หลินเมิ้งหยาไร้ซึ่งความรู้สึกอยากอาหารลุกขึ้นไปนั่งบนโต๊ะอ่านหนังสือทางด้านหลังพลางหยิบหนังสือขึ้นอ่าน
ป๋ายจีและป๋ายซ่าวสบตากัน อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะ
พระชายาของพวกนางช่างแตกต่างจากผู้อื่นเสียจริง
ไม่ว่ากินอะไรก็รู้สึกเปรี้ยวไปหมดเช่นนั้นหัวใจของนางจะยังคงหลงเหลือความหวานอยู่หรือไม่?
เมื่อท้องว่างหลินเมิ้งหยาจึงรู้สึกว่าร่างกายของตนเองไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
หากมิใช่เพราะเมื่อคืนหลงเทียนอวี้มาก่อกวนนางที่ตำหนักนางก็คงไม่นอนตาค้างเช่นนี้
ฮือๆ ปวกหัวจังเลย มึนหัวชะมัด!
“โหยว ใครทำให้เ้าเด็กน้อยขุ่นเคืองกัน ชิๆคิ้วขมวดแน่นเสียจะอัดยุงตายได้เลยนะเนี่ย”
น้ำเสียงสบายๆ ของชิงหูดังขึ้น เขาะโโลดเต้นไปมา
หลังจากร่างกายฟื้นฟูกลับมาเป็ปกติ ชิงหูดูสงบนิ่งกว่าแต่ก่อน
เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น เขาไม่เคยเปิดเผยรอยยิ้มออกมา
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เขายังคงมีอุปนิสัยขี้เล่นดังเดิม
หลินเมิ้งหยาปวดหัวมาก นางไม่อยากสนใจชิงหู
ทำเพียงชำเลืองมองเขาเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือของตนเองต่อ
“เ้าเด็กน้อยโกรธใครหรือ?”
ชิงหูได้กลิ่นน้ำส้มสายชูแห่งความหึงหวงแต่เช้า
เพราะเหตุนี้จึงไม่มีใครกล้าเข้ามาในเขตตำหนักของหลินเมิ้งหยาที่แท้ก็เป็เช่นนี้นี่เอง
ทั้งที่รู้แต่ยังเอ่ยถาม หลินเมิ้งหยาไม่สนใจเขาเมื่อคืนไม่มีใครรู้ว่าหลงเทียนอวี้เข้ามาที่ห้องของนาง แต่เ้าจิ้งจอกเ้าเล่ห์คนนี้รู้อยู่แก่ใจ
“เลิกโกรธได้แล้ว เอาแบบนี้ไหมล่ะข้าจะไปฆ่าผู้หญิงคนนั้นให้ดีหรือไม่?”
สำหรับชิงหู มนุษย์แบ่งออกเป็สองประเภท
ประเภทแรกฆ่าได้ อีกประเภทยังฆ่าตอนนี้ไม่ได้แต่หลินเมิ้งหยาแตกต่างออกไป เพื่อผู้หญิงที่แตกต่างคนนี้แล้วทุกคนบนโลกล้วนสามารถฆ่าได้ทันที
“เอาแต่พูดว่าจะฆ่าจะแกง เ้าไม่กลัวทางการมาจับตัวเ้าไปหรือข้ากลัวเ้าจะทำให้บ้านของข้าแปดเปื้อน”
หลินเมิ้งหยาตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น ดูท่านางควรจะไปนอนพักผ่อนอีกสักหน่อย
“คิกๆ นอกจากเ้าก็ไม่มีใครจับตัวเหยียได้แล้ว? เ้าเด็กน้อย อย่าโมโหไปเลยหรือให้เหยียพาเ้าไปเที่ยวเล่นดีไหมล่ะ?”
ชิงหูเล่นหูเล่นตา ้าเพียงอยากทำให้หลินเมิ้งหยาอารมณ์ดีเท่านั้น
“ขอโทษที ตอนนี้ข้าอยากนอนพักผ่อน”
หลินเมิ้งหยารู้สึกเหมือนสมองกำลังจะะเิเหตุใดวันนี้เ้าเด็กนี่จึงส่งเสียงดังเช่นนี้หรือนางควรจะไปขอยาทำให้เป็ใบ้จากป๋ายหลี่รุ่ยดี?
“อยู่ที่นี่แล้วจะนอนหลับได้อย่างไร ยิ่งนอนก็จะยิ่งปวดหัว ไปเถิดเหยียจะพาเ้าไปที่ดีๆ สาบานเลยว่าเ้าจะได้นอนหลับฝันหวานทีเดียวเชียวล่ะ”
ชิงหูไม่สนใจว่าหลินเมิ้งหยายังจะมีเหตุผลอะไรหรือไม่มือหนายกขึ้นโอบเอวบาง
“เฮ้ ชายหญิงควรมีระยะห่างต่อกันนะ!”
