ขณะที่จ่ายเงินซูหรงหรงยังคงคลำหาบัตรในกระเป๋าไม่เจอจ้านอี้หยางเห็นดังนั้นจึงยื่นบัตรของเขาให้พนักงานรูดจ่ายเงิน
“เฮ้อถ้านายคิดจะจ่ายเองหมดแบบนี้ แล้วนายจะเอาบัตรใบนั้นมาให้ฉันใช้ทำไมกัน?"
ซูหรงหรงที่มือว่างเปล่าไม่ได้ถือของบ่นกระปอดกระแปดตามหลังจ้านอี้หยางที่ถือถุงหิ้ว2 ถุงเธออดสงสารจ้านอี้หยางไม่ได้ แต่เมื่อมองจากพละกำลังของจ้านอี้หยางแล้วเธอก็วางใจมือทั้งสองข้างของเธอเปลี่ยนมาสอดไว้ภายใต้เสื้อคลุมตัวนอกยัยกระต่ายน้อยะโโลดเต้นอยู่ทางด้านหลังจ้านอี้หยาง
จ้านอี้หยางวางของไว้ที่เบาะด้านหลังภายในตัวรถ
“ไม่ใช่เธอเหรอที่บอกเองว่าสามีคือกระเป๋าเงินเคลื่อนที่? บัตรใบนั้นเวลาที่ฉันไม่อยู่เธอค่อยเอาไปใช้"
“อ้อ"
แววตาปลาบปลื้มมองไปที่จ้านอี้หยางอย่างไม่วางตาถ้าไม่ใช่เพราะเขาเน้นย้ำขึ้นมาเธอก็คงลืมไปแล้วว่าเขาเป็ทหารโดยปกติทหารจะต้องอยู่ในค่าย
อ๊าย จะบ้าตายทำไมพอเธอคิดได้แบบนี้ เธอกลับมีความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา
ความรู้สึกนั้นราวกับว่า...ไม่อยากแยกจากเขา?
เธอนั่งหน้าเศร้าจนกระทั่งรถกลับมาถึงเขตชุมชนสายตาของซูหรงหรงทันสังเกตเห็นว่าใกล้กับหน้าประตูใหญ่มีร้านดอกไม้ขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกลร้านดอกไม้ร้านนั้นช่างดึงดูดความสนใจของเธอจนเธอรีบใช้มือดึงแขนจ้านอี้หยาง
“จอด...จอดก่อน จอดรถ"
จ้านอี้หยางเหยียบเบรกยังไม่ทันจะได้ถามว่าจะไปไหน ซูหรงหรงก็ะโลงจากรถไปแล้วเธอพุ่งตัวไปที่ร้านดอกไม้ร้านนั้น
พอมานึกดูแล้วเขาจำได้ว่ายัยกระต่ายน้อยเคยพูดไว้ว่าอยากปลูกต้นไม้
ซูหรงหรงเดินมาใกล้จะถึงร้านขายดอกไม้เมื่อเ้าของร้านดอกไม้ที่อายุอานามดูยังไม่มากและหน้าตาที่สวยงามสมวัยนั้นเห็นซูหรงหรงเดินปรี่เข้ามาด้วยความสนอกสนใจเธอรีบกล่าวทักทายทันที
ฤดูใบไม้ผลินี้ราวกับเป็ฤดูของความรักบนกระเช้าเหล็กดัดถูกแต่งเติมด้วยกระถางดอกไม้สดเล็กๆ อย่างเข้ากัน ซูหรงหรงเรียกได้ว่าเป็คนที่หลงรักในดอกไม้มากเมื่อเธอได้เจอดอกไม้ กลไกป้องกันตัวของร่างกายเธอกลายเป็ศูนย์ทันที
เมื่อจ้านอี้หยางเข้ามาในร้านสิ่งที่เขาเห็นเป็อันดับแรกคือซูหรงหรงที่นั่งยองๆดูเหล่ากระถางต้นไม้เ่าั้ กระเป๋าสะพายลายพุทราจีนกับชายเสื้อคลุมลายทหารของเธอราบลงกับพื้นทว่าสายตาของเธอกลับจดจ้องไปยังดอกไม้พวกนั้นอย่างตั้งใจ
แสงอาทิตย์ยามบ่ายเริ่มสาดส่องเข้ามาในร้านขาของซูหรงหรงกระทบกับแสงแดดนั้นอย่างพอดิบพอดีเธอยกดอกไม้ที่กำลังผลิขึ้นมาด้วยสองมือ จนใบหน้าของเธอถูกแทนที่ด้วยกระถางดอกไม้กระถางนั้นไปครึ่งหนึ่ง
ที่จริงแล้วซูหรงหรงยังคงมีความเป็เด็กอยู่มากผิวสีขาวนวลลออเรียบเนียบราวกับผิวของเด็กแรกเกิดเธอสดใสร่าเริงราวกับดอกไม้ที่กำลังผลิบานหลังจากได้รับน้ำไปหล่อเลี้ยงแก้มทั้งของข้างของเธอชมพูใสดูมีชีวิตชีวา เธอที่อยู่ด้านหลังดอกไม้ในตอนนี้ช่าง...
