย
“ไม่ได้การ!” จ้านอู๋มิ่งตั้งสติคืนมาได้อย่างรวดเร็ว
ภายในถ้ำโล่งกว้างยังมีอีกสองคน โชคดีที่สองคนนั้นพอเห็นสถานที่นี้ จิตสมาธิสั่นสะท้านอย่างใหญ่หลวง จึงไม่ได้สังเกตเห็นจ้านอู๋มิ่งและเหยียนชิงชิง
จ้านอู๋มิ่งไม่รู้จักสองคนนี้ หญิงสาวในถ้ำมีรูปร่างและสัดส่วนอันเร่าร้อนยิ่ง เปรียบเทียบกับเหยียนชิงชิงแล้ว ถึงแม้จะขาดความนุ่มนวลอ่อนหวานและปราดเปรียวไปบ้าง แต่กลับมีความกระตือรือร้นคึกคะนองมากอยู่หลายส่วน เทียบกับเหยียนชิงชิงแล้วเป็ความงามในแบบที่แตกต่างกัน
“ราชันเร้นลับ ตู๋กูเช่อและราชันโอสถ สื่อรั่วหนาน!” สีหน้าเหยียนชิงชิงแปรเปลี่ยน พูดเสียงเบา
“อา เป็พวกเขาหรอกหรือ ชายหญิงสุนัขคู่นี้ไฉนจึงมาด้วยกันได้?” จ้านอู๋มิ่งคำนึงในใจ แต่กลับมิกล้าพูดออกมา มิฉะนั้นจะเหมือนกับด่าตนเองกับเหยียนชิงชิงก็ปาน
“กล่าวกันว่าสตรีอกใหญ่ไร้มันสมองยังคงมิผิดจริงๆ สถานที่เช่นนี้กลับยังเชื่อถือราชันเร้นลับอีก!” จ้านอู๋มิ่งพิจารณาทั้งสองคนอย่างละเอียดรอบคอบคราหนึ่ง พบว่าสื่อรั่วหนานสีหน้าแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าพลาดท่าหลงกลราชันเร้นลับ ตู๋กูเช่อเข้าแล้ว เวลานี้กำลังดิ้นรนสะกดข่มอย่างยากลำบาก
“สื่อรั่วหนานถูกวางยาแล้ว!” เหยียนชิงชิงใใหญ่หลวง นางดูออกว่าสื่อรั่วหนานมีบางอย่างมิถูกต้องแล้ว
“ฮ่า ฮ่า คาดว่าไม่ได้โดนแพร่พิษ แต่เป็ยาปลุกอารมณ์ กระตุ้นราคะ” จ้านอู๋มิ่งยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง
……
“ตู๋กูเช่อ คิดไม่ถึงว่าเ้าจะเลวทรามต่ำช้าเพียงนี้!” ในใจสื่อรั่วหนานโกรธเคืองยิ่งนัก นางคิดไม่ถึงว่าศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักนิกายอันดับหนึ่งอันเที่ยงธรรมจะใช้วิธีการต่ำทรามเช่นนี้
ราชันเร้นลับ ตู๋กูเช่อได้รับการยกย่องจากคนทั่วไปตลอดมา ปฏิบัติตนก็ซื่อสัตย์เที่ยงตรงเช่นกัน เนื่องจากสาเหตุนี้เอง สื่อรั่วหนานจึงตกลงมาสถานที่นี้พร้อมกับเขา เพื่อสำรวจค่ายกลมหาเบญจธาตุการเกิดและดับสูญสักรอบ คราแรกนางก็ระมัดระวังตัวเช่นกัน แต่ตลอดเส้นทางมาจนถึงถ้ำแห่งนี้ ราชันเร้นลับ ตู๋กูเช่อล้วนเงียบสงบหนักแน่นยิ่งนัก
ทว่าทันทีที่เข้ามาในถ้ำแห่งนี้ จิตใจนางสะท้านไหวอย่างรุนแรงคราหนึ่ง สตรีเพศมักจะถูกสิ่งของสวยงามดึงดูดความสนใจง่ายกว่าบุรุษเพศ ยามที่ปทุมหัวใจสีม่วงพันมายาปรากฏขึ้นเบื้องหน้านาง นางอดไม่ได้ที่จะหลงใหลจนเคลิ้มไป ไม่ใช่เพียงเพราะเป็สตรีจึงต้องตาต้องใจสิ่งของสวยงามมากกว่า ยิ่งกว่านั้นเป็เพราะนางเป็นักหลอมโอสถ จึงแทบจะงมงายในสมบัติจิติญญาฟ้าดินโดยสัญชาตญาณนั่นเอง
สื่อรั่วหนานประเมินแรงดึงดูดของสมบัติจิติญญาฟ้าดินในถ้ำนี้ที่มีต่อตู๋กูเช่อต่ำไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็หินจิติญญาระดับเทพขนาดมหึมาก้อนนั้น หรือว่าปทุมหัวใจสีม่วงพันมายานั้น บวกกับธารน้ำอุทกจิติญญาทองสายนั้น ชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็เพียงพอทำให้ตัวประหลาดเฒ่าของแต่ละสำนักนิกายใหญ่ในใต้หล้าคลั่งไคล้ อย่าว่าแต่สามชิ้นปรากฏขึ้นพร้อมกันในสถานที่นี้ ตู๋กูเช่อไม่สามารถให้นางมีส่วนการแบ่งปันได้
