ยามฉู่เฟิงเดินทางกลับ เขาระมัดระวังตัวตลอดทางผนึกกลิ่นอายมิดเม้น เปิดประสาทััสัญชาตญาณ มั่นใจว่าไม่มีใครสะกดรอยตามมา
แล้วนั่นมันใครกัน? เขากลั้นใจ เฝ้าสังเกตละเอียดลออ
เงาร่างนั้นหันหลังให้ฉู่เฟิง แต่งตัวแปลกๆ ห่อคลุมทั้งร่างด้วยผ้าฝ้ายหยาบหนา
ตอนแรกก็ก้มกราบไปทางเขาไท่หังซาน ต่อมาก็คุกเข่าลงขุดหาอะไรบางอย่าง
ฉู่เฟิงหน้าเปลี่ยนสี ตรงนั้นมันแปลงดอกไม้นี่นาเมล็ดพันธุ์ทั้งสามที่เขาเก็บกลับมาจากเขาคุนหลุนถูกฝังอยู่ตรงนั้นทำไมถึงเกิดเื่เช่นนี้ได้
เขาพุ่งออกจากบ้าน ใช้หมัดปีศาจวัวพุ่งเข้าโจมตี เสียงสายฟ้าพายุดังสนั่น
ตึง!
เงาร่างนั้นตอบโต้ว่องไว เพียงหมุนตัวก็โต้มาหนึ่งหมัดปะทะเข้ากับหมัดของฉู่เฟิง วินาทีนั้นดินทรายปลิวว่อน เสียงะเิดังสนั่น
ฉู่เฟิงสะบัดมือที่รู้สึกชาเร่าๆ จับจ้องไปที่เงาร่างนั้น
คนประหลาดจ้องกลับตาโตจากนั้นกระชากผ้าฝ้ายที่คลุมร่างออกเผยให้เห็นร่างจริง หวงหนิวนั่นเอง!
“ทำไมนายยังไม่ตายหา?” หวงหนิวเขี่ยพื้นทันทีสีหน้าสีตาอย่างกับเห็นผี
ฉู่เฟิงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไอ้วัวบ้านี่ดันมาแช่งเขา อยากไปซื้อเนื้อแกะเสียบไม้ย่างหมดอายุมายัดใส่ปากมันจริงๆ
หวงหนิวร้องมอมออีกหลายคำ ลงมือเขี่ยพื้นเล่าเื่ทั้งหมดให้ฉู่เฟิง
วัวั์สีดำไม่กล้าประมือกับงูขาว แต่สกิลเอาตัวรอดนับว่าเด็ดขาดมันพาหวงหนิวทะยานออกจากเขาไท่หังซานอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า เผ่นหนีสำเร็จอย่างงดงาม
หลังจากนั้น มันบอกหวงหนิวว่า ถ้าไม่ใช่เพราะมันเป็ตัวถ่วงเป็ได้ตัดสินแพ้ชนะกับงูขาวอย่างแน่นอน
หวงหนิวเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ขอให้มันรีบไปช่วยฉู่เฟิงทันที
วัวั์สีดำตอบรับดิบดี หมุนตัวจากไป แบบว่าคุณธรรมเป็เลิศ
จากนั้นไม่นาน วัวั์สีดำก็ย้อนกลับมาบอกหวงหนิวว่ามันไปถึงช้าไปก้าวเดียว ฉู่เฟิงตายไปแล้วมันบันดาลโทสะฟาดฟันกับงูขาวจนเขาทั้งเทือกทลายราบเป็หน้ากลองแต่ก็ฆ่างูขาวไม่ได้ จึงได้แต่ล่าถอยอย่างจนปัญญา
มันบอกให้หวงหนิวคลายความเศร้าเสียใจ ยังไงก็รู้จักกันไม่นานอย่าได้ไปโหยหาเลย
ฉู่เฟิงฟังแล้วอ้าปากค้าง สุดท้ายอดด่าไม่ได้ “ไอ้วัวลวงโลกเล่นใหญ่เป็บ้า ทำไมมันไม่ตายไปฟระ ฟาดฟันกับงูขาวอะไรกันั้แ่ต้นจนจบมันไม่โผล่หัวไปสักนิด!”
