บทที่ 10
ั้แ่เหยียบเข้ามาในร้านร่างเล็กไม่กล้าที่จะแตะของมึนเมาเลยสักแก้วเพราะว่าคำเตือนที่พี่อาทิตย์กำชับไว้กับเขายังคงตราตรึงอยู่ภายในใจ เดือนอ้ายกินแค่น้ำอัดลมเท่านั้น แม้ว่านาวินจะแอบยื่นเหล้าก็เถอะ เขาก็ไม่กล้าที่จะหยิบมันมาดื่มอยู่ดี ถ้าเมาขึ้นมาล่ะก็มีหวังได้โดนพี่อาทิตย์บ่นแน่นอนจึงทำให้นั่งมองเพื่อนเต้นเท่านั้น ส่วนเควินที่ขอตัวไปรับรุ่นพี่หน้าบาร์ตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาสักทีตอนนี้ที่โต๊ะก็เลยเหลือเพียงแค่เขากับนาวินที่ยืนเต้นอยู่ข้างๆ
สิ่งที่น่ากังวลในตอนนี้คือสายตาที่ยังคงจ้องมองไปที่เดือนอ้ายไม่พัก และส่วนใหญ่ล้วนเป็ผู้ชายเสียด้วย เขาพยายามไม่ทำอะไรโดดเด่นนักจะได้พ้นจากสายตาพวกนี้สักที จนกระทั่งเขาเหลือบไปมองเห็นว่าเควินกำลังเดินมากับคนหนึ่ง
ร่างสูงในเสื้อยืดสีดำกับกางเกงขายาวสีดำขาดเข่า เรือนผมสีเงินที่ดูเด่นรวมไปถึงใบหน้านั่นก็ด้วย เดือนอ้ายยอมรับเลยว่าอีกคนหล่อกว่าเขามาก ขนาดตอนที่เดินเข้ามาใกล้โต๊ะเขาแล้ว คนนั้นก็ยังตกเป็เป้าสายตาของหญิงสาวแทน
กลายเป็ว่าโต๊ะของเดือนอ้ายตอนนี้กำลังเป็จุดสนใจสำหรับคนในร้านทันที ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่คนมาใหม่และมองมาที่เดือนอ้ายเช่นเพราะการแต่งตัวของทั้งคู่ดูเข้ากันสุดๆ ใบหน้าของคนมาใหม่นั้นหันมามองเดือนอ้ายด้วยรอยยิ้ม หากเป็คนอื่นก็คนได้เป็ลมตายตรงนั้นแน่เพราะความหล่อของอีกคนนั้นมีเสน่ห์มาก
แต่เดือนอ้ายไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ตลอดมาคนที่หล่อสำหรับร่างเล็กคืออาทิตย์เพียงคนเดียวเท่านั้น เขายิ้มจางๆให้อีกคนเป็มารยาทก่อนเควินจะแนะนำให้รู้จัก
“นี่พี่นิน เป็รุ่นพี่ที่บริษัทกูเอง”เขายกมือไหว้อีกคนก่อนที่อีกคนจะยกมือรับไหว้กลับ
“ผมเดือนอ้ายครับ”
“พี่ได้ยินสองแฝดมันเล่าถึงเราเยอะเลย ตัวจริงสวยกว่าที่คิดอีกนะ”เขากลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อยเมื่อได้รับคำชมจากอีกคน รู้สึกอายนิดหน่อย ปกติแล้วจะไม่มีคนมาชมตรงๆแบบนี้เท่าไหร่
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”
“ทำมาถ่อมตัวนะมึง กูบอกแล้วั้แ่แต่งงานก็สวยผ่องเชียว”
“เงียบไปเลยมึงน่ะ”
“นี่เราแต่งงานแล้วหรอ”นินทำหน้าใเล็กน้อยที่รู้ว่าอีกคนแต่งงานแล้ว
“เห็นมันสวยแบบนี้แต่มันมีผัวแล้วพี่ ่นี้คลั่งรักกันอยู่ด้วย”