“...สวยงามกว่าดอกไม้...ใช่มั้ย?"
เ้าของร้านเอ่ยขึ้นพร้อมส่งเสียงหัวเราะเบาๆอยู่ด้านข้างจ้านอี้หยาง
เขาใส่มือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตนและทำเพียงยืนมองซูหรงหรงอย่างไม่วางตา
แม้นเขาจะไม่ตอบแต่กิริยาของเขาตอนนี้ก็แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดเ้าของร้านหัวเราะชอบใจ
“แฟนของคุณเหรอคะ?"
“ไม่ใช่ครับเขาเป็คุณผู้หญิงของผม"
พูดจบเขาก็เดินไปหาซูหรงหรงก่อนจะนั่งยองข้างๆ เธอ
“เธอชอบกระถางไหน?"
ซูหรงหรงรู้สึกสับสนอย่างรุนแรงมือทั้งสองวางไว้บนหัวเข่า ก่อนจะพักวางลงไว้บนแขน สายตาจับจ้องไปที่มวลดอกไม้เ่าั้
“นายถามฉันว่ามีอันไหนที่ฉันไม่ชอบบ้างจะดีกว่า"
กระถางที่เธอชอบเยอะมากๆนับไม่ไหว
“ถ้าอย่างนั้น...ก็ซื้อกลับหมดเลยดีมั้ย?"
นี่เป็วิธีแก้ปัญหาเดียวที่เขานึกออก
พอได้ยินแบบนั้คางเธอแทบจะเลื่อนหลุดจากมือ เธอจ้องใบหน้าของจ้านอี้หยางก่อนจะหัวเราะออกมา
“ถ้าเ้าของร้านได้ยินประโยคนี้เข้าคงดีใจมากแน่"
ในที่สุดซูหรงหรงก็เลือกหยิบกระถางดอกชาสีขาวหนึ่งกระถางดอกแพนซีและดอกป็อปปี้อีกอย่างละหนึ่งกระถาง
ในขณะที่กำลังถือดอกชาขาวออกจากร้านซูหรงหรงหัวเราะอย่างเ้าเล่ห์กับเ้าของร้าน
“ครั้งหน้าฉันจะมาอีกแน่นอนค่ะ"
“ยินดีเสมอ"
เ้าของร้านมองตามจ้านอี้หยางที่เดินอุ้มดอกไม้อีกสองกระถางออกไปก่อนจะเอ่ยเบาๆกับซูหรงหรง
“สามีของเธอหล่อมากเลย"
ซูหรงหรงมองตามสายตาเ้าของร้านไปที่แผ่นหลังกว้างทางด้านหลังของจ้านอี้หยางก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย
หล่อจนใครก็เทียบไม่ติด!
อ๊าย ความภาคภูมิใจปนพึงพอใจเหล่านี้คืออะไรกันแน่เนี่ย...
เมื่อกลับถึงบ้านก็ปาเข้าไป 4 โมงกว่าจ้านอี้หยางขนบรรดาลูกรักของซูหรงหรงไปวางไว้ที่ระเบียง ส่วนซูหรงหรงก็เปิดถุงที่ซื้อมาเพื่อนำของเ่าั้ไปจัดเก็บให้เรียบร้อย
ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างยุ่ง
ซูหรงหรงจับของชิ้นสุดท้ายซึ่งก็คือเนื้อวัวใส่เข้าไปในช่องแช่แข็งของตู้เย็นเธอเดินออกมาที่ระเบียง มองเหล่าบรรดาดอกไม้ของเธอก่อนจะยิ้ม
“ฮิๆ จ้านอี้หยาง...นายว่าดอกไม้พวกนี้สวยมั้ย?"
