สมองของหลินฟู่อินแล่นด้วยความเร็วสูง แต่บนใบหน้ากลับไร้ซึ่งความตึงเครียด
หมอหลี่เองก็อยู่กับผู้เป็ภรรยาในระหว่างการตรวจด้วย เมื่อเห็นการตรวจของหลินฟู่อินแล้ว เขาก็สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
คนไข้ หรือก็คือหลี่ฮูหยินเห็นว่าสายตาของหลินฟู่อินเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ความหวังในใจก็เพิ่มขึ้น
นี่คือสิ่งที่หลินฟู่อินอยากเห็นจากคนไข้
ในการรักษาโรคเรื้อรังที่ไม่ได้ร้ายแรงถึงตายนั้น สิ่งที่สำคัญกว่าการรักษาร่างกาย คือการรักษาสภาพจิตใจ หรือที่เรียกกันว่าการเยียวยาจิตใจนั่นเอง…
“แม่นางหลิน เป็ยังไงบ้าง?” หมอหลี่ถาม สายตาเผยความกังวล
แม้หมอหลี่จะทำจิตใจให้สงบได้เสมอเวลาอยู่ต่อหน้าคนไข้และครอบครัวของคนไข้ แต่เมื่อครอบครัวของตนมาเป็คนไข้เสียเองเช่นนี้ เขาก็เข้าใจถึงความกังวลของเหล่าคนไข้ขึ้นมา
หมอหลี่ถอนหายใจอยู่ภายในใจ จากนั้นเขาก็จะพยายามปลอบครอบครัวของคนไข้เ่าั้ โดยทำตัวให้เป็มิตรและเห็นอกเห็นใจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลินฟู่อินไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในใจของหมอหลี่ นางจึงไม่ได้ตอบเขา แต่มองหลี่ฮูหยินด้วยรอยยิ้มแทน “อาการของฮูหยินไม่ได้ร้ายแรงเ้าค่ะ โปรดวางใจ ข้าจะจ่ายยาให้แล้วดูผลก่อนนะเ้าคะ”
“ดีแล้วที่มันไม่ใช่เื่ร้ายแรง” หมอหลี่ปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก
หลี่ฮูหยินเงียบลง ่หลังมานี้ ่ล่างของนางมีอาการเจ็บไม่หยุด และบางครั้งยังมีความรู้สึกหลงเหลือจนสร้างความไม่สบายตัวอย่างมาก
แต่แม่นางน้อยหลินฟู่อินผู้นี้กลับบอกว่ามันไม่ร้ายแรง นางจึงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
แต่นางก็ยังสบายใจขึ้นบ้าง
“ร่างกายของฮูหยินเป็กลุ่มร้อนชื้น [1] ยิ่งเมื่อรวมกับความเครียดจากความกังวลและการทำงานแล้ว สภาพร่างกายจึงไม่ดีนัก… ท่านต้องรู้จักทำสมาธิเพื่อการฟื้นตัวที่ดีในอนาคต” หลินฟู่อินหันมายิ้มให้หลี่ฮูหยินด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยแววของปัญญา
ั์ตาทรงผลซิ่งของหลินฟู่อิน ทั้งดำขลับและส่องประกายเจิดจ้า ราวกับสามารถมองทะลุจิตใจของผู้คน แล้วเปิดโปงความลับเบื้องลึกได้ หลี่ฮูหยินพลันสั่นสะท้านขึ้นมา
แต่เดิมแล้ว นางมิได้เชื่อถือในวิชาแพทย์ของแม่นางหลินฟู่อินผู้นี้นัก นางรู้เื่ที่เกิดขึ้นจากสามีของนางและหลี่อี้แล้ว นางไม่เคยถามอะไรเพื่อรักษาหน้าพวกเขา แต่ในใจของนางนั้นมีคำตอบอยู่แล้ว
ว่านางยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไร
แต่เมื่อนางมองหลินฟู่อินอย่างจริงจังในตอนนี้แล้ว นางเชื่อสนิทใจ!
แต่ในพริบตาต่อมา นางก็เผลอยิ้มฝืนๆ พลางเหลือบมองหมอหลี่ที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะกล่าวเสียงเบา “ร่างกายของข้าเป็กลุ่มร้อนชื้นจริง เมื่อก่อนผู้นำตระกูลของข้าเองก็เคยบอกข้าเช่นเดียวกัน และข้าก็ยอมรับว่าข้าเป็คนชอบแข่งขันและเกลียดความพ่ายแพ้ แต่หากข้าาเ็จากเื่เช่นนี้ ่เวลาที่ผ่านมาของข้าจะไม่สูญเปล่าไปหมดหรือ?”