ที่ยิ่งเหนือความคาดหมายของสื่อรั่วหนานก็คือตู๋กูเช่อกลับใช้ยากระตุ้นราคะกระดูกอ่อนกับนาง ยาชนิดนี้ก้ำกึ่งระหว่างยาพิษกับยากระตุ้นกำหนัด ไม่เป็อันตรายถึงชีวิตแต่อย่างใด ขอเพียงมีสัมพันธ์กับบุรุษเพศก็จะสลายไปเอง แต่นอกจากวิธีนี้แล้ว ไม่มีตัวยาถอนพิษ สิ่งนี้ทำให้สื่อรั่วหนานตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้า คายไม่ออก
“ข้าไม่ได้้าฆ่าเ้า แต่ว่าข้าก็ไม่้าให้ผู้ใดมาแบ่งปันทุกอย่างในสถานที่นี้เช่นกัน เนื่องจากมันเป็ของข้าเท่านั้น มีทรัพย์สมบัติเหล่านี้ เพียงพอจะทำให้ข้าบรรลุสู่จักรพรรดิ์าศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว ตลอดจนบรรลุขอบเขตเทพเ้าา จากนั้นใช้หินจิติญญาระดับเทพก้อนนี้ผ่านทัณฑ์สายฟ้าเหินบินขึ้นสู่อาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ กลายเป็คนแรกในแผ่นดินนี้ที่สามารถทำลายขีดจำกัดสำเร็จในรอบหลายแสนปีมานี้!”
ราชันเร้นลับ ตู๋กูเช่อจินตนาการถึงอนาคตอันสวยสดงดงามแล้ว เต็มเปี่ยมด้วยความตื่นเต้น เวลานี้เขาคือราชันาสูงสุด ขอเพียงเขา้า ก็สามารถรับน้ำโอสถจิติญญาแห่งนิพพานที่สำนักนิกายมอบให้เพื่อบรรลุเป็จักรพรรดิาได้ทุกเมื่อ แน่นอน เขาหวังจะเข้าสู่พระนิพพาน ผ่านเส้นทางของจักรพรรดิามากกว่า ทำเช่นนั้นจึงสามารถเป็จักรพรรดิาที่แข็งแกร่งที่สุด
หลังจากเขาบรรลุจักรพรรดิาแล้ว ผ่านทัณฑ์สายฟ้าบรรลุขั้นมหาจักรพรรดิา ใช้ปทุมหัวใจสีม่วงพันมายาบรรลุขอบเขตจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง ใช้ประโยชน์จากพลังแก่นแท้จิติญญาที่ได้รับจากหินจิติญญาและหินจิติญญาระดับเทพในสถานที่นี้ การกลายเป็เทพเ้าานั้นเป็เื่ช้าหรือเร็วเท่านั้น ดังนั้น เขาไม่้าให้ผู้อื่นมาร่วมแบ่งปันความมั่งคั่งของสถานที่นี้อย่างเด็ดขาด
“เดิมข้าคิดจะฆ่าเ้า แต่ก็ชื่นชมในความงดงามของเ้าเช่นกัน ถ้าข้าสังหารเ้าไปเช่นนี้ ออกจะน่าเสียดายเกินไปแล้ว ถึงแม้เ้าจะเคยมีบุรุษครองคู่มาก่อน แต่ข้าไม่ถือสาแต่ประการใด ข้าจะให้เ้าสิ้นชีวิตขณะที่เ้ากำลังดื่มด่ำ มีความสุขอยู่ในจุดสูงสุดโดยไม่เ็ปแม้เพียงน้อยนิด นับได้ว่าเป็การปฏิบัติต่อเ้าอย่างดีแล้ว” รอยยิ้มของตู๋กูเช่อมีแววหยอกเย้าชนิดหนึ่ง
“ตู๋กูเช่อ นับว่าข้าตาบอดแล้ว ข้าสื่อรั่วหนานต่อให้กลายเป็ผีก็จะไม่ละเว้นเ้า” สื่อรั่วหนานรู้สึกร้อนรุ่มเหมือนมีเตาไฟขนาดใหญ่อยู่ในอก คลื่นความร้อนระลอกแล้วระลอกเล่ากระทบจิติญญาของตน อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงครวญครางออกมา ความโกรธเคืองและเขินอายในใจ ทำให้นางรู้สึกสิ้นหวัง
“ข้ารู้ว่าเ้าคือราชันโอสถ ใต้หล้านอกจากพิษมีชีวิตของราชันพิษแล้ว แทบไม่มีพิษชนิดใดสามารถคุกคามเ้าได้ ดังนั้นข้าจึงได้เตรียมยากระตุ้นราคะกระดูกอ่อนนี้ไว้เนิ่นนานแล้ว ยาชนิดนี้มิใช่พิษแต่อย่างใด เป็เพียงโอสถจิติญญาที่ทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกมีความสุขเท่านั้น ต่อให้จิตใจเ้าแกร่งราวเหล็กกล้า สุดท้ายก็จะหลอมละลายกลายเป็น้ำภายใต้คลื่นอันเร่าร้อนเช่นกัน เ้าก็อย่าได้แข็งขืนฝืนตัวเองอีกต่อไปแล้ว หรือว่าเ้าไม่้าผู้ชายเลยหรือ?”
