สักพักหนึ่ง จ้านอี้หยางถึงจะปล่อยตัวซูหรงหรง
ริมฝีปากบางสีชมพูของเธอตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็สีแดงแววตาที่สดใสนั้นช่างดูน่าดึงดูด แก้มทั้งสองข้างเองก็เริ่มเปลี่ยนสีทำให้ดูมีมิติยิ่งขึ้นใบหน้าที่ยิ่งมองก็ยิ่งดูไร้เดียงสา ไม่ว่ามองอย่างไรก็เหมือนกระต่ายน้อย
ยิ่งถูกจ้านอี้หยางจ้อง ใบหน้าของยัยกระต่ายน้อยก็ยิ่งเปลี่ยนสีแดงขึ้นด้วยความเขินอายเธอก้มหน้าหลบสายตาก่อนจะเสมองไปทางอื่น
“นาย...นายต้องทำกับข้าวให้ฉันกินถึงจะยุติธรรม"
“หืม?"
จ้านอี้หยางรวบมือทั้งสองข้างของเธอไว้
“เธอพูดอะไรนะ?"
ซูหรงหรงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเขา
“นายต้องให้ความยุติธรรมกับฉัน นายกินฉันแล้วเพราะฉะนั้นนายต้องทำกับข้าวให้ฉันกินถึงจะยุติธรรม"
เขาหลุดหัวเราะพรืดยัยกระต่ายน้อยทำลายความเฉยชาที่เขาสร้างขึ้นเสียแล้วเขาโน้มตัวลงมาเข้าใกล้เธอมากขึ้น
“หรือว่า...ฉันให้เธอกินคืนก็แล้วกัน ดีมั้ย?"
ซูหรงหรงคล้อยตามคำพูดของจ้านอี้หยาง เธอจูบเน้นๆลงบนแก้มของเขาหนึ่งทีก่อนจะเอ่ยตอบ
“กินไม่อิ่ม!"
เมื่อพูดจบเธอก็ดึงมือเขาออกไปอย่างคนไม่มีเหตุผลก่อนจะเอ่ยต่อ
“นายไปทำกับข้าวเถอะนะ"
จ้านอี้หยางหมุนตัวยัยกระต่ายน้อยมาประจันหน้าเขา
“ถ้ากินไม่อิ่ม ฉันช่วยป้อนเธอเอง"
“ไม่ ฉันอยากกินข้าวที่นายทำมากกว่า"
เธอสบตาเขา ก่อนจะผุดรอยยิ้มบนหน้า
เขาที่ถูกจ้องหันสายตามองไปรอบข้าง
“เธอมีหนังสือสอนทำอาหารเหรอ?"
ซูหรงหรงส่ายหน้า
“ฉันจะพกหนังสือสอนทำอาหารติดตัวไปทำไมเล่าแต่สมัยนี้หนังสือสอนทำอาหารสามารถหาได้ตามอินเทอร์เน็ตแล้ว สุ่มหาเอาก็ได้แล้วน่า"
เธอเดินกลับมาที่ห้องรับแขกก่อนจะหยิบไอแพดในกระเป๋าออกมาจ้านอี้หยางมองเธอปัดหน้าจอ
“นี่ไงล่ะ ในนี้รายการอาหารอะไรก็มีหมดเลย"
ซูหรงหรงกระตือรือร้นที่จะหาเมนูอาหารจ้านอี้หยางเองก็รู้สึกเหมือนจะเป็ไปกับเธอด้วยเขาเองก็อยากจะลองทำตามดูบ้างเหมือนกัน เขาเดินเข้ามาในห้องรับแขกก่อนจะเอ่ย
“ถ้าอย่างนั้นเราจะทำเมนูอะไรดี?"
คำถามนี้เธอไม่จำเป็จะต้องหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตก็สวนกลับมาแทบจะทันที
“พวกเรามาทำผัดมันฝรั่งใส่เนื้อวัว, มะเขือเทศผัดไข่ แล้วก็ซุปปลาดีมั้ย?"
