บทที่ 19 มู่หรงซิน
มีร่างสามร่างเดินเข้ามาอย่างช้าๆ จากไกลๆ ชายสองหญิงหนึ่ง ทุกคนสวมชุดอย่างดี
ในหมู่พวกเขา ชายหนุ่มทั้งสองสวมเข็มขัดหยกรอบเอวและเสื้อคลุมสีทอง พวกเขาเดินอย่างอาจหาญ ดูสง่างามและหล่อเหลา
ชายคนหนึ่งถือคันธนูยาวกระดูกเหล็กด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้เป็คนที่เกือบจะยิงฉู่อวิ๋นตายเมื่อครู่
ด้านหลังชายทั้งสองก็มีหญิงสาวสวยคนหนึ่งด้วย
หญิงสาวผู้นี้มีคิ้วโก่งและริมฝีปากสีสดละเอียดอ่อน แลดูบอบบางและน่ารักมาก สวมชุดผู้หญิงรัดรูป ดูกล้าหาญ
แม้แต่ฉู่อวิ๋นที่มองดูก็อดชื่นชมในใจไม่ได้ ความงามของหญิงสาวตรงหน้าทัดเทียมได้กับฉู่เฟย
ทว่าเมื่อเทียบกับฉู่ซินเหยาแล้ว นางดูซีดเซียวกว่าหน่อย
ชายหนุ่มสองคนเดินเข้ามาก่อน
ฉู่อวิ๋นมองไปยังชายที่ถือธนู ใบหน้าของเขาเ็าเล็กน้อย เขายืนอยู่ข้างดอกปี้หลิงโดยไม่ยอมให้เข้าใกล้แม้แต่ชุ่น[1]เดียว
ในเวลานี้ ชายอีกคนเอ่ยล้อคนที่ถือคันธนูว่า "ไม่คิดว่าคุณชายมู่หรงผู้มีฝีมือยิงธนูเหนือสามัญ กลับมีวันที่ยิงพลาดเป้าได้"
“เชอะ! เ้านั่นก็แค่โชคดี” คุณชายมู่หรงเลิกคิ้วอย่างไม่พอใจ จากนั้นก็เดินเข้าไปหาฉู่อวิ๋นแล้วพูดว่า “นี่ เ้ามองอะไรอยู่! สมุนไพรต้นนี้เป็ของข้าแล้ว อย่าคิดจะเอาไปเชียว ไปเสีย!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่อวิ๋นก็รู้สึกขำ ดอกปี้หลิงนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและไร้ซึ่งเ้าของ ทว่าคนๆ นี้กลับอ้างตัวว่าเป็เ้าของเสียได้ ช่างหยิ่งผยองและไร้เหตุผลเสียจริง
“สมุนไพรต้นนี้มีชื่อของเ้าเขียนไว้หรือ? หรือเ้าอาศัยอยู่ในป่าสนธยามาั้แ่เด็กแล้วนี่ก็คือสมุนไพรที่เ้าปลูก?” ฉู่อวิ๋นมองตรงไปที่คุณชายมู่หรงอย่างไม่ยอมแพ้
ใบหน้าของคุณชายมู่หรงเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจเริ่มฉายชัดในแววตาของเขา "ฮ่าๆ! เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็ใคร? ดูจากรูปร่างเ้าแล้วก็น่าจะเป็คนในเมืองไป๋หยาง ข้าชื่อมู่หรงเหิง ท่านเ้าเมืองคือบิดาของข้าเอง ไม่รู้จักหรืออย่างไร?”
ฉู่อวิ๋นหัวเราะ "เ้าเมืองคือบิดาเ้า แล้วเกี่ยวอันใดกับดอกปี้หลิงดอกนี้? วัตถุดิบยาทั้งหมดในโลกนี้สลักชื่อตระกูลมู่หลงของเ้าไว้หรือ? แต่ดอกปี้หลิงดอกนี้ข้าดูแล้วก็ไม่มีสองคำนั้นติดอยู่นะ”
“เ้า...เ้า! รนหาที่ตาย!”
