หลังจากนับถึงหนึ่งแล้ว หร่านซวี่จือก็หันหลังวิ่งจ้ำอ้าว
ในขณะเดียวกัน คนด้านหลังที่ถือคบไฟก็พุ่งมาทางทั้งสองคน
ระยะห่างนั้นยังไม่มากพอ แขนทั้งสองข้างของหร่านซวี่จือก็อุ้มเด็กสาวไว้อยู่ เขาจึงไม่อาจล้วงไปหยิบปืนที่อยู่บนหลังได้
ทะเลทรายยามค่ำคืนนั้นน่ากลัวกว่าปกติ สถานที่ที่ไม่มีแสงสาดส่องนั้นล้วนมืดมิดไปหมด
ขณะที่วิ่งได้สักพัก หร่านซวี่จือก็รู้สึกว่าขาของตนเองนั้นเ็ปอย่างรุนแรง พอชำเลืองมองก็เห็นขาที่ตนเองพันแผลไว้ตอนกลางวันนั้นมีเืไหลซึมออกมา เขาจึงเข้าใจแล้วว่าทำไมชายคนเมื่อครู่ถึงได้รู้สถานะของเขา
ในเืนั้นจะมีสัญญาณที่สื่อถึงความเป็โอเมก้าอยู่ ถึงแม้ว่าปริมาณจะเพียงแค่เล็กน้อยและไม่สามารถดมกลิ่นออกได้อย่างง่ายดาย แต่หากเป็อัลฟ่าที่อ่อนไหวกับโอเมก้า มันก็จะไม่เหมือนกัน
หรือว่า คนทั้งเมืองนี้ต่างก็เป็อัลฟ่างั้นหรือ?
หร่านซวี่จือคิดในขณะที่หายใจหอบ
เนื่องจากมีการนำทางของระบบจึงทำให้วิ่งได้อย่างสบายเล็กน้อย ไม่นานนักหร่านซวี่จือก็สลัดชายเ่าั้หลุดไปหายคน จนถึงตอนนี้ด้านหลังของเขายังมีแค่สองคนที่ยังไล่ตามไม่เลิก
หร่านซวี่จืออยากจะหันไปะโด่าเ้าซื่อบื้อสองตัวนี้ ทั้งที่มีโอเมก้าหอมหวานนอนอยู่ที่หมู่บ้านพวกนายกลับไม่ไปตาม รั้นจะมาตามฉันไม่ยอมปล่อย!!!
ผ่านไปชั่วครู่ หร่านซวี่จือถึงเพิ่งนึกได้ว่า คนรอบตัวซวี๋ฮ่าวมีอัลฟ่าที่เป็กองกำลังพิเศษคอยคุ้มกันอยู่ตั้งหลายคน แต่คนเหล่านี้ยังกล้าเข้าใกล้ คงจะบ้าไปแล้ว
ขณะที่สมองของหร่านซวี่จือกำลังคิดอยู่ ชั่วขณะนั้นไม่ทันมองด้านล่างจึงสะดุดล้มบนพื้นทำให้เด็กสาวกลิ้งออกมาจากอ้อมกอดของหร่านซวี่จือ
ขาข้างหนึ่งของชายที่วิ่งตามมาหนึ่งคนเหยียบลงบนหลังของหร่านซวี่จือเต็มแรง “แม่แกเถอะ แกมันโอเมก้า พันธุ์ไหนกัน วิ่งเร็วเสียจริง! ”
ชายอีกหนึ่งคนก็ตามมาแล้วมองเด็กสาวอย่างดุร้าย “พรุ่งนี้ค่อยมาสั่งสอนแก นังตัวดี! ”
ชายผู้นี้หายใจเฮือกใหญ่ “เ้าโอเมก้าคนนี้เืเข้มข้นเกินไป อย่าให้เ้าอัลฟ่าผมน้ำตาลนั่นรู้เข้า นายรีบจัดการก่อน”
คนที่เหยียบหลังหร่านซวี่จืออยู่ล้วงขวดน้ำกับผ้าออกมาจากกระเป๋า จากนั้นก็แกะผ้าที่หร่านซวี่จือแล้วพันให้ตนเอง จากนั้นราดน้ำลงไปแล้วพันแผลไว้อย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ รีบไปเถอะ คนคนนี้น่าจะขายได้เงินดี”
ชายคนที่เหยียบหลังหร่านซวี่จือเพิ่งพูดจบ ก็ได้ยินเสียงคนล้มลงจากด้านหลัง
บางทีคงรับรู้ได้ถึงบรรยากาศรอบข้างที่ผิดปกติ ชายผู้นี้จึงรีบแกะปืนออกจากหลังของหร่านซวี่จือแล้วหันหลังมองรอบทิศ “ใคร! ออกมานะ! ”
