ความตั้งใจของอวี๋เคอคืออยากจะสั่งสอนซ่งฉียวนต่อหน้าสาธารณชนอีกทั้งในนิสัยส่วนตัวของเขาเองก็มีบางส่วนที่แปรปรวนค่อนข้างมากการถากถางซ่งฉียวนเช่นนี้แล้วใช้คำว่าตัวเองอารมณ์ดีและไม่ถือสามาเป็ข้ออ้างในการไว้ชีวิตเขาแบบนี้ในวันข้างหน้าคงจะมีคนนินทาเขาน้อยลงหน่อย
แต่เมื่อตัวเขาคิดอ่านได้ดีขนาดนี้แล้ว หลังจากหักกระบี่ของซ่งฉียวนในขณะที่มาหยุดยืนอยู่ข้างกายของหลิงกวง พอหันกลับไปก็เห็นว่าเด็กน้อยกำลังร้องไห้ใจสลายกอดกระบี่สองท่อนอยู่บนเวทีประลอง เมื่อได้เห็นก็เกิดอาการใ ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่ากระบี่เล่มนี้เป็เล่มเดียวกับกระบี่ที่เขามอบให้กับซ่งฉียวน!
อวี๋เคอกลืนน้ำลายลงคออย่างช่วยไม่ได้รู้สึกผิดขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย ตอนที่เขามอบกระบี่เล่มนี้ให้ซ่งฉียวนก็แค่หยิบกระบี่ที่ดูค่อนข้างเหนือชั้นออกมาจากแหวนหยกอย่างลวกๆ แล้วโยนมันให้ซ่งฉียวนเพื่อใช้ตัดฟืนให้กับเขาก็เท่านั้น...
แต่นั่นคงเป็เพราะเด็กคนนี้จิตใจมั่นคงจนเกินไปและคิดว่านี่เป็ของล้ำค่าที่เขามอบให้กับตนเอง สองปีที่ผ่านมาจึงพกไว้ไม่ห่างกายตอนนี้เมื่อนึกถึงตอนที่ซ่งฉียวนเช็ดกระบี่จนเงาวับแสบตาหลังจากฝึกกระบี่เสร็จทุกคืนแล้วช่างหวงแหนเหมือนสมบัติล้ำค่าจริงๆ
อวี๋เคอจึงหัวโตยิ่งขึ้นไปอีกเขาทนดูเด็กร้องไห้ไม่ได้เป็ที่สุดนอกจากตอนที่ซ่งฉียวนร้องไห้ในถ้ำของเฉวียงฉีแล้วหลังจากนั้นก็ไม่เคยร้องไห้อีกเลย ยามนี้เมื่อเห็นเขาน้ำตาไหลรินราวกับไม่้าสิ่งอื่นใดอีกแล้วก็รู้ได้เลยว่าเขาต้องใจสลายเป็แน่
“นายท่านเ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่นร้องไห้จนดูอัปลักษณ์ไปหมดแล้วขอรับ”
“อืม”
แม้ว่าอาจิ่วจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาแต่หลิงกวงก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน จากนั้นจึงมองไปยังอวี๋เคอที่สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลงและััได้ว่าเื่นี้คงไม่ธรรมดาอย่างที่เห็นแน่ๆเ้าเด็กอวี๋เคอผู้นี้เป็ผู้ที่มีพร์ของโลกปีศาจที่ถือกำเนิดขึ้นในทวีปผู้ฝึกตนใน่หลายร้อยปีที่ผ่านมาในเวลาเพียงไม่กี่ร้อยปี พลังบำเพ็ญเพียรก็สามารถมาอยู่ในระดับที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับตนเองได้แล้วหากฝึกฝนอย่างต่อเนื่องต่อไปอีกไม่แน่ว่าเขาอาจจะกลายเป็เทพปีศาจในาระหว่างเซียนและปีศาจเมื่อพันปีก่อนก็เป็ได้
แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะดูมีเมตตามากจนเกินไปหากเขาโเี้มากพอ เช่นนั้นเมื่อตนและเสี่ยวเหยาตามมาถึง สนามประลองของสำนักฉิงชางแห่งนี้ก็คงเต็มไปด้วยซากศพเกลื่อนกลาดไปนานแล้วและศิษย์ธรรมดาๆ เหล่านี้ก็คงจะไม่ได้แค่าเ็เพียงเล็กน้อยแบบนั้นเป็แน่ อีกทั้งเขาก็ไม่ลงมือสังหารเด็กที่มีพร์เฉิดฉายคนนั้นบนเวทีประลองอีกทำเพียงแค่หักกระบี่ไปเท่านั้นและเมื่อหันกลับมาก็ยังมีร่องรอยของความรู้สึกผิดฉายอยู่บนใบหน้าอีกมันช่างแปลกจริงๆ แปลกมากๆ
แม้จะเห็นได้อย่างชัดเจนแต่หลิงกวงก็ไม่ได้คิดจะถาม วันนี้ตนสอดมือยุ่งเื่ของเขาจนจะต้องถูกสำนักฉิงชางแห่งนี้ตามจองล้างจองผลาญต่อไปอีกจนตายแล้วต่อไปตนจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเื่ของคนผู้นี้อีกปล่อยให้เขาไปตามยถากรรมของตัวเองดีกว่าขอเพียงสามารถปกป้องอาจิ่วให้ปลอดภัยได้ก็พอแล้ว
หลังจากเสียงเก็บพัดกระทบกับฝ่ามือดังปึ้งหลิงกวงยิ้มแล้วกล่าวว่า “มู่เฟิง ในเมื่อเ้าพูดเช่นนี้แล้วข้าก็จะช่วยแก้ต่างให้เ้าสักครั้งก็แล้วกัน” จากนั้นเขาก็ถอยหลังไปโอบไหล่ชิงเหยาแล้วกล่าวต่อว่า “เสี่ยวเหยา ถอนพิษให้พวกเขาเถอะ”
ชิงเหยาพยายามดิ้นเพื่อสะบัดอุ้งมือของใครบางคนออกอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เป็ผลจึงได้แต่ยอมแพ้ ก่อนจะโบกมือหว่านออกไปแล้วผงยาสีขาวก็แพร่กระจายลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว ก่อตัวเป็เส้นบางๆ หลากหลายเส้นพุ่งเข้าไปในปากของทุกคนในสำนักฉิงชางอย่างแม่นยำเห็นได้ชัดว่าพลังในการควบคุมนั้นแม่นยำเพียงใด
“ภายในสามวันนี้ห้ามใช้วิชาและหลังจากสามวันพิษที่เหลือก็จะหายไปเองจนหมดสิ้น”
“ทุกคนได้ยินแล้วนะ ผู้เยาว์อวี๋เคออาจิ่ว ตามข้ากลับจวน” หลังจากที่หลิงกวงได้หาเศษหาเลยอย่างเบิกบานใจแล้วก็ทำเสียงเข้มะโใส่อาจิ่วกับอวี๋เคอที่อยู่ด้านหลังช่างไม่เหมือนาาเทพผู้จริงจังเอาเสียเลย
สุดท้ายอวี๋เคอก็หันกลับไปมองซ่งฉียวนที่นั่งอยู่บนลานประลองด้วยสายตาที่เหม่อลอยราวกับมีเข็มเล่มเล็กๆ ทิ่มแทงหัวใจของตนครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ได้เ็ปรุนแรงทว่ากลับรู้สึกแย่เหลือเกิน
สุดท้ายเขาก็รู้สึกผิดต่อซ่งฉียวนจนได้วันหน้าจะต้องหาทางชดเชยเขาให้ได้
จวบจนบัดนี้ ความโกลาหลเหล่านี้ก็ได้ผ่านไปแล้วแต่ศิษย์สำนักฉิงชางก็จะยังไม่ลืมท่าทางเหม่อลอยไร้สติของเด็กหนุ่มซ่งฉียวนไปอีกหลายปีคงไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของเขาที่มีต่อกระบี่เล่มนั้น