มู่หรงเหิงโกรธมาก เตรียมยกธนูเหล็กขึ้นเพื่อโจมตีฉู่อวิ๋นอีกครั้ง
ยามนี้ ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ เขาครุ่นคิด ก่อนจะหยุดเขาแล้วพูดว่า "นี่ คุณชายมู่หรง อดทนหน่อยเถอะ ข้าจำชายผู้นี้ได้ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็ดาวหายนะเมืองไป๋หยางของเรา เป็สมาชิกที่เหลืออยู่ของตระกูลรองฉู่"
“โอ้? นั่นคือเ้าอัปมงคลหรอกหรือ?” สีหน้าของมู่หรงเหิงเปลี่ยนไป เขาค่อยๆ วางคันธนูเหล็กลง และมองดูฉู่อวิ๋นอย่างสนใจ
ชายอีกคนหนึ่งกวาดตามองฉู่อวิ๋นทั่วร่าง แสดงรอยยิ้มอย่างสุภาพแล้วเอ่ยว่า "ท่านนี้ย่อมต้องเป็ฉู่อวิ๋นแล้วแน่ ข้าคือหลินหล่าง นายน้อยตระกูลหลินเมืองไป่หยาง เราพบดอกปี้หลิงนี้อยู่ก่อนแล้ว หวังว่าเ้าจะยอมมอบมันให้กับพวกเรา”
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่สดใสของหลินหล่าง ฉู่อวิ๋นก็รู้สึกคลื่นเหียน
เขาเคยปลุกิญญายุทธ์พิการมาก่อน เคยถูกผู้อื่นเยาะเย้ยและดูิ่มานาน จึงไวต่อพฤติกรรมของผู้คนเป็พิเศษ มองแวบเดียวก็รู้ว่าหลินหล่างผู้นี้เป็เพียงคนเสแสร้งกลับกลอกเท่านั้น
ดูเหมือนว่าเขาแค่อยากจะอวดตนต่อหน้าหญิงงามที่อยู่ไม่ไกลนางนั้น
ฉู่อวิ๋นยกยิ้มเบาๆ แต่ก็ยังไม่คิดจะไปไหนและพูดกับหลินหล่าง "ข้าเฝ้าดูดอกปี้หลิงอยู่ที่นี่มาระยะหนึ่งแล้ว เ้าบอกว่าเห็นมันก่อน หรือว่าพวกเ้ามีญาณทิพย์สามารถเห็นดอกไม้ดอกเล็กเช่นนี้ได้จากร้อยลี้?”
หลินหล่างเลิกคิ้ว รอยยิ้มของเขาผ่อนลงเล็กน้อย แต่ยังคงแสร้งทำเป็อ่อนโยนและเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า "ฮ่าๆ เ้านี่ดื้อรั้นจริงๆ แต่ยื้อยุดต่อไปก็ไร้ประโยชน์ ไม่สู้เราทำเื่ใหญ่ให้เล็กลง เื่เล็กน้อยแค่นี้ "
“นี่คือหนึ่งหมื่นเหรียญทอง เป็เงินทั้งหมดที่ข้านำติดตัวมา เ้ารับมันไป ถือเสียว่าขายบุญคุณให้ข้าหลินหล่าง แล้วมอบดอกปี้หลิงนี้ให้พวกเรา คุณชายมู่หรงก็จะไม่รังควานต่ออีก"
หลินหล่างหยิบถุงเหรียญทองหนักๆ ออกมาจากแขนเสื้อของเขาแล้วยื่นให้ฉู่อวิ๋นด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจต่อกรได้
หลังจากมองไปที่ถุงเหรียญทองแล้ว ฉู่อวิ๋นก็ไม่ยอมรับมันด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม
เ้าหลินหล่างเศรษฐีใช้เงินมือเติบผู้นี้ คง้าซื้อดอกปี้หลิงนี้เพื่ออวดตนต่อหน้าสาวงามกระมัง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ฉู่อวิ๋นก็ไม่ยอมรับเหรียญทอง
เขาต้องเอาดอกปี้หลิงไปให้ได้ สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการกลั่นยาเม็ดหิมะและสภาพร่างกายของพี่สาวของเขา ฉู่ซินเหยา เขาจะยอมถอยเพื่อเงินเพียงหนึ่งหมื่นเหรียญทองนี้ได้อย่างไร?