“ก็สวยดี"
จ้านอี้หยางเหลือบมองเวลา
“เธอทำกับข้าวเป็มั้ย?"
“ฉันเหรอ?"
ซูหรงหรงชี้นิ้วหันเข้าหาตัวเองก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่เป็"
จ้านอี้หยางค่อนข้างแปลกใจ เขาคิดว่าซูหรงหรงที่ดูเป็กุลสตรีจะทำกับข้าวเป็เสียอีก
“นายล่ะทำเป็มั้ย?"
เธอถามก่อนจะคุกเข่าลงบนพื้นเธอจ้องมาทางจ้านอี้หยางเธอคิดเอาเองว่าผู้ชายอย่างจ้านอี้หยางน่าจะทำเป็หมดทุกอย่าง แค่เื่กับข้าวน่าจะเป็เื่เล็กสำหรับเขาด้วยซ้ำ
จ้านอี้หยางหมุนตัวแล้วเดินมาหาซูหรงหรงมือทั้งสองข้างใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะส่งยิ้มที่ดูเหมือนไม่ยิ้มมาให้เธอ
“เธอคิดว่าฉันทำเป็มั้ยล่ะ?"
“อื้ม"
ซูหรงหรงพยักหน้ารับก่อนจะยิ้มกว้าง
“นายเป็คนมีความสามารถแค่เื่กับข้าวนายทำได้แน่นอน"
“จริงๆแล้ว..."
จ้านอี้หยางพูดเสียงเบา
“...ฉันเองก็ทำไม่เป็"
“เอ้อ..."
หน้าตาของซูหรงหรงแสดงออกถึงความประหลาดใจเธอเบะปากราวกับจะร้องไห้
“ฉันคิดว่านายทำเป็เสียอีก"
เพราะแบบนี้เมื่อครู่เธอถึงปฏิเสธว่าทำไม่เป็ถ้าอย่างนั้น...จะทำอย่างไรต่อไปละเนี่ย?
แสดงว่าผู้ชายเพอร์เฟกคงไม่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้สินะ?
ทันใดนั้นซูหรงหรงก็คิดบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้
โฮะๆ จ้านอี้หยาง...ใครใช้ให้นายชอบแกล้งคนอื่นกันถ้าอย่างนั้นลองโดนคนอื่นแกล้งดูสักครั้งเถอะ วะฮ่าๆๆๆ
พอคิดถึงตอนที่จ้านอี้หยางจะได้รู้ความจริงหลังจากนั้นเธอก็หลุดหัวเราะร่วนออกมาเธอมักจะเป็คนที่เก็บอาการไม่อยู่ พอเธอขำเธอก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างรวดเร็ว
จ้านอี้หยางหรี่ตาเล็กลงอย่างอันตราย
“การที่ฉันทำกับข้าวไม่เป็นี่มันน่าขำมากเลยเหรอ?"
เธอกล้ามากที่มาหัวเราะเยาะใส่เขาดูท่ายัยกระต่ายน้อยคนนี้คงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วสินะ
เธอมองไปที่เขาสายตาเลิ่กลั่กก่อนจะรีบส่ายหน้าปฏิเสธเธอพยายามทำหน้าใส่ซื่อเพื่อให้เขาไม่สงสัยในตัวเธอ
“ไม่ใช่นะฉันจะหัวเราะเยาะนายได้ยังไงเล่า..."
เธอกระดิกนิ้วชี้ขึ้นมาก่อนจะหัวเราะอย่างมีเลศนัยเธอทำท่าทางราวกับคนที่กำลังรอรางวัลจากการทำตัวมีประโยชน์
“...ฉันก็แค่คิดวิธีแก้ปัญหาออกแล้ว"
ลักษณะท่าทางของเธอดูอย่างไรก็เหมือนกระต่ายน้อยไม่มีผิดทั้งเชื่องทั้งไร้เดียงสา
จ้านอี้หยางเชื่อคำพูดของเธอเขาคิดว่าเธอคงไม่กล้าที่จะหลอกเขาเป็แน่
“อื้มไหนเธอลองพูดวิธีของเธอมาสิ"
“พวกเราทั้งคู่ต่างก็ทำกับข้าวกันไม่เป็ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปซื้อหนังสือสอนทำอาหารมาสิ..."
ใบหน้าของเธอตอนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“...พวกเราคนหนึ่งอ่านวิธีทำอีกคนก็ลงมือทำ ง่ายจะตาย!"
