“เสี่ยวหลาน เมื่อกี้ใครมาหาเธอหรือ”
เซี่ยเสี่ยวหลานช่างเป็คนที่น่าประหลาดใจจริงๆ ทั้งที่ไม่ใช่คนปักกิ่ง แต่มักมีคนมาหาที่มหาวิทยาลัยอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อครู่จี้หย่ายืนรออยู่หน้าห้องเรียน เพื่อนหลายคนจึงเห็นเข้า ซูจิ้งเองก็อยากรู้อยากเห็นเช่นกัน
“อย่าพูดถึงเธอเลย แค่คนพิลึกคนหนึ่งเท่านั้น”
เซี่ยเสี่ยวหลานเดินเข้ามาในห้อง 305
“หนิงเสวี่ยกลับมาหรือยัง”
“ยังไม่เห็นอาเสวี่ยเลยนะ”
“ไปห้องสมุดแล้วล่ะมั้ง...”
เมื่อครู่เด็กคณะสถาปัตยกรรมเข้าเรียนพร้อมกัน แม่ของจี้เจียงหยวนเด่นสะดุดตาขนาดนั้น เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เชื่อว่าหนิงเสวี่ยจะมองไม่เห็น หนิงเสวี่ยสนิทกับครอบครัวของจี้เจียงหยวน จี้หย่าอยากสืบเื่ของเซี่ยเสี่ยวหลาน เซี่ยเสี่ยวหลานก็อยากสืบประวัติความเป็มาของคนบ้าคนนี้เช่นกัน ดังนั้นถามหนิงเสวี่ยคงจะดีที่สุด แม้แม่ของจี้เจียงหยวนจะเห็นหนิงเสวี่ยเป็ว่าที่ลูกสะใภ้แน่นอนแล้ว แต่เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกได้ว่า หนิงเสวี่ยไม่เห็นด้วยกับวิธีการของแม่จี้เจียงหยวนในวันนี้แม้แต่น้อย
ถ้าหนิงเสวี่ยเป็พวกหึงไม่เข้าเื่ จี้เจียงหยวนคงไม่เรียกเธอว่า ‘อัจฉริยะ’
เซี่ยเสี่ยวหลานอยากรู้ความคิดเห็นของหนิงเสวี่ย
เธอไม่อยากสนใจคนน่าเบื่ออย่างแม่ของจี้เจียงหยวน แต่หลังผ่านเื่ของติงอ้ายเจินมาแล้วนั้น ประสบการณ์ที่เกือบเอาตัวไม่รอดทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานรู้จักระมัดระวังตัวมากขึ้น เธอไม่ควรประเมินพลังทำลายล้างของคุณแม่วัยกลางคนต่ำเกินไป โดยเฉพาะตอนที่อีกฝ่ายคิดว่าเธอ้า ‘ยั่วยวน’ ลูกชายของตนเอง อีกทั้งผู้หญิงคนนี้แค่สะกิดก็พร้อมเป็บ้าได้ทุกเมื่อน่ะสิ
ต่อให้เซี่ยเสี่ยวหลานต้องนั่งเฝ้า เธอก็จะรอจนกว่าจะได้เจอหนิงเสวี่ย
ตกกลางคืนหนิงเสวี่ยกลับมาที่หอพัก พอเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานก็รู้ทันทีว่ามีธุระอะไร
“ที่เดิม?”
เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้ารับ “ที่เดิม!”
ที่เดิมก็คือที่สนามกีฬาฝั่งตะวันตกของมหาวิทยาลัย แม้อากาศข้างนอกหนาวแค่ไหนก็ต้องคุยกันให้รู้เื่
วันนี้หนิงเสวี่ยเองก็เห็นจี้หย่าเช่นกัน
ตอนแรกเธอนึกว่าจี้หย่ามาหาตน แม้เมื่อวานพวกเธอจะเพิ่งไปทานข้าวด้วยกันมา แต่คุณน้าจี้อาจจะมาเยี่ยมเยียนจี้เจียงหยวนและแวะมาหาเธอก็เป็ได้
คนเ็าอย่างหนิงเสวี่ยย่อมรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ
แต่ใครจะคาดคิดว่าจี้หย่ากลับมาหาเซี่ยเสี่ยวหลาน
คนฉลาดอย่างหนิงเสวี่ยนึกถึงสิ่งที่จี้หย่าถามเมื่อวานขึ้นมาทันที
เธอไม่ได้พูดชื่อของเซี่ยเสี่ยวหลานสักคำ เช่นนั้นคุณน้าจี้รู้ได้อย่างไร?
