แพรยกมือขึ้นคลึงไปที่ขมับเพราะรู้สึกมึนศีรษะ หลังจากภาพเก่าๆ ในอดีตวนกลับมา ทันใดนั้นก็มีมือของใครคนหนึ่งเอื้อมมาแตะที่ไหล่ของเธอ หญิงสาวสะดุ้งตัวเล็กน้อยก่อนหันไปมองจึงเห็นว่าเป็มือของกวี
“แพรอยากกลับบ้านแล้วใช่ไหม ให้นวลไปอยู่ด้วยนะ พี่ไม่อยากให้เราอยู่คนเดียว เข้าใจไหม” กวีสั่ง หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ตอนนี้เธอไม่มีแรงจะเถียงอะไรกับใครทั้งนั้น เธอหมดแรงทั้งกายและใจ วินมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเป็ห่วง เขารีบเสนอตัวทันที
“ให้ผมขับรถไปส่งไหมครับ” หญิงสาวรีบส่ายหน้าปฏิเสธโดยทันทีเช่นกัน เธอไม่อยากรับไมตรีจากเขา เหตุการณ์วันนี้เธอเชื่อว่าเขาน่าจะมีส่วนรู้เห็น เธออยู่ร้านนี้มาตั้งนาน พิมมาดาไม่เคยรับรู้ แต่พอชายหนุ่มก้าวเข้ามาในชีวิต เื่ราวต่างๆ ในอดีตก็ถูกโยงใยเข้ามา ทำให้เธอต้องเ็ปอีกครั้งจนได้ เมื่อคิดแบบนั้นหญิงสาวก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่กำลังรินไหลลงมาอีกครั้ง เธอปาดมันออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับพยุงตัวลุกขึ้นจากเตียงโดยมีนวลช่วยจับแขน
แพรเลือกกลับบ้านโดยรถไฟฟ้าเหมือนเช่นเคย ต่างจากทุกครั้งตรงที่ครั้งนี้เธอมีเพื่อนร่วมเดินทางเพิ่มขึ้น เพราะนอกจากนวลที่ถูกสั่งให้มาอยู่เป็เพื่อนเธอแล้ว ยังพ่วงไปด้วยนายตำรวจหนุ่มทั้งสามคนที่ตามติดประหนึ่งตามเฝ้าอารักขาเธอ ซึ่งเธอไม่ได้้าเลยแต่ก็ไม่อยากจะขัด
ตลอดทางที่อยู่บนรถไฟฟ้า แพรรับรู้ได้ถึงสายตาของวินที่มองมาที่เธอโดยตลอด ชายหนุ่มรู้สึกใจวูบไหวแทบทุกครั้งที่เห็นหยาดน้ำตาของหญิงสาวไหลอาบแก้ม เขาจึงเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับส่งผ้าเช็ดหน้าให้เธอ แต่แพรส่ายหน้าไม่ยินดีที่จะรับมันไว้ วินจึงถือวิสาสะดึงมือของเธอขึ้นมาให้รับผ้าเช็ดหน้าของเขาเอาไว้ในมือ
“คุณเอาไว้ใช้เถอะ ผมยังไม่ได้ใช้ครับ” เธอรับและกำมันไว้ในมืออยู่อย่างนั้นไม่ยอมใช้
หลังจากส่งหญิงสาวถึงคอนโดแล้ว ชายหนุ่มทั้งสามก็กลับไปเอารถของวินที่จอดอยู่ที่ร้านของกวี ส่วนเตชินทร์หลังจากเจอสาวที่ถูกใจ เขาก็ขอแยกตัวไม่กลับพร้อมรุ่นพี่แต่ตามสาวคนนั้นไปแทน ปล่อยให้วินกับนนท์เตรียมตัวกลับบ้านกันสองคน แต่ดูเหมือนวินยังมีเื่ค้างคาใจ เขาจึงเดินกลับเข้าร้านไปอีกครั้งเพื่อสอบถามเื่บางอย่างจากกวี