“ต้องขอโทษด้วย ข้าเห็นดอกปี้หลิงนี้ก่อน และ้ามันมาก เ้าเก็บถุงเหรียญทองกลับไปเถอะ” ฉู่อวิ๋นกล่าวอย่างสงบ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มอันอ่อนโยนของหลินหล่างก็หายไป ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว "ข้าแนะนำให้เ้าคิดใหม่อีกครั้ง อย่าหาเื่ให้ตนเองเดือดร้อน ดอกปี้หลิงนี้ไม่ใช่ว่าใครจะอยากได้ก็ได้..."
ถัดจากเขา มู่หรงเหิงซึ่งเอาแต่ยิ้มเยาะ เขาชูคันธนูเหล็กขึ้นมาและจ้องมองที่ฉู่อวิ๋นไม่คลาดสายตาราวกับกำลังมองเหยื่อ
ฉู่อวิ๋นมองกลับไป เขาไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา เพียงแค่กระชับด้ามกระบี่แน่นขึ้น ทำให้บรรยากาศดูเยือกเย็น กระบี่ส่งกลิ่นอายตึงเครียด เจตนาฆ่าก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“หึ เ้าเป็แค่ตัวอัปมงคลของตระกูลฉู่ที่ไม่รู้ว่าอันใดควรหรือไม่ควร หากอยากฆ่าเ้าก็ง่ายเพียงนิด!”
ทันใดนั้น ใบหน้าของมู่หรงเหิงก็โกรธจัด เขารีบหยิบลูกศรขนนกออกมาแล้ววางลงบนคันธนูเหล็ก ยกแขนขึ้นแล้วง้างสายธนู ทำให้ดูเหมือนพระจันทร์เต็มดวง
“ฟิ้ว——”
ลูกศรขนนกพุ่งออกมาจากอากาศราวกับเงาสายฟ้า และตรงไปยังฉู่อวิ๋น!
"หึ! ยังคงคิดสังหารจริงๆ ด้วย!"
ฉู่อวิ๋นเตรียมพร้อมสำหรับเื่นี้แล้ว ขณะที่ลูกศรยิงมาถึง เขาก็คว้าด้ามกระบี่ไว้แล้ว เมื่อััได้ถึงความคมของลูกศร เขาก็ยกกระบี่ขึ้นใช้ดาราจรัสแสงทันที กระบี่เศวตรรุ้งวาบผ่านเหมือนดาวตกไล่ตามดวงจันทร์ ปรากฏแสงสีม่วงเย็นตา
"ควั่บ--"
คมกระบี่พุ่งออกมาจากอากาศ ทันเวลาที่จะปะทะเข้ากับลูกศรขนนกได้ เศษชิ้นส่วนจำนวนนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายเต็มพื้น
เมื่อเห็นภาพตรงหน้ามู่หรงเหิงและหลินหล่างต่างก็จ้องมองอย่างไม่อยากเชื่อ
ฉู่อวิ๋นผู้นี้เป็คนไร้ประโยชน์ที่ไร้ทางฝึกฝนไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงทำลายการโจมตีของนักธนูระดับสี่สูงสุดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณได้ในกระบวนท่าเดียวได้เล่า?
ไร้สาระเกินไปแล้ว
“หรือก่อนหน้านี้ที่เขาหลบลูกศรของข้าได้จะไม่ใช่ความบังเอิญ?” มู่หรงเหิงคิดแล้วก็ตกตะลึง จากนั้นใบหน้าของเขาก็ดุดันขึ้น เขาหยุดคิดเื่นี้แล้วชักลูกศรออกมาอีกดอกหนึ่ง ง้างธนูกำลังจะยิงออกไป
"หยุด!"
ทันใดก็มีเสียงะโดังมาจากระยะไกล
มองเห็นหญิงสาวคนนั้นก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว นางจ้องมองไปที่มู่หรงเหิง จากนั้นจึงกำมือของเขาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เขายิงธนูดอกที่สอง
“น้องหญิง! เ้ากำลังทำอะไร?” มู่หรงเหิงถามด้วยความสับสน
ริมฝีปากของหญิงสาวคนนั้นเปิดออกเล็กน้อย "ข้าเผลอไปครู่เดียว เหตุใดจึงทะเลาะกันแล้วเล่า? อีกอย่าง ท่านพี่หลิน ท่านไม่ได้บอกว่าจะรีบจัดการให้เสร็จหรอกหรือ?"