“แบบนี้พี่ก็เสียดายแย่ ตอนแรกว่าจะจีบสักหน่อย”เขามองหน้าเควินเพื่อขอความช่วยเหลือแต่เหมือนอีกคนจะหาทางไม่ได้จนนาวินเข้าแทรกบทสนทนาทันที “ฮ่าๆๆ พี่นินนี่เล่นมุขฮาตลอดเลย”
“พี่ไม่ได้เล่นมุขนะ พี่พูดจริงๆว่าอยากจีบ”ชิบหายแล้ว เขาไม่รู้จะพาตัวเองออกจากบรรยากาศอึดอัดตรงนี้ยังไงดี
“โถ่พี่ มาจีบผมแทนม่ะ ตอนนี้โสดสนิท”นาวินกอดคอรุ่นพี่ตัวเองพร้อมทำเสียงเล็กเสียงน้อยจนข้ามผ่านบทสนทนานั้นมาได้
“มาดื่มเถอะๆ”เควินรีบชงเหล้าให้รุ่นพี่ตัวเองก่อนจะหันมาคุยกับเขา ปล่อยให้นาวินเป็คนรับมือกับอีกคนแทน
บอกตามตรงระหว่างที่นาวินยังคุยอยู่กับพี่นิน สายตาของอีกคนก็ยังคงจ้องมาที่เขาอย่างไม่วางตา มันเป็สายตาที่ทำเอาเดือนอ้ายรู้สึกอึดอัดสุดๆ เขาไม่อยากรับรู้อะไรเลยจึงเลือกที่จะเปลี่ยนจากกินน้ำอัดลมมาเป็เหล้าแทน ถ้าหากได้รับแอลกอฮอล์ไปสักนิด เขาก็อาจจะทำเป็เมินสายตานั่นได้สำเร็จ
เดือนอ้ายยกดื่มไม่ขาดจนรู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวแล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแชทหาอาทิตย์ให้มารับได้เลย เพราะเขาเองก็หมดสนุกแล้ว ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจอีกคนแต่ว่าสายตาแบบนั้นมันดูอันตรายสำหรับเขา อีกอย่างเขาไม่ใช่คนที่จะดูคนไม่ออกแบบนั้น ั้แ่บทสนทนาที่อีกคนทักเขาก็ดูแปลกๆแล้ว
ตัดปัญหาที่จะทะเลาะกับพี่อาทิตย์ด้วยก็หนีกลับบ้านมันซะเลย
เขาพิมพ์บอกพี่อาทิตย์ไปสักพักอีกคนก็ตอบกลับมาว่าออกมาได้เลย ร่างเล็กรีบเก็บของก่อนจะบอกเพื่อนว่าตัวเองจะกลับแล้ว สายตาของนินยังคงจ้องมาที่เขาแบบเดิมก่อนที่จะเอ่ยทักเขา “ให้พี่ไปส่งไหม?”
“ไม่เป็ไรครับ แฟนผมมารับ”น้ำเสียงเล็กพยายามย้ำไปที่คำว่าแฟนแต่ทำไมเขาพูดไปแบบนั้นอีกคนกลับยิ้มขึ้นมา
“งั้นหรอ กลับดีๆล่ะ”
“ครับ กูกลับก่อนนะ ไว้เจอกัน”เขาโบกมือลาเพื่อนก่อนจะเดินออกมาจากร้านก็พบว่ารถยนต์สีดำของพี่อาทิตย์จอดรออยู่แล้ว ร่างเล็กรีบเดินขึ้นรถทันทีพร้อมกับปิดประตูแต่ด้วยความไม่รู้ตัวจึงทำให้การปิดประตูนั่นเสียงดังกว่าปกติ
“ทำไมปิดดังขนาดนั้นล่ะ”
“อ้ายลืมตัวไปหน่อย ขอโทษครับ”พอตั้งสติได้ก็รีบหันไปมองอีกคนทันที อาทิตย์สังเกตเห็นว่าสีหน้าของเดือนอ้ายไม่เหมือนปกติจึงเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วง