หรือว่าจี้เจียงหยวนพูดอะไรออกไป?
หนิงเสวี่ยไม่อยากข้องเกี่ยวกับเื่ไร้สาระพวกนี้ ดังนั้นเมื่อเห็นจี้หย่ามาหาเซี่ยเสี่ยวหลาน เธอจึงเดินจากไปทันที
ตอนนี้พอเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานนั่งคอยอยู่ในห้อง 305 แล้ว ดูท่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะคุยกับคุณน้าจี้ไม่ค่อยรื่นรมย์สักเท่าไร จี้หย่าเป็คนรักความสมบูรณ์แบบ เมื่อเป็เช่นนั้นหนิงเสวี่ยจึงรู้สึกเข้ากันกับเธอได้เป็อย่างดี ทว่าคนอื่นอาจจะยอมรับความจู้จี้จุกจิกของจี้หย่าไม่ได้
หนิงเสวี่ยและเซี่ยเสี่ยวหลานเดินมาที่สนามกีฬา
“วัยหนุ่มสาวผ่านไปอย่างรวดเร็ว ่เวลานี้เป็่ที่ความทรงจำและความสามารถในการสร้างสรรค์ของมนุษย์อยู่ในระดับสูงสุด... หากพวกเราเสียเวลาคุยเื่ไร้สาระพวกนี้คงไม่คุ้มค่า ฉันขอพูดสั้นๆ เลยแล้วกัน วันนี้คุณน้าจี้มาคุยอะไรกับเธอใช่หรือเปล่า และเธอก็มีคำถามค้างคาใจที่้าถามฉันใช่ไหม”
“ฉันกับคุณจี้คุยกันไม่ถูกคอเท่าไร แต่ฉันอยากรู้แค่เื่เดียวคือ ถ้าฉันทำให้คุณนายท่านนั้นไม่พอใจขึ้นมา คุณนายจี้คนนั้นเก่งพอที่จะทำให้ฉันเดือดร้อนได้ไหม ฉันหมายถึงเื่ยุ่งยากต่างๆ เช่นเื่เรียนหรือเื่ในชีวิตประจำวันน่ะ”
หนิงเสวี่ยใช้สายตาแปลกประหลาดมองเซี่ยเสี่ยวหลาน “บางครั้งฉันก็ไม่แน่ใจว่าเธอโง่จริงหรือแค่แกล้งโง่กันแน่ ดูท่าเธอจะไม่รู้จักจี้เจียงหยวนเลยสินะ คุณตาจี้เคยเป็หนึ่งในผู้ผลักดันการปฏิรูปการศึกษา ทว่าตอนนี้ท่านสุขภาพไม่แข็งแรงจึงไม่ค่อยปรากฎตัวต่อสาธารณชน... ด้วยธรรมเนียมปฏิบัติของตระกูลจี้แล้ว คุณน้าจี้จะมาหาเื่นักศึกษาคนหนึ่งอย่างเธอไปทำไม ดังนั้นเธอสามารถเรียนหนังสือและใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ”
เซี่ยเสี่ยวหลานเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
สิ่งที่หนิงเสวี่ยพูด แน่นอนว่าเธอเชื่อ
แต่หนิงเสวี่ยวิจารณ์ตระกูลจี้จากมุมมองของคนที่มีสัมพันธ์อันดีต่อกันน่ะสิ
เมื่อครู่เซี่ยเสี่ยวหลานเพิ่งรู้ซึ้งถึง ‘ธรรมเนียม’ ของตระกูลจี้มาหมาดๆ เื่อื่นนั้นไม่เท่าไร แต่ครอบครัวของผู้มีการศึกษาคงไม่มีใครวิ่งมาข่มขู่ฝ่ายหญิงทั้งที่ยังไม่รู้ข้อเท็จจริงแบบนี้ เมื่อเทียบกับตระกูลโจวของโจวเฉิงแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานเชื่อว่า ก่อนโจวเฉิงจะพาตนไปที่บ้านตระกูลโจว คนตระกูลโจวคงรู้จักเธอกันหมดแล้ว เธอกับเขาประกาศว่าเป็คนรักกัน แต่ก็ไม่เห็นผู้ใหญ่ในตระกูลโจวคนไหนวิ่งมาหาเธอถึงที่ และบอกว่าเธอไม่คู่ควรที่จะได้แต่งงานเข้าตระกูลโจวเลยสักคน!