ดิ้นหนีสุดชีวิต สีหน้าของหลินเมิ้งหยาไม่น่ามอง
ทว่าชิงหูกลับถลึงตาใส่นาง ราวกับว่าไม่สนใจความเป็ผู้หญิงของนาง
“ผู้หญิง?มีผู้หญิงคนไหนในโลกนี้กล้าหาญและไร้ซึ่งความรู้สึกเช่นเ้าด้วยหรือ?”
เพียงประโยคนี้ทำให้หลินเมิ้งหยาอยากจะต่อยเขาเหลือเกิน
เ้าจิ้งจอกเ้าเล่ห์ รอดูเถิดว่านางจะจัดการเขาอย่างไร!
ล้มเลิกเื่ต่อต้าน หลินเมิ้งหยาปล่อยให้ชิงหูโอบกอดนางและพาบินข้ามกำแพงไปอย่างอิสระ
เ้านี่มีทักษะการต่อสู้สูงกว่าทุกคนที่นางเคยเจอ หลงเทียนอวี้เองก็ต่อสู้ได้ไม่เลวไม่รู้ว่าหากทั้งสองได้ประลองกันแล้วใครจะเป็ผู้ชนะ
ช่างเถิด คิดเสียว่ากำลังนั่งอยู่บนรถบัสแล้วกัน
ถึงอย่างไรประสบการณ์ะโขึ้นขึ้นลงลงเช่นนี้ก็มีไม่บ่อยนักโดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ไม่ถูกจับเป็ตัวประกัน
“เอาล่ะเ้าเด็กน้อย ถึงแล้ว”
จู่ๆ เสียงของชิงหูพลันดังขึ้น
ร่างของหลินเมิ้งหยาขยับเล็กน้อยทว่านางรู้สึกได้ถึงัันุ่มนวลที่ฝ่าเท้า
หรือนางจะไม่ได้อยู่บนพื้นดิน?
เปิดเปลือกตาทั้งสองข้าง มองดูสถานที่ที่ตนเองเพิ่งมาถึง
ทุ่งดอกไม้ขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา ทั้งสีชมพูอ่อน สีม่วง สีขาวสีของดอกไม้ทั้งสามแต่งแต้มทำให้โลกใบนี้มีสีสันมากขึ้น
ส่วนตำแหน่งที่นางยืนอยู่คือจุดที่มีกลีบดอกไม้ร่วงหล่นตามธรรมชาติคล้ายกับเตียงนอนขนาดใหญ่
“สวยจัง!”แม้หลินเมิ้งหยาจะละทิ้งความเป็สาวไปนานแล้วแต่จะมีหญิงสาวคนไหนบ้างที่จะปฏิเสธสถานที่สุดแสนโรแมนติกเช่นนี้
“สวยใช่มั้ยล่ะ ที่นี่มีข้าเพียงคนเดียวที่รู้จักแต่ต่อให้มีคนธรรมดาทั่วไปพบเห็น แต่ด้านนอกเต็มไปด้วยขวากหนามหากไม่เก่งจริงก็ไม่มีทางเข้ามาถึงที่นี่ได้”
ชิงหูยังพูดไม่จบว่า นอกจากขวากหนามแล้วที่นี่ยังเป็หุบเขาที่ลึกมาก
หากมิใช่เพราะเขาเคยถูกศัตรูไล่ต้อนจนหลุดมาถึงที่นี่แล้วละก็เกรงว่าเขาคงไม่รู้จักสถานที่งดงามราวกับสรวง์เช่นนี้
“สวยมากจริงๆ เตียงนอนกลีบดอกไม้นี่ก็ด้วย สบายจังเลย”
หลินเมิ้งหยามองบริเวณรอบๆ ด้วยความประหลาดใจสถานที่นี่ประหนึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยดอกไม้ก็มิปาน
เตียงดอกไม้หลังนี้หนานุ่ม ไม่ต้องกลัวว่าตนเองจะตกลงไปอีกทั้งยังรู้สึกเสมือนตนเองกำลังอยู่ในนิยายและลอยละล่องอยู่เหนือหมู่เมฆา
“ในเมื่อชอบมากขนาดนี้ เ้าก็นอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ วางใจเถิดหากเหยียอยู่ที่นี่ จะไม่มีใครหน้าไหนมาทำลายความฝันของเ้าได้อย่างแน่นอน”
ชิงหูะโหนึ่งครั้ง ก่อนจะหายไปท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้
หลินเมิ้งหยามองตามแผ่นหลังที่หายไปของเขาอดพูดไม่ได้ว่านางรู้สึกซาบซึ้งใจเหลือเกิน
ราวกับว่าเขามักจะทำเื่ที่คนอื่นไม่เคยคาดคิดเสมอ
หลินเมิ้งหยาเอนกายนอนลงบนเตียงดอกไม้ มองดูท้องฟ้าหนุนกลีบดอกไม้ต่างหมอน หัวใจพลันรู้สึกผ่อนคลายเป็อย่างยิ่ง
นางจะต้องทุกข์ใจทำไมกัน? ถึงอย่างไรนางก็แต่งงานหลอกๆ กับหลงเทียนอวี้เท่านั้นสักวันหนึ่งมันก็ต้องจบ
