เมื่ออ้อนวอนแล้วมิได้ผล หนีเจียเอ๋อร์จึงหยิบมีดขึ้นมา ก่อนะโไล่หลังอีกฝ่าย “ท่านควงเหยา ข้าไร้ความสามารถ จึงไม่อาจขอร้องให้ท่านช่วยแก้พิษให้พี่ชายได้ ในเมื่อท่านไร้ความเมตตา ไม่ยอมช่วยชีวิตเขา เช่นนั้น ข้ากับพี่ชายก็จะขอตายอยู่ในสำนักอิ้นเสวี่ยของท่านนี่แหละ!”
ควงเหยามองนางกระชับด้ามมีด พลางขมวดคิ้วแน่น “เหตุใดเ้าถึงดื้อรั้นเช่นนี้?”
หญิงสาวไม่คิดลังเล ยกมือขึ้นหมายจะแทงมีดสั้นเข้าใส่หน้าท้องของตนเอง แต่แล้วจู่ๆ ก็มีลมพัดมาวูบหนึ่ง จากนั้น มีดของนางพลันกระเด็นตกพื้น ทิ้งไว้เพียงอาการชา ที่แล่นริ้วไปยังแขนทั้งสองข้าง
ควงเหยาถอนหายใจ ก่อนเอ่ยประโยคหนึ่ง “ตามข้ามา!”
หนีเจียเอ๋อร์จึงไม่ใส่ใจจะหยิบมีดขึ้นมา รีบกุลีกุจอตามไปอย่างยินดี
ลานหน้าสำนักอบอุ่นดั่งฤดูใบไม้ผลิ ช่างแตกต่างจากทิวทัศน์บนเส้นทางที่ผ่านมา ซึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะอันหนาวเหน็บโดยสิ้นเชิง จนหนีเจียเอ๋อร์อดนึกอัศจรรย์ใจกับความประหลาดของสำนักนี้มิได้
สำนักอิ้นเสวี่ยนี่... ไม่ธรรมดาเลย!
ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงห้องโถงใหญ่สีขาวที่เงียบสงัด
พอมองออกไปข้างนอก หญิงสาวก็เห็นต้นไม้สูงตระหง่านอยู่กลางลาน แต่นึกไม่ออกว่าเป็ต้นอะไร
ควงเหยาหยุดยืนอยู่ที่บันไดหินหน้าจวน ขณะเอ่ย “ข้าช่วยพวกเ้าได้เท่านี้ จำไว้ว่า หากมิได้รับอนุญาตจากท่านอาจารย์ ห้ามก้าวเข้าไปเปิดประตูบานนั้นโดยเด็ดขาด มิฉะนั้น เ้าจะไม่เหลือแม้แต่กระดูก!”
หนีเจียเอ๋อร์ไม่นึกสงสัยในคำพูดของอีกฝ่ายเลย...
นางหันไปขอบคุณ “ขอบคุณท่านมาก ได้โปรดอย่าถือสากับการกระทำอันหยาบคายของข้าเลย และไม่ว่าจะรักษาสำเร็จหรือไม่ ข้าจะไม่โทษท่านอย่างแน่นอน”
“ไม่เป็ไร!” ควงเหยาคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนหันหลังผละจากไป
หนีเจียเอ๋อร์ยืนอยู่ตรงบันไดหิน พลางส่งเสียงผ่านประตูไปว่า “ท่านหมอควง ชีวิตของพี่ชายข้ากำลังอยู่ที่ปากเหว โปรดเมตตาพวกเราด้วย!”
จากนั้น นางก็พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า วนเวียนอยู่อย่างนั้น...
จนครึ่งชั่วยามผ่านไป ก็ยังคงไร้วี่แววของการเคลื่อนไหว หากควงเหยามิได้บอกว่าอาจารย์ของเขาอยู่ข้างใน หนีเจียเอ๋อร์คงคิดว่าไม่มีผู้ใดอยู่แล้ว
ทว่า แม้จะไม่มีใครเหลียวแล นางก็ยังคงอ้อนวอนขอร้องด้วยท่าทีนอบน้อม
ควงเหยาที่หลบฉากออกไป มองภาพสตรีที่อยู่ท่ามกลางหิมะหนาวเย็นด้วยสายตาซับซ้อน ก่อนหันหลังกลับ เพื่อไปนำสำรับอาหารมาให้นาง
แต่หนีเจียเอ๋อร์ปฏิเสธ เพียงเอ่ยปากขอร้องต่อ ด้วยการกลั่นคำพูดขอความเมตตาซ้ำไปซ้ำมา...
