ยามที่สาวน้อยหลับดูน่ารักอย่างมาก ราวกับน้องสาวข้างบ้านตัวน้อยๆ ที่น่าสงสาร ซึ่งแตกต่างกับ ‘นกกระจิบตัวน้อยจอมยโส’ ในตอนกลางวันคนนั้นที่ชอบเถียงซุนเฟย ร่างบอบบางที่ยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาว ชวนให้ผู้คนที่เห็นอดไม่ได้ที่จะเ็ปใจ
ซุนเฟยส่ายหน้า เดินเข้าไปบีบแก้มกลมๆ เรียบเนียนของสาวน้อยอย่างหมั่นเขี้ยว “เฮ้ หนูน้อย ตื่นเร็วเข้า...มายืนตรงนี้ทำไมเล่า? ตัวเย็นมากแล้ว รีบเข้าไปนอนด้านในเถอะ"
แต่ใครจะรู้ว่าสาวน้อยคนนี้จะตื่นตัวมากขนาดนี้
เพียงมีการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ เธอก็รีบลืมตาขึ้นมา ร่างที่กำลังงัวเงียไม่ทันแยกแยะอะไรเป็อะไร มือบางก็กำหมัดต่อยเข้ามา ซุนเฟยที่ไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรก็ถูกสาวน้อยต่อยเข้าเบ้าตาอย่างจัง
ปึก!
เบ้าตาข้างหนึ่งก็พลันเหมือนขอบตาหมีแพนด้าทันที
“เอ๋? อเล็กซานเดอร์ ที่แท้ก็เป็เ้า....”
รอจนสาวน้อยได้ตื่นเต็มตาจนเห็นภาพรวมได้ชัดเจนและตอนนั้นเองสาวน้อยก็รู้สึกเก้อเขินเล็กๆ นางก้มหน้าลง แอบชำเลืองตามองเบ้าตาเขียวๆ ของซุนเฟย อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “คิกๆ ข้านึกว่าข้าศึกมันปีนขึ้นมาก็เลย...แต่เ้าก็ไม่เป็อะไร คิก ใช่ไหม?”
แต่ซุนเฟยรู้สึกเจ็บมาก
แต่นึกถึงภาพสาวน้อยที่ยืนท่ามกลางลมหนาว ถูกลมพัดจนตัวแข็งสั่นระริกน่าสงสารก็พาลให้โกรธไม่ลง จึงได้แต่ยกมือลูบหัวสาวน้อย จากนั้นก็ดึงผ้าคลุมด้านหลังชุดเกราะมาห่มบนร่างของนางก่อนจะพูดว่า “เอาเถอะ รีบเข้าไปนอนด้านในซะ ยามรุ่งสางก็ให้รีบกลับไปวังกับแองเจล่า ที่นี่ลมแรงเกินไปและไม่ใช่สถานที่ที่พวกหญิงสาวอย่างพวกเ้าควรจะอยู่”
สาวน้อยผมทองตะลึงไปชั่วขณะ
นางมองซุนเฟยตาค้าง ทันใดนั้นดวงตาก็แดงก่ำก่อนจะรีบก้มหน้าลง ไม่คิดจะโต้เถียงกับซุนเฟยอีก และหันหลังเดินเข้าไปด้านในหอสังเกตการณ์ที่ผุพังอย่างเชื่อฟัง
“อเล็กซานเดอร์ เ้าจะดีกับพี่แองเจล่าใช่ไหม?”
ขณะที่เดินไปถึงประตูทางเข้า จู่ๆ สาวน้อยก็หันหลังกลับมา ดวงตาจับจ้องไปที่ซุนเฟย สายตาปรากฏความเคร่งขรึมจริงจังในขณะที่ถาม
เอ๋?
