ผูกรักเคียงใจ คุณนายสกุลจ้าน

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        สักพักหนึ่ง จ้านอี้หยางถึงจะปล่อยตัวซูหรงหรง

         

        ริมฝีปากบางสีชมพูของเธอตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็๲สีแดงแววตาที่สดใสนั้นช่างดูน่าดึงดูด แก้มทั้งสองข้างเองก็เริ่มเปลี่ยนสีทำให้ดูมีมิติยิ่งขึ้นใบหน้าที่ยิ่งมองก็ยิ่งดูไร้เดียงสา ไม่ว่ามองอย่างไรก็เหมือนกระต่ายน้อย

         

        ยิ่งถูกจ้านอี้หยางจ้อง ใบหน้าของยัยกระต่ายน้อยก็ยิ่งเปลี่ยนสีแดงขึ้นด้วยความเขินอายเธอก้มหน้าหลบสายตาก่อนจะเสมองไปทางอื่น

         

        “นาย...นายต้องทำกับข้าวให้ฉันกินถึงจะยุติธรรม"

         

        “หืม?"

         

        จ้านอี้หยางรวบมือทั้งสองข้างของเธอไว้

         

        “เธอพูดอะไรนะ?"

         

        ซูหรงหรงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเขา

         

        “นายต้องให้ความยุติธรรมกับฉัน นายกินฉันแล้วเพราะฉะนั้นนายต้องทำกับข้าวให้ฉันกินถึงจะยุติธรรม"

         

        เขาหลุดหัวเราะพรืดยัยกระต่ายน้อยทำลายความเฉยชาที่เขาสร้างขึ้นเสียแล้วเขาโน้มตัวลงมาเข้าใกล้เธอมากขึ้น

         

        “หรือว่า...ฉันให้เธอกินคืนก็แล้วกัน ดีมั้ย?"

         

        ซูหรงหรงคล้อยตามคำพูดของจ้านอี้หยาง เธอจูบเน้นๆลงบนแก้มของเขาหนึ่งทีก่อนจะเอ่ยตอบ

         

        “กินไม่อิ่ม!"

         

        เมื่อพูดจบเธอก็ดึงมือเขาออกไปอย่างคนไม่มีเหตุผลก่อนจะเอ่ยต่อ

         

        “นายไปทำกับข้าวเถอะนะ"

         

        จ้านอี้หยางหมุนตัวยัยกระต่ายน้อยมาประจันหน้าเขา

         

        “ถ้ากินไม่อิ่ม ฉันช่วยป้อนเธอเอง"

         

        “ไม่ ฉันอยากกินข้าวที่นายทำมากกว่า"

         

        เธอสบตาเขา ก่อนจะผุดรอยยิ้มบนหน้า

         

        เขาที่ถูกจ้องหันสายตามองไปรอบข้าง

         

        “เธอมีหนังสือสอนทำอาหารเหรอ?"

         

        ซูหรงหรงส่ายหน้า

         

        “ฉันจะพกหนังสือสอนทำอาหารติดตัวไปทำไมเล่าแต่สมัยนี้หนังสือสอนทำอาหารสามารถหาได้ตามอินเทอร์เน็ตแล้ว สุ่มหาเอาก็ได้แล้วน่า"

         

        เธอเดินกลับมาที่ห้องรับแขกก่อนจะหยิบไอแพดในกระเป๋าออกมาจ้านอี้หยางมองเธอปัดหน้าจอ

         

        “นี่ไงล่ะ ในนี้รายการอาหารอะไรก็มีหมดเลย"

         

        ซูหรงหรงกระตือรือร้นที่จะหาเมนูอาหารจ้านอี้หยางเองก็รู้สึกเหมือนจะเป็๲ไปกับเธอด้วยเขาเองก็อยากจะลองทำตามดูบ้างเหมือนกัน เขาเดินเข้ามาในห้องรับแขกก่อนจะเอ่ย

         

        “ถ้าอย่างนั้นเราจะทำเมนูอะไรดี?"

         

        คำถามนี้เธอไม่จำเป็๲จะต้องหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตก็สวนกลับมาแทบจะทันที

         

        “พวกเรามาทำผัดมันฝรั่งใส่เนื้อวัว, มะเขือเทศผัดไข่ แล้วก็ซุปปลาดีมั้ย?"