ตู๋กูเช่อไม่รีบร้อนแม้แต่น้อย เนื่องจากเขาทราบดีว่าบนเกาะแห่งนี้ มิมีผู้ใดสามารถคุกคามเขาได้ ศิษย์น้องหลายคนของเขา ไม่ได้รับอนุญาตจากเขาก็จะมิกล้าเข้ามาในสถานที่แห่งนี้โดยง่ายดาย แน่นอน ไม่ว่าผู้ใดเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ เขาล้วนสังหารหมดสิ้นอย่างไร้ความปรานี เขาไม่้าให้ผู้ใดมาแบ่งปันความร่ำรวยมั่งคั่งของสถานที่แห่งนี้ แม้แต่ศิษย์พี่น้องในสำนักเดียวกัน
“ข้า…” สื่อรั่วหนานรู้สึกว่าตนเองกำลังจะพังทลายแล้ว นางแข็งขืนฝืนระงับความ้าที่จะฉีกกระชากเสื้อผ้าบนร่างออกอย่างรุนแรง ทว่ากลับเปล่งเสียงออกมาไม่ได้ นางได้ยินเสียงของตนเองราวกับกำลังพร่ำเพ้อครวญคราง ยิ่งเปล่งเสียงออกมา จิตใจก็ยิ่งฟุ้งซ่าน กระเจิดกระเจิง
“ข้าจะให้เ้าได้เพลิดเพลินกับความสุขสมหวังอย่างที่มิเคยประสบมาก่อน หลังจากนั้นขณะที่เ้าดื่มด่ำเคลิบเคลิ้มกับความสุข ก็จะส่งเ้าขึ้น์เอง” ตู๋กูเช่อรู้สึกว่าสมควรแก่เวลาแล้ว จึงเริ่มที่ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออก
“เ้า สัตว์เดรัจฉาน…” สื่อรั่วหนานเต็มไปด้วยความสิ้นหวังแล้ว นางคิดไม่ถึงว่าตนเองก่อนตายยังต้องอับอายขายหน้า ได้รับความอัปยศอดสู แต่ในเวลานี้ นางไม่มีแม้แต่แรงที่จะฆ่าตัวตาย นางหยิบขวดหยกสีดำขวดหนึ่งออกมาจากอกเสื้ออย่างยากเย็นแสนเข็ญ แต่ยังมิทันได้เปิดฝาออกก็ถูกตู๋กูเช่อคว้าข้อมือเอาไว้แล้ว
“เ้ารู้สึกว่าเ้าจะยังมีแรงต่อต้านอีกหรือ? คิดทานยาพิษ นั่นก็ต้องดูว่าข้าเห็นด้วยหรือไม่” ตู๋กูเช่อยิ้มอย่างเย็นเยียบ สื่อรั่วหนานเป็ราชันโอสถจะไม่มียาพิษติดตัวได้อย่างไร เขามิ้าให้ตนเองยังมิทันได้เสพสุขร่วมรักกับนาง สื่อรั่วหนานก็กลายเป็ซากศพซากหนึ่ง
“แคว่ก…” ตู๋กูเช่อสะบัดมือคราหนึ่ง ก็ฉีกกระชากอาภรณ์ของสื่อรั่วหนานออกในทันใด สื่อรั่วหนานไม่มีแรงต่อสู้ขัดขืนอีกต่อไป สายตาพร่ามัว ใบหน้างดงามเป็สีแดงก่ำ ลมหายใจหอบถี่สับสนวุ่นวาย
“ไม่ ไม่…” สื่อรั่วหนานแข็งขืน ะโขึ้นหลายครั้ง แต่กลับเหมือนกำลังครวญครางก็ปาน…