ซุนเฟยชะงัก ไม่รู้ว่าควรจะตอบว่าอะไรดี
ไม่รอให้เขาตอบ สาวน้อยก็พูดต่อไปว่า “ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่สน ตอนนี้เ้ากลับมาเป็ปกติแล้วก็ควรที่จะดีกับพี่แองเจล่า! อเล็กซานเดอร์ เ้าอาจไม่รู้ แต่ระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา พี่แองเจล่าทุ่มเทเพื่อเ้าไปมาก ข้ากล้ารับประกัน ในโลกนี้นอกจากพี่แองเจล่าแล้วไม่มีใครคนไหนที่จะดีต่อเ้าได้ขนาดนี้เท่านางแล้ว...”
สาวน้อยผมทองพูดถึงตรงนี้ก็ยกมือขยี้ตาตัวเองจนแดง ทั้งยังกำหมัดน้อยๆ ของตัวเองแกว่งมาทางเขา พลางพูดอย่างข่มขู่ว่า “ตอนนี้เ้าก็เป็ปกติแล้ว จะต้องปกป้องนางเหมือนอย่างที่นางปกป้องเ้าเมื่อก่อน หากได้ยินคำว่า ไม่ แม้แต่นิดเดียว ข้าจะ...ข้าจะ...จะต่อยเบ้าตาเ้าอีกข้างให้เขียวเลยคอยดูสิ ฮึ!”
สาวน้อยขู่เสร็จก็กำหมัดชกลมมาทางเขาและหันหลังเดินเข้าไปข้างในด้วยดวงตาแดงก่ำ
ซุนเฟยถูกคำขู่ของสาวน้อยจนตะลึงและอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
ั้แ่ต้นที่เจ็มม่าตั้งตัวเป็ปรปักษ์กับตัวเอง ซุนเฟยไม่ได้โง่ เขารู้ว่าเป็เพราะอะไร...คาดว่าเป็เพราะาาอเล็กซานเดอร์คนก่อนคงสร้างความเดือดร้อนให้แองเจล่าอยู่ไม่น้อย และถึงแม้ว่าเจ็มม่าจะเป็เพียงข้ารับใช้ แต่แองเจล่าคงปฏิบัติกับตัวเองเหมือนเป็น้องสาว ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจึงกลายเป็พี่สาวน้องสาว ตลอดระยะเวลาสามปี ในสายตาเจ็มม่าคงเห็นแองเจล่าประสบพบเจอแต่ความอยุติธรรม จึงจงใจตั้งตนเป็ศัตรูกับอเล็กซานเดอร์ นั่นก็ถือว่าเป็เื่ปกติ
เพราะซุนเฟยเข้าใจเื่นี้มาตั้งนานแล้ว ดังนั้นจึงไม่ค่อยโต้เถียงกับสาวน้อยคนนี้เท่าไร
ผู้หญิงแบบนี้คู่ควรแก่การเป็พี่น้องกับแองเจล่าที่สุดแล้ว สามปีที่ผ่านมามีเพียงน้องสาวตัวน้อยคนนี้ที่อยู่กับแองเจล่าเพื่อดูแลเ้าโง่อเล็กซานเดอร์ เห็นได้ชัดว่าโดยเนื้อแท้แล้ว สาวน้อยคนนี้มีจิตใจที่ดีงามมาก เพียงแต่เป็พวกปากร้ายเท่านั้น
คำพูดที่สาวน้อยผมทองกล่าวเมื่อกี้ทำให้หัวใจของซุนเฟยสั่นไหวมาก
ที่สาวน้อยผมทองกล่าวมามันไม่ผิดเลยสักนิด สำหรับซุนเฟยแล้ว หลังจากทราบเื่ราวที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่ว่าตอนนี้ความรู้สึกส่วนตัวของเขาจะเป็อย่างไร แต่เขาจะทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดปกป้องสาวงามคนนี้ เหมือนอย่างที่เจ็มม่าพูด ซุนเฟยจะต้องปกป้องแองเจล่าเหมือนอย่างที่แองเจล่าคอยปกป้องอเล็กซานเดอร์
……
อีกหนึ่งชั่วโมงก่อนฟ้าสาง เป็่เวลายามค่ำคืนที่ยาวนานและมืดที่สุด
ใกล้จะเข้าสู่ปลายฤดูใบไม้ร่วง ลมหนาวพัดโชยมา ความรู้สึกของซุนเฟยสั่นไหวตามแรงลม แม้ว่าเวลาจะผ่านมาเพียงวันเดียวที่เขามาถึงโลกแปลกๆ แห่งนี้ แต่เขากลับค่อยๆ รวมตัวเองเข้ากับโลกใบนี้แล้ว
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาว ดวงจันท์ส่องสกาว บรรยากาศเยือกเย็นเงียบเหงา
“หรือว่าการที่ข้ามายังโลกนี้มันจะเป็เพราะความประสงค์ของพระเ้าจริงๆ?”
