บทที่ 164 ทำชั่วมากไปต้องได้รับผลกรรม
หวังต้าหย่งอายุมากสุดในศูนย์ยุวปัญญาชน อายุสามสิบสองปี เป็พี่ใหญ่ของศูนย์ยุวปัญญาชน และโสดสนิท
ไม่ใช่ว่าเขานิสัยไม่ดีหาภรรยาไม่ได้ แต่เขาโชคร้ายเคยคบสาวคนหนึ่ง ใกล้จะแต่งงานแล้ว แต่เธอกลับหนีไปกับคนผ่านทาง
หวังต้าหย่งเจ็บช้ำน้ำใจ หลังจากนั้นไม่เคยหาภรรยาอีก
บ้านเขายากจน กลับเมืองหลวงไม่ได้ เพราะเื่ภรรยาหนี ทำให้เขาไม่สามารถเงยหน้าในหมู่บ้านได้ การสอบเข้ามหาวิทยาลัยคือโอกาสและทางออกเดียวที่เขาจะกลับเมืองหลวงได้
ดังนั้น เขาเห็นโอกาสนี้สำคัญยิ่งกว่าใคร
อ่านหนังสือจบต้องฝึกทำโจทย์ ไม่มีโจทย์ อ่านอย่างเดียวก็เปล่าประโยชน์
สวี่จือจือไม่เพียงให้ยืมหนังสือคัดลอก ยังไปเมืองหลวงซื้อเอกสารมาให้ หวังต้าหย่งจะไม่ซาบซึ้งได้ยังไง?
“เธอมาทำอะไร?” เมิ่งไห่หยางพูดเ็า
ทุกครั้งที่เห็นอันฉิน เขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้า เมื่อก่อนตาบอดยังไงถึงไปชอบอันฉิน?
“ฉันแต่งงานแล้ว แต่ก็เป็ยุวปัญญาชน ทำไมจะมาที่นี่ไม่ได้?” อันฉินมองหวังต้าหย่งอย่างเยาะเย้ย “ทำไมยังร้องไห้อีก? อายุปูนนี้แล้ว ไม่รู้จักอายบ้างเหรอ?”
“อาย?” เมิ่งไห่หยางยิ้มเ็า “ทำไมพวกเราต้องอายด้วย? พวกเราขายตัวหรือว่าทำอะไรน่าอายเหรอ?”
ในศูนย์ยุวปัญญาชน ใครจะว่าเขาได้หมด แต่ยกเว้นอันฉิน เธอไม่มีสิทธิ์
เธอคิดว่าตัวเองเป็ใคร?
“เมิ่งไห่หยาง” อันฉินพูดเสียงดัง “ฉันรู้นายยังโทษที่ฉันไม่เลือกนาย นายพูดแบบนี้ฉันเข้าใจ”
เมิ่งไห่หยางแทบอ้วกกับท่าทางเธอ “ฉันต้องขอบคุณจริงๆ ที่เธอไม่เลือกฉันตอนนั้น”
เขาพูดจบก็คารวะอันฉินจริงจัง “ขอร้อเธอต่อไปอย่าพูดแบบนี้อีก ตอนนั้นฉันตาบอด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะตาบอดไปทั้งชีวิต”
“นาย!” อันฉินถลึงตามองเขา
“รีบไปซะ” ยุวปัญญาชนชายอีกคนพูดเสียงเรียบ “อย่ามาทำลายอารมณ์ของพวกเรา ที่นี่ไม่ต้อนรับเธอ”
“ดูท่า” อันฉินยิ้มบาง “ฉันหวังดีแท้ๆ แต่กลับถูกมองเป็อย่างอื่นซะงั้น”
“เดิมที” เธอยกของในมือ “เป่าเฉิงบ้านฉันหาเอกสารมาได้ ฉันนึกว่าทุกคนคุ้นเคยกันดี เลยเอามาให้ดูด้วยน้ำใจ แต่ไม่นึกว่าพวกนายจะไม่เห็นคุณค่า”
“ถ้าเป็แบบนี้ ต่อไปก็อย่าโทษที่ฉันมีของดีแล้วไม่แบ่งแล้วกัน”
เธอพูดจบ ก็มองสวี่จือจืออย่างได้ใจ แล้วแกล้งทำท่าลำบากใจจะเดินจากไป
ท่าทางนั้นเหมือนแน่ใจว่าคนในลานจะรั้งเธอไว้
“สอบเข้ามหาวิทยาลัย ต้องทำโจทย์เยอะๆ มีแค่หนังสือจะได้อะไร?” เธอพูดพลางเดิน “ช่างเถอะ คนเขาไม่เห็นค่า ฉันจะเป็คนดีไปทำไม?”
ยุวปัญญาชนในลานมองหน้ากันแล้วยักไหล่ มองอันฉินแสดงเดี่ยวเหมือนดูคนโง่
ไม่มีใครส่งเสียง
อันฉินเดินไปถึงประตูอย่างช้าๆ แต่จนถึงตอนนี้ยังคงไม่มีใครรั้ง เธอกัดฟันหันไปมองทุกคน “เอกสารมีค่าแบบนี้ พวกนายจะไม่เอาจริงเหรอ? ไม่อยากกลับเมืองหลวงเหรอ?”