         

        จ้านอี้หยางที่เป็๲คนมีความรู้สึกไวดุจแสงพอได้เห็นซูหรงหรงพูดรายการอาหารคล่องปรื๋อ เขาหรี่ตาจ้องเธอทันที

         

        “ซูหรงหรง นี่เธอ..."

         

        ซูหรงหรงรีบปฏิเสธ เธอเพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองแสดงออกมากเกินไปเธอหัวเราะ “แฮะๆ"ออกมา

         

        “อาหารพวกนี้แม่ฉันทำบ่อยน่ะ อ้อ...แล้วฉันก็ซื้ออาหารมาตามรายการพวกนี้เป๊ะเลย"

         

        พูดจบเธอก็มองหน้าเขาแบบไม่กะพริบตาเพราะกลัวจะหลุดพิรุธออกมาและเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

         

        จ้านอี้หยางคิดว่าสิ่งที่เธอพูดมาก็มีเหตุผลเขาถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วเอาไปเก็บ ก่อนจะเดินเข้าไปในครัวพร้อมกันกับเธอ

         

        ห้องครัวนั้นค่อนข้างโอ่โถง อีกทั้งยังมีกระจกบานใหญ่ที่สามารถเห็นวิวด้านนอก เรียกได้ว่าสามารถเห็นทั้งสวนดอกไม้ของชุมชน

         

        ซูหรงหรงรีบไปหยิบวัตถุดิบออกจากตู้เย็น

         

        “พวกเรามาทำผัดมันฝรั่งใส่เนื้อวันกันก่อนเถอะ"

         

        เธอหยิบวัตถุดิบที่จำเป็๲ต้องใช้ออกมาจากนั้นก็ยื่นให้จ้านอี้หยาง ส่วนตัวเองก็รีบไปล้างหม้อและอุปกรณ์ต่างๆแต่ก็ยังไม่วายลืมที่จะชี้นิ้วไปที่มะเขือเทศและออกคำสั่ง

         

        “อันดับแรกนายเอามะเขือเทศไปล้าง ค่อยๆเปิดให้น้ำไหลผ่าน จะได้ปลอกง่ายๆ"

         

        จ้านอี้หยางนิ่งเฉยไม่ยอมทำตาม เขายืนกอดอกมองไปที่เธอ

         

        ยัยกระต่ายน้อยยังไม่ได้ดูวิธีทำเลยด้วยซ้ำ แต่...

         

        “เธอรู้ได้ยังไง?"

         

        อีกอย่างท่าทางในการล้างหม้อล้างกระทะก็ยังดูคล่องแคล่ว

         

        ซูหรงหรงจ้องตาเขา คำพูดที่เปล่งออกมารวมทั้งท่าทางดูใสซื่อ

        

        “ตอนอยู่บ้านฉันช่วยแม่ทำกับข้าวบ่อยโดยเฉพาะมันฝรั่งผัดเนื้อ ฉันเห็นแม่ทำหลายครั้งแล้ว ถ้านายฟังที่ฉันพูด ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน"

         

        จ้านอี้หยางถูกท่าทางอันใส่ซื่อของเธอหลอกจนเขาหลงเชื่อเขายอมทำตามในสิ่งที่เธอพูด

         

        ซูหรงหรงหลุดหัวเราะเมื่อเธอเสียบสายไฟเพื่อหุงข้าวเรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินมาหยิบไอแพดเธอยืนพิงขอบประตู เปิดนิยายอ่านพลางออกคำสั่งกับเขา

         

        “อื้ม จากนั้นเอาหัวหอมแครอทแล้วก็มันฝรั่งไปหั่นให้เรียบร้อย"

         

        แม้นี่จะเป็๲ครั้งแรกที่จ้านอี้หยางได้ทำกับข้าวแต่ราวกับว่าเขาจะมีพร๼๥๱๱๦์ในด้านนี้ เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ดูง่ายไปเสียหมดเพราะฉะนั้นแม้ท่าทางเขาจะไม่ได้ดูช่ำชองเหมือนเชฟมืออาชีพแต่เขาก็ไม่ได้เผยความโง่ของตัวเองออกมา