ซุนเฟยยืนตรงหัวมุมกำแพง อดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกหลากหลาย จู่ๆ เขาก็นึกถึงคำพูดที่แม่ชีอคาร่าในเกม Diablo เคยพูดไว้ ตอนแรกเขารู้สึกว่ายัยป้าไร้ยางอายพูดเพื่อหลอกเอาเหรียญทองและอุปกรณ์ของตัวเองไป แต่ตอนนี้ เมื่อสงบสติลงแล้วมาคิดดูอีกที เขารู้สึกว่าสิ่งที่แม่ชีพูดมันยังมีเลศนัย ราวกับว่ายังมีบางอย่างซุกซ่อนอยู่
ในขณะที่เขามัวแต่คิดเพ้อเจ้อ ก็มีเงาร่างกำยำเดินเข้ามาไกลๆ เป็บรู๊คและเพียร์ซที่ได้รับาเ็คนนั้น
“ฝ่าา ข้าเพียร์ซอยากจะขอประทานอภัยโทษต่อฝ่าา!” เพียร์ซเดินเข้ามาหยุดตรงหน้า ไม่พูดจาอะไรก็มาคุกเข่าลงข้างหนึ่งตามแบบฉบับนักรบตรงหน้าซุนเฟย พลางกล่าวด้วยสีหน้าละอายใจว่า “ข้าไม่ทราบเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน...”
ซุนเฟยพูดขัดจังหวะเขา ส่งยิ้มไปให้ชายผมขาวแล้วประคองเขาให้ลุกขึ้นมา
พูดอย่างไม่เกินเลย ในหลายๆ คนที่เขาได้รู้จักเมื่อวานนี้ เพียร์ซเป็คนที่ทำให้ซุนเฟยรู้สึกอึ้งมากที่สุด ฉากที่น่าตะลึงที่สุดคงเป็ตอนที่ชายผมขาวฮึดสู้ตายกับศัตรูบนกำแพงเมืองเมื่อวานนี้ ชายตรงหน้าคุ้มค่าที่ตัวเองจะเชื่อใจ ซุนเฟยปฏิบัติกับเขาอย่างใจกว้างแบบเดียวที่ทำกับบรู๊ค
ในสถานการณ์ที่วิกฤติเช่นนี้ ซุนเฟยจิตใต้สำนึกเริ่มกระตุ้นให้หาทางเอาชนะใจเขา
“าแดีขึ้นแล้วหรือ?” ซุนเฟยตบอกของเพียร์ซเบาๆ พลางถามอย่างอารมณ์ดี
การกระทำเล็กๆ น้อยๆ นี้ได้ผ่อนคลายบรรยากาศระหว่างทั้งสองคน
“ดีแล้ว ดีขึ้นแล้วขอรับ...” เพียร์ซกล่าวพลางเบ่งกล้ามให้ซุนเฟยดูอย่างตื่นเต้น เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “องค์าาอเล็กซานเดอร์ ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้เล่าให้ข้าฟังทั้งหมดแล้ว ในที่สุดเมืองแซมบอร์ดก็มีองค์าาเป็ของตัวเองแล้ว กระหม่อมจะจงรักภักดีต่อฝ่าา จะขอรบเคียงบ่าเคียงไหล่ จะขอรบจนตัวตายเพื่อรับใช้ท่าน!”