หวงหนิวพอได้ฟังก็อึ้งไปทันที
มันรู้สึกเสียหน้าอย่างยิ่ง วัวั์สีดำหน้าหนายิ่งกว่ามันเสียอีกไม่ได้ทำอะไรสักนิด กลับได้หน้า ได้ชื่อว่าเป็ผู้ห้าวหาญชาญชัย
“ตระกูลไม่เป็มงคลเสียแล้ว มีตัวเสนียดจัญไรอย่างนี้” มันเขี่ยพื้นบอก
“นายเองก็ไม่ได้เื่ พอกลับมาบ้านก็มาปล้นเมล็ดพันธุ์ของฉันจะร้องไห้ให้สักนิดก็ไม่มี” ฉู่เฟิงถลึงตาใส่มัน
หวงหนิวไม่ยอมแพ้ บอกว่าก็กราบไปทางเขาไท่หังซานแล้วไงถือว่าส่งเขาไป์แล้ว
“เลิกพูดได้แล้ว เื่นี้ไม่มีประโยชน์แล้ว ลูกสนสีทองล่ะเอาสมบัติมาแบ่งเร็วเข้า!” ฉู่เฟิงวกกลับมาเข้าเื่ประเมินหวงหนิวดูแล้ว เขาว่าวัวั์สีดำกับหวงหนิวน่าจะเก็บเกี่ยวมาได้ไม่น้อย
“ไม่มีแล้ว ลงพุงวัวแก่ลวงโลกไปหมดเลย!”หวงหนิวเขี่ยพื้น แล้วถอยฉากทันควัน มองฉู่เฟิงอย่างระแวง
มองดูท่าทางมันแล้ว ฉู่เฟิงก็รู้ทันทีว่าไอ้หมอนี่ต้องอมเมล็ดสนไว้ไม่น้อยทีเดียวเขาพุ่งเข้าใส่มันทันที
สุดท้าย หวงหนิวยอมแพ้ มันยอมแบ่งสมบัติให้
ก็ไม่ใช่ว่ามันใจกว้างอะไร แต่เพราะมันรู้สึกว่ามันตัวเดียวยังไงก็ใช้เมล็ดสนมากมายอย่างนี้ไม่หมด
ลูกสนลูกนี้ใหญ่ขนาดกำมือผู้ใหญ่ในลูกสนมีเมล็ดสนถึงหนึ่งร้อยยี่สิบกว่าเมล็ดมันกับวัวั์สีดำแงะเก็บไว้ไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง
พ้นจากเขาไท่หังซานพอเข้าเขตปลอดภัยแล้วเ้าวัวั์สีดำทำตัวเป็วัวเขมือบดอกโบตั๋นงับทีเดียวเขมือบเข้าไปตั้งสามสิบเมล็ด สุดท้ายมาดูดปากจ๊อบแจ๊บ รู้สึกว่ากินเข้าไปเยอะแล้วเรี่ยวแรงมามากโข
จากนั้น มันก็ไปหาที่นอน เผื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกรอบ
ส่วนหวงหนิวก็เผ่นกลับมา เตรียมจะขุดเมล็ดพันธุ์เขาคุนหลุนทั้งสามพกไปด้วย
“นายคงไม่ได้บอกวัวั์สีดำนั่นใช่ไหม?”ฉู่เฟิงรู้สึกกังวลไอ้ตัวลวงโลกนั่นจริงๆ นะ ขืนมันรู้เข้าเกรงว่าจะปกป้องเมล็ดพันธุ์ทั้งสามไว้ไม่ได้
ห้ามบอกไอ้วัวลวงโลกนั่นเด็ดขาด!