มีหญิงสาวจากซีฟานเพิ่มมาอีกหนึ่งนางแล้วอย่างไรเล่า? ถึงอย่างไรหลงเทียนอวี้ก็เป็ชายหนุ่มไม่ว่าอย่างไรเขาก็้าสิ่งนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็ถึงท่านอ๋อง ต่อให้ตายอย่างไรนางก็ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่มีคนรู้ใจ
หลินเมิ้งหยาพลิกตัว หาวเบาๆ สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ก่อนจะหลับไป
ทันทีที่ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอกันสายลมหอบหนึ่งพัดเอากลีบดอกไม้ผันผ่านร่างของหลินเมิ้งหยาไป
ทันใดนั้นร่างของหลินเมิ้งหยาถูกห่อหุ้มไว้ด้วยกลีบดอกไม้จนเหลือแต่เพียงศีรษะเล็กๆที่กำลังเผยให้เห็นใบหน้าหลับฝันหวาน
หลินเมิ้งหยานอนหลับพักผ่อนอย่างผ่อนคลายทว่าสถานการณ์ทางจวนกลับร้อนระอุ
หญิงสาวจากซีฟานนามว่าหงอวี้เดินทางมายังตำหนักหลิวซินแต่เช้าแต่งแต้มใบหน้าอย่างงดงามเพื่อมาถวายคำนับพระชายา
หลินเมิ้งหยาไม่อยู่ห้อง ไม่ว่าสาวใช้จะหาตัวกี่รอบก็หาไม่เจอ
สุดท้ายไม่มีทางเลือกทำได้เพียงเชิญให้หญิงสาวคนนั้นนั่งรอที่ห้องรับแขก โดยมีหลินจงอวี้อยู่เป็เพื่อน
ทว่าหลินจงอวี้กลับไม่รู้สึกดีกับหญิงสาวที่ทำให้พี่สาวของตนเองรู้สึกหึงหวงเลยแม้แต่น้อย
วางชาลง เขาไม่แม้แต่จะเอ่ยสิ่งใด นั่งลงบนเก้าอี้แล้วอ่านหนังสือในมือของตนเอง
หงอวี้อายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้นทว่ากลับรูปร่างสูงเพรียวสะโอดสะอง
ดวงตากลมโต ดั้งโด่งเป็สันหากเปรียบเทียบกับมาตรฐานความงามของต้าจิ้น นับว่านางเป็คนสวยคนหนึ่งเลยทีเดียว
ทว่า ั์ตาซึ่งแฝงไว้ด้วยอารมณ์ต่างๆ มากมายไม่อาจเทียบได้กับความจริงใจที่หลินเมิ้งหยามี หลังจากถูกอบรมมาอย่างดีแล้วนางไม่ต่างอะไรจากหญิงสาวในฝันของพวกผู้ชาย
“องค์ชายน้อยข้าขอถามหน่อยได้มั้ยว่าเพราะเหตุใดพระชายาจึงไม่ออกมาพบข้า?”
หลังจากถูกฝึกอบรมมานาน หงอวี้เรียนรู้ภาษาของต้าจิ้นเป็อย่างดีนางไม่หลุดพูดภาษาถิ่นของตนเองเลยแม้แต่น้อย
“พี่สาวของข้าอยากพบหรือไม่อยากพบเ้า ดูเหมือนเ้าจะไม่มีสิทธิ์ถามด้วยซ้ำ”
หลินจงอวี้เลิกเปลือกตาขึ้น สายตาเ็าพลางจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้านางผู้นี้มิอาจเทียบกับพี่สาวพระชายาได้เลยแม้แต่น้อย
หลังจากหงอวี้ได้เห็นใบหน้าของหลินจงอวี้ นางแอบตกตะลึง
แม้เด็กคนนี้จะยังไม่เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ทว่าใบหน้าของเขากลับงดงามมีเสน่ห์ หากเขาเติบโตขึ้นแล้วละก็เกรงว่าแม้แต่สาวงามอันดับหนึ่งของซีฟานก็มิอาจเทียบเขาได้เลย
เป็เด็กหนุ่มที่หล่อเหลาเหลือเกินไม่รู้ว่าพี่สาวที่เขาเรียกจะงดงามมากขนาดไหน
ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่า เพราะเหตุใดฮ่องเต้จึงส่งมอบนางที่เป็สาวงามที่สุดให้กับท่านอ๋องอวี้
ท่านอ๋องอวี้ผู้นี้ช่างมีความสุขสมบูรณ์เหลือเกิน
“เ้าค่ะ หงอวี้ผิดไปแล้ว”
ทั้งที่เป็แค่เพียงแขกเท่านั้นแต่กลับแสดงท่าทีประหนึ่งเป็นายต่อหน้าตน
หงอวี้เก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้นางเชื่อว่าหากนางอ่อยเหยื่อจนสำเร็จ นางจะต้องได้กลายเป็ชายารอง จากนั้น...
