เข้าสู่ยามค่ำคืน สองพี่น้องเสี่ยวเจี๋ยเสี่ยวหรูก็ฟื้นขึ้น อวิ๋นซีมองพวกนางสองพี่น้องที่มีสีหน้าระแวงระวังขณะมองกลับมายังตน มุมปากนางขยับขึ้นลงน้อยๆ ท่าทีของคนทั้งสองตอนนี้ราวกับว่า หากอวิ๋นซียังคิดเข้าใกล้พวกนางอีกนิดก็คงได้โดนกัดจนตายอย่างไรอย่างนั้น
“ตระกูลจั่วอุตส่าห์เหลือรอดมาได้ถึงสองชีวิต แต่พวกเ้ากลับจะมาตายกันไปเช่นนี้ หากช่วยไว้ไม่ทัน ตระกูลจั่วคงถึงคราวต้องสิ้นทายาทไปอย่างแท้จริงแล้ว พวกเ้าไม่กังวลหรือว่า เมื่อไปยังปรโลกแล้วจะไม่มีหน้าไปพบบิดามารดา” อวิ๋นซีไม่ได้เข้าใกล้ ทำเพียงยืนห่างออกไปเล็กน้อยมองพวกนาง พูดขึ้นเรียบๆ
เมื่อสองพี่น้องได้ยินก็มองอวิ๋นซีด้วยสีหน้าท่าทางแปลกใจ สตรีตรงหน้ารู้สถานะของพวกนางได้อย่างไร? แล้วคนเหล่านี้เป็ผู้ใดกัน?
อวิ๋นซียังคงพูดต่อ “พวกเ้าอยู่ที่นี่จะปลอดภัย รอให้าแบนร่างหายดีก่อน แล้วข้าจะส่งพวกเ้าสองพี่น้องไปจากหนานเย่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรักษาชีวิตไว้ให้ได้ นี่เป็สิ่งที่สำคัญที่สุด”
สองพี่น้องมองอวิ๋นซี เอ่ยถามพร้อมเพรียง “ท่านเป็ใคร? ”
อวิ๋นซียิ้มบางๆ “เมื่อยังเยาว์ข้าเคยได้รับความช่วยเหลือจากบิดาของพวกเ้าและคนตระกูลเฉียว ตอนนี้ก็แค่ทดแทนบุญคุณในตอนนั้นก็เท่านั้น”
สองพี่น้องสบตากันทีหนึ่ง รีบคุกเข่าลงแล้วกล่าว “ขอพี่หญิงช่วยพวกเราด้วย”
“ช่วยพวกเ้าทำอันใด? แก้แค้นหรือ? หรือว่า ให้ช่วยพาพวกเ้าไปจากสถานที่ที่ชั่วร้ายเช่นนี้ ให้พวกเ้าได้มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข” อวิ๋นซีถามอย่างนึกสนุก เพราะั้แ่เล็กสองพี่น้องคู่นี้ก็มักจะมีความคิดเป็ของตนเอง
คนพี่อย่างเสี่ยวเจี๋ยเป็ฝ่ายกล่าวตอบ “ไม่ พวกเราจะไม่ไปไหนเ้าค่ะ พวกเราจะแก้แค้น คนพวกนั้นสังหารท่านพ่อท่านแม่ สังหารท่านลุงกับท่านป้าเฉียว ทำให้พี่หญิงอวิ๋นต้องตาย หากพวกเราไม่สนใจหนี้แค้นแล้วชิงหนีไป ต่อให้ยามที่หลับใหลก็คงต้องสะดุ้งตื่น เพราะฝันร้าย หากว่ามีโอกาสแม้สักครั้งที่จะได้แก้แค้น ต่อให้สุดท้ายต้องแลกมาด้วยชีวิต ข้าก็ไม่เกี่ยง อย่างมากข้าก็แค่ต้องไปปรโลกพร้อมพวกเขา พวกเราเป็ลูกของรองแม่ทัพกองทหารตระกูลเฉียว พวกเราไม่กลัว”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยิน ไม่อาจไม่พูดได้ว่า เด็กสองคนนี้ทำให้นางอดไม่ได้ให้ปวดใจไปด้วยจริงๆ นางถอนใจเบาๆ จากนั้นพูดว่า “เื่แก้แค้นไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น พวกเ้าต้องรู้ว่า คนที่สังหารพวกเขาเป็ถึงโอรส์องค์ปัจจุบัน”