เขาถอนหายใจกับความหลงระเริงของอีกฝ่ายแต่ก็ไม่คิดจะขัดเธอเพราะนี่ก็เป็ทางออกที่ดีอย่างหนึ่ง แต่จุดสำคัญมันอยู่ที่...
“ใครอ่าน? ใครทำ?"
เขาหรี่ตาเล็กลงแล้วจ้องไปที่ซูหรงหรง
ซูหรงหรงรู้สึกกระดากใจเล็กน้อยเธอผุดลุกขึ้นยืน
“มันแน่นอนอยู่แล้วว่า...ฉันเป็คนอ่านนายเป็คนทำ"
“เธอแน่ใจแล้วนะว่าจะเป็คนยืนอ่านสูตรแล้วออกคำสั่งตอนฉันทำหืม?"
จ้านอี้หยางใช้น้ำเสียงข่มขวัญฝ่ายตรงข้ามเล็กน้อยพร้อมจ้องไปที่เธอตาเขม็ง
เขาที่เป็ทหารระดับผู้บัญชาการเคยแต่ออกคำสั่งผู้อื่น นี่กำลังจะมีคนอื่นมาออกคำสั่งกับเขาอย่างนั้นเหรอ?
“อ่า..."
ซูหรงหรงก้าวเท้าถอยหลังอัตโนมัติด้วยความกลัว
“...ไม่ใช่อย่างนั้นนะฉันแค่..."
สายตาเธอจ้องไปที่จ้านอี้หยางที่ตอนนี้ทำท่าจะดีดหน้าผากเธอซูหรงหรงรีบเอามือทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้าผากเธอเอาไว้ ก่อนจะะโใส่เขา
“...ก็ใครใช้ให้นายฉลาดกว่าฉันกันเล่า!"
มือของจ้านอี้หยางหยุดกลางอากาศเขามองเธอที่เอามือปิดหน้าผากของตัวเองอย่างระแวดระวัง เขากระตุกยิ้ม
“...พูดต่อสิ"
เธอค่อยๆปล่อยมือออกจากหน้าผาก เมื่อเธอแน่ใจแล้วว่าเขาจะไม่ตีเธอเธอจึงหลุดหัวเราะร่วนออกมา
“แม่ฉันเคยบอกเอาไว้ว่าในการเริ่มเรียนทำอาหารนั้น ความรู้ความสามารถเป็สิ่งสำคัญพอได้ลองพิจารณาตัวเราสองคนแล้ว...ไม่ว่ามองยังไงนายก็มีความสามารถมากกว่าฉัน"
“…”
จ้านอี้หยางมองที่ซูหรงหรงด้วยใบหน้าเรียบเฉยเขาไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
ซูหรงหรงยังคงหว่านล้อมจ้านอี้หยางต่อเธอกอดเข้าที่แขนของเขาก่อนจะเขย่าเบาๆ อย่างออดอ้อนการกระทำของเขาดูจะเหมือนจะถูกเธอสะกดไว้เสียแล้ว
“นายเป็คนทำเถอะนะถ้าให้ฉันทำมันจะต้องเละเทะแน่นอน ...นะคะๆ นายเป็คนทำนะ ฉันจะคอยช่วยเหลือนายอยู่ข้างๆเอง"
ท่าทางของจ้านอี้หยางตอนนี้ดูจะไม่สะทกสะท้านกับคำเกลี้ยกล่อมของซูหรงหรงเลยแม้แต่น้อย
ซูหรงหรงคิดว่าถือเป็สัญญาณที่ดีเพราะอย่างน้อยถ้าเขาไม่ได้ปฏิเสธก็แสดงว่ายังพอมีโอกาส เธอพยายามเบียดตัวซบที่ตัวของเขาก่อนจะส่งเสียงหวานออดอ้อน
“นายตกลงแล้วใช่มั้ยแค่เื่ทำกับข้าวเอง ฉันว่ามันไม่คณามือนายหรอกน่า"
เธอโอบรอบตัวจ้านอี้หยางซูหรงหรงไม่ได้สังเกตการกระทำของตนเองตอนนี้เลยว่าเธอกำลังกอดเอวเขาอยู่