เมื่อหลินฟู่อินได้ยินหลี่ฮูหยินกล่าวในสิ่งที่ไม่ควรจะกล่าวต่อหน้าตนแล้ว นางจึงสะอึกและเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าหลบอย่างทำตัวไม่ถูก
หมอหลี่เองก็ประหลาดใจ ที่ภรรยาของตนผู้ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์เหนือสิ่งอื่นใด กล่าวเช่นนี้ออกมาต่อหน้าหลินฟู่อินที่ยังเป็เพียงเด็กสาว จึงอายขึ้นมาเล็กน้อย
แต่หลินฟู่อินคิดว่า การที่หลี่ฮูหยินเล่าความทุกข์ใจเช่นนี้ออกมาเพื่อลดภาระภายในใจเป็เื่ดี นางจึงสบายใจขึ้นมาเพราะมันดีต่อการรักษา
และนางก็คิดสูตรยาที่จะจ่ายให้หลี่ฮูหยินได้แล้ว
นางจึงเงยหน้าขึ้นมา กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยิน ท่านและท่านหมอหลี่มีความรักที่ลึกซึ้งต่อกันมากนัก ลูกๆ เองก็แข็งแรง คงมีคนมากมายที่อิจฉาในตัวพวกท่าน เพราะพวกท่านมีชีวิตที่ดี ส่วนเื่สายตาของคนนอกนั้น พวกท่านจะไปสนทำไมกัน? พวกเราใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง มิใช่เพื่อคนอื่น ท่านไม่คิดเช่นนั้นหรือ”
ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่านี่จะเป็คำกล่าวของเด็กสาววัยสิบปีต้นๆ!
ทั้งหมอหลี่และหลี่ฮูหยินต่างก็ตะลึงไป
หลินฟู่อินกล่าวต่อ “เช่นข้าเป็ต้น ท่านหมอหลี่น่าจะพอรู้เื่ของข้ามาบ้างแล้ว ในหมู่บ้านของข้านั้น ข้าเคยเกือบถูกเผาจนตาย ป้าของข้าปล่อยข่าวว่าข้าเป็ดาวหายนะจนชาวบ้านพากันหวาดกลัว เพราะเชื่อกันว่าข้าเป็ดาวหายนะจริงๆ… ป้าและย่าของข้าไม่ชอบข้า ข้าเลยโดนตามจี้ทุกเื่ทั้งยังโดนหาว่าเป็คนอกตัญญู แต่ตอนนี้ข้าก็ยังมีชีวิตอยู่ ทั้งชีวิตยังดีขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย”
หลี่ฮูหยินตะลึง ท่าทางของนางราวกับคนที่กำลังหลับแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมา
จิตใจนางสั่นไหว ทั้งยังระคนไปด้วยโทสะ ริมฝีปากขยับพลางนึกถึงหลินฟู่อิน แล้วจึงกล่าวด้วยความโกรธเคือง “คนที่ใส่ความเ้าคงเป็บ้าไปแล้ว ทำเื่โหดร้ายเช่นนั้นกับเด็กสิบกว่าปี ไม่กลัวกรรมตามสนองในอนาคตเลยหรือ?”
“กลัวหรือไม่ก็เื่ของพวกเขาเ้าค่ะ แต่ตอนนี้ข้าสบายดีมาก ไม่มีอะไรให้อับอายต่อ์ พื้นพิภพ หรือตุ่์ และยังไม่อับอายต่อใจของตน ตอนนี้ข้าก็มีชีวิตที่ดีแล้ว แค่นี้ก็เพียงพอ” นี่ก็เป็ครั้งแรกที่หลินฟู่อินคุยเื่นี้ให้คนอื่นฟังเช่นกัน น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความทะนงตัวโดยไม่รู้ตัว
ความถือดีนั่นทำให้หลี่ฮูหยินต้องเลิกคิ้ว
“ฟู่อินกล่าวถูกต้องแล้ว พวกเราต่างก็เพียงใช้ชีวิต มิได้ทำการร้ายอันใดต่อ์ แล้วจะสนสายตาคนนอกไปทำไม!”
“ถูกเ้าค่ะ นั่นคือความจริง” หลินฟู่อินยิ้มแล้วกล่าว “ดังนั้นแล้วฮูหยินมิต้องกดดันตัวเองให้มากนัก เพราะการกดดันตัวเองจะเป็การกดดันร่างกายของตนด้วย แม้ท่านจะทำได้ไม่ดี แต่ท่านก็ยังมีลูกๆ และหมอหลี่ที่คอยช่วยเหลืออยู่นะเ้าคะ”
คำพูดนั้นกระแทกเข้าสู่หัวใจของหลี่ฮูหยินอย่างแรง
ก็จริง หากร่างกายของนางพังทลายไปเพื่อคนอื่น นางคงต้องเสียทุกสิ่ง… แล้วพวกเด็กๆ จะเป็อย่างไร? ทั้งนางยังเอาใจใส่ปู่ย่าเป็อย่างดีมานับสิบปีแล้วไม่ใช่หรือ?