จ้านอี้หยางที่เป็คนมีความรู้สึกไวดุจแสงพอได้เห็นซูหรงหรงพูดรายการอาหารคล่องปรื๋อ เขาหรี่ตาจ้องเธอทันที
“ซูหรงหรง นี่เธอ..."
ซูหรงหรงรีบปฏิเสธ เธอเพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองแสดงออกมากเกินไปเธอหัวเราะ “แฮะๆ"ออกมา
“อาหารพวกนี้แม่ฉันทำบ่อยน่ะ อ้อ...แล้วฉันก็ซื้ออาหารมาตามรายการพวกนี้เป๊ะเลย"
พูดจบเธอก็มองหน้าเขาแบบไม่กะพริบตาเพราะกลัวจะหลุดพิรุธออกมาและเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
จ้านอี้หยางคิดว่าสิ่งที่เธอพูดมาก็มีเหตุผลเขาถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วเอาไปเก็บ ก่อนจะเดินเข้าไปในครัวพร้อมกันกับเธอ
ห้องครัวนั้นค่อนข้างโอ่โถง อีกทั้งยังมีกระจกบานใหญ่ที่สามารถเห็นวิวด้านนอก เรียกได้ว่าสามารถเห็นทั้งสวนดอกไม้ของชุมชน
ซูหรงหรงรีบไปหยิบวัตถุดิบออกจากตู้เย็น
“พวกเรามาทำผัดมันฝรั่งใส่เนื้อวันกันก่อนเถอะ"
เธอหยิบวัตถุดิบที่จำเป็ต้องใช้ออกมาจากนั้นก็ยื่นให้จ้านอี้หยาง ส่วนตัวเองก็รีบไปล้างหม้อและอุปกรณ์ต่างๆแต่ก็ยังไม่วายลืมที่จะชี้นิ้วไปที่มะเขือเทศและออกคำสั่ง
“อันดับแรกนายเอามะเขือเทศไปล้าง ค่อยๆเปิดให้น้ำไหลผ่าน จะได้ปลอกง่ายๆ"
จ้านอี้หยางนิ่งเฉยไม่ยอมทำตาม เขายืนกอดอกมองไปที่เธอ
ยัยกระต่ายน้อยยังไม่ได้ดูวิธีทำเลยด้วยซ้ำ แต่...
“เธอรู้ได้ยังไง?"
อีกอย่างท่าทางในการล้างหม้อล้างกระทะก็ยังดูคล่องแคล่ว
ซูหรงหรงจ้องตาเขา คำพูดที่เปล่งออกมารวมทั้งท่าทางดูใสซื่อ
“ตอนอยู่บ้านฉันช่วยแม่ทำกับข้าวบ่อยโดยเฉพาะมันฝรั่งผัดเนื้อ ฉันเห็นแม่ทำหลายครั้งแล้ว ถ้านายฟังที่ฉันพูด ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน"
จ้านอี้หยางถูกท่าทางอันใส่ซื่อของเธอหลอกจนเขาหลงเชื่อเขายอมทำตามในสิ่งที่เธอพูด
ซูหรงหรงหลุดหัวเราะเมื่อเธอเสียบสายไฟเพื่อหุงข้าวเรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินมาหยิบไอแพดเธอยืนพิงขอบประตู เปิดนิยายอ่านพลางออกคำสั่งกับเขา