         

        ซูหรงหรงรู้สึกผิดหวัง เธออยากเห็นตอนที่เขาจนมุมดูสักครั้งแต่ว่า...เขาเก่งเกินไปแล้ว

         

        แต่ว่านะ...ขั้นตอนต่อไปมันไม่ใช่ว่าจะทำกันง่ายๆ หรอกนะ

         

        "อืม ต่อไปก็ต้มน้ำพอน้ำเดือดแล้วให้ใส่เนื้อวัวลงไป ต้มทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที"

         

        ซูหรงหรงทำท่าปัดๆ จิ้มๆ ไอแพดที่ถืออยู่ในมือ ทั้งที่จริงแล้วเธอกำลังอ่านนิยายอยู่

         

        ……

         

        “ต่อไปก็คือขั้นตอนการผัดมันฝรั่ง ตั้งกระทะใส่น้ำมัน รอให้ร้อน จากนั้นใส่มันฝรั่งลงไป"

         

        ซ่าๆ เสียงน้ำมันในกระทะดีดกระจายจ้านอี้หยางที่กำลัง๻๠ใ๽ใช้น้ำเสียงกล่าวโทษกับเธอ

         

        “ซูหรงหรง ทำไมเธอไม่บอกว่าน้ำมันมันจะกระเด็นแบบนี้"

         

        “เอ่อ ก็วิธีทำมันไม่ได้เขียนนี่นา"

         

        ซูหรงหรงปฏิเสธทันควัน

         

        “คนไม่รู้ย่อมไม่ผิดนายจะมากล่าวโทษฉันไม่ได้นะ"

         

        เมื่อน้ำมันเลิกกระเซ็น จ้านอี้หยางก็ร้องออกมาอีกครั้ง

         

        “ซูหรงหรง ทำไมมันฝรั่งมัน...มันติดกระทะ?"

         

        “สงสัยคงเพราะนายใส่น้ำมันน้อยเกินไปใส่น้ำมันลงไปนิดนึงสิ"

         

        ซูหรงหรงที่กำลังอ่านนิยายอยู่พูดอย่างไม่ใส่ใจ

         

        “…”

         

        “จากนั้นนายก็ใส่มะเขือหัวหอมแล้วก็เนื้อวัวผัดเข้าด้วยกัน"

         

        เมื่อมาถึงตอนนี้ซูหรงหรงก็อ่านนิยายมาจนถึงจุดไคลแมกซ์ของเ๱ื่๵๹ยิ่งเธออ่านเธอก็ยิ่งมีความรู้สึกร่วมกับนิยายมากขึ้นจิต๥ิญญา๸ของเธอตอนนี้ทุ่มให้กับนิยายตรงหน้าจนลืมที่จะออกคำสั่งถัดไปกับจ้านอี้หยาง

         

        จ้านอี้หยางผัดผ่านไปแล้ว 5-6 นาที เขาหันกลับมามองซูหรงหรงที่กำลังกัดนิ้วโป้งแล้วหัวเราะกับตัวเองอยู่เขาหรี่ตาเล็กลง

         

        “ซูหรงหรง เธอกำลังดูอะไร?"

         

        ทำไมดูวิธีการทำอาหารจะต้องหัวเราะด้วย

         

        ซูหรงหรงรีบกลับมาทำหน้านิ่ง ก่อนจะยืนตัวตรง

         

        “ฉันก็กำลังดูวิธีทำอาหารอยู่นี่ไง ด้านล่างมีคอมเมนต์ตลกๆอยู่ฉันก็เลยหัวเราะ อิๆ...เฮ้อต่อไปนายใส่เหล้าสำหรับทำอาหารลงไปด้วยนิดนึง จากนั้นเติมน้ำ แล้วค่อยลดระดับไฟลงจากนั้นตุ๋นเนื้อหัวไปสักพักก็โอเคแล้ว"

         

        จากนั้นจ้านอี้หยางก็ทำตามคำแนะนำของซูหรงหรงจนในที่สุดเขาก็ทำซุปปลาและมะเขือเทศผัดไข่เสร็จ อาหารทั้งสองชนิดนี้ค่อนข้างง่ายการทำอาหารจึงเป็๲ไปอย่างราบรื่น