เสี่ยวเจี๋ยมองอวิ๋นซี นางปฏิเสธเสียงแข็ง “ไม่ พวกเราไม่เคยคิดจะสังหารโอรส์องค์ปัจจุบัน พวกเราแค่้าให้คนในจวนรัชทายาท คนตระกูลลู่ได้ชดใช้ด้วยชีวิตก็เท่านั้น เพราะตอนนั้นที่พวกเราอยู่ในคุก ท่านพ่อกับท่านลุงเฉียวเคยพูดว่า โอรส์องค์ปัจจุบันยังจะตายไม่ได้เด็ดขาด อย่างน้อยก็ก่อนที่ฮ่องเต้ผู้ทรงคุณธรรมแห่งยุครุ่งเรืองจะปรากฏกายขึ้น แต่รัชทายาทไม่เหมือนกัน พวกเรา้าสังหารเขา ต้องสังหารให้ได้”
ในเวลาเดียวกัน เสี่ยวหรูเองก็เอาแต่โขกศีรษะไม่หยุด ไม่รู้เพราะเหตุใดพี่หญิงตรงหน้าผู้นี้ถึงสามารถทำให้พวกนางเชื่อจากใจจริงว่า คนจะไม่ทำร้ายพวกตน จึงได้ยินดีร่วมสนทนา บอกเล่าเื่ราวทุกอย่างให้นางฟัง
อวิ๋นซีประคองสองพี่น้องให้ลุกขึ้น จากนั้นก็กล่าวต่อ “พวกเ้าไปจากหนานเย่าเถิด เื่แก้แค้นนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเ้าจะสามารถยุ่งเกี่ยวได้ ขอแค่พวกเ้ามีชีวิต่อไป คนตระกูลจั่วและตระกูลเฉียวถึงจะมีหวัง”
ในใจนางมีความคิดหนึ่งผุดขึ้น ไม่ว่าอย่างไรสองคนนี้ก็ต้องส่งออกไป เพราะรูปลักษณ์งดงามควรเมืองของพวกนางดึงดูดสายตาคน อีกทั้ง ตอนนั้นในเมืองหลวงก็มีคนไม่น้อยที่รู้จักพวกนาง หากไปปรากฏกายภายนอกจักต้องดึงดูดความสนใจจากเหล่าคนที่คิดไม่ดีเป็แน่
“ไม่ พี่หญิง พวกเราไม่ไป” เสี่ยวหรูมองอวิ๋นซีด้วยสายตาแน่วแน่ “พวกเราจะแก้แค้น”
อวิ๋นซีนั่งลงข้างเตียง พูดกับพวกนาง “รูปลักษณ์ของพวกเ้าดึงดูดสายตาเกินไป หากไปปรากฏกายในเมืองหลวงก็ยากจะรับรองว่า จะไม่มีคนคิดใช้ประโยชน์จากเื่นี้ ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงต้องส่งพวกเ้าออกไปก่อน แต่ว่า แม้พวกเ้าจะจากไปแล้วก็มิได้หมายความว่า จะไม่ได้ทำอะไรเลย ตอนนี้รากฐานของข้าในเมืองหลวงยังไม่มั่นคง ไม่สามารถใช้แข็งปะทะแข็งกับคนในเมืองหลวงได้ ดังนั้น ข้าย่อม้าความช่วยเหลือจากพวกเ้า ส่วนตอนนี้ หากพวกเ้าสองพี่น้องไม่อยากไปจากหนานเย่า เช่นนั้นก็ไปตงหยางเถอะ เมื่อไปถึงก็ไปตามหาตระกูลพ่อค้าแซ่ถังที่อยู่ในเมืองตงหยาง พักอยู่ที่บ้านพวกเขาก่อนชั่วคราว อย่างไรเสีย ฮูหยินถังและมารดาของพวกเ้าก็เป็พี่น้องร่วมสาบานกัน หากไปอยู่ที่นั่น พวกนางจักต้องปกป้องพวกเ้าแน่ และเมื่อเื่ทางนี้เรียบร้อยแล้ว ข้าจักให้คนไปรับพวกเ้ากลับมา”