“อื้ม จากนั้นเอาหัวหอมแครอทแล้วก็มันฝรั่งไปหั่นให้เรียบร้อย"
แม้นี่จะเป็ครั้งแรกที่จ้านอี้หยางได้ทำกับข้าวแต่ราวกับว่าเขาจะมีพร์ในด้านนี้ เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ดูง่ายไปเสียหมดเพราะฉะนั้นแม้ท่าทางเขาจะไม่ได้ดูช่ำชองเหมือนเชฟมืออาชีพแต่เขาก็ไม่ได้เผยความโง่ของตัวเองออกมา
ซูหรงหรงรู้สึกผิดหวัง เธออยากเห็นตอนที่เขาจนมุมดูสักครั้งแต่ว่า...เขาเก่งเกินไปแล้ว
แต่ว่านะ...ขั้นตอนต่อไปมันไม่ใช่ว่าจะทำกันง่ายๆ หรอกนะ
"อืม ต่อไปก็ต้มน้ำพอน้ำเดือดแล้วให้ใส่เนื้อวัวลงไป ต้มทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที"
ซูหรงหรงทำท่าปัดๆ จิ้มๆ ไอแพดที่ถืออยู่ในมือ ทั้งที่จริงแล้วเธอกำลังอ่านนิยายอยู่
……
“ต่อไปก็คือขั้นตอนการผัดมันฝรั่ง ตั้งกระทะใส่น้ำมัน รอให้ร้อน จากนั้นใส่มันฝรั่งลงไป"
ซ่าๆ เสียงน้ำมันในกระทะดีดกระจายจ้านอี้หยางที่กำลังใใช้น้ำเสียงกล่าวโทษกับเธอ
“ซูหรงหรง ทำไมเธอไม่บอกว่าน้ำมันมันจะกระเด็นแบบนี้"
“เอ่อ ก็วิธีทำมันไม่ได้เขียนนี่นา"
ซูหรงหรงปฏิเสธทันควัน
“คนไม่รู้ย่อมไม่ผิดนายจะมากล่าวโทษฉันไม่ได้นะ"
เมื่อน้ำมันเลิกกระเซ็น จ้านอี้หยางก็ร้องออกมาอีกครั้ง
“ซูหรงหรง ทำไมมันฝรั่งมัน...มันติดกระทะ?"
“สงสัยคงเพราะนายใส่น้ำมันน้อยเกินไปใส่น้ำมันลงไปนิดนึงสิ"
ซูหรงหรงที่กำลังอ่านนิยายอยู่พูดอย่างไม่ใส่ใจ
“…”
“จากนั้นนายก็ใส่มะเขือหัวหอมแล้วก็เนื้อวัวผัดเข้าด้วยกัน"
เมื่อมาถึงตอนนี้ซูหรงหรงก็อ่านนิยายมาจนถึงจุดไคลแมกซ์ของเื่ยิ่งเธออ่านเธอก็ยิ่งมีความรู้สึกร่วมกับนิยายมากขึ้นจิติญญาของเธอตอนนี้ทุ่มให้กับนิยายตรงหน้าจนลืมที่จะออกคำสั่งถัดไปกับจ้านอี้หยาง
จ้านอี้หยางผัดผ่านไปแล้ว 5-6 นาที เขาหันกลับมามองซูหรงหรงที่กำลังกัดนิ้วโป้งแล้วหัวเราะกับตัวเองอยู่เขาหรี่ตาเล็กลง
“ซูหรงหรง เธอกำลังดูอะไร?"
