คนทั้งสามเดินไปตามอุโมงค์ แต่ยิ่งเดินลึกเข้าไป ความรู้สึกกดดันยิ่งรุนแรง เื่นี้ทำให้คนทั้งสามเกิดความระแวงขึ้นในใจอย่างเข้มข้น
เคร้ง!
เซียวเฉินเรียกเบิกฟ้าออกมาถือไว้ในมือ แผ่อานุภาพกระบี่ เสียงกระบี่คำรามดังสะท้อนเบาๆ เจตจำนงกระบี่พวยพุ่ง จู่โจมเข้าไปในถ้ำใต้ดินที่ลึกจนไม่เห็นก้นบึ้ง ทันใดนั้น มีเสียงหวีดหวิวดังขึ้น
“โฮก!”
ในเวลานี้เอง มีเสียงสัตว์คำรามขึ้น มีแสงไฟสว่างเป็สายๆ ภายในถ้ำ เปลวเพลิงไหวขึ้นลงและเข้ามาใกล้พวกเซียวเฉินอย่างรวดเร็ว คนทั้งสามพบว่านั่นไม่ใช่เปลวไฟแต่เป็สัตว์ปิศาจที่อาบเปลวเพลิงทั่วร่างที่ระยะประมาณหลายสิบเมตร!
ใต้ดินยังมีสัตว์ปิศาจอีกหรือ?
คนทั้งสามใ
ต่างคนต่างใช้เคล็ดวิชาตามสถานการณ์ ในเมื่อมาแล้วย่อมไม่อาจกลับไปมือเปล่า ส่วนสัตว์ปิศาจตัวนี้ก็พานตรงกับใจพวกเขา จะได้ฆ่าเอาผลึกสัตว์พอดี
“ฆ่า!”
เหลยอวิ๋นถิงสืบเท้าหนึ่งก้าว ปลดปล่อยพลังสายฟ้าอย่างบ้าคลั่ง ดุจดวงดาราบนท้องนภา พริบตาก็ส่องสว่างไปทั่วถ้ำ อัสนีแลบแปลบปลาบก่อเกิดประกายไฟไม่หยุด พกพาพลังทำลายล้างรุนแรง
เซียวเฉินพุ่งตรงเข้าหาสัตว์ปิศาจ กระบี่เบิกฟ้าร่ายรำอย่างบ้าระห่ำ ทุกที่ซึ่งกระบี่กวาดผ่านมีแสงเพลิงโชติ่ สัตว์ปิศาจร้องโหยหวนไม่ขาดหู
วิ้ง!
เหลยชิงโหรววาดมือเป็เส้นโค้งอันงดงาม ปลดปล่อยพลังเสวียนสีฟ้า ไอหนาวกดทับลงมาราวกับแดนหิมะน้ำแข็งในพริบตา สะกดเปลวเพลิงอันร้อนแรงของสัตว์ปิศาจเปลวเพลิงไว้
“โฮก!”
สัตว์ปิศาจคำราม ปลดปล่อยพลังปิศาจบนร่าง สายตามีเจตนาว่ายอมตาย จู่โจมกลับอย่างบ้าคลั่ง ท่าทางแบบนี้เหมือนด้านหลังจะมีสัตว์ปิศาจรวมกลุ่มมาโจมตีอีก
“ราวกับพวกมันกำลังปกป้องอะไรบางอย่าง?”
เซียวเฉินขมวดคิ้ว เอ่ยเบาๆ
หลังจากเหลยอวิ๋นถิงอัดสัตว์ปิศาจตัวนั้นกระเด็นไปก็มีสีหน้ากระตือรือร้นแล้วกล่าวว่า “จะสนใจทำไมว่ามันกำลังปกป้องอะไร? พวกเราเข่นฆ่าเข้าไปก็สิ้นเื่!”
เซียวเฉินยิ้ม “ดี เข่นฆ่าเข้าไป!”
โลหิตของสัตว์ปิศาจหลั่งไหลเป็สายธารภายใต้กระบี่ทัณฑ์์
“แดนหิมะน้ำแข็ง!”
เหลยชิงโหรวเอ่ย ปราณแห่งน้ำค้างแข็งทะลักทลาย แช่แข็งผืนฟ้าและแผ่นดินในพริบตา ทำให้ถ้ำใต้ดินผนึกตัวเป็น้ำแข็ง สัตว์ปิศาจทุกตัวก็ถูกแช่แข็งอยู่ในนั้น
“แตก!”
เสียงหวานใสตวาด สัตว์ปิศาจที่ถูกแช่แข็งแตกเป็เสี่ยงๆ ทันที
สังหารสัตว์ปิศาจโดยไม่เห็นเื!