เมื่อเห็นสองพี่น้องยังมีท่าทีคล้ายคิดจะพูดสิ่งใด อวิ๋นซีก็พูดขัดขึ้น “พวกเ้าอยู่ที่นี่รังแต่จะถ่วงขาข้า หากไปตงหยาง ไม่แน่ว่าอาจจะช่วยเหลือข้าได้บ้าง อย่างไรเสีย ตงหยางก็เป็สถานที่ที่เสือหมอบัแอบ”
ชั่วขณะนั้นเสี่ยวเจี๋ยในฐานะพี่หญิง จู่ๆ ก็นึกอะไรออก นางเงยหน้ามองอวิ๋นซีด้วยสีหน้าท่าทางเหมือนจะเข้าใจแล้ว “พี่หญิง พวกเราสองพี่น้องทราบแล้ว ข้าจะพาน้องหญิงไปตงหยาง และจะไม่ทำให้พี่หญิงต้องผิดหวัง”
อวิ๋นซีพยักหน้า สั่งสองพี่น้องพักผ่อนให้ดี ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง มุมปากนางโค้งขึ้นเป็รอยยิ้ม ตงหยางเป็สถานที่ที่ดีอย่างแท้จริง แม้นางจะบอกว่าเป็สถานที่ที่เสือหมอบัแอบก็เรียกได้ว่า ไม่เกินไปนัก เพียงแต่ไม่รู้ว่าสองพี่น้องจะมีโอกาสวาสนาหรือไม่ก็เท่านั้น
หลิงอีถือไหสุราเดินออกมา เขามองอวิ๋นซีแล้วพูดว่า “ถิ่นของตงหยางอ๋อง ไม่ใช่ว่าจะบุกเข้าไปได้ง่ายๆ นับประสาอะไรคนยังเป็แค่เด็กน้อย”
อวิ๋นซีรับไหสุรามา ยิ้มบางๆ “เ้าแค่ไม่รู้จักความสามารถของสองพี่น้องคู่นี้ คนสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น ทั้งยังไม่ลืมเลือนหนี้แค้นที่แบกไว้อยู่บนหลัง มิหนำซ้ำยังสามารถพูดออกมาได้อย่างมีปัญญาว่าศัตรูของพวกเขาคือคนของรัชทายาท เพียงเท่านี้ก็เห็นแล้วว่า สติปัญญาและความคิดของพวกนางไม่ธรรมดา ส่วนตงหยางอ๋องผู้นั้นก็มิใช่คนที่ทำอะไรถึงขั้นไม่มีขื่อมีแป อย่างไรเสียก็ลองส่งสองพี่น้องคู่นี้ไปเล่นกับเขาสักหน่อย รอดูว่ากวางจะตายในมือใคร [1] ”
เมื่อหลิงอีได้ยิน เขาก็รู้สึกได้ว่า สตรีตรงหน้าผู้นี้ช่างโเี้เสียจริง อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นางจะเข้าไปพบคนทั้งสองก็ได้ทราบเื่ราวที่ผ่านมาของสองพี่น้องนี้แล้ว รวมถึงสภาพแวดล้อมที่ต้องทนอยู่มาหลายปี พวกนางล้วนถูกคนเลี้ยงดูสั่งสอนไม่ต่างกับเหล่าสตรีโคมเขียว ถึงแม้จนถึงทุกวันนี้จะยังไม่เสียตัว แต่คนก็ไม่เหมือนคุณหนูในห้องหอทั่วไป ในจิตใจอาศัยเพียงคิดแค้นให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อมา
ความสามารถและทักษะของสองพี่น้องคู่นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับเ้าบ้าตงหยางอ๋องผู้นั้น