“เป็อะไรรึเปล่า?”เขาได้แต่คิดว่าควรจะบอกอีกคนดีไหมว่าเขาไปเจอคนแปลกๆมา แต่พอคิดแล้วก็ไม่บอกดีกว่า ถ้าหากเล่าไปมีหวังพี่อาทิตย์อาจจะทำอะไรเกี่ยวกับรุ่นพี่คนนั้นอีก
“เปล่า อ้ายรู้สึกว่าเมานิดๆน่ะแต่ยังพอรู้เื่นะ”ร่างเล็กพิงหัวซบกับไหล่กว้างของอีกคนขณะที่ร่างสูงยังขับรถ อาทิตย์ไม่ได้รบเร้าถามต่อเพราะคิดว่าถ้าอีกคนไม่อยากเล่า เขาก็จะไม่ยุ่งด้วย ปล่อยให้เ้าตัวอยากเล่าก็ค่อยฟังตอนอื่น
เช้านี้เขาถูกปลุกด้วยเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ั้แ่เมื่อคืน ตอนแรกตั้งใจว่าจะทำอาหารให้พี่อาทิตย์แต่ว่าอีกคนตื่นั้แ่หกโมงและก็ออกไปทำงานทันทีแต่ก็ยังไม่ลืมที่จะหอมแก้มภรรยาก่อนไปทำงาน เดือนอ้ายพอจะมีสติสะลึมสะลืออยู่บ้างในตอนนั้นแต่ก็หลับต่อจนถึงเวลาสิบโมง
พอมองแจ้งเตือนโทรศัพท์ก็พบว่ามีสายที่ไม่ได้รับถึงสิบสาย ปกติแล้วคนที่จะโทรมาแบบนี้ควรจะเป็พวกแฝดแต่ว่าสายที่เขาไม่ได้รับขึ้นชื่อว่า ‘แม่’ ยังไม่ทันที่จะกดโทรกลับสายเรียกเข้าของแม่ก็ดังขึ้นมาอีกรอบ
“ฮัลโหลครับ”
(อ้าย! แม่โทรไปตั้งหลายสายทำไมไม่รับเลย)
“พอดีอ้ายยังนอนอยู่น่ะครับ”
(ตายแล้ว นอนตื่นสายแบบนี้ได้ไง อายเ้าสัวเขาไหม ลูกไปทำให้เ้าสัวเขาเดือดร้อนรึเปล่า)
“เท่าที่นึกได้ก็ไม่มีนะครับ ก็มีแต่บริษัทของพ่อที่ทำให้พี่อาทิตย์เหนื่อย”เขาพูดความจริง พี่อาทิตย์แบกภาระไว้อยู่หลายอย่างแล้วยังต้องมาช่วยโชตินันท์อีก นี่ขนาดเขากลับบ้านเมื่อคืนตีสอง อีกคนยังลุกไปทำงานได้ั้แ่หกโมง
(ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ! เดี๋ยวนี้คิดอยากจะพูดอะไรก็พูดงั้นหรอ?!)
“แม่โทรมา้าอะไรแน่ อ้ายไม่ได้ว่างนะครับ”เขาได้แต่ขำครอบครัวตัวเองด้วยความสมเพช ทีตอนขอร้องให้ช่วยคนละน้ำเสียงกับตอนนี้เลย
(แม่แค่จะมาบอกว่าโชตินันท์จะจัดงานเลี้ยงที่บริษัทธุรกิจผ่านไปด้วยดี อ้ายพาเ้าสัวมาด้วยนะ)
“วันไหนครับ?”
(วันนี้น่ะสิ งานเริ่มหกโมงเย็นที่โรงแรมxxxx)
“อ้ายไม่รู้นะครับว่าพี่อาทิตย์ว่างไปรึเปล่า”
(เอาเ้าสัวมาให้ได้นะเพราะแม่บอกกับแขกไปหมดแล้วว่าเ้าสัวจะมา)
“ แม่ไปพูดแบบนั้นได้ยังไงอ่ะ? แม่ควรถามอ้ายก่อนนะไม่ใช่ประกาศมั่วแบบนั้น มันไม่ใช่เื่เลยด้วยซ้ำ”
(อย่ามาอารมณ์เสียใส่แม่นะ! แค่เอาเ้าสัวมาด้วยมันยากนักรึไง)
“อย่างน้อยแม่ก็ควรให้เกียรติเขารึเปล่า? ไม่ใช่อยากจะดึงเขาไปไหนก็ได้เพราะเห็นว่าอ้ายเป็ภรรยาเขาน่ะ! เขาไม่คนที่แม่จะทำอะไรก็ได้นะ!”
(แกอย่ามาขึ้นเสียงใส่แม่นะ!)
