หลังจากที่ได้ข้อมูลจากโรงเตี๊ยมมา ทำให้รู้ว่า สำนักลี่นั้นแข็งแกร่งเพียงใด และยังมี สำนักตระกูลอื่นๆอีกมากมายที่ได้ร่วมลงประลอง งานประลองครั้งนี้ดูเหมือนจะน่าสนุกขึ้นมาเรื่อยๆแล้ว
“อีกเพียงไม่กี่วันก็จะเริ่มงานประลองรุ่นเยาว์แล้ว พวกเราต้องเตรียมพร้อมอะไรบ้างหรือไม่?” จื่อต้าหลงถาม
“แค่รักษาตัวให้ดีอย่าให้เจ็บป่วยก่อนเข้างานประลองก็พอแล้ว” ลวี่เหรินตอบ
“ฮ่าๆๆ พวกเ้าคิดว่าพวกเราจะสามารถติดร้อยอันดับแรกได้หรือไม่?” เฉิงไฉเซียวถาม
“ข้ายังไม่สามารถตอบได้” ลวี่เหรินตอบตามตรง
“คงต้องรองานเริ่มก่อนสินะถึงจะรู้ หึๆ ชักสนุกขึ้นมาแล้วสิ” จื่อต้าหลงกล่าวเสียงเหี้ยม
เขาเองก็อยากรู้ว่าในงานประลองนี้พวกเขาจะไปได้ไกลถึงเพียงไหน อุตส่าห์ซุ่มฝึกซ้อมกันแรมปี ฝีมือนับว่าใช้ได้ ไม่รู้ว่าพอเอามาเทียบกับอัจฉริยะทั่วทั้งแคว้นจะเป็อย่างไร
งานประลองครั้งนี้คาดว่าผู้เข้าร่วมคงมีนับแสนคนนั่นนับเป็จำนวนที่มากมายนัก
เนื้อหาการประลองก็ไม่มีผู้ใดรู้มาก่อน งานประลองจะเปลี่ยนเนื้อหาไปทุกรอบ ทำให้ยอดยุทธรุ่นเยาว์ทั่วแคว้นคาดเดาไม่ออกและคดโกงไม่ได้
ผู้ที่ประสงค์จะประลองให้ไปสมัครได้ที่จุดลงทะเบียน จื่อต้าหลง เฉิงไฉเซียวและลวี่เหริน มาถึงก่อนเวลานับสิบวัน แต่ก็ยังมิวายเจอผู้สมัครมากมายนับไม่ถ้วน พวกเขาต้องรอั้แ่เช้ายันค่ำ การสมัครรอบนี้มากล้นไปด้วยผู้คนจริงๆ หากผู้เข้าทดสอบได้รับป้ายลงทะเบียนมาจึงถือว่าลงทะเบียนสำเร็จ
หลังจากลงทะเบียนเสร็จแล้วพวกเขาก็ได้แต่เฝ้ารอวันประลอง…..
และแล้ว… ในที่สุดวันประลองก็มาถึง ในเมืองลี่นั้น ผู้สมัครจำนวนมากมายต่างมาเฝ้ารอกันที่หน้าลานรับสมัคร ผู้ที่ควบคุมการประลองนั้นคือคนของราชวงศ์ัคราม พวกเขาจะตัดสินเื่ราวอย่างเป็ธรรมเสมอ
“เอาล่ะ!! การทดสอบรอบแรก จะให้พวกเ้าเข้าไปเอาป้ายประทับัครามที่ใจกลางป่าจันทรากลับมายังที่นี่ ผู้ที่มาถึงก่อนย่อมผ่าน จำไว้ว่าตรามีจำนวนจำกัดพวกเ้าต้องรีบหน่อย!!” เสียงผู้ประกาศการทดสอบดังกังวาลไปทั่วบริเวณ
“อะไรนะป่าจันทรางั้นรึ?” ชายคนนึงพูดขึ้นมา
“ป่าจันทรา นับว่าห่างจากที่นี่มากหากไปด้วยม้าเร็วต้องใช้เวลาราวสามวันเต็ม!!” คนผู้นึงเอ่ยขึ้น
“ห้าา!! สามวันเต็มเลยงั้นรึ?!” ชายอีกคนกล่าว
‘ดูเหมือนการทดสอบแรกจะเป็วิชาตัวเบานะ’ จื่อต้าหลงคิด
“บัดซบ!! วิชาตัวเบางั้นรึ” เฉิงไฉเซียวบ่น เพราะเขาแทบไม่ได้ฝึกวิชาตัวเบาเลยมีเพียงวิชาตัวเบาระดับสามัญเท่านั้น ส่วนจื่อต้าหลงกับลวี่เหริน ต่างมีวิชาตัวเบาประจำตระกูลนับว่าไม่น่าห่วงมากเท่าไหร่นัก
เริ่มได้!!