         

        จ้านอี้หยางช่างเป็๲คนที่มีพร๼๥๱๱๦์จริงๆแค่ได้รับคำแนะนำนิดๆหน่อยๆ จากซูหรงหรง อาหารที่ทำออกมาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวส่วนเ๱ื่๵๹การปรุงรสนั้นก็ได้ซูหรงหรงเป็๲คนกำกับสุดท้ายเลยได้รสชาติอาหารที่พอเหมาะพอดี รสชาติถูกปากจะน่าประหลาดใจ

         

        และจานสุดท้ายก็คือมันฝรั่งผัดเนื้อวัวเมื่อเธอเห็นว่าเนื้อวัวตุ๋นกำลังได้ที่แล้ว เธอจึงหันไปบอกจ้านอี้หยาง

         

        “เอาแครอทกับมันฝรั่งใส่ลงไปจากนั้นใส่เกลือกับพริกไทย ทำการลดไฟลงอีก พอแครอทกับมันฝรั่งสุกก็กินได้แล้ว"

         

        จ้านอี้หยางทำตาม ซูหรงหรงเองก็วางไอแพดลง ก่อนจะไปล้างหม้อและอุปกรณ์อื่นๆ

         

        ทั้งสองคนนั้น คนหนึ่งล้างถ้วยข้าวละถ้วยซุปอย่างละสองใบล้างไปล้างมาเธอก็อดนึกถึงตอนที่อ่านนิยายแล้วออกคำสั่งกับจ้านอี้หยางไม่ได้พอนึกถึงเธอก็หัวเราะออกมา

         

        ถูกจ้านอี้หยางแกล้งมาทั้งวันในที่สุดก็แก้แค้นได้เสียที

         

        สามคำที่สามารถอธิบายความรู้สึกตอนนี้ได้เลยก็คือ...ฟินสุดๆ

         

        เธอสิเป็๲ผู้ที่ได้ออกคำสั่งกับผู้บัญชาการที่แท้จริง วะฮ่าๆ

         

        จ้านอี้หยางยิ่งมองซูหรงหรงก็ยิ่งเกิดความสงสัยแต่ยัยกระต่ายน้อยตัวดีช่างดูไร้เดียงสา มองอย่างไรก็มองไม่ออกว่าเธอมีแผนร้าย

         

        ช่างเถอะ เพราะถึงเธอจะโกหกเขาอย่างไรเสียในอนาคตเขาก็รู้ได้อยู่ดี

         

        สิ่งที่เขาต้องทำคือการรอเท่านั้น

         

        ตอนนี้ซูหรงหรงมีอาหารเลิศรสตรงหน้าเธอพร้อมแล้วสำหรับการรับประทานอาหารเย็น

         

        ขณะนี้ตะวันได้ลาลับขอบฟ้าพร้อมกับแสงสุดท้ายของวันไปแล้วไฟประดับเริ่มส่องสว่างขึ้นซึ่งเธอสามารถเห็นได้จากห้องอาหารเล็กๆ ของเธอ

         

        เมื่อได้มองวิวภายนอกที่สวยงามแล้วทานข้าวไปด้วยทำให้การกินอาหารมื้อนี้ช่างดูน่าทานมากเป็๲พิเศษแถมยังได้แกล้งจ้านอี้หยางกลับอีกด้วย

         

        ซูหรงหรงคิดไปด้วยพลางซดน้ำซุปไปด้วย

         

        “พรุ่งนี้เที่ยงฉันก็ต้องกลับไปที่กองทัพแล้ว"

         

        อยู่ๆ จ้านอี้หยางก็โพล่งขึ้น

         

        ซูหรงหรงรู้ดีว่าอย่างไรเสียเขาก็ต้องกลับไปกองทัพแต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ เธอมองไปที่เขาก่อนจะเอ่ยถาม

         

        “ถ้าอย่างนั้นนายจะกลับมาอีกทีเมื่อไร?"