ยามนี้อวี๋เคอและคนอื่นๆ ได้จากไปไกลแล้วส่วนมู่เฟิงและอีกสองคนก็รีบเหาะลงไปบนเวทีประลอง ก่อนจะสั่งให้ชายชราอีกสองคนไปช่วยไป๋ลี่และผู้าุโขจัดพิษส่วนตนเองก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าซ่งฉียวน แล้วย่อตัวลงด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดา
คงไม่มีใครคาดคิดว่าเด็กคนนี้จะเป็คนคนนั้นใช่ไหม? คนที่... เมื่อคิดมาถึงตรงนี้มู่เฟิงก็รู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งร่าง และไม่กล้าที่จะนึกต่อ จากนั้นจึงขมวดคิ้วแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ฉียวน คำพูดที่เ้าพูดกับอวี๋เคอเมื่อครู่นั่นเป็เื่ล้อเล่นใช่หรือไม่? ”
คำพูดที่ผสานกับพลังปราณของเขาพุ่งเข้าไปในโสตประสาทของซ่งฉียวนจนในที่สุดก็ทำให้ดวงตาของอีกฝ่ายดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาหลายเท่า ดวงตาสีดำขลับค่อยๆสว่างใสขึ้น ซ่งฉียวนกอดกระบี่หักที่ไร้ปราณิญญาเอาไว้ในอ้อมกอดจนแน่นแล้วสงบสติอารมณ์ลง จากนั้นน้ำเสียงเ็าก็ตอบกลับไปว่า “นั่นไม่ใช่เื่ล้อเล่นขอรับ”
มู่เฟิงเห็นว่าเขาได้สติขึ้นมาแล้ว ก็กล่าวว่า “ไม่ใช่เื่ล้อเล่นก็ดี แต่เ้าคิดจริงๆหรือว่าตัวเองในตอนนี้จะสามารถสังหารอวี๋เคอได้? ”
มือของซ่งฉียวนที่กำกระบี่หักเอาไว้ถูกคมกระบี่กรีดจนเป็แผลเืสดๆ ไหลรินออกมาจากปลายนิ้ว แต่เขากลับไม่สนใจมันเลยแม้แต่น้อย “ตอนนี้ไม่ได้ ข้าก็จะฝึกฝนต่อให้ต้องใช้เวลาไปอีกสิบปี ยี่สิบปี สามสิบปี!มันจะต้องมีสักวันที่ทำให้เขามาตายในเงื้อมมือของข้าให้จงได้”
มู่เฟิงพยักหน้า จากนั้นแววตาก็เปลี่ยนไปสุดท้ายก็เลิกอ้อมค้อม แล้วเอ่ยถามเข้าประเด็นว่า “เช่นนั้นเ้าจะยินดีเข้าสู่ดินแดนไร้เ้าเพื่อไปฝึกฝนหรือไม่”
หร่วนสือจิ่วที่เพิ่งจะผ่อนกำลังลงก็ได้พุ่งเข้ามาหาซ่งฉียวนเมื่อได้ยินมู่เฟิงถามประโยคนี้เข้า หัวใจก็กระตุกวูบ แล้วรีบกล่าวออกไปว่า “ท่านเ้าสำนัก ทำเช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ!ฉียวนยังเด็กอยู่เลย จะให้เข้าไปในดินแดนไร้เ้าได้อย่างไร! ”
มู่เฟิงไม่ได้สนใจคำพูดของหร่วนสือจิ่วเลยแม้แต่น้อยเขามีความคิดเป็ของตัวเองและสิ่งที่มีมากกว่าก็คือความเชื่อมั่นที่มีต่อผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้เขาไม่เชื่อว่าซ่งฉียวนจะตายในดินแดนไร้เ้าได้เพราะคนนั้นที่เขารู้จักแทบจะไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้เลย
“สือจิ่ว เ้าอย่าเพิ่งพูดแทรกข้ากำลังถามฉียวนอยู่”