หวงหนิวตอบกลับ บอกเขาว่าวางใจได้
จากนั้นก็แบ่งของกัน ในตัวหวงหนิวมีเมล็ดสนอยู่สามสิบหกเมล็ดล้วนแล้วใหญ่โตกว่าธรรมดา เมล็ดเต็มอิ่มแวววาว ประกายสีม่วงแพรวพราย
เมล็ดสนพวกนี้โปร่งใส อย่างกับโมราสีม่วงเพียงมองดูก็รู้ว่าเป็ของที่ไม่ธรรมดาเลย
ที่พิเศษก็คือมีกลิ่นหอมอบอวล แทรกซึมเข้าสู่จิตใจชวนให้รู้สึกสงบสุขในจิติญญา
“ถ้าฉันกินเข้าไป จะมีหางหรือเขางอกออกมาหรือเปล่า?” ฉู่เฟิงสงสัย
เขาอยากลองนะ แต่ก็ยังคิดไม่ตก
ลูกไม้ลึกลับพวกนี้แอบแฝงไว้ซึ่งพลังอันไม่น่าเชื่อเพียงกินเข้าไปก็สามารถทำให้คนเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างมาก แถมยังได้ความสามารถบางอย่างที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย
หวงหนิวพยักหน้าหงึกหงักอยู่ด้านข้างครั้งนี้มันบอกฉู่เฟิงอย่างจริงจังว่าที่จริงแล้วส่วนที่ดีที่สุดคือเกสรดอกไม้ต่างหาก ไม่ใช่ลูกไม้
ฉู่เฟิงพบว่า มันเคร่งเครียดจริงจังอย่างไม่เคยเป็มาก่อนน้อยครั้งนักที่จะเป็เช่นนี้ เขาซักไซ้มันเอาจริงเอาจัง
หวงหนิวเองก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางสักเท่าไร แต่ว่า ณ ที่ที่มันจากมาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันเป็นิรันดร์บางแห่งจำเพาะเจาะจงอย่างยิ่งว่าศิษยานุศิษย์จะต้องใช้เกสรดอกไม้ในการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น
ส่วนลูกไม้นั้น พึงควรหลีกเลี่ยงอย่างถึงที่สุด
มันเดาว่า เมื่อถึงระยะสุดท้ายอาจจะส่งผลเสียก็เป็ได้
แน่นอน หวงหนิวเสริมอีกว่ายังมีคำถ่ายทอดแบบขั้นสูงสุดอย่างอื่นที่ไม่ได้มีข้อห้ามอย่างนี้ซึ่งก็น่าจะเป็วิธีแก้
ฉู่เฟิงอยากศึกษาให้มากกว่านี้แต่หวงหนิวเองก็ไม่ยอมพูดถึงเื่ราวของโลกใบนั้นมากกว่านี้เช่นกัน
มันทำให้เขาลำบากใจ เมล็ดสนสีม่วงทองวางอยู่ตรงหน้า เป็ของดีอย่างแน่นอนแต่ว่าเขาลังเลอย่างมาก ควรจะกินดีไหม?
“งั่ม!”
หวงหนิวกำลังเขมือบเมล็ดสน แม้แต่เปลือกก็เคี้ยวจนละเอียดแล้วกลืนลงไปด้วยมันฟาดทีเดียวห้าเมล็ด พลางเฝ้าติดตามดูความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย
พอฉู่เฟิงเห็นดังนั้น ก็รู้สึกว่าตัวเองถูกหลอกเข้าแล้วทำไมไอ้หมอนี่ไม่ยักกะกังวลใจอะไรเลย? อยู่ดีๆก็เขมือบเมล็ดสนสดๆ อย่างนี้!
“หนิวหมัวหวัง!” เขาะโ
หวงหนิวเกิดอาการวิงเวียน เมล็ดสนนี่ออกฤทธิ์รุนแรงชะมัดมันรู้สึกร้อนวูบไปทั้งตัว ตาค้างแข็ง
เห็นดังนี้ ฉู่เฟิงก็รู้สึกว่าเป็จังหวะดีที่จะเค้นถามความจริงจากมันไอ้หมอนี่ดูเหมือนอยู่ในภวังค์
“นายกินเข้าไปอย่างนี้ไม่กลัวเหรอว่าอีกหน่อยถ้ากลายเป็ผลร้ายขึ้นมาจะทำยังไง?”
ถึงแม้หวงหนิวจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ช้าไปสักหน่อยหากยังเห็นแววหยิ่งได้ชัดเจน มันเขี่ยพื้นบอกฉู่เฟิงว่า มันไม่เหมือนคนอื่นไม่เห็นหรือไงว่าขนาดเขา ิัและขนยังเป็สีทองเลย?
“ทำไมมันมั่วซั่วอย่างนี้วะ!”ฉู่เฟิงอยากจะตบมันสักป้าบ
“มีเพียงบางจิติญญาเท่านั้น ที่จะได้รับความเมตตาจากเบื้องบน”พอหวงหนิวเขียนเช่นนี้เสร็จก็ปิดปาก ไม่เอ่ยอะไรอีก
สุดท้าย มันกลืนเมล็ดสนอีกสิบสองเมล็ดรวดเดียว จากนั้นก็หยุด
ที่จริงแล้ว ตอนที่หวงหนิวกินเมล็ดสนเมล็ดที่สิบเอ็ดก็รู้สึกว่าภายในร่างไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรแล้วฤทธิ์ของเมล็ดสนไม่ได้เพิ่มพูนขึ้นอีก
ฉู่เฟิงยังคิดไม่ตก ตกลงจะกินหรือไม่กินดี?