ต่อให้เห็นสตรีนางนั้นพูดคุยกับทั้งสองคน ฉู่อวิ๋นก็ยังไม่เก็บกระบี่เศวตรรุ้งคืนฝัก
เขามองดูผู้หญิงคนนั้นอย่างระมัดระวังและพบว่านางท่าทางเย่อหยิ่ง เช่นเดียวกับฉู่เฟย
โดยทั่วไปแล้ว สตรีชนชั้นสูงประเภทนี้เป็คนที่รับมือได้ยากที่สุด เช่นเดียวกับฉู่เฟย นางถูกเอาอกเอาใจมาั้แ่เด็ก แต่งตัวหรูหรา ถูกอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดี จึงบ่มเพาะนิสัยหยิ่งยโสได้ง่ายนัก
บางทีผู้หญิงคนนี้อาจจะร่วมมือกับอีกสองคนเพื่อโจมตีและฆ่าเขาด้วยมือของนางเองก็ได้
ในเวลานี้ หญิงคนนั้นเหลือบมองที่ฉู่อวิ๋น ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และเดินเข้ามาหาอย่างกระตือรือร้น
“เ้าชื่อฉู่อวิ๋นใช่หรือไม่? ข้าชื่อมู่หรงซิน และสมุนไพรนี้…” เมื่อมองไปที่ดอกปี้หลิง ดวงเนตรงดงามก็ฉายแววของความปรารถนาออกมา และพูดต่อ “ข้า้าสมุนไพรนี้จริงๆ ทั้งยังจำเป็เร่งด่วน ท่านช่วย...ยกมันให้ข้าได้หรือไม่?”
หญิงสาวที่ชื่อมู่หรงซินกัดริมฝีปากของนาง ทำให้ดูน่าัันัก ใบหน้าของนางคล้ายขอร้องอ้อนวอน ดวงตางามจ้องมองตรงไปที่ฉู่อวิ๋น
เมื่อมองดูรูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์ของมู่หรงซิน ฉู่อวิ๋นใจสั่นเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่สะทกสะท้าน
“ขอโทษด้วย สมุนไพรนี้ข้าหาเจอก่อน และต้องเอามันไปให้ได้” ฉู่อวิ๋นกล่าวอย่างเ็า
“เ้า เ้า… ”
เมื่อเห็นความดื้อรั้นของฉู่อวิ๋น มู่หรงซินก็เลิกคิ้วขึ้น อมลมในปาก ใบหน้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็สีแดง
ฉู่อวิ๋นกำด้ามกระบี่และเยาะเย้ยอยู่ในใจ มาแล้ว ลูกสาวแสนสวยของเ้าเมืองกำลังจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของนางแล้ว
“ฮึ!” ใบหน้างดงามของมู่หรงซินเปลี่ยนเป็สีแดงจากการระงับโทสะ นางกระทืบเท้าปึงปัง จากนั้นก็ถอนหายใจอีกครั้ง หันกลับมาแล้วพูดกับมู่หรงเหิงและหลินหล่างว่า "ไปกันเถอะ...อาจจะมีดอกปี้หลิงอยู่ที่อื่นก็ได้ ลองหามันอีกครั้งกัน”
เห็นได้ชัดว่ามู่หรงซินก็อยากเอาเื่เช่นกัน แต่ด้วยเหตุผลบางประการ นางจึงตัดสินใจเก็บฝีไม้ลายมือ
แต่มู่หรงเหิงและหลินหล่างกลับไม่มีความสุขเท่าใดนัก
มู่หรงเหิงพูดว่า "น้องหญิง! เ้าจะไปแล้วหรือ? พวกเรามีกันสามคน ส่วนเ้านั่นตัวคนเดียว ฆ่ามันเสียแล้วยึดดอกปี้หลิงมาจะไม่ดีกว่าหรือ?"