จ้านอี้หยางมองไปที่ยัยกระต่ายน้อยซูหรงหรงที่กำลังกอดเขาอยู่ตอนนี้เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของเธอเต็มไปด้วยความจริงใจรอยยิ้มของเธอสดใสราวกับแสงอาทิตย์ ...เธอกำลังทำให้อีกฝ่ายใจเต้น
ยัยกระต่ายน้อยที่กำลังออดอ้อน
สถานการณ์แบบนี้มันก็ถือว่า...ไม่เลว
จ้านอี้หยางรับรู้ได้ถึงความผิดปรกติบางอย่างที่แล่นผ่านเข้ามาในหัวใจของเขาเขาไม่สามารถหาเหตุผลได้เลยว่าทำไมแต่เขาก็ปล่อยให้หัวใจของเขาพองโตขึ้นโดยไม่คิดจะไม่ขวางมัน
เขาใช้มือหนารั้งท้ายทอยของซูหรงหรงไว้จากนั้นขยับตัวของเธอเข้าใกล้ตัวเขามากขึ้น ก่อนจะก้มหน้าลงมาแล้วจูบเธอเข้าที่ริมฝีปาก
ริมฝีปากบางของเธอช่างอ่อนนุ่มรสััเหมือนกับวุ้นนุ่มนิ่ม ความรู้สึกที่ส่งผ่านมาช่างเบาสบายจ้านอี้หยางบรรจงชิมริมฝีปากอันหอมหวานของเธอจนไม่อยากจะปล่อยตัวเธอออก
ซูหรงหรงตะลึงงัน
ไม่ใช่ว่าเรากำลังพูดถึงเื่ทำกับข้าวเหรอ? ทำไม...ทำไมอยู่ๆก็กลายเป็จูบกันไปได้
อีกอย่าง...ทำไมตัวเธอเองถึงกำลังกอดเอวเขาอยู่กันล่ะเนี่ย!
ยัยกระต่ายน้อยซูหรงหรงยังคงไม่ปล่อยมือตาของเธอสบตาของเขา เธอกะพริบตาปริบๆจนขนตางอนยาวปัดไปมาบนหน้าของเขา
จ้านอี้หยางปล่อยตัวซูหรงหรงชั่วคราวก่อนจะส่งเสียงแสดงออกถึงความไม่พอใจเล็กน้อย
“ยัยซื่อบื้อหลับตาสิ"
“เอ่อ..."
ยัยซื่อบื้อตรงหน้าเขาตามสถานการณ์ไม่ทันดวงตาของเธอยิ่งกว้างขึ้นไปอีก
ใบหน้าของจ้านอี้หยางไม่ปรากฏรอยยิ้มริมฝีปากบางเลื่อนไปใกล้ดวงตาของซูหรงหรง ซูหรงหรงรีบหลับตาทันควัน
สุดท้ายเขาก็จูบอย่างแ่เบาบนดวงตาที่กำลังปิดอยู่ของเธอ
ซูหรงหรงใจเต้นไม่เป็สุขดวงตาของเธอรับรู้ได้ถึงััอันอบอุ่น
อ่า สบายจังเลย
จ้านอี้หยาง จ้านอี้หยาง...
ในตอนนี้ในหัวใจของซูหรงหรงมีเพียงสามคำนี้เท่านั้น
อ่า จะทำอย่างไรดีดูเหมือนว่าเธอ...จะเริ่มชอบเขาเข้าเสียแล้วสิ
จ้านอี้หยางเริ่มบรรจงจูบลงมายังแก้มนุ่มของเธอก่อนที่จะหยุดลงบนริมฝีปากบางอีกครั้ง รสััค่อยๆเปลี่ยนจากอ่อนหวานนุ่มนวลเป็ดูดดื่มขึ้น
รสชาติของยัยกระต่ายน้อยตัวนี้อร่อยถูกปากเสียจริง
จ้านอี้หยางพยายามจะสอดลิ้นเขาไปในปากของเธอซูหรงหรงที่ไม่รู้เื่รู้ราวกลับประกบฟันบนฟันล่างเข้าด้วยกัน
“ยัยบื้ออ้าปากสิ"
สุดท้ายจ้านอี้หยางต้องออกคำสั่งกับเธอ
เสียงของเขาดูต่ำลงกว่าปกติซูหรงหรงสับสนงงงัน แต่เมื่อเธอเปิดปาก จ้านอี้หยางก็ดุนดันลิ้นตัวเองสอดแทรกเข้าไปในปากของเธอ
ซูหรงหรงโอบกอดเขาอย่างไม่รู้ตัวก่อนจะจูบตอบกลับ
พัฒนาการดีขึ้นนี่...จ้านอี้หยางคิดอย่างพึงพอใจ