“เชิญแม่นางหงอวี้กลับไปก่อนเถิด นายหญิงของพวกเราไม่สบายไม่ต้อนรับแขก”
ป๋ายซ่าวเดินเข้ามาในห้องรับแขก ก่อนจะเอ่ยอย่างมีมารยาท
หงอวี้คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่สาวใช้ในตำหนักแห่งนี้ยังหน้าตางดงามแทบทุกคนดูท่า นางคงมิอาจเอาความงามของตนเองเข้าข่มพระชายาได้แล้ว
แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนเองได้เรียนรู้มาหงอวี้จึงค่อนข้างกล้าแสดงออก
เกรงว่าผู้ชายบนโลกใบนี้ล้วนมิอาจทนได้กับหญิงสาวที่ต่อต้านบ้านเล็กบ้านน้อยของตนเอง
เอาเถิด คราวหน้านางค่อยมาเจอพระชายาก็ยังทัน
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ เช่นนั้นข้าขอตัวลา แล้วข้าจะมาใหม่วันพรุ่ง”
ทันทีที่คิดจะกลับออกไปนางได้เห็นหญิงสาวในชุดผ้าไหมเดินเข้ามาภายในพร้อมทั้งหอบหายใจเป็พัลวัน
“ป๋ายจี ป๋ายซ่าว ป๋ายจื่อ พระชายาเล่า? พระสนมเต๋อเฟย้าให้พระองค์เข้าเฝ้า”
คิ้วของจิ่นเยว่ขมวดเข้าหากัน สีหน้าแสดงให้เห็นถึงความกระวนกระวาย
เมื่อ่เช้าพระสนมเต๋อเฟยได้รู้ข่าวที่ว่าท่านอ๋องพาผู้หญิงจากซีฟานกลับจวนมาด้วย
เมื่อคิดได้ว่าเพิ่งแต่งงานกับพระชายาได้ไม่นานจากนั้นท่านอ๋องรับหญิงสาวคนใหม่เข้ามา พระชายาจะต้องเ็ปอย่างแน่นอน
ดังนั้นจึงตามตัวท่านอ๋องไปว่ากล่าวเสียยกใหญ่
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าท่านอ๋องจะใจร้อนพลางบอกว่าพระชายาไล่เขาออกไปนอนนอกตำหนัก
ดังนั้นพระสนมเต๋อเฟยจึงรู้สึกว่าความหึงหวงของพระชายาช่างรุนแรงยิ่งนัก
ดังนั้นจึง้าตามตัวพระชายาไปสั่งสอน
แต่เมื่อจิ่นเยว่ก้าวผ่านธรณีประตูตำหนักหลิวซินเข้ามา ก็ได้เห็นหญิงสาวหน้าตาสวยงามสวมใส่ชุดสีแดงแปลกตายืนอยู่
หลังจากที่ได้เห็นเสื้อผ้าสีแดงชุดนั้นั์ตาและสีหน้าพลันเผยให้เห็นถึงความไม่พอใจ
“แม่นางท่านนี้ ข้ารู้ว่าเ้าเป็หญิงสาวที่ท่านอ๋องพาเข้าจวนมาแต่เสื้อผ้าสีแดงมีเพียงพระชายาเอกเท่านั้นที่จะสวมใส่ได้การที่เ้าสวมใส่เช่นนี้เป็การไม่เหมาะสมยิ่งนัก”
รอยยิ้มของหงอวี้พลันแข็งทื่อ
คิดไม่ถึงเลยว่าสีแดงที่ตนเองชอบที่สุดจะกลายเป็ของพระชายาคนนั้น
นางขังเปลวไฟในหัวใจเอาไว้ในอกสุดท้ายทำได้เพียงพยักหน้าลงด้วยความจำยอม