“ประเมินพวกนางต่ำไปเป็เพราะตาเ้าไร้แวว เ้าเห็นเสี่ยวเจี๋ยแล้วหรือยัง ในตอนนั้นเฉียวกั๋วกงเคยพูดไว้ว่า เด็กคนนี้ หากเกิดเป็บุรุษ คนจักต้องเป็แม่ทัพที่มีความสามารถนำทัพทหารนับพันนับหมื่นได้อย่างแน่นอน อีกทั้ง สมองของนางยังดีมากๆ อีกด้วย” นี่แหละเป็เหตุผลที่ทำให้นางคิดจะส่งเสี่ยวเจี๋ยและเสี่ยวหรูไปยังตงหยาง
ตงหยางตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของหนานเย่า เป็เมืองที่มีชายฝั่งติดกับทะเลตงหยาง และเป็เขตแดนของตงหยางอ๋องโอวหยางสวิน ส่วนว่าโอวหยางสวินท่านนี้เป็ใครนั้น หึหึ แม้แต่ฮ่องเต้ หากได้พบเขาก็ยังต้องเรียกว่าเสด็จอาน้อย หรือหากเป็จวินเหยียนก็ยังต้องเรียกว่าเสด็จปู่
องค์ปฐมกษัตริย์ที่ตอนนั้นมีพระชนมายุเพียงสี่สิบกว่าพรรษา แต่เพราะเบื่อชีวิตในราชสำนัก จึงได้ออกจากตำแหน่ง และให้โอรส หรือก็คือฮ่องเต้พระองค์ก่อนขึ้นรับตำแหน่งแทน จากนั้นคนก็เริ่มออกท่องเที่ยวไปยังแว่นแคว้นต่างๆ จนกระทั่งฮ่องเต้พระองค์ก่อนต หลังจากนั้นปีที่ห้าที่เสี้ยวเหวินตี้ขึ้นครองราชย์ ปฐมกษัตริย์ที่หายตัวไปกว่าสามสิบปีผู้นี้ก็ได้พาลูกชายที่เขาได้มายามชรากลับมาด้วย ตอนนั้นโอวหยางสวินยังเป็แค่ทารกที่ยังอายุไม่ถึงขวบปี
ตามที่บิดาเฉียวเคยเล่าให้ฟัง ตอนนั้นเื่นี้เป็ที่ตกตะลึงไปทั่วทั้งราชสำนัก และก่อนที่ปฐมกษัตริย์จะต เสี้ยวเหวินตี้ก็ได้ให้สัญญากับพระองค์ไว้ว่าจะปกป้องโอวหยางสวินไปชั่วชีวิต จะไม่มีทางลงมือทำร้ายเขาเป็อันขาด และที่สำคัญที่สุดก็คือ โอวหยางสวินนั้นจักต้องเติบโตอยู่ข้างพระวรกายของเสี้ยวเหวินตี้ มีสายสัมพันธ์ต่อกันดังพ่อลูก ถึงขนาดใกล้ชิดกันยิ่งกว่าพ่อลูกเสียอีก ดังนั้น นอกเหนือจากสัญญาที่ให้ไว้กับปฐมกษัตริย์ สายสัมพันธ์ของคนทั้งสองที่มีในตอนนี้ก็สามารถมั่นใจได้ว่า เสี้ยวเหวินตี้ไม่มีทางลงมือกับโอวหยางสวินแน่
นอกจากนี้ ตอนที่โอวหยางสวินอายุได้สิบห้า คนก็ขอพระราชทานพระบรมาานุญาตเพื่อมาอยู่ตงหยางด้วยตัวเอง ด้วยเหตุนี้ ตงหยางจึงกลายมาเป็เขตแดนพระราชทานของโอวหยางสวิน ที่แห่งนั้นมีกำลังทหารของกองทัพตงหยางอยู่สามแสนนายคอยคุ้มกัน อีกทั้ง กองทหารเ่าั้ยังเชื่อฟังแค่คำสั่งของโอวหยางสวินเพียงผู้เดียว
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] กวางจะตายในมือใคร(鹿死谁手)เปรียบเทียบว่าอำนาจและชัยชนะจะตกอยู่ในมือใคร