กระทั่งท้องฟ้ามืดครึ้ม หิมะโปรยปรายอย่างหนักหน่วง สายลมอันเหน็บหนาวกรีดผ่านเสื้อผ้าบางๆ ที่นางสวมใส่ ความเย็นเสียดแทงผิวกายจนตัวสั่นสะท้าน แต่หญิงสาวก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป ท้ายที่สุด เกรงว่าคงจะต้องหนาวจนแข็งตายอยู่ตรงนี้แล้ว
หน้าผากที่โขกลงไปบนพื้น ทิ้งรอยเืไว้บนหิมะ เมื่อนางเงยหน้าขึ้น หยดเืพลันเคลือบด้วยน้ำแข็ง
เสียงของหนีเจียเอ๋อร์แหบพร่า แต่ก็ยังคงอ้าปากพูดต่อไป
จวบจนราตรีล่วงผ่าน ตะวันสาดส่อง และแสงอาทิตย์ยามเย็นอาบไล้ร่างอีกครา...
หญิงสาวคุกเข่าอยู่ที่นี่มาสองวันหนึ่งคืนแล้ว!
แต่ถึงกระนั้น ควงเยวี่ยโหลวก็ยังไม่ปรากฏตัว…
ยามนี้หน้าผากของนางเริ่มช้ำเื สติเลือนราง ทัศนวิสัยจะพร่ามัว แม้แต่เสียงของควงเหยาที่ถามไถ่ด้วยความเป็ห่วงหลายครั้งหลายครา ก็ยังไม่อาจเข้าถึงโสตประสาทของนางได้
พอความแข็งแกร่งของร่างกายและความอดทนมาถึงขีดจำกัด ท้ายที่สุด หนีเจียเอ๋อร์พลันซวนเซจนล้มฟุบไปกับกองหิมะ เส้นผมสีดำจับตัวเป็น้ำแข็ง
ร่างของนางนอนแน่นิ่ง ไม่ต่างจากศพ
ในที่สุด ควงเหยาก็ทนเห็นหญิงสาวสิ้นใจตายมิได้ เขาจึงถอดเสื้อคลุมของตนมาห่อตัวนางเอาไว้ แล้วพุ่งเข้าไปในเรือน เพื่อพบควงเยวี่ยโหลวที่นั่งอยู่บนตั่งในห้องหนังสือ
ชายหนุ่มคุกเข่าลง “อาจารย์ ท่านเคยกล่าวว่าติดค้างหนี้บุญคุณบิดาข้าอยู่ ไม่ว่าจะเป็เื่ใด หากข้าเอ่ยปากขอร้อง ท่านก็จะช่วยเหลือ วันนี้ศิษย์ขอร้องท่าน โปรดช่วยพี่ชายของสตรีผู้นั้นด้วย ได้โปรดเถอะขอรับ!”
ควงเยวี่ยโหลววางหนังสือในมือลง และเดินเข้ามาประคองร่างของอีกฝ่าย จากนั้นก็ทอดสายตาไปยังร่างในชุดคลุม ที่ฟุบอยู่กับกองหิมะ “คำขอที่มีเพียงครั้งเดียวของเ้า จะใช้เพื่อช่วยชีวิตคนแปลกหน้าคนหนึ่งจริงๆ หรือ?”
ควงเหยาพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “ขอรับ!”
ควงเยวี่ยโหลวจึงก้าวออกมาด้านหน้า เพ่งมองสตรีที่นอนอยู่ท่ามกลางหิมะผ่านบานหน้าต่าง แล้วถือหนังสือขึ้นมาอีกครั้ง “ร่างกายของนางได้รับความเย็น หากยังรั้งรออีกสักครึ่งก้านธูป นางก็คงจะตาย อาจารย์รับปากเ้า ครานี้จะยอมช่วยคนสักครั้ง แต่แค่คนเดียวเท่านั้น!”