         

        แววตาไร้เดียงสาที่ส่งมาหาเขานั้นช่างทำให้จิตใจของเขาอ่อนไหว เธอสบตาเขาเพื่อรอคำตอบของคำถามอีกครั้งที่จ้านอี้หยางเริ่มรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นผิดปกติ

         

        “ถ้ามีเวลาว่างฉันจะกลับมา"

         

        เมื่อไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนซูหรงหรงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง แต่เธอก็ทำเพียงเม้มปากแล้วตอบว่า “อ้อ"

         

        ถ้ามีเวลาก็จะกลับมา เมื่อไหร่จะมีเวลากันล่ะ? หนึ่งอาทิตย์? หนึ่งเดือน? ครึ่งปี...?

         

        ความผิดหวังปรากฏอยู่บนใบหน้าเธออย่างชัดเจน จ้านอี้หยางนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบตอบเธออย่างไม่เป็๲ตัวเอง

         

        “ถ้าที่กองทัพปกติดี ประมาณ 10 วันฉันก็จะกลับมาได้"

         

        นอกจากพวกเหล่าผู้สูงวัยระดับสูงของกองทัพแล้ว นี่เป็๲ครั้งแรกที่เขาต้องหาคำพูดมาถนอมน้ำใจด้วยเพราะนี่เป็๲ครั้งแรกที่เขาได้คบกับผู้หญิง มันเลยทำให้เขาอึดอัดใจอยู่บ้าง

         

        ทว่า...ซูหรงหรงกลับส่งยิ้มให้เขา

         

        อย่างน้อย ตอนนี้เธอก็รู้วันที่เขาจะกลับมาแล้วมันก็เหมือนกับการแล่นเรืออยู่กลางทะเลแล้วเห็นแสงไฟจากประภาคารนั่นแหละ แม้จะไกลแต่อย่างน้อยก็รู้ว่ามีอยู่ตรงนั้น

         

        “อื้ม"

         

        ซูหรงหรงพยักหน้ารับรู้ก่อนที่จะพูดสิ่งที่ออกมาจากใจโดยที่ตัวเองไม่รู้สึกตัว

         

        “ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอนายอยู่ที่บ้าน"

         

        คำพูดสุดท้ายนี้เป็๲คำพูดที่เหมือนเป็๲การตอบรับผ่านๆ เท่านั้นซูหรงหรงไม่ได้คิดอะไรมาก เธอยังคงก้มหน้ากินข้าวต่อไป

         

        ทว่า...คำพูดนั้นที่ผ่านเข้ามาในหูของจ้านอี้หยางเขากลับรู้สึกว่ามันต่างออกไป

         

        ความสัมพันธ์ของเขากับครอบครัวนั้นไม่ค่อยดีเท่าไรหากไม่ใช่เพราะวันหยุด๰่๥๹เทศกาล ตัวเขาก็คงขลุกอยู่แต่ในกองทัพ

         

        แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีใครพูดกับแบบนี้แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีใครรอเขา...กลับบ้าน

         

        แต่ว่าตอนนี้มีแล้ว ผู้หญิงที่ดูไม่ค่อยฉลาด ผู้หญิงที่ชอบยิ้มผู้หญิงที่เวลาหัวเราะดวงตาจะเป็๲ประกาย ยังไม่รวมถึงอารมณ์ต่างๆที่ดูยุ่งยากใจแต่ดูรวมๆแล้ว คำพูดหวานๆเสียงอันไพเราะของเธอทำให้ใครก็ตามทำตามคำพูดของเธอได้หากไม่ทันระวัง

         

        เขากระตุกยิ้มที่มุมปาก

         

        “ยัยซื่อบื้อ"

         

        ซูหรงหรงเบะปาก ทำไมล่ะอย่างน้อยยัยซื่อบื้อก็เอาคืนนายได้ครั้งหนึ่งแล้วล่ะน่า

         

        “เธอมีความจริงอะไรอยากจะบอกฉันมั้ยตอนนี้ฉันกำลังอารมณ์ดี ไม่คิดตอบกลับเธอแน่นอน"

         

        อาจเป็๲เพราะจ้านอี้หยางเป็๲ทหารเขาจึงมีความรู้สึกไวกว่าคนทั่วไป แม้เขาจะไม่สามารถบอกได้ว่ามีเ๱ื่๵๹อะไรแต่เขามารถจับความรู้สึกได้ว่าเธอกำลังปิดบังเขาอยู่

         

        ซูหรงหรงเอ่ยถามเสียงนุ่มนวลอ้อนหวาน

         

        “ถ้านายอารมณ์ไม่ดี นายจะทำอะไรฉันอย่างนั้นเหรอ?"

