บุรุษแปลกหน้าคนหนึ่ง พวกเขาต่างไม่รู้จัก เฉียวเยว่กล่าวทักทายเสียงดังกังวาน "คารวะท่านอา"
รอยยิ้มของชายหนุ่มพลันแตกร้าว เขาลูบใบหน้าของตนเอง ก่อนจะเอ่ยถามว่า "ข้าไม่ควรนับว่าเป็พี่ชายของพวกเ้าหรอกหรือ?"
สองพี่น้องสบตากัน ก่อนเอ่ยพร้อมกัน "พี่ชาย"
นับว่ารู้กาลเทศะยิ่ง
ชายหนุ่มแสดงท่าทางพึงพอใจมาก เขาคลำกระเป๋าเสื้อ ดูเหมือนอยากจะมอบของขวัญให้ แต่พบว่าตนเองไม่ได้พกสิ่งใดติดตัวมา ขณะกำลังหันรีหันขวาง บ่าวชายจากด้านหลังก็เข้ามาส่งขนมห่อหนึ่งให้ "พี่ชายให้ขนมพวกเ้ากิน"
แม้ว่าเฉียวเยว่จะกินเก่ง แต่กลับไม่รับของจากคนแปลกหน้าตามอำเภอใจ นางส่ายหน้าอย่างเฉลียวฉลาด ไม่กล้ารับของ "ขอบคุณเ้าค่ะท่านอา พวกเราไม่เอา"
เฉียวเยว่มองชายหนุ่มอย่างพินิจ อาภรณ์ที่เขาสวมใส่เป็ชุดผ้าไหมหรูหราราคาแพง จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ
นางยิ้มตาหยีถามว่า "พี่ชายมาร่วมงานเลี้ยงหรือ? เหตุใดไม่ไปทางเรือนหลักเล่า"
ท่าทางไร้เดียงสาอย่างยิ่ง
หากมิใช่ว่าได้ยินเ้าตัวน้อยสองคนนินทาบิดามารดาของตนเองลับหลัง ก็คงนึกว่าพวกเขาเป็เด็กน้อยฉลาดเฉลียวน่าเอ็นดู
"ข้าเพิ่งกลับมาเมืองหลวง มาเยี่ยมเยือนสหายเก่า มิได้มาร่วมงานเลี้ยง เพียงแต่วันนี้มีจัดงานเลี้ยงพอดี" เขาโบกพัดจีบอย่างสง่างาม
"แต่ในจวนพวกเราไม่มีใครชื่อสหายเก่าเลยนะ?" ฉีอันเกาศีรษะ เอียงคอถามเฉียวเยว่ "เ้ารู้จักคนชื่อนี้หรือเปล่า?"
ชายหนุ่มหัวเราะ "สหายเก่าของข้าผู้นี้ พอดีแซ่ซู แล้วยังมีบุตรแฝดัหงส์คู่หนึ่งอีกด้วย"
ชัดเลย!
สหายของบิดานาง!
พวกเขาสองคนจบเห่แล้ว!
เฉียวเยว่รีบทอยิ้ม "พี่ชายยังหน้าตาหล่อเหลาและยังดูหนุ่มแน่น มารู้จักกับบุรุษสูงวัยอย่างบิดาข้าได้อย่างไร พี่ชายรูปงามปานต้นไม้หยกต้องลม....."
เด็กหญิงตัวน้อยอ้าปากได้ก็ตบสะโพกม้ารัวๆ สรรเสริญเยินยอไปถึงหนึ่งเค่อ [1] เต็มๆ พูดจนชายหนุ่มนึกอยากจะลักพาตัวแม่หนูน้อยฉลาดเฉลียวผู้นี้กลับจวนเสียเลย
แต่บ่าวชายกับผู้ติดตามอีกคนซึ่งตามอยู่ด้านหลังฝาแฝดชายหญิงต่างอึ้งไปแล้ว
หลังจากพูดมาถึงสุดท้าย เฉียวเยว่ก็สรุปว่า "พี่ชายแสนดีเพียงนี้ คงจะไม่ช่างฟ้องใช่หรือไม่?" เฉียวเยว่ทำตาปริบๆ
แม่หนูน้อยอวบอ้วนแสดงท่าบ่งบอกว่า 'ท่านกับข้าต่างก็รู้อยู่แก่ใจ' ช่างน่ารักเหลือหลาย
ชายหนุ่มยิ้มพยักหน้า "ไม่พูด ไม่พูด ไม่พูดอะไรทั้งนั้น"
เฉียวเยว่ได้การรับรองจากเขาแล้วก็ยอบกายเล็กน้อย มีมารยาทอย่างยิ่ง "เช่นนั้นพวกเราขอตัวก่อน แล้วพบกันเ้าค่ะพี่ชาย"
ฉีอันพรูหายใจเฮือกหนึ่ง "ข้าให้ความร่วมมือดีหรือไม่?"