“พี่ช่วยเล่าเื่วันนั้นให้ผมฟังได้ไหมครับ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“พี่กับแพร เรารู้จักกันั้แ่สมัยมัธยมเพราะว่าเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน วันนั้นหลังจากซ้อมเชียร์เสร็จ คณิณก็มารอรับแพรเหมือนทุกวันอ่ะ สองคนนี้เขาเดินกลับบ้านด้วยกันทุกเย็น แต่ออกจากโรงเรียนไปได้ไม่ถึงสิบนาที ก็มีคนวิ่งมาบอกว่าคณิณถูกรถชน พวกพี่ก็รีบวิ่งไปดู ตอนนั้นภาพที่เห็นคือ เืเต็มตัวนีนไปหมด ยัยแพรก็เอาแต่นั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ ถามคนแถวนั้นเขาบอกว่า รถชนแล้วหนี อาการของแพรวันนั้นคือเหมือนคนสติหลุดไปเลย ถามอะไรก็ไม่ตอบเอาแต่ร้องไห้ แพรร้องไห้หนักมากจนเป็ลมแบบวันนี้เลย คิดแล้วก็สงสาร ทำไมชีวิตน้องสาวฉันต้องมาเจอกับเื่แบบนี้ด้วยนะ” หลังจากเล่าเื่ราวในอดีตจบ กวีก็หันมามองชายหนุ่มด้วยสายตาเอาเื่
“ตอนนี้ได้รู้ความจริงแล้ว ก็เลิกวุ่นวายกับชีวิตของแพรมันสักทีนะวิน ให้น้องมันได้ใช้ชีวิตสงบสุขแบบคนอื่นเขาบ้าง พี่สงสารน้อง แพรมันตัวคนเดียวไม่มีใคร แถมต้องมาเจอเื่อะไรแบบนี้อีก เดี๋ยวมันจะรับไม่ไหว” ชายหนุ่มมีสีหน้าสลดลงเมื่อถูกดุและยิ่งรู้สึกผิดต่อหญิงสาวคนนั้น เมื่อรู้ว่าที่ผ่านมาเธอต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างไร ตลอดทางกลับบ้านชายหนุ่มขับรถอย่างเลื่อนลอยจนนนท์อดเป็ห่วงไม่ได้
“ไหวไหมมึง ให้กูขับให้ไหม”
“กูไหว นนท์...กูสงสารเขาว่ะ จะช่วยยังไงดีว่ะ”
“มึงยังคิดจะไปช่วยอะไรเขาอีก แค่นี้คือช่วยให้มันแย่ไม่พอใช่ไหม” นนท์ขึ้นเสียงใส่ เพราะเริ่มรู้สึกโมโหกับสิ่งที่วินทำ
“กูไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็แบบนี้ คือ...ตอนนี้กูรู้ว่ากูทำผิด กูก็อยากแก้ไขกับสิ่งที่เกิดขึ้นไงนนท์” วินพยายามอธิบายแต่นนท์ไม่อยากรับฟังจึงหันหน้าหนีและมองนอกหน้าต่าง วินเห็นท่าทางของเพื่อนจึงไม่เซ้าซี้อะไรอีก
แพรเดินออกมาจากห้องน้ำเตรียมตัวเข้านอน หญิงสาวเอื้อมมือเตรียมปิดไฟตรงหัวเตียง สายตาพลันเหลือบไปเห็นรูปคู่ของเธอที่ถ่ายไว้กับคณิณ น้ำตาก็เอ่อขึ้นมาอีกรอบ เธอรีบเอามือปิดปากกลัวเสียงร้องของเธอจะทำให้นวลซึ่งหลับไปแล้วจะต้องตื่นขึ้นมา แพรเอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปนั้นมาแนบไว้กับอกและเดินออกจากห้องนอนมาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา พลางเอานิ้วมือลูบไปมาบนภาพของคณิณและเอื้อนเอ่ยเหมือนคนเพ้อ
“นีน...แพรขอโทษนะ แพรขอโทษ แพรขอโทษจริงๆ” เธอพูดพลางสะอื้นไห้และหลับไปพร้อมกับกอดกรอบรูปไว้
................................................................................
อ่านตัวอย่างตอนที่ 1-14 ได้ที่เด็กดีและ readAwrite นะคะ
E-Book วางจำหน่ายแล้วค่ะทาง MEB