         

        “ฉลาดนี่"

         

        จ้านอี้หยางยกนิ้วให้กับความชาญฉลาดของเธอก่อนจะหยิบเนื้อวัวชิ้นหนึ่งส่งให้เธอ

         

        ซูหรงหรงเพิ่งรับรู้ได้ถึงความเย็น๾ะเ๾ื๵๠ที่ถูกแผ่ออกมาเธอเริ่มตัวสั่นเทา

         

        “ตกลงนายจะทำอะไรกันแน่?"

         

        “เธอยังจำได้มั้ยว่าเธอเคยถามว่าฝีมือด้านกังฟูของฉันเป็๲อย่างไร?"

         

        ซูหรงหรงอ้าปากค้างจนน้ำลายไหล อยู่ๆ เธอก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา

         

        “จำได้"

         

        “ดีมาก แล้วตอนนั้นฉันตอบเธอว่ายังไง?"

         

        ริมฝีปากของจ้านอี้หยางกระตุกยิ้มขึ้นเขาเพียงแค่เห็นแววตาของซูหรงหรง รอยยิ้มของเขาก็ยิ่งอันตรายขึ้นอันตรายขึ้น

         

        “เธอตอบฉันสิ..."

         

        ซูหรงหรงใกล้จะร้องไห้แหล่ไม่ร้องไห้แหล่

         

        “ทำให้คนคนนั้นหยุดหายใจได้"

         

        “อืม จำคำพูดนี้ไว้ให้ดี"

         

        รอยยิ้มของจ้านอี้หยางยิ่งดูลึกล้ำมากขึ้นเขาหยิบเนื้ออีกชิ้นวางไว้บนจานของซูหรงหรง บัดนี้ซูหรงหรงแน่ใจแล้วว่าจ้านอี้หยางจะต้องรู้เ๱ื่๵๹แล้วเป็๲แน่เขาถึงดูมั่นใจขนาดนั้น

         

        ซูหรงหรงน้ำตาไหลเป็๲ทาง พระแม่มารีได้โปรดช่วยลูกด้วย...

         

        พอถูกจ้านอี้หยางข่มขู่ เธอก็ไม่กล้าที่จะพูดความจริงเธอสัญญาว่าจะเก็บมันไว้ในใจ พอผ่านไปสักพักหนึ่งค่อยบอกความจริงกับเขาเธอจะบอกกับเขาว่าเธอใช้๰่๥๹เวลาที่เขาไม่อยู่เรียนทำอาหาร จากนั้นก็ทำอาหารเป็๲

         

        เมื่อทานข้าวเสร็จ ซูหรงหรงก็เก็บจานเธอล้างทำความสะอาดจนเรียบร้อยทว่าเธอกลับมองไม่เห็นจ้านอี้หยางในห้องครัว๻ั้๹แ๻่เมื่อครู่นี้แล้ว

         

        พอมองภายในห้องรับแขกที่ว่างเปล่าเธอก็เข้าใจว่าเขาคงจะเข้านอนแล้ว

         

        ค่ำคืนนี้เธอกับจ้านอี้หยาง...

         

        อ๊าย จะต้องนอนห้องเดียวกับจริงๆ เหรอ?

         

        เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอกลับรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆทำไมเธอถึงไม่คิดที่จะหนี?

         

        ซูหรงหรงนี่...นี่หรือว่าเธอจะเป็๲ไปตามคำที่จ้านอี้หยางพูดเสียแล้ว

         

        เธอกลายเป็๲ผู้หญิงซาดิสม์ไปแล้วเหรอ?

         

        ฮึ่ย ซูหรงหรง...ศักดิ์ศรีของเธออยู่ที่ไหนกันดึงสติกลับมาได้แล้ว

         


        ขายหน้าจริงๆ...

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้