“ฟู่อิน อาการป่วยของข้าไม่ร้ายแรงจริงๆ หรือ?” สายตาของหลี่ฮูหยินพลันเปลี่ยนไป นางหาคำตอบให้ปัญหาที่ค้างคามานับสิบปีได้แล้ว สภาพจิตใจจึงเปลี่ยนไปหมดจด
ไม่ใช่ว่านางไม่เคยพบคำตอบ แต่นางไม่เคยนำมันมาคิดรวมกับอาการป่วย แต่ตอนนี้นางนำมันมาพิจารณาร่วมกันตามที่หลินฟู่อินบอกแล้ว
เมื่อหลินฟู่อินได้ยินคำถามนี้ นางจึงยิ้มตาหยีออกมา “ไม่เป็ปัญหาแน่นอนเ้าค่ะ มีบางคนที่มีอาการเรื้อรังไปชั่วชีวิตก็จริง แต่หลี่ฮูหยินเพิ่งเป็ได้เพียงไม่กี่เดือน ทานยาก่อน แล้วข้าจะจ่ายยาสำหรับภายนอกให้อีกทีเ้าค่ะ”
หลี่ฮูหยินพยักหน้ารับด้วยความขอบคุณ และคิดได้ว่าหลินฟู่อินทั้งทำคลอดแล้วยังมาดูอาการนางต่อทันที นางคงหิวแย่แล้ว จึงเรียกสาวใช้ไม่หยุดเพื่อให้หาขนมมา
หมอหลี่เองก็ขอบคุณนางมาก แล้วพอหลินฟู่อินอยากปรึกษากับเขาเื่สูตรยา เขาก็ไม่ปฏิเสธ
สุดท้ายแล้ว สูตรยาที่หลินฟู่อินจ่ายให้คือ หญ้าเชอเฉียนสองเฉียน ตันผี [2] สามเฉียน จินอิ๋นฮวาสามเฉียน ยาไป๋เส่า [3] สามเฉียน หู่จั้ง [4] สามเฉียน เซิงตี้หวง [5] สองเฉียน เมล็ดท้อหนึ่งเฉียน ไป๋จู๋ [6] สามเฉียน กัญชาเทศสามเฉียน
หมอหลี่มองสูตรยาที่หลินฟู่อินจ่ายให้แล้วก็พยักหน้าไม่หยุด
แม้เขาจะไม่รู้เื่นรีเวชศาสตร์มากนัก แต่เขาก็เข้าใจได้ว่าสูตรที่หลินฟู่อินจ่ายให้นั้นเหมาะสมกับอาการที่ภรรยาของเขามี ดูดีกว่าสูตรที่พี่ของเขาจ่ายมาให้มากนัก
เมื่อคิดย้อนไปถึงสูตรของพี่ชาย มีเพียงไป๋จู๋และหู่จั้งเท่านั้นที่เหมือนกัน ที่เหลือเป็เพียงสมุนไพรบำรุงเท่านั้น
แต่เมื่อเห็นชื่อกัญชาเทศ หมอหลี่ก็ต้องขมวดคิ้ว เขาไม่เคยได้ยินชื่อสมุนไพรชนิดนี้มาก่อน
--------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ร่างกายกลุ่มร้อนชื้น (湿热体质) หมายถึง หนึ่งในลักษณะพื้นฐานของสุขภาพร่างกายตามศาสตร์แพทย์แผนจีน โดยคนกลุ่มนี้มีลักษณะทั่วไปคือ ใบหน้าหมองและมันวาว ปากขมปากแห้ง มีกลิ่นปาก ง่ายต่อการเกิดสิว ง่ายต่อการเกิดแผลหนอง หงุดหงิด กระวนกระวาย ใจร้อน เป็ต้น
[2] ตันผี หมายถึง เปลือกรากโบตั๋น (Paeonia suffruticosa Andr.)
[3] ไป๋เส่า หมายถึง รากแห้งของพืชในสกุลโบตั๋น (Paeonia lactiflora Pall.)
[4] หู่จั้ง หมายถึง ผักไผ่ญี่ปุ่น
[5] เซิงตี้หวง หมายถึง โกฐขี้แมวสด
[6] ไป๋จู๋ หมายถึง ลำต้นใต้ดินแห้งของพืชที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Atractylodes macrocephala Koidz