ซ่งฉียวนใจเย็นลงแล้วเมื่อเห็นว่าสีหน้าของหร่วนสือจิ่วดูแปลกไป จึงถามขึ้นว่า “ข้าจะได้อะไรจากการไปยังดินแดนไร้เ้าหรือขอรับ? ”
“ดินแดนไร้เ้ามีปราณิญญาอยู่มากมายหากฝึกฝนอยู่ในนั้นเป็เวลานานก็จะทำให้พลังบำเพ็ญเพียรของเ้าก้าวหน้าอย่างก้าวะโได้อย่างแน่นอนแต่ในทางตรงกันข้ามในดินแดนไร้เ้านั้นมีสัตว์อสูรที่โหดร้ายและป่าเถื่อนจำนวนนับไม่ถ้วนทั้งยังมีดินแดนลึกลับที่ทรหดอันตรายและยากจะคาดเดาอีกมากมาย ผู้ฝึกตนจำนวนมากได้เข้าสู่ดินแดนลึกลับนั้นเพื่อเสาะหาคัมภีร์วิชายุทธ์อันหายากแต่จนถึงตอนนี้กลับมีน้อยคนนักที่จะสามารถรอดชีวิตออกมาจากดินแดนไร้เ้าได้หากเ้าไม่กลัวเื่พวกนี้ข้ากับอาจารย์อาและอาจารย์ปู่ของเ้าอีกสองคนก็จะร่วมมือกันเปิดทางเพื่อส่งเ้าเข้าไป”
“ฉียวน! เ้าอย่าใจร้อนไปเลย!รออีกไม่กี่ปีค่อยไปก็ยังไม่สาย! อย่าใจร้อนเอาชีวิตไปเสี่ยงเลย! ” ซ่งฉียวนเป็ลูกชายคนเดียวของเพื่อนรักของตน การได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขาใน่ครึ่งปีมานี้แม้ว่าเขาจะไม่ได้กราบตนเป็อาจารย์แต่หร่วนสือจิ่วกลับคิดว่าเขาเป็ศิษย์ของตนเองไปตั้งนานแล้ว และถ่ายทอดวิชาที่ได้ร่ำเรียนมาทั้งชีวิตให้ไปจนหมดตอนนี้เขาจึงทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้เด็กคนนี้ไปเสี่ยงอันตรายอันใหญ่หลวงขนาดนี้!
ซ่งฉียวนลุกขึ้นยืนแล้ววางกระบี่ที่หักเอาไว้ข้างกาย เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อยและมองไปยังมู่เฟิงที่กำลังย่อตัวอยู่ “ข้าจะไปยังดินแดนไร้เ้าขอรับและในอีกห้าปีข้าจะกลับมาด้วยความแข็งแรงของตัวเองให้ได้” เมื่อกล่าวคำเหล่านี้จบ เขาก็คุกเข่าลงแล้วโค้งศีรษะให้หร่วนสือจิ่ว “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ข้าขอขอบพระคุณผู้าุโหร่วนที่คอยสั่งสอนด้วยนะขอรับฉียวนจะจดจำเอาไว้ในใจ สัญญาว่าวันหน้าจะทดแทนให้อย่างแน่นอนขอรับ”
“ดินแดนไร้เ้า? ท่านพ่อ ข้าเองก็อยากไปเช่นกัน! ” เมื่อไป๋หลิวลี่ได้ฟังบทสนทนาของพวกเขาแล้วเห็นว่าซ่งฉียวนกำลังจะจากไปก็ร้อนใจ จึงรีบขอร้องให้ไป๋ลี่พานางไปด้วย
“เหลวไหล! ลูกผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างเ้าจะไปทำอะไรกัน!” ไป๋ลี่เป็ห่วงลูกสาวสุดที่รักของเขาถึงเพียงนี้แล้วจะยอมให้นางไปเสี่ยงชีวิตได้อย่างไร? เขารู้ดีว่าดินแดนไร้เ้านั้นเป็สถานที่แบบไหนเพียงแค่้าจะเอาชีวิตรอดก็ลำบากพอตัวอยู่แล้ว หากต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นจนถึงห้าปีจริงๆก็ไม่รู้ว่าจะทำให้ผู้คนทรมานจนมีสภาพเป็เช่นไร!