เฉียวเยว่ยกนิ้วโป้งให้ "เยี่ยมไปเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็สหายของบิดา ถ้าบิดารู้เข้าว่าพวกเรานินทาเขาลับหลัง ก้นของพวกเราต้องลายแน่ๆ เคราะห์ดีคนผู้นี้ชอบฟังคำป้อยอ ช่างไร้เดียงสายิ่งนัก"
ฉีอันพยักหน้า "นั่นสิ ไร้เดียงสาจริงๆ"
จ้าวอ๋องนึกได้ว่าในแขนเสื้อมีถุงเหอเปา ขณะที่กำลังจะตามเอาไปให้เด็กน้อยปากหวาน แต่ผลลัพธ์... เขากลับได้ยินสิ่งใด?
เขาถูกเด็กแฝดคู่นี้ปั่นหัว!
เหอะๆๆ
ักำเนิดั หงส์กำเนิดหงส์ บุตรของมุสิกย่อมขุดรู
เ้าหนูสองคนนี้เป็จอมขุดรูเหมือนคนผู้นั้นจริงๆ
"เด็กเดี๋ยวนี้โตไว หรือว่าเด็กที่กำเนิดจากคนที่มีน้ำเสียเต็มท้องอย่างพี่ซูจะมีความคิดความอ่านพิเศษกว่าผู้อื่น?" จ้าวอ๋องรำพึงอยู่เงียบๆ
ผู้ติดตามของเขาต่างก้มหน้าเงียบ ไร้ถ้อยคำจะตอบโต้
ฝาแฝดตัวน้อยจับมือกันเดินมาถึงเรือนหลัก พอเฉียวเยว่เข้ามาก็ได้ยินเสียงพูดคุยหัวเราะครื้นเครงจากในห้อง
ทั้งสองคารวะพร้อมเพรียงกัน
ฮูหยินผู้เฒ่าทอยิ้ม "ไหนมาให้ข้าดูหน่อย เหตุใดเด็กน้อยสองคนถึงน่ารักน่าเอ็นดูเพียงนี้
เฉียวเยว่ยิ้มตาหยี "เพราะข้าหน้าตาดีและเฉลียวฉลาดอย่างไรเล่า"
นางจูงฉีอันเดินมาข้างกายฮูหยินผู้เฒ่า นางคิดจะปีนขึ้นไปบนเตียงเตา แต่ตนเองคนเดียวก็ลำบากพอแล้ว ยังจูงฉีอันมาอีกคน ยิ่งเลิกฝันไปได้เลย เด็กหญิงตัวน้อยถอนหายใจอย่างหนักรำพึงว่า "เวลานี้ไยถึงไม่มีวีรบุรุษมาช่วยหญิงงามบ้างนะ"
ยังไม่ทันขาดคำ เฉียวเยว่ก็ลอยขึ้นบนอากาศ นางหันไปมอง เป็พี่ใหญ่ ญาติผู้พี่ของนาง เขาอมยิ้มอุ้มเฉียวเยว่ขึ้นไปบนเตียงเตา แล้วก็อุ้มฉีอันขึ้นไปอีกคน
เฉียวเยว่เอ่ยขอบคุณ "ขอบคุณเ้าค่ะพี่ใหญ่" แต่แล้วศีรษะน้อยๆ ก็ตกลงด้วยความผิดหวัง "ข้าอยากให้เป็วีรบุรุษช่วยหญิงงามจะได้ใช้ร่างกายตอบแทน พี่ใหญ่มาช่วยข้าทำไมล่ะเนี่ย"
"ใช่ ใช่ ใช่ ใช้ร่างกายตอบแทน" ฉีอันคล้อยตามส่งเดช
ซูเจี้ยนอันเป็ชายหนุ่มอายุสิบหก ไม่เคร่งขรึมเ็าเหมือนบิดา แต่กลับดูสุภาพสง่างามเหมือนซูซานหลาง
เขาอมยิ้ม "เช่นนั้นเ้ามาเป็เด็กรับใช้ในห้องเรียนให้พี่ใหญ่ดีหรือไม่"
