“ก๊อก ! ก๊อก ! ก๊อก !” มือหนายกขึ้นเคาะประตูสามครั้งจากนั้นก็ยืนกอดอกรอ
“แกร๊ก !” ซาร์คัสได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินมายังประตู ก่อนที่เสียงเปิดประตูจะดังขึ้น
“อ่าว นึกว่าห้องพี่พายซะอีก” ซาร์คัสเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ผิดหวัง
“มึงมีธุระอะไรกับน้องกู?” ฟิลถึงกับควันออกหูเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจะมาหาน้องชายเขาแต่ดันเคาะห้องผิด
“เปล่า ผมก็แค่อยากทำความรู้จักเฉยๆ”
ซาร์คัสตอบด้วยรอยยิ้มกวนๆ มองใบหน้าบูดบึ้งของอีกฝ่ายอย่างอารมณ์ดี เขาไม่ได้เคาะผิดห้องแต่เขาตั้งใจมาห้องนี้ั้แ่แรก
“ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอกมั้ง” ฟิลพูดอย่างจิกกัด คือเขาโคตรเกลียดสายตาของอีกฝ่ายที่มองมา
“ก็ไม่ได้ลำบากอะไรนี่ครับ ผมไปละ” ซาร์คัสหมุนตัวกลับ ยกมือให้เล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป
“กวนตีน ! ” ฟิลพูดไล่หลังอีกฝ่ายไปและเขารู้ว่าด้วยว่ามันได้ยิน
ซาร์คัสแสยะยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดี รู้สึกอยากได้ซะแล้วสิ เมื่อได้เห็นสีหน้าอวดดีของอีกฝ่ายเขาก็ยิ่งอยากปราบพยศ
เขาไม่ได้สนใจพาย แต่เขาสนใจฟิลต่างหากละ
เมื่อมองพายด้วยสายตาเ้าชู้ ซาร์คัสก็ได้เห็นประกายไฟที่ลุกโชนในดวงตาคู่คมของฟิล ดูท่าน่าจะหวงน้องน่าดู แต่ก็น่าห่วงอยู่หรอกเพราะพายน่ารักมากจริงๆ
ทางด้านของฟิลได้แต่ยืนหัวเสียอยู่คนเดียว เขาตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาให้อารมณ์เย็นลง ก่อนจะเดินไปหาน้องชายที่ห้องเพื่อให้ดูให้แน่ใจว่าซาร์คัสไม่ได้มาวอแวน้องของตน
แต่ทว่าอารมณ์กลับคุกรุ่นมากกว่าก่อนหน้านี้เมื่อไอ้ซาร์คัสมันเดินออกจากห้องของพายด้วยรอยยิ้มเ้าเล่ห์
“พายน่ารักดี ตัวก็หอม”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มของซาร์คัสเอ่ยกระตุ้นอารมณ์ของฟิลในขณะที่เดินสวนกัน
“มึง ! ”
ั์ตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความ้าที่ชัดเจน ฟิลกัดกรามด้วยความโกรธจัดกับสิ่งที่ได้ยิน
ซาร์คัสกระตุกยิ้มมุมปาก เลิกคิ้วนิดๆก่อนจะเดินจากไปเมื่อฟิลไม่พูดอะไรต่อจากคำพูดนั้น
ฟิลได้แต่กำหมัดแน่นข่มอารมณ์ของตัวเองอย่างอดกลั้น เกิดเขาเผลอมือลั่นต่อยอีกฝ่าย ไม่รู้ลุงมาร์คัสจะว่าอย่างไรบ้าง แต่ถ้ามันยังวอนตีนอยู่แบบนี้คิดว่าอีกไม่นานเขาคงหมดความอดทน เขายังต้องอยู่ที่นี่อีกสี่ปี คงไม่ต้องเป็ไม้กันหมาให้น้องชายแบบนี้ไปทุกวันหรอกนะ
“ไอ้พาย มึงให้มันเข้าห้องทำไมว่ะ ?” ใบหน้าหล่อของฟิลบูดบึ้ง เอ่ยถามน้องชายด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ไม่เห็นว่าจะมีอะไรนิ ก็เพื่อนกันทั้งนั้น” พายตอบอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะส่งยิ้มหวานให้พี่ชาย
พายรู้ว่าอีกฝ่ายเป็ห่วง แต่มันไม่ได้มีอะไรที่ต้องห่วงสักนิดเขาดูแลตัวเองได้ ทั้งที่เราสามคนอายุเท่ากันแต่พี่ชายทั้งสองกลับทำเหมือนว่าเขาเป็เด็กน้อยเสมอ
“สนิทกันง่ายจังว่ะ มึงก็รู้ว่ามันจ้องจะแดกมึง” ฟิลพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิด แสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจ
“ถ้ามันคิดว่าแดกกูได้ก็ลองดู” พายบอกยิ้มๆ
