เมื่อฝากกระเพาะที่บ้านไป๋แล้วเรียบร้อยเซี่ยเสี่ยวหลานและหลิวเฟินก็กล่าวอำลา
หลิวเฟินยังคงคิดว่ามาเพื่อเยี่ยมมิตรสหายเท่านั้น แต่เธอไม่รู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานได้เกลี้ยกล่อมไป๋เจินจูเบื้องต้นแล้วเขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิงพัฒนาด้วยความเร็วสูง จำเป็ต้องรีบมีส่วนร่วมในปี 83 ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากสามารถยืนหยัดมั่นคงที่หยางเฉิงได้ภายภาคหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานยังต้องกังวลสิ่งใดอีกเล่า
ตกลงทั้งสองจะทำอะไรกันแน่นั้นต้องให้ไป๋เจินจูไปพิจารณาสถานการณ์เฉพาะเจาะจงของหยางเฉิงในเวลานี้
ความทรงจำแรกต่อเผิงเฉิงของเซี่ยเสี่ยวหลานเป็หลังยุคมิลเลนเนียล [1] เขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิงปี 83 นั้นเธอไม่เคยพบเห็น แต่เธออยากเป็สักขีพยานด้วยด้วยตาของตนเอง!
----------------------------------------------------
ตลาดค้าส่งเสื้อผ้ายังคงคึกคักเหมือนเดิม
เครื่องแต่งกายสำหรับฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวยังดีเสื้อแขนสั้นสำหรับฤดูร้อนขายเป็ ‘ชั่ง’ ส่วนกางเกงขายเป็ ‘โหล’
ต่อให้ครั้งแรกเซี่ยเสี่ยวหลานมีต้นทุนไม่เพียงพอแต่ไม่เคยนำเข้าสินค้าราคาถูก มีกางเกงยีนส์บางแบบหนึ่งโหล 12 ตัวราคาแค่ 80 หยวนราคาส่งตกตัวละไม่กี่หยวนแม้สินค้าที่เซี่ยเสี่ยวหลานนำเข้าอาจไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ส่งออกต่างประเทศ แต่อย่างน้อยด้านคุณภาพก็เหนือกว่ากางเกงยีนส์โหลละ 80 หยวนมากนัก
เมื่อวิเคราะห์เช่นนี้ กำไรที่เธอทำได้เหมือนจะไม่มากนักแต่ด้วยรูปแบบทันสมัยและคุณภาพสมบูรณ์แบบ ทำให้สินค้าที่เธอนำเข้าล้วนถูกคนแย่งชิงกลับไปทุกครั้ง
เซี่ยเสี่ยวหลานอยากรับเสื้อกันหนาว [2] เสียหน่อย
่หนาวที่สุดในฤดูหนาวของซางตูจะต่ำกว่าศูนย์องศาอยู่หลายจุดเดือนพฤศจิกายนก็สามารถััได้ถึงลมหนาวอันแสนเย็นะเื
เสื้อกันหนาวที่บางเบาและเก็บความอบอุ่นน่าจะขายได้แน่นอนเซี่ยเสี่ยวหลานอยากนำเข้าสักจำนวนหนึ่งกลับไปลองเชิงเสื้อคลุมขนสัตว์นำสมัยเหมือนตะวันตก แต่มันไม่สามารถป้องกันความหนาวเย็นได้เซี่ยเสี่ยวหลานจึงยังไม่คิดจะทิ้งตลาดนี้ไป
ทว่าเดินวนแล้วหนึ่งรอบ บนแผงลอยไม่มีเสื้อกันหนาวเลย
เดินทางมาสองรอบ เธอรู้ดีว่าคนเหล่านี้หาเงินจากอะไรก็ได้ขอเพียงมีลูกค้า้า พวกเขาต้องหาเสื้อกันหนาวได้อยู่แล้ว จึงถามไถ่ไม่อ้อมค้อมเซี่ยเสี่ยวหลานเดินทางมาซื้อสินค้าสองครั้ง ระยะห่างของการซื้อไม่นานเห็นได้ชัดว่าสินค้าขายดิบขายดี เพิ่มเติมด้วยใบหน้านี้ของเธอดังนั้นเถ้าแก่ประจำแผงจึงจดจำเธอได้แม่นยำเป็พิเศษ
“เสื้อกันหนาวหรือ เธอจะซื้อเท่าไรล่ะ?”