ในตอนนี้ชายคนที่มาพร้อมกับเขา ร่างกับศีรษะได้แยกออกจากกันเรียบร้อย เืสีแดงสดสาดกระจายไปทั่ว ในอากาศนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเืฉุนจมูก
มีเสียงดังเบาๆ ตรงโพรงหญ้าด้านหลัง ชายหนุ่มเล็งไปทางนั้นพร้อมกับยิงรัวสามนัด
เสียงในโพรงหญ้าหายไป หน้าผากของชายหนุ่มมีเหงื่อซึมเต็มไปหมด ในฝ่ามือก็เช่นกันและมันก็ชุ่มจนถึงขั้นที่ทำให้เขากำปืนไว้ไม่อยู่
เขาก้าวย่างออกไปเพื่อที่จะเตรียมไปดู แต่ในวินาทีถัดมา ก็มีดาบเล่มหนึ่งทะลวงผ่านร่างกายของเขา
ปิงโหยวจี้ชักดาบนิวเคลียร์ออกมา ใช้ขาข้างหนึ่งถีบอีกฝ่ายไปในโพรงหญ้า แล้วมองมาทางหร่านซวี่จือด้วยสายตาเ็า
หร่านซวี่จือที่เวียนหัวตาลายก็คลานลุกขึ้นจากพื้น ส่วนเด็กสาวเองก็ได้พุ่งตัวเข้าไปในอ้อมกอดของหร่านซวี่จือจนเกือบทำเอาเขากระอักเื
“เกิดอะไรขึ้น? ” คำถามของปิงโหยวจี้นั้นเย็นะเืมากในยามค่ำคืน ราวกับดาบน้ำแข็งที่บาดหูคนฟัง
หร่านซวี่จือขมวดคิ้วแล้วมองไปทางปิงโหยวจี้อย่างไม่เป็มิตร “สถานที่ที่นายหามานี่เป็แหล่งค้าขายโอเมก้า เด็กน้อยคนนี้น่าจะอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ ดังนั้นจึงถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ที่แห่งนี้ชั่วคราว”
เด็กสาวซุกเข้าไปซ่อนในอ้อมกอดของหร่านซวี่จือ น้ำตาของเธอไหลรินไม่หยุด รังสีจากตัวของปิงโหยวจี้ทำให้เธอกลัวอย่างมาก
“แล้วทำไมถึงมาตามล่านายได้? ” ปิงโหยวจี้เองก็ขมวดคิ้ว
หร่านซวี่จือผายมือ “เพราะพวกเขามองออกว่าฉันรู้เื่ไง”
การค้าขายโอเมก้าในโลกนี้ถือว่าเป็โทษสถานหนัก หากถูกตรวจสอบเจอ ก็ไม่อาจจินตนาการถึงผลลัพธ์ได้
หากหร่านซวี่จือไม่ได้ถามคำถามนั้นกับเด็กสาวหรือไม่ได้ทำแผลที่สวนหลังบ้าน เขาก็คงไม่ได้พบเจอกับเื่แบบนี้
ระบบ: “ยินดีกับคุณรันด้วยครับที่เปิดการดำเนินเนื้อเื่ “พรของซาจือ” ได้รับรางวัลหนึ่งร้อยแต้ม”
ปิงโหยวจี้เก็บดาบนิวเคลียร์ของตนเองเข้าฝัก เขาไม่ได้พูดอะไรและจากไป
อิงตามหลักแล้วหร่านซวี่จือควรจะขอบคุณปิงโหยวจี้ แต่ท่าทางของเขาที่กวนอารมณ์แบบนี้ ก็ทำให้หร่านซวี่จือถึงกับหมดอารมณ์ที่จะกล่าวขอบคุณเขา
“สาวน้อย เธออยากไปกับฉันไหม? ” หร่านซวี่จือก้มศีรษะแล้วเอ่ยถามเสียงเบา
เด็กสาวน้ำตาอาบแก้ม เธอเงยหน้ามองหร่านซวี่จือแล้วกะพริบตาปริบๆ “หนู…หนูทำได้หรือคะ? ”
หร่านซวี่จือพยักหน้า
“หนูชื่อ ซาจือ ค่ะ” เด็กสาวคว้าชายเสื้อของหร่านซวี่จือไว้แน่น
เช้าวันรุ่งขึ้น ปิงโหยวจี้รายงานเื่ราวที่เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ จะมีคนจากกองกำลังพิเศษเดินทางมาที่นี่ภายในเวลาที่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง และคนเหล่านี้ก็จะถูกกวาดล้างและจับกุม