เขารีบกดวางสายอีกคนลงทันทีด้วยความโมโห การที่ครอบครัวเขาทำนิสัยแบบที่ทำกับเขาใส่พี่อาทิตย์มันทำให้เดือนอ้ายรู้สึกโกรธมาก เขาเองยังไม่อยากรบกวนอีกคนมากนักเลยแล้วครอบครัวของเขาเป็อะไรกันถึงมาสั่งให้ทำแบบนั้นแบบนี้
การที่ครอบครัวเขา้าที่จะให้เ้าสัวไปร่วมงานเพราะว่าจะใช้เป็แผนด้านธุรกิจ โอ้อวดตระกูลอื่นว่าโชตินันท์ได้ปรองดองกับศิวาลัย ทุกวันนี้หลายตระกูลก็หมั่นไส้โชตินันท์ไม่น้อย และยิ่งเป็แบบนั้นโชตินันท์ ไม่สิ พ่อของเขาก็ชอบใจ
อำนาจคือสิ่งที่พ่อเขาชอบที่สุดในชีวิตแล้ว
ร่างเล็กกดต่อสายหาสามีตัวเองเพียงวิเดียวอีกฝ่ายก็กดรับสาย
(ตื่นละหรอ)
“อื้อ พี่อาทิตย์ทำงานอยู่รึเปล่า”
(กูคุยได้)ระหว่างที่อีกคนพูดเขาได้ยินเสียงพูดคุยเกี่ยวกับงานไปด้วย
“ คือวันนี้โชตินันท์จะจัดงานเลี้ยงบริษัทแล้วแม่ชวนให้อ้ายกับพี่ไปด้วย..”
(กี่โมง)
“ งานเริ่มหกโมง แต่ว่าถ้าพี่อาทิตย์ไม่ว่าง ไม่เป็ไรนะ เดี๋ยวอ้ายไปคนเดียว”
(กูจะให้มึงไปคนเดียวได้ไง)
“ ก็อ้ายกลัวพี่อาทิตย์ไม่ว่าง”
(กูไปได้ เดี๋ยวกูไปรับที่บ้านตอนห้าโมง)
“ พี่อาทิตย์ไปได้แน่นะ อ้ายไม่อยากรบกวน“
(กูบอกว่าไปได้ก็ไปได้ดิ มึงแต่งตัวรอแล้วกัน)
“ ขอบคุณครับ กินข้าวด้วยนะ”
(เรียกที่รักดิ)
“อะไรนะ!”อารมณ์ไหนเนี่ยถึงอยากให้เรียก
(จะะโทำไม ไหนเรียกหน่อย)
“ทะ..ที่รัก”
(ครับเบบี๋)
เดือนอ้ายกดวางสายอีกคนทันที รู้อยู่ว่าอีกคนคงจะโวยวายแน่แต่ไม่ไหวหรอก เบบี๋บ้าอะไรของพี่อาทิตย์ก็ไม่รู้ ถ้าอ้ายหัวใจวายตายขึ้นมาทำไง จู่ๆก็มาพูดอะไรแบบนี้
“ไอพี่อาทิตย์บ้าๆๆ!” ร่างเล็กบ่นไปพร้อมเอาหมอนทุบกับเตียง
รถของพี่อาทิตย์มารับเขาในเวลาห้าโมงพอดี ร่างสูงแต่งตัวรอไว้แล้วในชุดสูทสีดำซึ่งแน่นอนว่าหล่อกระชากใจเดือนอ้ายเหลือเกิน เดือนอ้ายแต่งตัวในชุดเรียบง่ายไม่ได้ใส่สูท แต่ว่าใส่เชิ้ตสีดำพร้อมกับกางเกงสแล็คสีขาว อาทิตย์ก็ยังมองว่ามันดูโป๊ไปเพราะว่ากระดุมเสื้อเชิ้ตดำไม่ได้ติดถึงสองเม็ด
“จะยอมติดดีๆไหม”
“พี่อย่าดื้อได้ไหมเนี่ย อ้ายบอกว่ามันติดไม่ได้ไง”
“ ทำไมจะไม่ได้กระดุมมันหลุดรึไง?” ในขณะที่พูดใบหน้าของอาทิตย์ก็ยังคงขมวดคิ้ว โจที่ขับรถอยู่ด้านหลังมองผ่านกระจกหน้าก็ได้แต่ยิ้มกริ่มกับความหึงหวงของพี่ชาย
“ก็ถ้ามันติดหมดเลยมันก็ถึงคอสิมันดูเด๋อนี่”
“แต่นี่มันเห็นไหปลาร้ามึงเห็นไหมเนี่ย”
“ มันก็แค่ไหปลาร้าเองพี่อาทิตย์มันจะไปมีอะไรเล่า“เขาก้มมองไหปลาร้าตัวเองที่อีกคนชี้ เสื้อม้นไม่ได้โชว์แผงอกเขาเลยด้วยซ้ำไป
“ แล้วมันมีคนมาลวนลามมึงทำไง”
“ ใครมันจะมาลวนลามก่อน นี่มันในงานเลี้ยงนะ”
“ มึงแม่ง..”ร่างสูงเบี่ยงหน้าไปทางหน้าต่างรถแทน ใบหน้าบึ้งตึงของอีกคนนั่นดูน่ารักสำหรับเดือนอ้าย ครั้งแรกที่โตเห็นว่าพี่ขายตัวเองงอนภรรยาเลยน่ะเนี่ย
ร่างเล็กมองอีกคนที่งอนไปแล้วก่อนจะคิดหาวิธีง้อ แขนเล็กคล้องแขนอีกคนแน่นพร้อมกับเอาหัวถูกับแขนแกร่ง “พี่อาทิตย์คะ..งอนอ้ายหรอ?”