เฉียวเยว่ส่ายหน้าไม่ยินยอม นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงฉอเลาะ "ข้ายังเด็ก มือก็เล็ก ขาก็สั้น ทำอันใดไม่ได้สักอย่าง หากไปเป็เด็กรับใช้ในห้องเรียนให้พี่ใหญ่ เกรงว่าจะทำให้พี่ใหญ่เสียงานมากกว่า"
ซูเจี้ยนอันหยอกเย้าอย่างอ่อนโยน "จะเป็ไรไปเล่า ข้าจับกระต่ายอ้วนตัวน้อยอย่างเ้าไปแขวนเป็สัตว์มงคลประจำห้องได้"
เฉียวเยว่ชี้ตัวทันควัน "ข้าหาหัวโจกพบแล้ว" นางรีบคลานไปข้างกายฮูหยินผู้เฒ่า พลางบ่นพึมพำ "ข้าว่าแล้วเหตุใดพี่ชายิ่เรียกว่าข้ากระต่ายอ้วนตัวน้อย ที่แท้ก็เลียนแบบพี่ใหญ่มานี่เอง"
มือป้อมๆ ของนางชี้ออกไป "พวกท่านห้ามเรียกข้าว่ากระต่ายอ้วนตัวน้อยเพียงเพราะข้าเกิดปีกระต่ายนะ มีกระต่ายอ้วนที่ไหนจะน่ารักอย่างข้า?"
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะ "แต่ย่าก็รู้สึกว่าเฉียวเฉียวเหมือนกระต่ายอ้วนตัวน้อยอยู่นะ"
เฉียวเยว่คอตกทันควัน "พวกท่านไม่เป็มิตรเอาเสียเลย"
ทุกคนต่างหัวเราะ
"ต้าเกอเอ๋อร์รักเสี่ยวชีมากจริงๆ ตอนหรงเยว่ของพวกเรายังเด็กไม่เห็นเ้าจะดูแลเอาใจใส่เช่นนี้เลย" ไท่ไท่รองไม่มีทางที่จะเรียนรู้การใช้คำพูดอย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
หรงเยว่แค่นเสียงเยาะ แล้วเอ่ยว่า "ข้าไม่้าให้ผู้อื่นดูแล ข้าไม่ใช่กระต่ายอ้วนตัวน้อยสักหน่อย"
เฉียวเยว่หันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้หรงเยว่ "เห็นพี่หญิงสาวผอมแห้ง ช่างน่าสงสารยิ่ง ท่านป้าสะใภ้รอง ท่านอย่าห่วงแต่กินของตะเองคนเดียว อย่างไรเสียก็ต้องให้พี่หญิงสามกินของอร่อยบ้าง พี่หญิงสามที่น่าสงสารของข้าอดจนผอมโซหมดแล้ว"
หรงเยว่ตวาดออกไป "ข้าชอบหุ่นเพรียวบาง ใครจะเหมือนเ้าที่ยินดีเป็กระต่ายอ้วนตัวน้อย อีกอย่างนะ เ้าเด็กโง่ที่พูดไม่ชัด ตนเอง ไม่ใช่ตะเอง"
เฉียวเยว่ทำตาปริบๆ "พี่หญิงสาม ท่านอย่ามาเฉไฉหน่อยเลย ข้ารู้หรอก ท่านมาเรือนของข้า เพราะข้าให้ท่านกินของอร่อย ข้าแอบซุกของอร่อยไว้เยอะ"
นางไม่ทันระวังพลั้งเปิดเผยความลับของตนเองออกไปแล้ว นางรีบปิดปาก มองซ้ายมองขวา ถามอย่างระมัดระวัง "พวกท่านไม่มีใครได้ยินใช่หรือไม่?"