“ฉันเชื่อในตระกูลจี้ แต่คุณจี้ทำอะไรบ้างนั้น ฉันกล่อมตัวเองให้เชื่อได้ยากเหลือเกินว่าเธอจะเคารพธรรมเนียมของตระกูล หนิงเสวี่ย ขอบคุณที่คลายความสงสัยให้ฉัน”
หนิงเสวี่ยพูดก็เหมือนไม่ได้พูด
เซี่ยเสี่ยวหลานควรไปหาจี้เจียงหยวนถึงจะถูก
ทว่าพอเธอไปหาจี้เจียงหยวน ก็พบว่าจี้เจียงหยวนขอลาหยุด
—--------------------------------------------
อายุขัยของผู้เฒ่าตระกูลจี้เข้าสู่การนับถอยหลังแล้ว
จุดนี้คนตระกูลจี้ล้วนรู้ดีอยู่แก่ใจ
ไม่ใช่เพราะอาการป่วย แต่เป็เพราะอายุที่มากขึ้นทำให้อวัยวะต่างๆ เสื่อมสภาพ ต้องใช้ยาหลายแขนงในการพยุงชีวิตเอาไว้ บางครั้งจี้เจียงหยวนก็รู้สึกว่า คุณตาของเขาเป็แบบนี้ช่างทรมานยิ่งนัก แต่คนตระกูลจี้ต่างก็อยากให้คุณตาอยู่ต่ออีกหลายๆ ปี เนื่องจากความกตัญญูที่ฝังลึกเข้ากระดูกดำ คงไม่มีใครทำใจปล่อยพ่อของตนจากไปต่อหน้าต่อตาอย่างแน่นอน หากมีวิธีที่สามารถยื้อชีวิตได้ก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อเหนี่ยวรั้งเอาไว้ ใช่ว่าตระกูลจี้จะไม่มีทุนทรัพย์มากพอนี่นา
เกิดแก่เจ็บตายเมื่อไม่อาจปล่อยให้เป็ไปตามธรรมชาติ ร่างกายของผู้เฒ่าแห่งตระกูลจี้จึงเต็มไปด้วยท่อต่างๆ อาศัยเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อพยุงชีวิตให้คงอยู่ต่อไป
อีกทั้งเขาเองก็ยังปล่อยวางเื่ความเป็ตายไม่ได้
มนุษย์เรามักมีห่วงอยู่หลายเื่ คุณตาจี้ยังไม่ทันเห็นลูกสาวมีที่พึ่งให้ฝากฝังชีวิตที่เหลือ แล้วเขาจะตายตาหลับได้อย่างไร
ในบรรดาลูกๆ ของเขา คนที่เขาห่วงมากที่สุดย่อมเป็จี้หย่า
เพราะจี้หย่ามีชีวิตแต่งงานที่ล้มเหลว รวมไปถึง ‘อาการป่วย’ ของเธอ อาการป่วยของจี้หย่าเป็เื่ต้องห้ามของตระกูลจี้ ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะผลพวงอันปั่นป่วนของยุคสมัย คุณตาจี้สามารถวางแผนพัฒนาการศึกษาได้มากมาย แต่กลับไม่มีพบวิธีรักษา ‘โรค’ ของจี้หย่าเลยสักวิธี
เมื่อคืนอาการของคุณตาจี้วิกฤตจนต้องกู้ชีพอีกครั้ง จี้เจียงหยวนจึงขอลาหยุดมาเฝ้าที่โรงพยาบาล