พอไม่มีใครสนใจ อันฉินก็โมโห
ตอนนั้นเอง เกาจิงจิงที่เงียบมาตลอดก็เรียก “อันฉิน”
“อะไร? อยากได้เอกสารเหรอ?” อันฉินหันมองเกาจิงจิง และ…สวี่จือจือที่อยู่ข้างๆ แล้วยิ้มเยาะ “น่าเสียดาย ฉันตัดสินใจแล้ว เอกสารนี้ฉันจะเอาไปจุดไฟ ไม่ให้เธอหรอก”
“อ้อ” เกาจิงจิงพูดนิ่ง “เธอเข้าใจผิด ฉันเรียกเธอไม่ใช่เพราะอยากได้เอกสาร”
“แล้วเรียกฉันทำไม?” อันฉินหงุดหงิด
“ฉันเรียกเพื่อบอกว่า ข้าวของที่เธอทิ้งไว้ในห้อง เมื่อไหร่จะย้ายออกเหรอ มันรกที่ของพวกเรา” เกาจิงจิงบอก
“ถูกต้อง” ยุวปัญญาชนหญิงอีกคนเสริม “เธอแต่งงานแล้ว ข้าวของพวกนั้นควรย้ายออกไป อย่ามารกที่นี่”
“พวกเธอ!” อันฉินชี้หน้าสวี่จือจือ “เธอไปยุให้พวกเขาว่าฉันใช่ไหม?”
“ประสาท” สวี่จือจือกลอกตา แล้วตอบสองคำเสียงเรียบ
“รีบเอาข้าวของของเธอไป อย่ามาทำคนคลื่นไส้แถวนี้” หวังต้าหย่งหน้าดำ “ต่อไปศูนย์ยุวปัญญาชนไม่ต้อนรับเธอ”
“แล้วก็เธออย่ามาเสแสร้งแถวนี้อีก เอกสารเธอดีแค่ไหน พวกเราก็ไม่สนใจ”
“ไม่สนใจ?” อันฉินยิ้มเ็า “หวังต้าหย่ง นายสอบไม่ติดมหาวิทยาลัย ต้องอยู่ที่นี่ตลอดชาติ”
ตอนนี้มาอวดเก่งอะไร?
“วางใจเถอะ” หวังต้าหย่งเหล่เธอ “ไม่มีเอกสารของเธอ ฉันก็สอบติดแน่”
“รู้ไหมว่าทำไม?” เขาพูดภูมิใจ “เพราะตอนนี้ฉันมีทั้งหนังสือและเอกสาร ถ้าฉันยังสอบไม่ติด ฉันก็สมควรอยู่ที่นี่ไปทั้งชีวิตแล้ว”
“พวกนายมีเอกสารได้ยังไง?” อันฉินกัดฟัน
พูดจบเธอก็เพิ่งนึกได้ แล้วมองสวี่จือจือ
ไม่ต้องบอก เอกสารต้องมาจากอีกฝ่ายแน่นอน
นังแพศยานี่ ทำไมทำอะไรถึงได้ขัดขวางเธอตลอด?
เดิมทีเพราะไม่ให้ยุวปัญญาชนยืมหนังสือ ทำให้พวกเขาไม่พอใจเธอ พอได้เอกสาร อันฉินจึงคิดเอามาให้ชุดหนึ่ง
โอ้อวดหน่อย และให้คนเหล่านี้ติดหนี้บุญคุณ
เมื่อมีบุญคุณนี้ ถ้าพวกเขาสอบติด พอออกไปข้างนอกจะไม่ติดหนี้เธอเหรอ?
แน่นอน นี่คือคำแนะนำจากโจวต้าไห่ที่ชี้ทางให้เธอ แต่กลับถูกสวี่จือจือตัดหน้าซะได้ อันฉินจะไม่โมโหได้ยังไง?
แต่ทันใดนั้น เธอก็มีวิธีในใจ
เธอกำลังคิดจะหาเื่สวี่จือจือ เอาเด็กในท้องอีกฝ่าย ตอนนี้โอกาสมาถึงมือโดยไม่ต้องพยายาม
“สวี่จือจือ เธอหมายความว่าไง?” อันฉินคิดได้ก็ไม่ไปแล้ว เธอชี้หน้าสวี่จือจือ “ฉันไปล่วงเกินเธอตรงไหน เธอถึงต้องทำร้ายฉันแบบนี้?”
“หยุดเดี๋ยวนี้” สวี่จือจือเห็นอีกฝ่ายเดินมา ก็รีบพูด “ยืนอยู่ตรงนั้น อย่าเข้ามา”
“ทำไม? เธอทำอะไรผิดไว้เหรอ?” อันฉินก้าวมาสองก้าว
“ทำผิด?” สวี่จือจือลุกขึ้น ยิ้มเ็า “ดูท่าเธอคงอยากพุ่งมาแล้วล้มลง แกล้งแท้งลูกใส่ร้ายฉันสิท่า?”
“อันฉิน คนกระทำฟ้ามอง ทำชั่วมากไปต้องได้รับผลกรรม”
อันฉินชะงัก
เธอไม่นึกว่าสวี่จือจือจะความรู้สึกไว คาดเดาความคิดเธอได้
.............................