หรงเยว่ยิ้มเยาะ "ข้าจะฟ้องอาสะใภ้สาม"
พูดถึงไท่ไท่สามที่ยังไม่มา ไท่ไท่รองก็จับจุดได้เอ่ยออกมาทันควัน "น้องสะใภ้สามนี่ก็จริงๆ เลย เวลานี้แล้วยังไม่มา หรือว่า..."
ไม่ทันกล่าวจบ ก็ถูกฮูหยินผู้เฒ่ากลอกตาใส่ "นางมาแต่เช้าตรู่แล้ว มารายงานข้าว่าวันนี้เรือนของซานหลางมีแขก"
เฉียวเยว่คะเนว่าต้องเป็ชายหนุ่มที่ดูมีสง่าราศีเมื่อครู่นี้
นางเอ่ยขึ้นทันที "ข้าพบเขาแล้ว เป็พี่ชายคนหนึ่ง"
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวอย่างอ่อนโยน "เ้าควรเรียกท่านอา"
ฉีฮันร้องบอกว่า "เขาไม่ชอบให้ผู้อื่นเรียนท่านอา เฉียวเฉียวยังหลอกป้อยอเขาด้วยว่าเขา..."
เฉียวเยว่รีบปิดปากน้องชายทันควัน ก่อนหัวเราะแหะๆ "ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น"
"เสแสร้งมารยา"
ซูชิงเยว่โตกว่าเฉียวเยว่ครึ่งปี เป็บุตรอนุของชิงอี๋เหนียงเรือนสอง ทั้งที่อายุพอๆ กัน แต่เฉียวเยว่กลับมีแต่คนชอบ ชิงเยว่ถูกไท่ไท่รองกับชิงอี๋เหนียงพูดกรอกหูจนนับวันก็ยิ่งไม่ชอบเฉียวเยว่
เฉียวเยว่มองไปที่นาง แต่ก็ไม่สนใจ เพียงแค่กล่าวลอยๆ ว่า "ตนเองเป็เช่นไร ก็มักคิดว่าผู้อื่นเป็เช่นนั้น "
ชิงเยว่มักรู้สึกว่าตนเองไม่เป็ที่โปรดปราน ซ้ำยังถูกเอาไปเปรียบกับเฉียวเยว่ทุกเื่ เดิมทีก็ไม่ชอบนางอยู่แล้ว ตอนนี้เห็นนางพูดถึงตนเองเช่นนี้ ก็ขอบตาแดง "เ้ามีสิทธิ์อะไรมาว่าข้าเช่นนี้"
"เฉียวเยว่รู้สึกขบขัน ทีตนเองว่าคนอื่นได้ ผู้อื่นตอบโต้นิดเดียวก็ไม่ได้เลยหรือ?
เฉียวเยว่ไม่รู้สึกว่าเป็เื่ที่เข้าท่า
นางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "คำกล่าวนี้ไร้เหตุผลอย่างยิ่ง เ้าว่าข้าก่อน ข้าเถียงกลับไม่ได้เลยหรือ? ดูเอาเถอะ คนเราเดี๋ยวนี้มักเข้มงวดกับผู้อื่น แต่หละหลวมกับตนเอง พี่หญิงหกไม่สมควรทำตนเช่นนี้"
หรงเยว่หัวเราะเยาะ "คนบางคนชอบทำตัวน่าสงสาร เสี่ยวชีอย่าไปเอาเหตุผลกับคนน่ารำคาญเช่นนี้เลย"
แม้ว่าหรงเยว่จะเกิดในเรือนสอง แต่นางไม่รังเกียจเรือนสาม แม้ว่าจะมีจิกกัดกับเฉียวเยว่เป็ประจำ แต่เมื่อถึงเวลาสำคัญนางมักเข้าข้างกระต่ายอ้วนตัวน้อยเสมอ
ในความเห็นของนาง ชิงอี๋เหนียงกับชิงเยว่ที่มาแย่งบิดาของนางไป กับเฉี่ยวเยว่จอมเสแสร้งกับพี่ชายเฟิงอันที่แสนจะจอมปลอม คนเหล่านี้ต่างหากที่น่ารังเกียจยิ่งกว่าน่ารังเกียจ