“กูรู้ว่ามึงเก่ง แต่คนเก่งก็ใช่ว่าจะพลาดกันไม่ได้ คราวหลังอย่าให้มันเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวอีก” ฟิลเอ่ยเตือน รู้ว่าน้องชายฝีมือดีไม่แพ้เขาและไฟท์ แต่ก็อดเป็ห่วงไม่ได้
“รับทราบครับพี่ชาย”
“เออๆ กูแค่เป็ห่วงมึง”
“ง่วงว่ะ” พายบ่นๆ เปลือกตาคู่สวยเริ่มปรือใกล้จะปิดเต็มที
“บนเครื่องมึงยังนอนไม่พอเหรอว่ะ?” ฟิลถามอย่างขำๆ ดูจากสภาพคือพร้อมนอนเต็มทีทั้งที่อีกฝ่ายหลับตลอดการเดินทาง
“นอนแล้วก็นอนอีกได้” พายบอกเสียงอ่อย ก็คนมันง่วงนิครับ อีกอย่างเขาเป็คนชอบนอน
“เออๆ ฝันดีกูไปแล้ว เดี๋ยวล็อกห้องให้”
“อือออ ฝันดี พี่ ชาย” น้ำเสียงหวานตอบกลับอย่างแ่เบาพร้อมเปลือกตาคู่สวยที่ปิดลง
ยังไม่ทันที่เขาเดินออกจากห้องอีกฝ่ายก็หลับไปเสียแล้ว ฟิลได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ เป็เสียแบบนี้แล้วจะไม่ให้เขากับไฟท์คอยห่วงคอยหวงได้ไงกัน มือหนาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้น้องชายถึงไหลบาง ปิดไฟล็อกประตูให้เรียบร้อยก่อนจะเดินกลับห้องของตัวเอง
ฟิลอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเข้านอน เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมงที่เขานอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงกว้าง ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถข่มตาหลับได้เลย ไม่รู้ว่าเป็เพราะเขานอนบนเครื่องบินเยอะหรือเพราะแปลกที่ สุดท้ายฟิลเลยตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงเดินออกจากห้องเพื่อลงไปเดินเล่นที่สวนด้านหน้าของคฤหาสน์
“นอนไม่หลับเหรอฟิล?” เสียงคุณอาไวท์เอ่ยเรียกในขณะที่เขากำลังจะเดินผ่านห้องครัว
“ครับ คงเป็เพราะแปลกที่ครับคุณอา” ฟิลคลี่ยิ้มบางๆให้กับผู้ใหญ่ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“เอานมอุ่นไหมจะได้หลับสบาย เดี๋ยวอาทำให้” ซานโน่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ขอบคุณครับ ว่าแต่คุณอาไวท์ไม่นอนเหรอครับ?” ฟิลเอ่ยขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม เขาเดินไปนั่งรอที่เก้าอี้บาร์ซึ่งจัดอยู่ใกล้กับเครื่องทำกาแฟ
“อาเพิ่งไปเล่นกับสัตว์เลี้ยงมานะ” ซานโน่ตอบพร้อมหยิบแก้วและนมเพื่อทำเครื่องดื่มให้กับหลานชาย
“สัตว์เลี้ยงที่ว่า ใช่ตัวที่อยู่ในสวนด้านหลังคฤหาสน์รึเปล่าครับ?” ฟิลถามถึงสิ่งที่เห็นจากระเบียงห้องนอน
“ตาดีเหมือนกันนะเนี่ยเรา ไว้พรุ่งนี้ให้ซาร์คัสพาไปเล่นสิ” ซานโน่เอ่ยขึ้นพร้อมหันมาสบตากับอีกฝ่าย หลานชายคนนี้ดูน่ารักน่าสนใจกว่าที่คิด
“ไม่เป็ไรหรอกครับ ผมเกรงใจ” ฟิลเอ่ยปฏิเสธทันทีเมื่อได้ยินชื่อคนที่เขารู้สึกไม่ชอบหน้า
“แต่อาว่าฟิลไม่ชอบลูกชายของอามากกว่า” ซานโน่พูดอย่างไม่ใส่ใจนัก สายตาจับจ้องอยู่ที่แก้วนมในมือ
“เอ่อ ก็ใช่ครับ” ฟิลอึกอักเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไปตามตรง
“หึหึ ตรงดีเหมือนกันนะเรา อาไม่โกรธหรอก ฟิลจะไม่ชอบก็คงไม่แปลก ซาร์คัสจ้องพายเสียขนาดนั้น หวงน้องใช่ไหมเรา?”
“ครับ หวงสิครับ หวงมากๆด้วย” ฟิลคลี่ยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายเข้าใจเขา
“หึ เพราะพายพิเศษใช่ไหม?”
“คุณอาไวท์รู้เื่นี้ด้วยเหรอครับ?”