“…”ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก
“อ้ายขอโทษ..มันติดไม่ได้จริงๆ คุยกับอ้ายหน่อยได้ไหมคะ”
“…” อีกคนไม่มีท่าทีที่จะหันมามองเขาเลย
“ที่รักคะ…”เสียงหวานเรียกอย่างออดอ้อนจนในที่สุดก็ยอมหันมามอง ใบหน้าสวยเงยหน้ามองอีกคนก่อนจะจุ้บลงที่แขนแกร่งย้ำๆ “หายงอนนะคะที่รัก..”
ในใจของอาทิตย์หายงอนเป็ที่เรียบร้อยแต่ว่ามันยังไม่สาแก่ใจนักจึงแกล้งทำเป็งอนต่อ ใบหน้าหล่อจึงหันกลับไปทางเดิม แต่แล้วมือเล็กก็จับคางอีกคนหันมาก่อนจะจุมพิตที่ริมฝีปากหนา อาทิตย์ใการกระทำของอีกคนเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าจะทำแบบนี้แต่ก็ยินยอมให้อีกคนทำตามใจ
ริมฝีปากเล็กขบกับริมฝีปากหนาอย่างอบอุ่น พยายามดูดดึงให้อีกคนยอมตัวเองก่อนจะถูกฉกฉวยด้วยลิ้นร้อนของร่างสูง อาทิตย์กลายมาเป็คนคุมเกม ริมฝีปากบางถูกดูดดึงด้วยความแรงแต่ร่างเล็กก็สู้ไม่ถอย เสียงจูบดังต่อเนื่องจนคนขับรถต้องเก็บอาการเสียก่อน
“อื้อ หายงอนยังนะ”เขาผละจูบออกจากอีกคนก่อนจะเอ่ยถาม
“ยัง”ร่างเล็กประทับริมฝีปากที่ร่างสูงอีกครั้ง
“หายยังง่ะ”
“ยัง”เขาจุ้บปากอีกคนย้ำอยู่แบบนั้นจนเสียงกระแอมจากโจดังขึ้น “แค่กๆ เกรงใจคนที่ไม่มีเมียด้วยครับ”
“ขับรถไปมึงอ่ะ” อาทิตย์หันหน้าไปสั่งโจก่อนจะหันมาจุ้บที่ริมฝีปากของเดือนอ้าย
“หายแล้วแน่ๆ”
“มึงต้องไปง้อกูต่อที่บ้าน”เขารู้ว่าอีกคนหายงอนแล้วแต่ว่าพี่อาทิตย์หาเื่ให้เขาจูบต่อแน่ ยอมรับว่าจูบเมื่อกี้มันดีมากๆเลย เหมือนมีผีเสื้อบินในท้องเขาอยู่แบบนั้น นึกแล้วก็อยากแกล้งอีกคนขึ้นมา
“ง้อท่าไหนดีนะ”เขาแอบกระซิบข้างหูอีกคนช้าๆจนอีกฝ่ายหันหน้ามาทันที
“…”เหมือนว่าอาทิตย์จะช็อคไปแล้วนะ
ร่างเล็กค่อยๆขยับไปกระซิบร่างสูงอีกรอบก่อนจะเอาปากไปใกล้ๆหูอีกคนและค่อยๆกระซิบเสียงเบาที่สุด “ท่าหมาดีไหมคะที่รัก”
“อ้าย!”อาทิตย์ะโออกมาอย่างเสียงดังจนโจเองยังสะดุ้ง เขาไม่คิดว่าตัวเล็กมันจะซนถึงขั้นนี้
“ฮ่าๆ”เดือนหัวเราะอย่างชอบใจพลางพิงหัวกับไหล่อีกคน มือของเขาถูกพี่อาทิตย์ไปกุมเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
ในตอนนี้เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะว่าั้แ่มาเหยียบในงานเลี้ยง พี่อาทิตย์ก็ถูกเรียกตัวไปคุยกับคนนั้นคนนี้ทำให้เค้านั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะ อาหารบนโต๊ะก็ไม่อร่อยเสียเลย พอมองไปเห็นสามีตัวเองยืนคุยกับผู้หญิงมากหน้าหลายตาก็ยิ่งอารมณ์ขึ้น