ยังเป็เถ้าแก่ที่ค้าส่งเสื้อไหมพรมก่อนหน้านี้ สินค้าของเขาแพงกว่าแผงอื่นคุณภาพและการออกแบบล้วนควรค่าแก่การลองดู
บนแผงของเขาไม่มีเสื้อกันหนาวเช่นกัน ทว่าพอเซี่ยเสี่ยวหลานได้ยินแบบนั้นจึงรู้ว่าพอมีความหวัง
“ต้องดูราคากับแบบ ส่วนคุณภาพ... ถ้าถูกใจหมด จะเอาสัก 10 ชิ้นก่อนน่ะค่ะ”
เมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานบอกว่า้าเพียง 10 ตัว เถ้าแก่จึงหมดไฟ
10 ตัวได้กำไรไม่มากเท่าไร เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่เร่งเร้าเหมือนกันเลือกเฟ้นสินค้าบนแผงดั่งที่ผ่านมา แบบเสื้อผ้าที่ขายไปขายมาบนแผงลอยของหลายๆ เ้าล้วนจำเจแต่แผงลอยของเถ้าแก่คนนี้กลับมีสินค้าใหม่เข้าอยู่บ่อยครั้ง สายตาของเซี่ยเสี่ยวหลานเต็มไปด้วยความชื่นชมต้นทางที่เ้าของแผงรับสินค้าต้องเป็โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่โดดเด่นในประเทศของปี 83 อย่างแน่นอน อย่างน้อยก็เป็แกะจ่าฝูง [3] ในการออกแบบอันทันสมัย
หนแรกเซี่ยเสี่ยวหลานนำเงินทุนมาเพียง 900 หยวน สินค้าที่ซื้อได้จึงมีไม่มาก
รอบที่สองเงินทุนของเธอเพิ่มขึ้นเป็เท่าตัว ครั้งนี้หลิวหย่งออกทุนจำนวน 2000 หยวน เงินทุนของเธอจึงงอกเงยถึง 5000 หยวน
สินค้าที่เธอซื้อเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อก่อนซื้อเสื้อผ้าราคาปลีกแพงยังลังเลตอนนี้ขณะเลือกเสื้อผ้าที่มีการออกแบบสุดทันสมัยกลับไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย เพราะทุนหนาจึงมีความมั่นใจเซี่ยเสี่ยวหลานสามารถรับภาระเื่สินค้าคั่งค้างที่อาจขายไม่ออกในระยะหนึ่งได้แล้ว
เถ้าแก่เห็นเธอสงบนิ่งไม่ร้อนรนสักนิดเดียว ครุ่นคิดสักพักพลางย่ำเท้า
“พรุ่งนี้เธอยังมาอีกหรือไม่ ฉันจะเอาตัวอย่างมาให้เธอดูสักหน่อย”
อย่างมากเขาก็แค่ถ่อไปในโรงงานหนึ่งรอบ 10 ตัวต่อครั้ง แม้จะเล็กน้อยอย่างไรมันก็คือการค้าขาย เขาคาดหวังว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะซื้อสินค้าจำนวนมากในภายหลังล่ะนะ
เซี่ยเสี่ยวหลานเงยหน้าขึ้นมา “ช่วยคิดราคาของที่ฉันเลือกวันนี้ก่อนแล้วกันค่ะ”
เธอเลือกเสื้อผ้าสนนราคาราว 1500 หยวนในคราเดียวหลิวเฟินพูดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าเสื้อผ้าเ่าั้สวยงามตรงไหนบางแบบดูใจกล้าเกินไปสำหรับเธอแต่เสื้อผ้าที่เซี่ยเสี่ยวหลานเหมากลับไปทุกครั้งล้วนขายได้หมดหลิวเฟินย่อมไม่กล้าออกความเห็นมั่วซั่วเป็แน่
เซี่ยเสี่ยวหลานและเถ้าแก่นัดเวลากันเรียบร้อย จากนั้นก็ไปเลือกกางเกงที่แผงอื่นอีกนิดหน่อย
ชุดที่เธอสวมใส่เพื่อดึงดูดลูกค้าคราวก่อนได้รับความนิยมมากนอกจากเสื้อนอกตัวสั้นแล้ว สิ่งที่ถูกสอบถามมากเป็พิเศษก็คือรองเท้าหนังสีขาว รองเท้าหนังหัวตัดส้นหนาให้ความรู้สึกที่ไม่ธรรมดาลูกค้าสตรีจำนวนมากรบเร้าจะขอซื้อ เซี่ยเสี่ยวหลานคงไม่อาจถอดออกจากเท้ามาให้ได้หรอกนะ?