หลินหล่างเผยรอยยิ้มอ่อนโยนอีกครั้งและพูดว่า "ใช่แล้ว น้องหญิงซิน หากเ้ารู้สึกว่าการกระทำนั้นน่าละอาย ให้ข้าทำแทนเ้าก็ได้ ดอกปี้หลิงนี้สำคัญกับเ้ามาก ข้าทนดูเฉยๆ ไม่ได้หรอก"
หลังจากพูดจบ มู่หรงเหิงและหลินหล่างก็มองไปที่ฉู่อวิ๋นด้วยดวงตาเพชรฆาตอย่างชัดเจน
“พอแล้ว! สังหารกันวิเศษนักหรือไร? ดอกปี้หลิงที่ได้มาเช่นนั้น ข้า...ข้าไม่้า!” มู่หรงซินะโเบาๆ น้ำเสียงของนางคล้ายเจือด้วยเสียงสะอื้น
“ฮะ?” ฉู่อวิ๋นสับสนเล็กน้อย เมื่อเขาสังเกตเห็นน้ำตาวาววับที่หางตาของมู่หรงซิน
แม้ว่ามู่หรงซินจะดูเป็คนอวดตนอย่างฉู่เฟย แต่นางก็ค่อนข้างมีหลักการในการกระทำ
เขามองนางผิดไปหรือ?
ในเวลานี้ เมื่อเห็นว่ามู่หรงซินกำลังร้องไห้ มู่หรงเหิงก็รีบวางคันธนูเหล็กของเขาลงและเอ่ยว่า "เฮ้อ น้องหญิง เหตุใดถึงทำเช่นนี้เล่า? ท่านแม่เรากำลังป่วยหนักลงทุกวัน หากไม่มียาจากดอกปี้หลิง ข้าเกรงว่า...เฮ้อ..."
เมื่อได้ยินดังนั้นมู่หรงซินก็จ้องไปที่มู่หรงเหิงอย่างเกรี้ยวกราดและดุว่า "ท่านจำไม่ได้หรือว่าท่านแม่สอนอะไรไว้? ความแข็งแกร่งเป็สิ่งสำคัญแต่ต้องมีหลักการในการกระทำของตนเอง การฆ่าคนและฉกชิงของไปนั้น จะต่างอะไรกับโจรขโมย?”
“ถ้าท่านแม่รู้ว่าเราปล้นมันมาเพื่อแลกกับชีวิตนาง ท่านแม่ต้องตำหนิข้าแน่ ฮือ...”
หลังจากพูดเช่นนั้น มู่หรงซินก็หลั่งน้ำตาทันที ช่างน่าสงสารนัก
เมื่อทั้งสองคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กันเห็นสิ่งนี้ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจ้องมองที่ฉู่อวิ๋นอย่างเดือดดาล จากนั้นจึงติดตามมู่หรงซินออกไป
เมื่อมองดูทั้งสามคนจากไป จิตใจของฉู่อวิ๋นก็พลุ่งพล่าน และเขาก็คิดถึงท่านแม่ของเขา แต่ดูเหมือนว่ามีเพียงฉู่ซานเหอพ่อของเขาเท่านั้นที่เคยพูดถึง
ตอนนี้ท่านพ่อหายสาบสูญ ตระกูลตกต่ำ ฉู่อวิ๋นก็รู้สึกคล้ายประสบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับมู่หรงซินเล็กน้อย
“เ้ารอเดี๋ยว บางทีข้าอาจช่วยเ้าได้” ฉู่อวิ๋นะโบอกมู่หรงซิน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มู่หรงซินก็หันกลับมาทันที น้ำตาสองสายบนหน้าของนางยังไม่หายไป แต่มีรอยยิ้มที่จริงใจบนริมฝีปากผุดขึ้นมา "เ้ายอมมอบดอกปี้หลิงให้ข้าหรือ?"
"ไม่..." ฉู่อวิ๋นส่ายหน้าและยกยิ้ม "แต่ข้าสามารถช่วยเ้าค้นหาดอกปี้หลิงได้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีมากกว่าหนึ่ง หรือบางทีเราอาจเข้าไปหาในป่าสนธยาได้?"
----------------------
[1] การนับระยะความยาวของจีน มีความยาวเท่ากับ นิ้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้