เมื่อซุนเฟยพบว่าอาการาเ็ของเพียร์ซดีขึ้น ใบหน้าแดงปลั่ง ดูเหมือนว่าผลของ 'น้ำยารักษาชีวิตขวดเล็ก' ในโลก Diablo จะสามารถนำมาใช้ในโลกจริงได้และดูเหมือนจะดีกว่าด้วยซ้ำ เพียงสองหยดก็สามารถช่วยชีวิตผู้ที่ได้รับาเ็หนักได้ตั้งคนหนึ่ง
“พวกเ้าช่วยข้าดูหน่อยเถอะ ค่ายศัตรูฝั่งตรงข้ามดูเหมือนจะไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เลยในตอนนี้ ไม่เหมือนกับหลายวันก่อนเลย?” ซุนเฟยเปลี่ยนหัวข้อสนทนา หมุนตัวไปมองแล้วยกมือชี้ไปทางค่ายศัตรูพลางถามออกมา
บรู๊คครุ่นคิดสักพัก เขาขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า “ที่จริงมันก็แปลกๆ อยู่บ้าง เมื่อไม่กี่วันก่อนพวกสารเลวพวกนี้จะไม่ยอมให้พวกเรามีเวลาพักผ่อน ทุกคืนจะแกล้งทำเป็โอบล้อมเมืองเพื่อก่อกวนทหารมากกว่าสิบครั้ง พอตอนเช้าฟ้ายังไม่ทันสางก็จะเริ่มบุกเข้าโจมตี...แต่พอมาวันนี้กลับแปลกไปกว่าวันก่อนๆ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะเตรียมแผนการณ์ร้ายอะไรไว้”
“ไม่ว่ามันจะเป็แผนการร้ายอะไร ตราบใดที่ไอ้พวกลูกหมานั่นกล้าเข้ามา ข้าจะใช้ค้อนทุบมันให้เละติดกำแพงเลย!” เพียร์ซที่ฟื้นฟูพลังกลับมาเต็มร้อยจ้องมองไปที่ค่ายศัตรูฝั่งตรงข้ามด้วยความโกรธแค้น
บรู๊คก้มหน้าไม่กล่าวอะไรออกมา
ซุนเฟยอดไม่ได้ที่จะหน้านิ่วคิ้วขมวด
ช่างเป็พี่ชายที่อารมณ์รุนแรงเสียจริง เกรงว่าคงมีแต่กล้ามเนื้อได้รับการพัฒนาแต่สมองคงไม่มี เฮ้อ พวกสมองมีแต่กล้ามเนื้อ
เขาพอจะมองออกว่าเพียร์ซเป็ชายที่กล้าหาญและก็บ้าบิ่น เขาอาจะเป็มือดีในการสังหารศัตรูในสนามรบ แต่ถ้าจะให้เขาวางแผนด้านกลยุทธ์ คงจะยากพอๆ การที่จะให้กระเทยมีเมียกระมัง!
แต่กับบรู๊คทำให้ซุนเฟยมองเขาด้วยสายตาที่ทึ่ง ตลอดเวลาเห็นได้ชัดว่าไม่ใจร้อนไม่วู่วาม เขาเหมาะกับการเป็ผู้บังคับบัญชาการจริงๆ มีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊
ตอนนี้ซุนเฟยเองก็คงคาดไม่ถึงว่าด้วยความบังเอิญนี้ เขาได้กำหนดทิศทางเดินสำหรับนายทหารทั้งสองคนตรงหน้าเขาเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้อีกหลายปีกลุ่มนักกวีพเนจรของแผ่นดินอาเซรอทจะร้องเพลงเล่าขานตำนานเกี่ยวกับ เพียร์ซ ‘เครื่องจักรสังหาร’ และ เกอเทอ บรู๊ค ‘ต้นไม้แห่งปัญญา’ สองนายทหารผู้รับใช้ภายใต้การควบคุมของาาอเล็กซานเดอร์
“ไม่ว่าจะมีแผนร้ายอะไร เมื่อเวลามาถึงมันก็จะเปิดเผยขึ้นเอง....”