คราวนี้เธอเตรียมซื้อรองเท้าติดไปจำนวนหนึ่ง
สินค้าความนิยมถล่มทลายซึ่งสามารถล้วงเงินจากกระเป๋าของสตรีซางตูได้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีทางปล่อยไปแน่
สินค้าประเภทรองเท้าหนังจากเซี่ยงไฮ้ได้รับความนิยมมากกว่า แต่หากเซี่ยเสี่ยวหลานนำสินค้าจากหยางเฉิงกลับไปผู้ซื้อเ่าั้ก็แยกไม่ออกอยู่ดี รองเท้าหนังหมูแข็งกระด้างราคาค้าส่งหนึ่งคู่ไม่แพงเลย ทว่าไม่ระบายอากาศ รูบนหนังหยาบ ดูแล้วไร้มูลค่า
หนังวัวเมื่อใส่กับเท้าจะสบายไม่น้อย ดีขึ้นอีกนิดก็คือหนังลูกแกะ...อย่างหลังไม่ต้องนึกถึง เวลานี้ในประเทศยังไม่นิยมมาใช้ทำรองเท้า
แต่กำไรของรองเท้าน้อยยิ่งนัก ยกตัวอย่าง ‘รองเท้า 83’ ของผู้ชายซึ่งโด่งดังมากที่สุดในปีนี้ ราคาขายเพียง 19 หยวน ราคาจากโรงงานประมาณ 13 หยวนว่ากันว่าต้นทุนของโรงงานก็เกิน 12 หยวนแล้ว...ส่วนตลาดค้าส่งที่นี่ ราคาส่งของ ‘รองเท้า 83’ คือ 15 หยวน คนเราพอได้กำไรมากย่อมไม่อยากทำกำไรน้อยเสื้อผ้าสตรีหนึ่งตัวเธอได้กำไรตั้งเท่าไร? รองเท้าหนึ่งคู่ได้ไม่ถึงสิบหยวนด้วยซ้ำ!
รองเท้าหนังไม่มีรูปแบบละลานตาเท่าเสื้อผ้าสตรีไม่ว่าจะของผู้ชายหรือผู้หญิง การออกแบบก็กำหนดตายตัวอยู่ไม่กี่ชนิด
ห้างสรรพสินค้ากำหนดราคาขาย ผู้คนอาจไม่มาซื้อของเซี่ยเสี่ยวหลานร้านค้าขาย 19 หยวน ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานกล้าขาย 20 หยวนต้องโดนคนก่นด่าให้ตายแน่ ช่างเถอะ แบบที่อยู่บนเท้าเธอความนิยมยังไม่แพร่ไปถึงซางตูราคาค้าส่งก็สิบกว่าหยวน นำกลับซางตูเพิ่มกำไรสักราวๆ 10 หยวนน่าจะขายได้
เซี่ยเสี่ยวหลานซื้อเพียงสามขนาดคือ 36/37/38 เท้าของผู้หญิงส่วนใหญ่ล้วนใส่รองเท้าสามขนาดนี้
หลิวเฟินมองกระเป๋าอยู่เสมอ เนื่องจากกลัวว่าจะถูกใครคว้าติดมือไปด้วย
เซี่ยเสี่ยวหลานใช้ท่าทางอันมุ่งมั่นในการเลือกเครื่องแต่งกายจากศีรษะจรดปลายเท้าให้หลิวเฟินหนึ่งชุดเสื้อไหมพรมด้านใน เสื้อนอกขนสัตว์ กางเกงและรองเท้าหนังราคาส่งยังต้องจ่ายถึงร้อยกว่าหยวน หลิวเฟินเคยใส่เสื้อผ้าร้อยกว่าหยวนเมื่อไร? ตอนที่เธอออกจากตระกูลเซี่ยก็นำเพียงเสื้อผ้าชำรุดไม่กี่ชุดมาด้วยเท่านั้น!
ดีที่เซี่ยเสี่ยวหลานขายปลาไหลเก็งกำไรทำเงินได้เลยซื้อผ้าในเขตอันชิ่งแล้วขอให้หลี่เฟิ่งเหมยช่วยตัดเสื้อแก่หลิวเฟิน
หลิวเฟินไม่ได้ใส่เสื้อผ้าใหม่สักเจ็ดแปดปียิ่งไม่ต้องพูดถึงสวมใส่เสื้อผ้าใหม่บ่อยครั้งเช่นนี้ เธอโบกมือปฏิเสธเป็พัลวัน
“แม่มีเสื้อผ้าใส่ ไม่ใช่เพิ่งตัดหรือ?”