คนเหล่านี้ไม่้าให้คนนอกรู้เพศของซาจือ จึงจัดการห่อเธอด้วยผ้าไว้ทั้งตัวเพราะไม่กล้าให้เผยกลิ่นกายออกมาแม้แต่น้อย
หลังจากปลดผ้าคลุมออก ซาจือที่อายุเข้าใกล้สิบสองขวบผิวพรรณดุจน้ำนม และสามารถดูออกว่าโตขึ้นมาจะต้องมีใบหน้าที่สวยสดงดงามอย่างแน่นอน แต่เพราะขาดสารอาหารเป็เวลานาน แขนเรียวของซาจือจึงใกล้เคียงกับกิ่งไม้และตัวของเธอก็เบาอย่างมาก
ในขณะที่ขึ้นรถ คนทั้งหมดก็กระตือรือร้นที่จะพูดคุยกับซาจือ แต่มีเพียงแค่ซวี๋ฮ่าวที่คุยกับเธอแล้วเธอถึงจะตอบ คนอื่นๆ นั้นเธอไม่สนใจแต่อย่างใด
ซาจือติดหร่านซวี่จือมาก ปกติก็จะหดตัวอยู่ข้างตัวหร่านซวี่จือพร้อมกับจับชายเสื้อของเขาไว้แล้วเบิกตาโตมองไปด้านนอกด้วยความสงสัย
คงเป็เพราะอัลฟ่าได้สร้างปมในใจให้แก่เธออย่างใหญ่หลวง
ปิงโหยวจี้ไม่ให้อาวุธแก่หร่านซวี่จือ เขาจึงต้องตัดใจทำเอง ในสถานที่แบบนี้ที่ประเทศจีนยังสามารถทำอาวุธโบราณมากมายได้เลย
การจะทำอาวุธนั้นต้องใช้กระดาษวาดภาพซึ่งกระดาษวาดภาพหนึ่งใบต้องใช้แต้มสามสิบแต้ม หร่านซวี่จือซื้อกระดาษมาห้าใบและทุกครั้งก็จะหาจุดที่ไม่มีคนแล้วเริ่มจับมันหมุนไปมา
ในขณะที่เควินกลับมาจากด้านนอก เขาก็หอบของมามากมาย ล้วนเป็ของที่หญิงสาวในหมู่บ้านให้เขามา ตอนที่เดินผ่านจุดที่หร่านซวี่จืออยู่ เควินก็นึกสงสัย จึงเดินไปดู
หร่านซวี่จือหยิบหมวกกันน็อกขึ้นมาสวมแล้วจุดสายไฟตรงหน้า
“ปัง”
สิ่งที่หร่านซวี่จือทำนั้นส่งผลให้เควินหน้าไหม้ เขาเ็ปอย่างมากจนล้มกองกับพื้น
หร่านซวี่จือถอดหมวกกันน็อกลงมา เขาถึงเห็นเควินผู้น่าสงสารกองอยู่ด้านหลัง “นายทำอะไรน่ะ ครั้งหน้าจะมาก็ส่งเสียงหน่อยสิ รอบตัวฉันอันตรายมาก”
ความอึดในการถูกทำร้ายของอัลฟ่านั้นแข็งแกร่งมาก เควินลุกขึ้นจากพื้น ใบหน้าขาวกลายเป็คนดำไปแล้ว “ทังเหวย นายกำลังทำอะไรน่ะ? ทำไมต้องทำของอันตรายแบบนี้ด้วย? ”
“ทำอาวุธไง” หร่านซวี่จือตอบพร้อมกับใช้ลวดสะกิดรูล็อกในมือ “นายคิดว่ารับมือกับซอมบี้ใช้แค่ปืนก็เพียงพอหรือไง? ”
จนถึงตอนนี้หร่านซวี่จือรู้สึกว่า เควินคือหนึ่งในคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุดในบรรดาคนทั้งหมดเพราะเวลาพูดด้วยก็เหมือนคุยกับเพื่อน
เควินลุกขึ้นมานั่งตรงที่นั่งว่างข้างหร่านซวี่จือ “ทำไมต้องทำเองด้วย? เรามีที่สำรองไว้เพียบเลยนี่นา”
หร่านซวี่จือตอบเขาไปว่า “ช่างเถอะน่า หัวหน้าทีมของพวกนายก็ดูเหมือนไม่เห็นฉันอยู่ในสายตา จะยืมให้ฉันใช้หรือไง? ”
เควินพินิจอยู่ชั่วครู่ก็เห็นว่าน่าจะเป็เช่นนั้นจริง จากนั้นจู่ๆ เขาก็พูดขึ้นว่า “งั้นฉันยืมของฉันให้นายก็ได้ ต่อไปถ้าะุหรือะเิมือของนายใช้หมดก็มาขอกับฉัน”