หลังสิ้นเสียงการประกาศทุกผู้คนต่างรีบวิ่งและใช้วิชาตัวเบาของตนเองมุ่งไปยังป่าจันทรา นับว่าเป็การแย่งชิงตราที่ดุเดือดมาก จื่อต้าหลงเองพอสิ้นเสียงประกาศเขาก็ทะยานร่างนำกลุ่มฝูงชนไปเล็กน้อย ขณะออกตัวสถานการณ์ชุลมุนวุ่นวายมากไปด้วยผู้คน ทำให้ทั้งสามหนุ่มหลงกัน จำเป็ต้องไปทางใครทางมัน
‘ป่าจันทรางั้นรึ? ข้ายังไม่ค่อยคุ้นชินเส้นทางที่นี่ เอาเป็ว่าเกาะติดกลุ่มผู้นำไว้ก่อนจะเป็การดีกว่า’ จื่อต้าหลงใช้วิธีลอบติดตามกลุ่มผู้นำอย่างห่างๆ กลุ่มผู้นำหัวแถวมีราวๆห้าร้อยกว่าคนเพียงเท่านั้น ในนั้นมีจื่อต้าหลงรั้งท้ายอยู่ด้วย เวลาไหลผ่านไปนับสองวันในที่สุด ก็เข้าไปในเขตป่าจันทราส่วนลึกได้ จื่อต้าหลงเห็นผู้ทดสอบยืนรออยู่ก่อนแล้ว กวาดตามองตราัครามมีราวๆ ไม่เกินหมื่นชิ้นเท่านั้น เขารีบคว้ามาหนึ่งอันแล้วติดตามกลุ่มผู้นำออกจากป่าต่อไป
ที่เขาเลือกติดตามกลุ่มผู้นำไปเพราะไม่อยากทำตัวโดดเด่นนัก อีกอย่างถ้าติดตามกลุ่มผู้นำไป ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีการลอบทำร้ายชิงป้ายระหว่างทาง เพราะไม่มีศิษย์คนใดบังอาจกล้าทำร้ายกลุ่มยอดฝีมือห้าร้อยอันดับแรกอย่างแน่นอน อย่างมากจะเลือกกลุ่มหลังๆกันมากกว่า เวลาผ่านไปเนิ่นนานความเร็วของบางคนเริ่มตกลงเรื่อยๆ ทำให้ตอนนี้กลุ่มผู้นำเหลือราวๆสามร้อยคนที่ยังทะยานร่างอย่างแรงดีไม่มีตก เคล็ดวิชาท่าร่างัม่วงจื่อต้าหลงฝึกมาอย่างดี เขาแทบที่จะไม่เหนื่อยสักเท่าไหร่ เพราะฝึกท่าร่างมาถึงระดับสูงแล้ว หากเอาจริงเขาอาจเข้าเส้นชัยเป็อันดับแรกแล้วก็เป็ได้
หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งวัน กลุ่มผู้นำก็เข้าเส้นชัยไปเรียบร้อย รวมถึงจื่อต้าหลงเองก็เข้าเส้นชัยไปตามระเบียบ เขานั้นเข้าเส้นชัยเป็อันดับที่ร้อยแปดสิบสี่พอเข้าเส้นชัยแล้วก็ต้องเอาป้ายประทับัครามไปส่งที่ผู้คุมสอบ พวกเขาจะให้หมายเลขประจำตัวมาเพื่อที่จะเอาไปใช้ในการประลองรอบต่อไป
และในที่สุดก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน ตอนนี้ได้ผู้ผ่านการทดสอบรอบแรก ราวๆหมื่นคนไปเรียบร้อย