ภาพนี้ทำเอาเซียวเฉินและเหลยอวิ๋นถิงใ
พวกเขารู้ว่าเหลยชิงโหรวเลื่อนขั้นแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเหลยชิงโหรวจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ วิชาควบคุมน้ำแข็งแบบนี้ ต่อให้เป็เขาก็อดหวั่นไหวไม่ได้
เมื่อเห็นสัตว์ปิศาจเบื้องหน้าถูกสังหารเกลี้ยง คนทั้งสามไม่ได้เดินรุดหน้าต่อ ทว่าเก็บรวบรวมผลึกสัตว์ที่แงะออกมาจากร่างของสัตว์ปิศาจ พวกเขาในิดๆ
สามร้อยเจ็ดสิบสามก้อน!
ตามการคะเนส่วนใหญ่เป็สัตว์ปิศาจขั้นสี่ขั้นห้า ที่เหลือเป็ขั้นสามทั้งหมด
คราวนี้ เหลยอวิ๋นถิงและเหลยชิงโหรวยิ้มแฉ่ง บวกกับผลึกสัตว์ก่อนหน้านี้ พวกเขามีผลึกสัตว์ในมืออยู่สี่ร้อยก้อนแล้ว จำนวนนี้น่าตื่นตระหนกเป็อย่างมาก
คนทั้งสามเดินทางต่อ ไร้อุปสรรคขัดขวางตลอดทาง
จนกระทั่งแสงสว่างหายไป สิ่งที่ปรากฏตรงเบื้องหน้าคือประตูศิลาขนาดั์หนึ่งบาน ภาพสัตว์ปิศาจที่สลักบนประตูศิลาสมจริงราวกับมีชีวิต ก่อเกิดกลิ่นอายสูงส่งน่าเกรมขาม ทำให้คนรู้สึกทอดถอนใจ
ที่แท้ ใต้ดินถึงกับเป็อีกโลกหนึ่ง!
แค่มองดูไกลๆ ก็รู้สึกถึงสภาวะอันยิ่งใหญ่ ดวงตาของคนทั้งสามทอแววเคารพยกย่อง
“เป็ปราณเสวียนอันกล้าแข็งยิ่งนัก!”
เซียวเฉินเอ่ย จากนั้นค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้า ใช้แขนทั้งสองข้างออกแรงผลักประตูศิลา
ตูม!
แกร่ก แกร่ก…
ประตูศิลาเปิดออกช้าๆ มีแสงแรงกล้าลอดมาจากด้านในทันที
พลังเสวียนอันไพศาลทะลักออกมาห่อหุ้มคนทั้งสามไว้ภายใน พวกเขาไม่รู้สึกผิดปกติแต่กลับรู้สึกสบายอย่างแปลกประหลาดไปทั้งตัว!
แสงแรงกล้าค่อยๆ เลือนหาย ภาพภายในประตูศิลาปรากฏสู่สายตา พวกเขาสูดลมหายใจหนาวเหน็บให้กับภาพตรงหน้าทันที
งดงามเจิดจรัสอย่างไร้เทียบเทียม!
แม้ว่าถูกฝังอยู่ใต้ดินมายาวนาน แต่ไม่มีร่องรอยเสียหายเลยสักนิด!
ทำได้อย่างไรกัน?
“ที่นี่ถึงกับเป็สุสานแห่งหนึ่ง...”
พวกเขาอุทานพร้อมกัน เรียกได้ว่าภายในประตูศิลาคือแดนเซียน มีบุปผาและพืชพรรณประหลาด สมุนไพริญญานานาชนิด ต้นไม้โบราณสูงเสียดฟ้า กิ่งก้านคดเคี้ยวเก่าแก่และแข็งแรง ราวกับผ่านวันเวลามานับร้อยนับพันปีแต่ยังคงตั้งตระหง่านให้ความรู้สึกว่าโลกเกิดความผันแปรอย่างเอกอุ ข้างต้นไม้มีแม่น้ำใสกระจ่างจนเห็นก้นบึ้ง เหนือลำน้ำมีปราณิญญาหนาแน่น เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา พลังชีวิตเปี่ยมล้นดุจน้ำพุแห่งชีวิตที่หล่อเลี้ยงผืนฟ้าและแผ่นดิน
คนทั้งสามเห็นภาพตรงเบื้องหน้าก็แทบหยุดหายใจ
“มิน่าเล่า สัตว์ปิศาจเ่าั้จึงขัดขวางพวกเราอย่างไม่คิดชีวิต ที่แท้พวกมันคิดจะยึดครองสถานที่อันล้ำค่านี้ไว้ตามลำพัง” เหลยอวิ๋นถิงเบ้ปาก
สถานที่อันล้ำค่านี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ปราณิญญาเปี่ยมล้น เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถสั่งสมขึ้นมาภายในระยะเวลาสั้นๆ ต้องผ่านกาลเวลานับร้อยนับพันปีจึงมีปราณิญญาเข้มข้นแบบนี้
ด้านหน้าของต้นไม้โบราณมีเขตสุสานแห่งหนึ่ง มีสุสานขนาดั์ ใหญ่โต งดงาม และหรูหราอยู่ภายในเขตสุสาน แต่ไม่ได้สลักชื่อแซ่และข้อมูลชาตะมรณะบนป้ายหลุมศพ เื่นี้ทำให้พวกเขาประหลาดใจ
นี่เป็สุสานของใครกัน? ถึงขั้นนิรนาม?