“นั่นเป็สำหรับใบไม้ร่วง นี่เป็สำหรับฤดูหนาว!”
เซี่ยเสี่ยวหลานจ่ายเงินทันที มารดาเธอมีเสื้อผ้าที่ใช้ได้ที่ไหนกันเสื้ออ่าว [4] สองตัวที่นำติดตัวออกมาจากบ้านเซี่ยซ่อมแล้วซ่อมอีกฝ้ายด้านในขึ้นราดำ นอกจากเสื้อคลุมตัวนอก เซี่ยเสี่ยวหลานยังต้องซื้อเสื้อกันหนาวสักสองตัวให้หลิวเฟินใส่แทนด้วย
หลิวเฟินคัดค้านเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้
ซื้อก็ซื้อ นี่เป็การแสดงความกตัญญูต่อเธอของเซี่ยเสี่ยวหลานทั้งนั้น
เซี่ยเสี่ยวหลานชนผนังครั้งหนึ่งฟื้นคืนขึ้นมากลายเป็คนกตัญญูและรู้จักความรับผิดชอบหลิวเฟินรู้สึกว่าชีวิตของตนเองตอนนี้ช่างราวกับกำลังฝันเธอดึงเสื้อตัวใหม่บนกายที่ยังไม่ได้ถอดออกพลางนึกคิด หากเป็ความฝันจริงเง็กเซียนฮ่องเต้โปรดอย่าปลุกเธอเด็ดขาด
----------------------------------------
เซี่ยเสี่ยวหลานพาหลิวเฟินมาทำอะไร?
เธอคาดหวังให้มารดามาเพื่อช่วยขนสินค้าจริงหรือที่จริงก็คือตั้งใจพาหลิวเฟินมาชื่นชมโลกกว้าง เดินทางไกลสร้างประสบการณ์ซื้อเสื้อผ้าใหม่เอี่ยมสักหน่อย จากนั้นค่อยพาเธอลิ้มลองอาหารรสเลิศของหยางเฉิงสำหรับปลายปี 83 นี่เป็การท่องเที่ยวมาตรฐานสูงสุดที่เซี่ยเสี่ยวหลานสามารถมอบให้มารดาของเธอได้พวกเที่ยวบินชั้นหนึ่งหรือเรือสำราญหรูหรา ตอนนี้เธอไม่มีฐานะขนาดนั้น ทั้งในประเทศเองก็ยังไม่เริ่มแพร่หลายด้วย
เธอซื้อตั๋วเครื่องบินไหว ส่วนใบอนุญาตของหน่วยงานระดับเขตจะไปขอที่ไหนกัน?
ถ้าพาหลิวเฟินโดยสารเครื่องบินจริงคงทำหญิงชนบทผู้ซื่อตรงคนนี้ใจนเข่าอ่อนแน่ ค่อยเป็ค่อยไปดีกว่า
เพราะการซื้อเสื้อกันหนาวยังไม่ได้ตกลงเสร็จสิ้นเซี่ยเสี่ยวหลานจึงหยุดพักในหยางเฉิงเพิ่มอีกวัน เช้าวันต่อมา เธอจึงได้พาหลิวเฟินไปดื่มชายามเช้า
เชิงอรรถ
[1] 千禧年 ยุคมิลเลนเนียล หมายถึง ่ต้นยุค 2000 โดยคนที่เป็วัยรุ่นในยุคนี้จะเรียกว่าคนเจเนอเรชั่นวายผู้เกิดต้นยุค 80 ถึงกลางยุค 90
[2] เสื้อกันหนาวในที่นี้คือ 棉衣 ซึ่งเป็เสื้อกันหนาวที่ยัดฝ้ายหรือนุ่นไว้ระหว่างชั้นผ้าเพื่อเก็บความอบอุ่น
[3]领头羊 แกะจ่าฝูง หมายถึง ผู้นำด้านการเคลื่อนไหวบางอย่าง เช่นการแต่งกาย
[4]棉袄 เสื้ออ่าว คือ เสื้อผ่าหน้าแบบจีนที่ด้านในยัดฝ้ายหรือนุ่นไว้ใส่เพื่อให้ความอบอุ่น