ขณะเดียวกัน เขาคิดไปถึงงูขาว หากมันจะสังหารคนล้างบางจริงๆ ละก็จะเริ่มจากเมืองที่ใกล้ที่สุดหรือไม่ อย่างนี้รีบเผ่นทันทีจะดีที่สุด
“ไม่ต้องรีบร้อน” หวงหนิวเขี่ยพื้น บอกฉู่เฟิงว่างูขาวตัวนั้นพูดจริงทำจริง บอกว่าฆ่าล้างเมือง ไม่ฆ่าล้างหมู่บ้าน1แน่นอน
“นายรู้ได้ไง?”
มันสารภาพว่า วัวั์สีดำบอกมัน ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยให้มันกลับมาเมืองชิงหยาง
ฉู่เฟิงขมวดคิ้วหรือว่าต้องเป็จ้าวแห่งสัตว์กลายพันธุ์เหมือนกันถึงจะรู้ไส้รู้พุงกันหว่าแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังน่ากลัวอยู่ดี งูขาวจะฆ่าล้างเมืองจริงๆ หรือ?
“โจวเฉวียนหนีออกมาได้ไหมหว่า?” เขารีบติดต่อทันที
เครื่องมือสื่อสารดังอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็มีคนรับสายโจวเฉวียนยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งกลับไปยังอำเภอเมืองแล้ว
ทว่า เขาได้รับาเ็ แต่ตอนที่คุยโทรศัพท์กับฉู่เฟิงกลับมีท่าทีผ่อนคลาย แม้จะประสบกับเหตุการณ์เลวร้ายแต่กลับไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อเขา
ฉู่เฟิงสงสัย พอซักไซ้ถึงได้เื่ เขาทั้งคู่ของโจวเฉวียนหักไปแล้วข้างหนึ่งถูกหินใหญ่กระแทกหัก อีกข้างถูกร่างมหึมาของงูขาวเฉี่ยวหักไป
เขารอดมาได้ นับได้ว่าโชคดีอย่างมหาศาล
“ฉันใแทบตาย บนโลกนี้มีงูั์อย่างนี้ด้วยต่อไปนี้ฉันจะไม่แส่หาเื่อีกแล้ว!” โจวเฉวียนกำลังดีใจแถมยังมีความสุขอย่างมาก ในที่สุดก็กำจัดสองเขานั้นไปได้เสียที
“รีบหนีออกไปจากอำเภอเมืองซะ ดีไม่ดีงูขาวอาจเริ่มฆ่าล้างเมืองที่อำเภอเมืองนี้!” ฉู่เฟิงบอก
“ฉันรู้แล้ว!” โจวเฉวียนกำลังกังวลอยู่เลย ถามว่าทางฉู่เฟิงปลอดภัยหรือไม่ครอบครัวของเขาเตรียมตัวอพยพหนีแล้ว เพราะว่าเขาเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ด้วยตัวเองจึงรู้เื่ที่งูขาวประกาศจะสังหารหมู่สองเมืองเป็เครื่องเซ่นสังเวยสัตว์กลายพันธุ์ที่ตายไป
“ได้ นายมาที่นี่เถอะ!” ฉู่เฟิงตอบอย่างยินดี
โจวเฉวียนขับรถไปหาฉู่เฟิง รถของเขาแทบจะหลุดเป็ชิ้นๆด้วยสภาพถนนที่ย่ำแย่ แต่เขาก็ขับตะบึงมาตลอดเส้นทางจะไม่หนีก็ไม่ได้ด้วยหวาดเกรงว่างูขาวจะตามมาฆ่าล้างเมือง
แน่นอนว่า เมื่อเขาทั้งสองหักไป ร่างกายของโจวเฉวียนพลันอ่อนแอได้รับาเ็ไม่น้อย ทั่วร่างเต็มไปด้วยาแ
“นี่คือพ่อกับแม่ของฉัน” โจวเฉวียนแนะนำ ประคองผู้สูงวัยสองคนลงมาจากรถคนชราทั้งสองสีหน้าค่อนข้างซีด ด้วยอยู่ในอาการใ อีกทั้งรถที่ขับมาอย่างเร็วทำให้ระหว่างทางพวกเขาอาเจียนกันไม่รู้กี่ครั้ง
“คุณลุง คุณป้า สวัสดีครับ” ฉู่เฟิงทักทาย
เห็นได้ว่าผู้สูงวัยทั้งสองสะโหลสะเหล ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะทักทาย
ฉู่เฟิงกุลีกุจอจัดที่ทางให้ หลังบ้านของเขามีตึกว่างอยู่หลังครอบครัวที่อยู่ก่อนหน้าย้ายออกไปนานแล้วใน่เวลาคับขันอย่างนี้ก็ไม่ต้องเกรงใจอะไรกันหรอก
เขาปลดล็อก นำครอบครัวของโจวเฉวียนเข้าไปด้านใน
จะอย่างไร บ้านของเขามีหวงหนิวอยู่ตัวหนึ่งแล้วไหนจะวัวั์สีดำที่ไม่รู้ว่าจะโผล่มาเมื่อไร หากไม่ทันระวังไปทำให้บิดามารดาของโจวเฉวียนใเข้าคงไม่ดี ตอนนี้ทั้งสองสภาพจิตใจย่ำแย่ไม่ควรทำให้ใมากไปกว่านี้
“นายาเ็ไม่น้อยเลยนะเนี่ย กระดูกหักด้วย” ฉู่เฟิงตะลึงโจวเฉวียนเองก็ทนทายาด กระดูกซี่โครงหักไปสองซี่ ไม่ส่งเสียงร้องสักแอะทั้งยังไม่ยอมบอกพ่อกับแม่ของเขาด้วย
ฉู่เฟิงนิ่งคิด จากนั้นส่งเมล็ดสนสีม่วงทองระยิบระยับให้สองเมล็ด
“นี่มัน...” โจวเฉวียนตะลึง เขาเดาได้ทันทีว่าอะไรเป็อะไร
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น รีบกินซะ!”ฉู่เฟิงหมุนตัวเดินจากไป
กลับเข้าบ้าน เขาพบว่าหวงหนิวฟื้นแล้ว ดวงตาสาดแสงสีทองเรืองรองอย่างน่าใ พลังที่แผ่ออกมาเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากมาย!
“เทพวัชระล่ะ ออกมาจากเขาไท่หังซานหรือเปล่า?ฉันคิดถึงเขาจัง!” หวงหนิวที่พลังเพิ่มขึ้นอย่างมากกลับคิดถึงเทพวัชระเป็คนแรก
หมายความว่าไง? ฉู่เฟิงไม่เข้าใจ
สีหน้าหวงหนิวเต็มไปด้วยแววเย่อหยิ่ง มันอยากทดสอบสักหน่อยว่าคราวนี้ต้องกระแทกกี่กีบถึงจะน็อคเทพวัชระได้
ฉู่เฟิงไร้ซึ่งคำพูด อะไรมันจะฝังใจปานนั้น มันจะใจดำไปหน่อยไหมดักตีหัวคนเขาไม่ได้ผล ยังมานั่งเ้าคิดเ้าแค้นอีกแน่ะ!
หวงหนิวไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ร่างกายภายนอกของมันดูไม่เปลี่ยนแปลงอะไรไม่มีเกล็ดหรือปีกงอกออกมา ยังคงเหมือนก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยน
ขณะเดียวกัน มันบอกฉู่เฟิงว่า ต้นสนเองนั้นก็ไม่ใช่ต้นไม้ธรรมดาอยู่แล้วเขียวชอุ่มตลอดปี ไม่เกรงกลัวลมหนาว ต้นไม้ชนิดนี้เมื่อกลายพันธุ์แล้วลูกไม้ที่ออกมาย่อมพิสดารอย่างยิ่ง
ฉู่เฟิงเข้าใจในทันที ลูกสนหนึ่งลูกที่ภายในมีเมล็ดสนมากมายอย่างนี้สามารถแจกจ่ายให้ผู้คนกลายเป็มนุษย์พิเศษได้เท่าไรต่อเท่าไร!
“ดินใต้ต้นสนจะมีก้อนดินพิเศษไหมนะ?”ฉู่เฟิงห่วงเื่นี้อย่างมาก
หวงหนิวผงกหัว สีหน้าเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นครั้งนี้รับรองว่าทำให้เมล็ดพันธุ์ทั้งสามจากเขาคุนหลุนงอกได้แน่!
“เยี่ยม!”
ฉู่เฟิงยินดีอย่างยิ่ง!
*****************
1 เมืองชิงหยางที่ฉู่เฟิงอยู่ในภาษาจีนใช้ตัว镇 เจิน ซึ่งหมายถึงเมืองขนาดเล็กหรือหมู่บ้าน แต่城 เฉิงจะหมายถึงเมืองที่มีขนาดใหญ่กว่า 镇
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้