“ท่านพ่อ ข้าอยากไปกับเขาข้าปล่อยให้เขาไปคนเดียวไม่ได้! ”
“บอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้!หากเ้ายังโวยวายอีก ข้าจะตีเ้าจนสลบแล้วจับขังเอาไว้หนึ่งอาทิตย์! ”
ไป๋หลิวลี่กระทืบเท้าด้วยความโมโหแต่นางรู้ว่าหากไป๋ลี่ใจแข็งไม่ยอมปล่อยให้นางไปไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่สามารถตามไปได้ เพราะแบบนี้นางถึงได้รู้สึกเศร้าที่สุดนางมีความรู้สึกดีต่อซ่งฉียวน หากคนผู้นี้ไปอยู่ที่ดินแดนไร้เ้าห้าปีจริงๆไม่แน่ว่าพอเขากลับมาก็อาจจะเข้าถึงยากไปเลย แล้วหัวใจดวงนี้ของนางจะไปหาใครมาแทนได้เล่า!
“ฉียวนนี่เป็เพลงกระบี่ที่ข้าได้ปลีกวิเวกไปสร้างขึ้นมาเองเป็เวลาร้อยปีเ้าจงเก็บเอาไว้ เมื่อถึงดินแดนไร้เ้าก็สามารถเอามาใช้ร่วมด้วยได้มันน่าจะมีประโยชน์ต่อการบำเพ็ญเพียรของเ้า” มู่เฟิงส่งหนังสือเล่มบางๆให้กับซ่งฉียวน เมื่อเห็นเขารับไป จึงส่งสายตาให้กับชายชราอีกสองคนจากนั้นทั้งสามจึงทะยานขึ้นไปกลางอากาศ แล้วชูแขนขวาชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกันก่อนจะหลับตาลง ดูเหมือนว่ากำลังค้นหาตำแหน่งของดินแดนไร้เ้าอยู่
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสามคนก็ลืมตาขึ้นมา ทันใดนั้นก็เกิดแสงเจิดจ้าสว่างวาบท่ามกลางพวกเขาพร้อมกับเสียงบึ้มที่ดังขึ้น จากนั้นผืนฟ้าก็ค่อยๆ แหวกออกเป็ช่องว่างขนาดใหญ่ ััได้ว่ามีปราณิญญาอันเข้มข้นกระจายออกมาจากในนั้นเมื่อสูดหายใจเข้าลึกๆ ก็ทำให้คนรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ภายในช่องว่างที่ถูกแหวกออกนั้นกลายเป็สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งคือพงไพรอันเขียวชอุ่มโดยบังเอิญเมื่อมองเข้าไปแบบนี้แล้วนึกว่าเป็ดินแดนมหัศจรรย์บนโลกมนุษย์ แต่คนที่มีพลังบำเพ็ญเพียรอันแก่กล้านั้นต่างรู้ดีว่าภายใต้หน้ากากอันงดงามนี้แท้จริงแล้วมันแฝงไว้ด้วยอันตรายรอบด้านอะไรบ้าง
“ฉียวนข้าให้น้ำเต้าสุราขวดนี้แก่เ้า หากมีสิ่งใดติดขัดก็ให้ดื่มสุราสักอึกในใจจะได้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง” หร่วนสือจิ่วรู้ว่าซ่งฉียวนเป็คนดื้อรั้นมากขอเพียงมีเื่ที่ตั้งใจแน่วแน่ก็จะทำมันอย่างสุดความสามารถ เมื่อถึงเวลาแบบนี้สิ่งที่คนเป็อาจารย์เพียงครึ่งเดียวผู้นี้ของเขาทำได้ก็มีเพียงแค่นี้เท่านั้น
ซ่งฉียวนรับน้ำเต้ามาและกล่าวว่า “ขอรับ ข้าจะจดจำคำพูดของผู้าุโหร่วนเอาไว้” เมื่อพูดจบก็เหาะขึ้นไปกลางอากาศ และเดินไปตามทางรอยแยกของมิตินั้นขณะที่กำลังจะก้าวเข้าไปกลับได้ยินเสียงใครบางคนเรียกชื่อเขาจากด้านหลังเมื่อมองไปกลับเห็นเป็เฉิงเซียง คนผู้นั้นโบกมือให้เขาด้วยท่าทางขบขันแล้วหัวเราะเสียงดังว่า “ซ่งฉียวนใช่ไหม? เ้าอย่าได้ตายเชียว! ข้ายังรอให้เ้ากลับมาสู้กันแบบดุเดือดอีกรอบอยู่นะ!”