คุณตาจี้ใส่หน้ากากออกซิเจน หายใจอย่างลำบาก “...แม่ของหลานล่ะ”
จี้เจียงหยวนคุกเข่าอยู่ข้างเตียงคุณตา “แฟนชาวอเมริกันของแม่ คุณตาคงรู้จักใช่ไหมครับ คุณอาจอร์จน่ะครับ วันนี้เขาจะเดินทางมาถึงประเทศจีน แม่เลยไปรับเขา เพราะแม่อยากพาคุณอาจอร์จมาพบคุณตาครับ”
เสียงหอบหายใจของคุณตาจี้ดังจนน่าใจหาย
ชีวิตในแต่ละวันของเขาผ่านไปอย่างทรมาน ทว่าคำพูดของจี้เจียงหยวนทำให้เขารู้สึกปลื้มใจยิ่งนัก
เริ่มแรกตระกูลจี้อยากให้จี้หย่าหาสามีเป็ชาวจีน แต่จี้หย่ากลับไม่ยอมแต่งงานอีกครั้ง ตระกูลจี้จึงลดเงื่อนไขลง อีกฝ่ายจะเป็คนชาติไหนก็ได้ ขอเพียงผู้ชายคนนั้นดีกับจี้หย่าและยอมรับจี้เจียงหยวนได้ก็พอ
มือผอมแห้งของคุณตาจี้จับมือจี้เจียงหยวนแน่น
“แม่ของหลานลำบากมามาก...ต่อไปหลานจะต้องกตัญญูกับเธอ...”
จี้เจียงหยวนพยักหน้า เขารับรู้ได้ว่าคุณตาจี้คงอยู่ได้อีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่ต้องทำให้ท่านจากไปพร้อมกับความไม่สบายใจ
คุณตาจี้ประคองสติได้เพียงไม่นาน เขาพูดแค่ไม่กี่ประโยคก็หมดสติไปอีกครั้ง จี้เจียงหยวนรอจนกระทั่งถึง่เย็น พวกคุณลุงคุณป้ามากันพร้อมหน้าหมดแล้ว จี้หย่าคือผู้ที่มาถึงช้าที่สุด ด้านหลังเธอมีชาวอเมริกันผมสีน้ำตาลเดินตามมาด้วย นั่นก็คือจอร์จแฟนหนุ่มของจี้หย่าคุณตาจี้ได้สติขึ้นมาพอดี
อาจเพราะลูกหลานมากันพร้อมหน้าแล้ว หรือไม่ก็เพราะได้เห็น ‘ที่พึ่ง’ ของจี้หย่าเสียที คุณตาจี้จึงจากไปอย่างสงบ
ก่อนสิ้นลม ท่านเรียกให้จี้เจียงหยวนและคุณลุงของจี้เจียงหยวนเข้ามาใกล้ตัว “พ่อครับ เจียงหยวนจะเป็คนตระกูลจี้ของพวกเราตลอดไป”
หลังได้ยินประโยคนี้ คุณตาจี้ก็หลับตาลงอย่างสงบ ห้องผู้ป่วยเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ระงม จี้หย่ายืนนิ่งอึ้ง จอร์จกอดเธอแน่น จี้หย่ารู้สึกหูอื้อไปหมด จอร์จอ้าปากพูดบางอย่าง ทว่าเธอไม่ได้ยินแม้แต่คำเดียว
เธอไม่โศกเศร้าหรือ?
แน่นอนว่าเธอเศร้า!
ความโศกเศร้าของเธอระอุอยู่ในทรวงอก และ้าที่จะปลดปล่อยโดยด่วน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้