ควงเหยาย่นคิ้วอย่างทำอะไรไม่ถูก ได้แต่โค้งคำนับอาจารย์ แล้วเดินออกไปนำตัวหนีเจียเอ๋อร์เข้ามา และใช้ยาช่วยให้ฟื้นคืนสติ
พอหญิงสาวลืมตาขึ้น ก็พบกับใบหน้าของควงเหยาที่กำลังมองมาด้วยความกังวล ต่อมาจึงเห็นว่ายังมีบุรุษอีกคนหนึ่งซึ่งสวมชุดคลุมสีเข้ม วางท่าเกียจคร้านและเฉื่อยชาอย่างยิ่ง
ควงเหยากล่าว “นี่คือท่านอาจารย์ของข้า ควงเยวี่ยโหลว เ้าสำนักอิ้นเสวี่ย”
หนีเจียเอ๋อร์ผุดลุกขึ้นทันที แต่เพราะคุกเข่าอยู่กลางหิมะนานเกินไปจนไขข้อแข็งตึง พอขยับตัว จึงเ็ปเป็อย่างมาก
ควงเหยาทำท่าจะยื่นมือเข้าไปช่วย แต่ควงเยวี่ยโหลวสกัดเอาไว้ พลางหลุบตามองหญิงสาว ที่กำลังกัดฟันปีนลงมาจากเตียงอย่างทุลักทุเล ด้วยอยากจะทดสอบดู ว่านางมีความอดทนเพียงใด
สุดท้าย หนีเจียเอ๋อร์ก็ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง แต่พอเห็นว่าควงเยวี่ยโหลวกำลังมองตนอยู่เงียบๆ ก็คิดว่าเขาอาจจะอยากเห็นความตั้งใจของนาง
หญิงสาวจึงไม่ฝืนลุกขึ้นยืนอีก แต่พลิกตัวไปยังด้านข้างของเตียง แล้วกลิ้งตกลงมาบนพื้นแทน นางเจ็บจนแทบสลบ แต่ไม่นานก็พยายามตะเกียกตะกายคุกเข่า แต่ก็ไม่อาจทำได้ และล้มลงไปอีกครั้ง
ควงเยวี่ยโหลวหรี่ตาลง “ระหว่างเ้ากับพี่ชาย ข้าช่วยได้เพียงคนเดียวเท่านั้น!”
หนีเจียเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก พลางบอกอย่างไม่ลังเล “ช่วยเขา!”
ควงเหยาใ รู้สึกทึ่งกับสตรีบอบบางตัวเล็กผู้นี้
ดวงตาของควงเยวี่ยโหลวสั่นไหวครู่หนึ่ง ก่อนย้อนถามเบาๆ “เ้าอยากมีชีวิตอยู่หรือ?”
หนีเจียเอ๋อร์พยักหน้า “ข้าอยากมีชีวิตอยู่”
ตนต้องมีชีวิตรอด เพื่อจะได้สะสางความแค้นในชาติก่อน อีกทั้งมารดาและพี่ชายก็ยังเฝ้ารอให้นางกลับไป
ควงเยวี่ยโหลวมองดวงตาสีเข้มของนาง เห็นประกายมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตรอด แม้ว่านางจะนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นในสภาพน่าอนาถ ก็ยังไม่มีร่องรอยของความย่อท้อแต่อย่างใด ยามที่นางพูดว่า ‘ช่วยเขา’ นั้น ดวงตาช่างตั้งมั่นนัก โดยเฉพาะตอนที่กล่าวคำว่า ‘อยากมีชีวิตอยู่’ แววตาก็ยิ่งกล้าแกร่ง
ใจเขาอ่อนยวบ อดมิได้ที่จะเผลอจับจ้องสตรี ผู้มีแววตาปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดเด่นชัดถึงเพียงนี้
“ข้าจะช่วยเ้า แต่ก็มีค่าตอบแทนเป็ของที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิต!”
พอได้ยินคำพูดอาจารย์ ควงเหยาก็เข้าไปพยุงหญิงสาวให้ขึ้นไปนั่งบนเตียงอีกครั้ง
หนีเจียเอ๋อร์ไม่อาจทำอะไรเองได้ จึงเงยหน้าขึ้นมาบอกควงเหยา “ท่านช่วยหยิบจี้หยกของข้า และเงินที่อยู่สัมภาระมาได้หรือไม่?”
จากนั้น นางก็มองไปทางควงเยวี่ยโหลว “หากไม่เพียงพอ ข้าสามารถเขียนหนังสือสัญญาได้ พี่ชายของข้าคือโจวชิงหวา ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง วันนี้ข้าขอรับปากแทนเขา วันหน้าไม่ว่าท่าน้าสิ่งใด พวกเราจะหามาให้ได้...”
ที่เอ่ยออกไปเช่นนั้น ก็ด้วยรู้สึกซาบซึ้งและ้าแสดงความจริงใจ แต่ควงเยวี่ยโหลวกลับมีท่าทีเฉยเมย จนนางเริ่มรู้สึกใจเสียเล็กน้อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้