มุมปากของซ่งฉียวนพยายามยกยิ้มขึ้นเขาฝืนยิ้มออกมา แล้วเพิ่มเสียงตอบกลับไปว่า “วางใจเถอะ ข้าไม่ตายง่ายๆ หรอก” พูดจบก็หมุนตัวก้าวเข้าไปในป่าผืนนั้นโดยไม่ได้หันกลับมามองอีก
“มีคนเข้าไปในดินแดนไร้เ้าแล้ว” ในตอนนี้หลิงกวงที่เดินออกมาจากูเาฉิงชางเป็ที่เรียบร้อยก็หยุดฝีเท้าลงแล้วจู่ๆ ก็โพล่งประโยคแบบนี้ขึ้นมา ทำให้ทุกคนในที่นั้นอึ้งไป
หลิงกวงมีระดับวิชายุทธ์สูงส่งและการฉีกกระชากมิติก็ถือเป็เื่ใหญ่ จึงย่อมไม่อาจปิดบังจิตสำนึกของเขาไปได้ดังนั้นทันทีที่ซ่งฉียวนก้าวเข้าไปในดินแดนไร้เ้าเขาก็ััได้แทบจะทันทีแต่กลับไม่คิดจะเข้าไปยุ่ง เขาโอบชายหนุ่มผู้แสนเ็าที่อยู่ข้างๆแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่เื่ของข้าอยู่แล้ว ไปเถอะ ไปเถอะกลับเรือนไปรับสำรับกันเถิด”
“นายท่าน ท่านเป็อะไรไป? ” อาจิ่วััได้ว่าสีหน้าของอวี๋เคอดูผิดปกติจึงอดเป็ห่วงไม่ได้
ในใจของอวี๋เคอในตอนนี้ปั่นป่วนจนตีกันยุ่งเหยิงไปหมดแล้วดินแดนไร้เ้า ดินแดนไร้เ้า หากมีใครเข้าไปในดินแดนไร้เ้านั่นจะต้องเป็ซ่งฉียวนอย่างแน่นอน แต่เนื้อเื่ที่เขาเขียนเอาไว้ในตอนนั้นซ่งฉียวนไม่สามารถเข้าไปในดินแดนไร้เ้าได้ในเวลานี้ซึ่งชัดเจนว่าดินแดนไร้เ้าเป็สถานที่ที่เขาจะต้องอายุครบสิบแปดปีจึงจะสามารถเข้าไปได้!แล้วเหตุใดมันถึงรวดเร็วล้ำหน้าไปหลายปีขนาดนี้? และด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้หากเข้าสู่ดินแดนไร้เ้าก็มีแต่ต้องตายสถานเดียวอย่างแน่นอน! ทำไมเด็กคนนี้ถึงหุนหันพลันแล่นได้ขนาดนี้!
ทันใดนั้นภาพที่ซ่งฉียวนกอดกระบี่ที่หักเอาไว้อย่างเหม่อลอยไร้สติก็ฉายแวบเข้ามาในหัวของเขาทำให้หัวใจของอวี๋เคอกระตุกวูบ หรือว่าเป็เพราะเขาเปลี่ยนแปลงเนื้อเื่ไป? เป็เพราะตนเองทำให้ซ่งฉียวนะเืใจ? เป็เพราะตัวเอง... ที่ทำร้ายเขา?!
“แค่ก แค่ก...”
ตอนนี้ในใจของอวี๋เคอรู้สึกร้อนรุ่ม ทำให้อาการาเ็ที่เพิ่งได้รับกำเริบขึ้นมาอีกครั้งทนไม่ไหวจนต้องกระอักเืออกมา ก่อนจะรีบเอามือปิดปากเอาไว้ ทว่าเืก็ไหลแทรกออกมาตามง่ามนิ้วไม่หยุดแล้วจู่ๆ ดวงตาก็เกิดพร่ามั่ว หลังจากได้ยินเสียงร้องใของอาจิ่วเขาก็หมดสติไปเป็ที่เรียบร้อย