ทำไมดูวิธีการทำอาหารจะต้องหัวเราะด้วย
ซูหรงหรงรีบกลับมาทำหน้านิ่ง ก่อนจะยืนตัวตรง
“ฉันก็กำลังดูวิธีทำอาหารอยู่นี่ไง ด้านล่างมีคอมเมนต์ตลกๆอยู่ฉันก็เลยหัวเราะ อิๆ...เฮ้อต่อไปนายใส่เหล้าสำหรับทำอาหารลงไปด้วยนิดนึง จากนั้นเติมน้ำ แล้วค่อยลดระดับไฟลงจากนั้นตุ๋นเนื้อหัวไปสักพักก็โอเคแล้ว"
จากนั้นจ้านอี้หยางก็ทำตามคำแนะนำของซูหรงหรงจนในที่สุดเขาก็ทำซุปปลาและมะเขือเทศผัดไข่เสร็จ อาหารทั้งสองชนิดนี้ค่อนข้างง่ายการทำอาหารจึงเป็ไปอย่างราบรื่น
จ้านอี้หยางช่างเป็คนที่มีพร์จริงๆแค่ได้รับคำแนะนำนิดๆหน่อยๆ จากซูหรงหรง อาหารที่ทำออกมาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวส่วนเื่การปรุงรสนั้นก็ได้ซูหรงหรงเป็คนกำกับสุดท้ายเลยได้รสชาติอาหารที่พอเหมาะพอดี รสชาติถูกปากจะน่าประหลาดใจ
และจานสุดท้ายก็คือมันฝรั่งผัดเนื้อวัวเมื่อเธอเห็นว่าเนื้อวัวตุ๋นกำลังได้ที่แล้ว เธอจึงหันไปบอกจ้านอี้หยาง
“เอาแครอทกับมันฝรั่งใส่ลงไปจากนั้นใส่เกลือกับพริกไทย ทำการลดไฟลงอีก พอแครอทกับมันฝรั่งสุกก็กินได้แล้ว"
จ้านอี้หยางทำตาม ซูหรงหรงเองก็วางไอแพดลง ก่อนจะไปล้างหม้อและอุปกรณ์อื่นๆ
ทั้งสองคนนั้น คนหนึ่งล้างถ้วยข้าวละถ้วยซุปอย่างละสองใบล้างไปล้างมาเธอก็อดนึกถึงตอนที่อ่านนิยายแล้วออกคำสั่งกับจ้านอี้หยางไม่ได้พอนึกถึงเธอก็หัวเราะออกมา
ถูกจ้านอี้หยางแกล้งมาทั้งวันในที่สุดก็แก้แค้นได้เสียที
สามคำที่สามารถอธิบายความรู้สึกตอนนี้ได้เลยก็คือ...ฟินสุดๆ
เธอสิเป็ผู้ที่ได้ออกคำสั่งกับผู้บัญชาการที่แท้จริง วะฮ่าๆ
จ้านอี้หยางยิ่งมองซูหรงหรงก็ยิ่งเกิดความสงสัยแต่ยัยกระต่ายน้อยตัวดีช่างดูไร้เดียงสา มองอย่างไรก็มองไม่ออกว่าเธอมีแผนร้าย
ช่างเถอะ เพราะถึงเธอจะโกหกเขาอย่างไรเสียในอนาคตเขาก็รู้ได้อยู่ดี
สิ่งที่เขาต้องทำคือการรอเท่านั้น
ตอนนี้ซูหรงหรงมีอาหารเลิศรสตรงหน้าเธอพร้อมแล้วสำหรับการรับประทานอาหารเย็น
ขณะนี้ตะวันได้ลาลับขอบฟ้าพร้อมกับแสงสุดท้ายของวันไปแล้วไฟประดับเริ่มส่องสว่างขึ้นซึ่งเธอสามารถเห็นได้จากห้องอาหารเล็กๆ ของเธอ
เมื่อได้มองวิวภายนอกที่สวยงามแล้วทานข้าวไปด้วยทำให้การกินอาหารมื้อนี้ช่างดูน่าทานมากเป็พิเศษแถมยังได้แกล้งจ้านอี้หยางกลับอีกด้วย
ซูหรงหรงคิดไปด้วยพลางซดน้ำซุปไปด้วย
“พรุ่งนี้เที่ยงฉันก็ต้องกลับไปที่กองทัพแล้ว"
อยู่ๆ จ้านอี้หยางก็โพล่งขึ้น
ซูหรงหรงรู้ดีว่าอย่างไรเสียเขาก็ต้องกลับไปกองทัพแต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ เธอมองไปที่เขาก่อนจะเอ่ยถาม
“ถ้าอย่างนั้นนายจะกลับมาอีกทีเมื่อไร?"