ฟิลถามด้วยความใ เขาคิดมาตลอดว่ามีเพียงครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้นที่รู้เื่นี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ปิดเป็ความลับ แต่ก็ไม่ได้ประกาศให้ใครรับรู้เช่นกัน
“ก็พอรู้มาบ้าง แสดงว่าเป็ความจริง?”
เขารู้เื่นี้ดีอยู่แล้วเพียงแค่หาหัวข้อสนทนาเพื่อพูดคุยกับหลานชายเท่านั้น
ด้วยอุปนิสัยซานโน่ไม่ใช่คนชอบพูดแต่กับเด็กคนนี้เขารู้สึกถูกชะตาและอยากให้อีกฝ่ายใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข ยอมรับว่าการมีลูกทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ หากเป็เมื่อก่อนเขาคงไม่คิดจะสนใจหรือแม้แต่พูดคุยถ้าไม่จำเป็
“ครับ” ฟิลพยักหน้ารับเบาๆ
“ได้แล้ว”
ซานโน่ยื่นแก้วนมให้หลานชายก่อนจะนั่งลงข้างๆ ยกแก้วนมของตัวเองขึ้นจิบเบาๆ ความอุ่นกำลังพอดีกับอากาศในตอนนี้
“ขอบคุณครับ ว่าแต่คุณอาไวท์เลี้ยงตัวอะไรเหรอครับ ทำไมใช้พื้นที่เยอะจัง ?”
ฟิลถามด้วยความสงสัย จากที่เห็นระยะการวิ่งของสัตว์เขารู้ได้ทันทีว่าพื้นที่นั้นกว้างมาก
“เสือขาวน่ะ” ซานโน่
“2 ตัวเลยเหรอครับ ?” ฟิลถามอย่างสนใจ ระดับนี้จะเลี้ยงสักสิบตัวก็คงไม่เกินความสามารถ
“จะว่าอย่างนั้นก็คงไม่ถูกซะทีเดียว” มุมปากหนาของซานโน่ยกขึ้นเล็กน้อยคิดถึงตอนที่เขาพาชิเอลมาที่นี่วันแรก
“ทำไมเหรอครับ?” คำพูดนั้นทำให้ฟิลยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้น ตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น
“เสือของอาชื่อชิเอล ส่วนของลุงมาร์คัสชื่อแครกเกอร์”
“อ้อ ผมเข้าใจแล้วล่ะ” เมื่อได้รับคำอธิบายเพิ่มเติมฟิลก็เข้าใจทันที สัตว์เลี้ยงมาอยู่ด้วยกันก็เพราะคุณลุงกับคุณอารักกันสิน่ะ
“เราล่ะมีสัตว์ที่ชอบไหม?” ซานโน่
“มีครับเป็งูเหลือมเผือกชื่อคุณเบลล่า แต่เขาไม่ค่อยเป็มิตรกับใครหรอกครับนอกจากคนในครอบครัว” ฟิลพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อเอ่ยถึงสัตว์เลี้ยงที่เขารัก
“นิสัยเหมือนแครกเกอร์กับชิเอลเลย อาถึงได้บอกว่าถ้าฟิลจะไปเล่นกับสองตัวนั้นต้องไปกับซาร์คัส มาร์เซ่ อาหรือลุงมาร์คัสเท่านั้น คนอื่นเข้าใกล้ไม่ได้หรอก”
“คุณลุงโรเอลกับคุณอาเดเนียลด้วยเหรอครับ ?”
“ใช่ รู้สึกดีขึ้นไหม ?” ซานโน่มองหลานชายอย่างเอ็นดู คงต้องให้เวลาอีกสักหน่อย
“ครับ ผมขอบคุณคุณอามากเลยนะครับ”
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินขึ้นห้องพร้อมกัน ก่อนจะแยกย้ายเข้าห้องของตัวเอง
มันน่าแปลกแต่เป็ความจริง หลังจากได้คุยกับคุณอาไวท์เขารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าจะมีความน่ากลัวซุกซ่อนอยู่ั์ตาคู่นั้น เขารับรู้ได้ถึงอ่อร่าความตายที่รายล้อมอยู่รอบกายหนา แต่ในเวลาเดียวกันฟิลกลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย
ความรู้สึกที่เขาได้รับกลับทำให้ฟิลหลับไปโดยง่ายหลังจากล้มตัวลงนอนไปไม่กี่นาที
“พอเวลาหลับยิ่งน่ารัก หึ”
มุมปากหนากระตุกขึ้นเล็กน้อย สายตาคู่คมมองฝ่าความมืดจากริมระเบียงจับจ้องไปยังร่างที่นอนหลับไหลอยู่บนเตียงเป็ประกายวาววับ
“ถ้าเดินไปหอมแก้มอีกฝ่ายจะรู้สึกตัวไหมน่ะ ?”
……………………………………………………