แม่ของเขาเอาแต่พาพี่อาทิตย์ไปคุยกับคนทั่วงาน บอกตามตรงเขาไม่อยากพาพี่อาทิตย์มางานนี้จริงๆเพราะรูัว่าอีกคนต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้ ร่างเล็กนั่งอยู่คนเดียวภายในงานก็ถูกทักด้วยเสียงเล็กด้านหลัง
“อ้าย!”เขาหันไปตามเสียงเรียกก็ พบว่าเ้าของเสียงก็คือพี่ชายฝาแฝดของเขาเอง
“อ่า พี่เองหรอ”
“มานั่งอะไรแต่คนเดียวตรงนี้ล่ะ พวกญาติๆถามหากันเยอะเลย”
“งั้นหรอ อ้ายรู้สึกว่าเจ็บเท้านิดหน่อยน่ะ”
“พวกน้าเขาอยากคุยด้วยน่ะ มาด้วยกันก่อนสิ”อิงดาวดึงเดือนอ้ายลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะพาเดินไปหาพวกญาติ
“สวัสดีครับคุณน้า” อิงดาวทักทายด้วยรอยยิ้มพร้อมกับพนมมือไหว้
“ ตายแล้ว อิงดาวหรอเนี่ยสวยขึ้นเป็กองเลยนะเราน่ะ!”
“ ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ เดือนอ้ายสวยกว่าดาวเยอะเลย”เขาไม่เข้าใจเลยว่าจะมาโยนให้เขาทำไม เดี๋ยวเขาก็ต้องรับจบเอง “สวัสดีครับคุณน้า”
“นี่เดือนอ้ายหรอ?”น้าสาวมองเดือนอ้ายอย่างพินิจเพราะไม่คิดว่าเด็กที่หน้าตาบ้านๆคนนั้นจะดูดีขึ้น
“อ้ายเองครับ”เขารู้ว่าอีกคนคงจะงงว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปนัก อาจจะเป็เพราะที่ผ่านมาเขาปล่อยตัวมากจนไม่ได้ดูแลตัวเองเลย
” ดูเป็ผู้เป็คนสักทีนะ ตอนนั้นที่แม่เราคลอดมาน้าใเลยว่า เป็แฝดกันจริงหรือเปล่า? คนพี่หน้าก็สวยแต่คนน้องหน้าขี้เหร่ ฮ่าๆ”เดือนอ้ายยิ้มจางๆให้กับอีกคน เขาไม่อยากสร้างปัญหาเท่าไหร่นัก
“น้องดูแลตัวเองมากขึ้นน่ะครับ”อิงดาวรีบแทรกเข้ามาในบทสนทนาทันที
“ ก็ดีนะหัดดูแลตัวเองเหมือนแฝดพี่ซะบ้าง แล้วนี่เ้าสัวเขาได้ให้ค่าเลี้ยงดูเท่าไหร่ล่ะ เห็นว่าเลี้ยงเด็กอยู่หลายคนเดียวนี่”
“คุณน้าครับ” เดือนอ้ายกำหมัดแน่นกักเก็บอารมณ์โกรธ เขาไม่อยากเชื่อจะได้ยินอะไรแบบนี้มาจากญาติตัวเอง
“อะไรล่ะ? คิดว่าน้าพูดโกหกหรอ เขาก็พูดกันไปทั่วว่าเ้าสัวเขามีเด็กเยอะจะตายไป-กรี้ด!!!!” เสียงกรีดร้องดังขึ้นทันทีเมื่อเดือนอ้ายหยิบแก้วน้ำจากเด็กเสิร์ฟที่เดินผ่านสาดใส่น้าสาวของตัวเอง
“แก!!! แกทำแบบนี้ได้ยังไง!?”
“น้าควรขอบคุณผมมากกว่านะครับที่ผมไม่ทำมากกว่านี้“
“นี่แก!”
“อย่ามาพูดถึงสามีผมแบบนี้อีก“