แววตาไร้เดียงสาที่ส่งมาหาเขานั้นช่างทำให้จิตใจของเขาอ่อนไหว เธอสบตาเขาเพื่อรอคำตอบของคำถามอีกครั้งที่จ้านอี้หยางเริ่มรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นผิดปกติ
“ถ้ามีเวลาว่างฉันจะกลับมา"
เมื่อไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนซูหรงหรงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง แต่เธอก็ทำเพียงเม้มปากแล้วตอบว่า “อ้อ"
ถ้ามีเวลาก็จะกลับมา เมื่อไหร่จะมีเวลากันล่ะ? หนึ่งอาทิตย์? หนึ่งเดือน? ครึ่งปี...?
ความผิดหวังปรากฏอยู่บนใบหน้าเธออย่างชัดเจน จ้านอี้หยางนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบตอบเธออย่างไม่เป็ตัวเอง
“ถ้าที่กองทัพปกติดี ประมาณ 10 วันฉันก็จะกลับมาได้"
นอกจากพวกเหล่าผู้สูงวัยระดับสูงของกองทัพแล้ว นี่เป็ครั้งแรกที่เขาต้องหาคำพูดมาถนอมน้ำใจด้วยเพราะนี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้คบกับผู้หญิง มันเลยทำให้เขาอึดอัดใจอยู่บ้าง
ทว่า...ซูหรงหรงกลับส่งยิ้มให้เขา
อย่างน้อย ตอนนี้เธอก็รู้วันที่เขาจะกลับมาแล้วมันก็เหมือนกับการแล่นเรืออยู่กลางทะเลแล้วเห็นแสงไฟจากประภาคารนั่นแหละ แม้จะไกลแต่อย่างน้อยก็รู้ว่ามีอยู่ตรงนั้น
“อื้ม"
ซูหรงหรงพยักหน้ารับรู้ก่อนที่จะพูดสิ่งที่ออกมาจากใจโดยที่ตัวเองไม่รู้สึกตัว
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอนายอยู่ที่บ้าน"
คำพูดสุดท้ายนี้เป็คำพูดที่เหมือนเป็การตอบรับผ่านๆ เท่านั้นซูหรงหรงไม่ได้คิดอะไรมาก เธอยังคงก้มหน้ากินข้าวต่อไป
ทว่า...คำพูดนั้นที่ผ่านเข้ามาในหูของจ้านอี้หยางเขากลับรู้สึกว่ามันต่างออกไป
ความสัมพันธ์ของเขากับครอบครัวนั้นไม่ค่อยดีเท่าไรหากไม่ใช่เพราะวันหยุด่เทศกาล ตัวเขาก็คงขลุกอยู่แต่ในกองทัพ
แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีใครพูดกับแบบนี้แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีใครรอเขา...กลับบ้าน
แต่ว่าตอนนี้มีแล้ว ผู้หญิงที่ดูไม่ค่อยฉลาด ผู้หญิงที่ชอบยิ้มผู้หญิงที่เวลาหัวเราะดวงตาจะเป็ประกาย ยังไม่รวมถึงอารมณ์ต่างๆที่ดูยุ่งยากใจแต่ดูรวมๆแล้ว คำพูดหวานๆเสียงอันไพเราะของเธอทำให้ใครก็ตามทำตามคำพูดของเธอได้หากไม่ทันระวัง
เขากระตุกยิ้มที่มุมปาก
“ยัยซื่อบื้อ"
ซูหรงหรงเบะปาก ทำไมล่ะอย่างน้อยยัยซื่อบื้อก็เอาคืนนายได้ครั้งหนึ่งแล้วล่ะน่า
“เธอมีความจริงอะไรอยากจะบอกฉันมั้ยตอนนี้ฉันกำลังอารมณ์ดี ไม่คิดตอบกลับเธอแน่นอน"
อาจเป็เพราะจ้านอี้หยางเป็ทหารเขาจึงมีความรู้สึกไวกว่าคนทั่วไป แม้เขาจะไม่สามารถบอกได้ว่ามีเื่อะไรแต่เขามารถจับความรู้สึกได้ว่าเธอกำลังปิดบังเขาอยู่
ซูหรงหรงเอ่ยถามเสียงนุ่มนวลอ้อนหวาน
“ถ้านายอารมณ์ไม่ดี นายจะทำอะไรฉันอย่างนั้นเหรอ?"