ลวี่เหรินนั้นได้หมายเลขห้าร้อยสี่สิบสี่
ส่วนเฉิงไฉเซียวนั้นได้หมายเลขหนึ่งพันห้าร้อยแปดสิบห้า บัดซบหลังจากนี้ข้าต้องหมั่นฝึกวิชาตัวเบาไว้บ้างแล้ว เฉิงไฉเซียวกล่าว
ทั้งสามผ่านการทดสอบรอบแรกไปเรียบร้อย
ในที่สุดก็ได้ผู้ผ่านการประลองรอบแรกหมื่นคนเป็ที่เรียบร้อย ผู้คุมการประลองกล่าวว่าการทดสอบรอบต่อไปจะเป็การซัดพลังใส่กำแพงมรกต ผู้ที่ได้สิบแต้มขึ้นไปจึงจะผ่านการทดสอบไปรอบสุดท้ายได้
“เอาล่ะในเมื่อมากันครบแล้วก็เริ่มการทดสอบรอบต่อไปได้ หมายเลขหนึ่งเชิญขึ้นเวทีทดสอบได้” ผู้คุมการประลองกล่าว
ชายที่ได้หมายเลขหนึ่งนั้นวิชาตัวเบานับว่ายอดเยี่ยมยิ่ง กำแพงมรกตตั้งอยู่บนเวทีเขาเดินขึ้นไปอย่างองอาจ
เขารวบรวมพลังไปที่หมัดขวา หลังจากนั้นก็ซัดเข้าไปที่กำแพงมรกต เปรี้ยง!! 90 คะแนน ทุกคนถึงกับตื่นตะลึง 90 คะแนนนั้นหมายถึงคนผู้นี้บ่มเพาะพลังถึงปราณจิตขั้นที่ 9 แล้ว
“นั่นมัน เกาซีิ ศิษย์หลักอันดับ 1 แห่งสำนักลี่ ได้ยินมาว่าเขาบ่มเพาะถึงปราณจิตขั้นสูงแล้ว” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา
ปีนี้เขาอายุ 20 ปีพอดีถือว่าผ่านเกณฑ์รุ่นเยาว์เป็ปีสุดท้ายแล้ว ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก หลักจากเกาซีิผ่านแล้วคนอื่นๆก็ทยอยขึ้นไปทดสอบ ส่วนใหญ่แล้วจะได้คะแนน 20-30 แต้ม
อันดับ 20 หลิวสุ่ยเยว่ แห่งสำนักปลาทองเชิญขึ้นเวทีได้ ผู้คุมสอบกล่าว ทันทีที่ได้ยินชื่อของหลิวสุ่ยเยว่ จื่อต้าหลงแววตาทอประกายหันขึ้นไปมองบนเวทีอย่างฉับพลัน
“เปรี้ยง!!!”
“หมายเลขยี่สิบ ได้ 50 คะแนนผ่านการทดสอบ!!” ผู้คุมการประลองกล่าว
“นั่นมันนางฟ้าจากที่ไหนกัน ได้ถึง 50 คะแนนเลยรึ ยอดเยี่ยมทั้งรูปโฉมและพลังฝีมือจริงๆ” ชายคนนึงกล่าวขึ้น
“นางมีนามว่า หลิวสุ่ยเยว่ มาจากสำนักปลาทอง ไม่น่าเชื่อว่าสำนักปลาทองจะมีคนที่เก่งกาจถึงเพียงนี้อยู่ด้วย” ชายอีกคนตอบ
หลิวสุ่ยเยว่ก้าวเดินอย่างสง่าลงจากเวที จื่อต้าหลงไม่รอช้า เดินเข้าไปหานางทันที พอถึงตัวนางจื่อต้าหลงก็ทักทาย
“ไม่เจอกันนานเลยนะ สุ่ยเยว่” จื่อต้าหลงกล่าว