ทั้งสามคนมีสายตาสงสัย
แต่ไม่กล้าเข้าไปใกล้ เพราะพวกเขารู้สึกได้ว่าเ้าของสุสานต้องเป็บุคคลที่แข็งแกร่งสุดขีด และถึงขั้นเป็บุคคลระดับแนวหน้า ไม่เช่นนั้น จะตำหนักใต้ดินอันโอฬารและเขตสุสานอันงดงามราวกับแดนเซียนนี้ได้อย่างไร?
“พวกเรา...เด็ดสมุนไพริญญาที่นี่ไปดีกว่า...”
เหลยชิงโหรวพูดเสียงอ่อยๆ “แม้ว่าทำแบบนี้อาจจะไม่ค่อยเคารพเ้าของสุสานนัก แต่พวกเรากลับไปมือเปล่าไม่ได้...”
เซียวเฉินเห็นท่าทางน่ารักน่าชังของเหลยชิงโหรวก็ยิ้มแล้วขยี้ศีรษะของนาง กล่าวว่า “ชิงโหรวพูดได้ถูกต้อง พวกเรากลับไปมือเปล่าไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะผิดต่อตนเอง มาถึงที่นี่โดยเสียแรงเปล่า”
“เช่นนั้น ยังรออะไรอยู่ เด็ดสิ!”
เหลยอวิ๋นถิงยิ้มกล่าว พวกเขาเด็ดสมุนไพริญญานานาชนิดในเขตสุสาน และถึงขั้นเด็ดใบไม้ของต้นไม้โบราณไปไม่น้อย ทั้งยังบรรจุน้ำในแม่น้ำไปมากมาย
ขณะที่พวกเขาสามคนกำลังเด็ดสมุนไพรพลางยิ้มแย้มสนทนากันอยู่นั้น จู่ๆ ก็เกิดแผ่นดินไหวโดยมีสุสานเป็ใจกลาง แผ่คลื่นพลังเสวียนขนาดมหึมา คลื่นพลังอันแข็งแกร่งทำให้ทั้งเขตสุสานสั่นะเื
พวกเขาหยุดและมองสุสานด้วยสายตาตึงเครียดทันที
ใบหน้าเล็กๆ ของเหลยชิงโหรวบ่งบอกว่านางวิตกกังวล
เหลยชิงโหรวหลบอยู่ด้านหลังของเซียวเฉินและเหลยอวิ๋นถิงด้วยสายตาหวาดกลัวเหมือนลืมไปแล้วว่าตนเองเป็ผู้เข้มแข็งขั้นเสวียนฟ้า เซียวเฉินรู้สึกได้ว่าเหลยชิงโหรวเครียดก็ยิ้มเหมือนจะปลอบใจนาง “ชิงโหรว ไม่ต้องกลัว มีพี่ใหญ่เซียวอยู่ทั้งคน”
ว่าแล้ว เซียวเฉินก็ทิ้งเหลยอวิ๋นถิงและเหลยชิงโหรวไว้ที่เดิม ออกเดินช้าๆ ไปทางหลุมศพไร้ชื่อเพียงลำพัง
เซียวเฉินสายตาเปล่งประกาย แต่กลับแน่วแน่
“ผู้าุโเป็ใคร เหตุใดจึงตั้งสุสานไร้ชื่อ?”
น้ำเสียงของเซียวเฉินชัดเจนกังวานกลางอากาศเหนือเขตสุสาน ครู่ต่อมา กระบี่หนักเบิกฟ้าปรากฏขึ้น แผ่อานุภาพกระบี่ และผสานเป็หนึ่งเดียวกับเซียวเฉิน
มองหลุมศพตรงๆ ด้วยสายตาเคร่งขรึม
“หึหึ แปดร้อยปีแล้ว ในที่สุดแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนฮวงก็มีคนมาเสียที...”