“ฉลาดนี่"
จ้านอี้หยางยกนิ้วให้กับความชาญฉลาดของเธอก่อนจะหยิบเนื้อวัวชิ้นหนึ่งส่งให้เธอ
ซูหรงหรงเพิ่งรับรู้ได้ถึงความเย็นะเืที่ถูกแผ่ออกมาเธอเริ่มตัวสั่นเทา
“ตกลงนายจะทำอะไรกันแน่?"
“เธอยังจำได้มั้ยว่าเธอเคยถามว่าฝีมือด้านกังฟูของฉันเป็อย่างไร?"
ซูหรงหรงอ้าปากค้างจนน้ำลายไหล อยู่ๆ เธอก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา
“จำได้"
“ดีมาก แล้วตอนนั้นฉันตอบเธอว่ายังไง?"
ริมฝีปากของจ้านอี้หยางกระตุกยิ้มขึ้นเขาเพียงแค่เห็นแววตาของซูหรงหรง รอยยิ้มของเขาก็ยิ่งอันตรายขึ้นอันตรายขึ้น
“เธอตอบฉันสิ..."
ซูหรงหรงใกล้จะร้องไห้แหล่ไม่ร้องไห้แหล่
“ทำให้คนคนนั้นหยุดหายใจได้"
“อืม จำคำพูดนี้ไว้ให้ดี"
รอยยิ้มของจ้านอี้หยางยิ่งดูลึกล้ำมากขึ้นเขาหยิบเนื้ออีกชิ้นวางไว้บนจานของซูหรงหรง บัดนี้ซูหรงหรงแน่ใจแล้วว่าจ้านอี้หยางจะต้องรู้เื่แล้วเป็แน่เขาถึงดูมั่นใจขนาดนั้น
ซูหรงหรงน้ำตาไหลเป็ทาง พระแม่มารีได้โปรดช่วยลูกด้วย...
พอถูกจ้านอี้หยางข่มขู่ เธอก็ไม่กล้าที่จะพูดความจริงเธอสัญญาว่าจะเก็บมันไว้ในใจ พอผ่านไปสักพักหนึ่งค่อยบอกความจริงกับเขาเธอจะบอกกับเขาว่าเธอใช้่เวลาที่เขาไม่อยู่เรียนทำอาหาร จากนั้นก็ทำอาหารเป็
เมื่อทานข้าวเสร็จ ซูหรงหรงก็เก็บจานเธอล้างทำความสะอาดจนเรียบร้อยทว่าเธอกลับมองไม่เห็นจ้านอี้หยางในห้องครัวั้แ่เมื่อครู่นี้แล้ว
พอมองภายในห้องรับแขกที่ว่างเปล่าเธอก็เข้าใจว่าเขาคงจะเข้านอนแล้ว
ค่ำคืนนี้เธอกับจ้านอี้หยาง...
อ๊าย จะต้องนอนห้องเดียวกับจริงๆ เหรอ?
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอกลับรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆทำไมเธอถึงไม่คิดที่จะหนี?
ซูหรงหรงนี่...นี่หรือว่าเธอจะเป็ไปตามคำที่จ้านอี้หยางพูดเสียแล้ว
เธอกลายเป็ผู้หญิงซาดิสม์ไปแล้วเหรอ?
ฮึ่ย ซูหรงหรง...ศักดิ์ศรีของเธออยู่ที่ไหนกันดึงสติกลับมาได้แล้ว
ขายหน้าจริงๆ...