"คนชั้นต่ำบางคนทั้งที่ตนเองไม่อาจเชิดหน้าชูตา ยังนึกว่าตนเองเป็หงส์ตกลงมาจากฟ้า น่าหัวเราะให้ฟันร่วง" หรงเยว่ไม่มีสิ่งไหนเหมือนไท่ไท่รอง ยกเว้นแต่ความปากร้ายที่ถอดแบบกันมา
เสี่ยวเยว่มองหรงเยว่ด้วยดวงตาเป็ประกาย สองมือประกบเข้าหากัน "ข้ารู้พี่หญิงหรงเยว่ชอบข้ารักข้าที่สุด ข้าดีใจมาก"
หรงเยว่เกือบสะดุดลมหายใจของตนเอง นางเด็กน่าตายคนนี้พาวนมาถึงเื่นี้ได้อย่างไร
"ใครชอบเ้ากัน"
เฉียวเยว่หัวเราะฮี่ๆ "เป็ท่าน เป็ท่าน เป็ท่านไงล่ะ ท่านชอบข้า"
นางกางแขนสองข้างเอ่ยว่า "มามะ มาให้ข้ากอดที"
หรงเยว่หน้าดำเมี่ยม "น่ารำคาญ เ้ากระต่ายอ้วน"
เฉียวเยว่หัวเราะเอิ๊กอ๊าก "นี่เป็ชื่อเรียกแสดงความรักของท่านหรือ?"
ซูเจี้ยนอันอมยิ้มมองน้องสาวคนเล็ก รู้สึกว่านางเฉลียวฉลาดอย่างหาเหตุผลไม่ได้จริงๆ หากนางไม่พาออกนอกเื่ เกรงว่าท่านย่าต้องลงโทษหรงเยว่แน่ๆ อย่าว่ากระไรเลย เพียงแค่สตรีคนหนึ่งเอ่ยถ้อยคำหยาบคายเหยียดหยันผู้อื่น ท่านย่าก็ไม่พอใจแล้ว เคราะห์ดีที่เฉียวเยว่ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉียวเยว่จับปลาในน้ำขุ่น [2] หากเป็เพียงครั้งเดียวยังอาจบอกว่าเป็ความบังเอิญ แต่หลายครั้งเช่นนี้ เขาไม่คิดว่าเป็เื่บังเอิญแล้ว
แม่หนูน้อยคนนี้ฉลาดปราดเปรื่องจริงๆ
เขาประสานมือทำความเคารพ เอ่ยว่า "ท่านย่า ได้ยินว่าจ้าวอ๋องเป็แขกอยู่เรือนสาม หลานได้ยินมาว่าจ้าวอ๋องท่องเที่ยวไปทั่วใต้หล้า มีความรู้มากมาย โบราณว่าไว้อ่านตำราหมื่นม้วนมิสู้เดินทางหมื่นลี้ หลานอยากไปกราบคารวะ ขอศึกษาด้วยขอรับ"
หลายชายใฝ่ศึกษาเป็สิ่งที่ดี ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า "ไปเถอะ ยายหนูอิ้งเยว่ก็มาคารวะั้แ่ข้ายังไม่ตื่น บอกว่าวันนี้ไม่มางานเลี้ยงแล้ว จะขอไปศึกษากับจ้าวอ๋อง เด็กอย่างพวกเ้ามีความตั้งใจเช่นนี้ ข้ารู้สึกปลาบปลื้มยิ่งนัก"
ซูเจี้ยนอันเอ่ย "หลานไม่ได้หนึ่งส่วนของน้องอิ้งเยว่หรอกขอรับ"
เฉียวเยว่พูดเสียงใส "พี่สาวข้าเป็คนใฝ่ศึกษา!" พลางทำสีหน้าภาคภูมิใจ รู้สึกมีเกียรติอย่างยิ่ง
ยังกล่าวเสริมอีกว่า "ต่อไปข้าก็จะไม่แพ้นาง"
...
[1] เค่อ เป็หน่วยนับเวลาของจีน หนึ่งเค่อ เทียบเท่ากับสิบห้านาทีโดยประมาณตามเวลาสากล
[2] จับปลาในน้ำขุ่น หมายถึงฉวยโอกาสตักตวงผลประโยชน์จากสถานการณ์ชุลมุนวุ่นวาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้