ซุนเฟยคิดเช่นนั้น ในใจก็เริ่มแสยะยิ้มเหี้ยม นิสัยเ้าเล่ห์อันธพาลก็เริ่มผุดขึ้นมา ซุนเฟยใช้นิ้วชี้เคาะลงบนกำแพงหินเป็จังหวะช้าๆ แล้วพูดว่า “เพียร์ซพูดถูก ไม่ว่าใคร ถ้ากล้าละโมบอยากได้เมืองแซมบอร์ดของพวกเรา ข้าจะเลาะฟันมันออกมา”
เพียร์ซได้รับคำชมจากองค์าาก็หัวเราะอย่างมีความสุข
………
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดแสงสว่างยามเช้าก็ค่อยๆ โผล่ออกมาจากขอบฟ้า รุ่งอรุณก็มาเยือน เช้าวันใหม่ก็มาถึงแล้ว
ตอนนี้ ค่ายศัตรูที่อยู่ริมแม่น้ำฝั่งตรงข้ามก็ไม่เงียบสงบอีกต่อไป
เสียงแตรดังขึ้น ทำลายรุ่งอรุณแห่งความเงียบสงบ สามารถมองเห็นเหล่าทหารเกราะดำที่อยู่ไกลๆ เหมือนมดเดินไปมาในค่าย ควันจากเตาก็ค่อยๆ ลอยขึ้น รอจนทานอาหารเช้าเสร็จ าครั้งใหม่ก็คงอุบัติขึ้น
“ให้เหล่าทหารเตรียมตัวเถอะ บรู๊ค าวันนี้เ้าเป็คนออกคำสั่ง ทุกคนจะต้องฟังเ้า รวมทั้งข้าด้วย!” แม้ว่าความแข็งแกร่งของซุนเฟยจะได้มาจากโลก Diablo และพลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ขาดตอน ทว่าสำหรับความรู้ทางการทหารศึกานั้น เขาไม่รู้อะไรเลย ดังนั้นจึงมอบหมายงานนี้ให้บรู๊คเป็คนจัดการทั้งหมด
“น้อมรับพระบัญชา ฝ่าา!” บรู๊คไม่ปฏิเสธ
การกระทำแบบนี้ ทำให้ซุนเฟยช่วยไม่ได้ที่จะมองเขาอย่างพึงพอใจ
“ใช่แล้ว ไม่ใช่ว่าข้าสั่งเกณฑ์ทหารนักเวทกิลให้มาเข้าร่วมาด้วยหรอกหรือ? ทำไมป่านนี้ข้ายังไม่เห็นเขาอีกเล่า?” ซุนเฟยนึกถึงเ้าหมูอ้วนขึ้นมาได้
“ข้าจะไปถามให้”
บรู๊คเองก็รู้สึกแปลกใจ เขาหมุนกายไปสอบสอบถาม
ถัดมา บรู๊คก็นำนายทหารสองนายที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยร่องรอยการโบยเข้ามาแล้วพูดอย่างโมโหว่า “ทหารที่ถูกส่งไป ถูกบาร์เซิลสั่งโบยแล้วส่งกลับมาขอรับ เขาพูดว่ากิลได้รับาเ็หนักไม่สามารถเข้าร่วมรบได้”
ซุนเฟยเห็นร่องรอยการโบยตีของทหารในใจก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมา
-----------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้