แท็กซี่จอดหน้าประตู สถาบันศิลปะการต่อสู้ซานเหอ
คนขับบ่น “ถึงจะเป็เขตเมืองใหม่แต่ที่นี่ก็ไกลนะเกือบเชิงเขาแล้วแถวนี้มีแต่หมู่บ้าน”
จางหย่งอันไม่ติดใจเมืองที่ดินแพง สถาบันใหม่จึงไปตั้งไกลเมือง
“ก็ดี เหมาะกับการฝึก”
เขาจ่ายเงินลงจากรถรอบข้างมีแต่ตึกซานเหอตั้งเดี่ยวกลางไร่นา เห็นชาวบ้านทำงานประปรายความสงบตรงหน้าตัดกับแนวหน้าที่เป็ูเาศพทะเลเื ที่นี่เหมือน์ เขาคิดเงียบๆว่า อยู่ห่างจากแนวหน้าก็ดี แต่ถ้าทุกคนไม่ไปใครจะหยุดต่างเผ่าพันธุ์ านี้พวกเขาก็ต้องสู้ให้จบ
ประตูสถาบันเรียบง่ายเหมือนประตูโรงเรียนมัธยม เป็ประตูเหล็กกับรั้วเลื่อนยาวสิบเมตรให้รถเข้าออก
หน้าประตูมีอาจารย์ยืนอยู่ 7–8 คนเห็นเขาก็รีบมารับ
ไม่นานทั้งหมดมาหยุดตรงหน้าเขาอายุราวสามสิบต้นๆ
ชายคนหนึ่งยื่นมือ “สวัสดีครับท่านอธิการผม ชู่จื่อหาง รองอธิการเมื่อวานคุยสายกับท่านครับ”
ชู่จื่อหางแนะนำต่อ “นี่หัวหน้าระดับชั้นทั้งสามสองชายหนึ่งหญิง คือ จางเหลียง, เว่ยชิงฮวา และอีกหนึ่งท่าน”
จางหย่งอันจับมือทักทายครบ
ชู่จื่อหางชำเลืองหลัง “กระเป๋าของท่านล่ะครับ”
จางหย่งอันชูนิ้วกลางที่สวมแหวนสำริดทรงแปลก “อยู่ในนี้”
ทุกคนรู้ทันที จางเหลียงเผลอมองด้วยความอิจฉา “รางวัลเหรียญกล้าหาญชั้นหนึ่งของสหพันธ์โลก—แหวนเก็บของแบบดีๆหลายล้านหยวนเลยนะครับ”
ชู่จื่อหางยิ้ม “วงนี้ความจุ 100 ลูกบาศก์เมตร มูลค่าหลายสิบล้านของที่ขายหลักล้านจุแค่สิบกว่าลูกบาศก์แหวนพวกนี้ยึดมาจากต่างเผ่าพันธุ์รบร้อยปีสหพันธ์ยึดมาไม่น้อยเดี๋ยวนี้ซื้อได้ที่ตลาดกลางของสหพันธ์โลก”
ของจางหย่งอันก็รุ่น 100 ลูกบาศก์เมตร จริง
“ไปกันเถอะวันนี้มีพิธีเปิดเทอมอย่าให้เด็กๆรอนาน” เขาอยากเห็นนักเรียนด้วยตาตัวเองต่อไปพลังของเขาจะโตได้ก็เพราะพวกเขา
ระหว่างเดินชู่จื่อหางอธิบายภาพรวม
“อาจารย์ทั้งสถาบัน 30 คน ส่วนใหญ่เป็ทหารผ่านศึกจากกองทัพสหพันธ์ที่ 649 ถูกปลดเพราะาเ็แม้ดูปกติแต่มีอาการเรื้อรังต่อระดับไม่ได้บางท่านพลังภายในหายหมด จึงสอนได้เฉพาะทฤษฎี เขตนี้รองรับชุด 649, 648, 647 เป็หลัก”
“นักเรียนรวม 600 คน ชั้นละ 200 เป็โควตากรมการศึกษาเซี่ยงไฮ้เพราะกำลังอาจารย์มีจำกัดนักเรียนเกือบ 90% เป็ เด็กกำพร้าทหารพ่อแม่ล้มที่แนวหน้าได้สิทธิ์พิเศษเข้าศึกษา”
จางหย่งอันนิ่ง เด็กเหล่านี้ไม่ต่างจากอดีตของเขา
ชู่จื่อหางพูดต่อ “เกณฑ์รับต่ำกว่ามาตรฐานสอบสายต่อสู้ราว 40 คะแนนพลัง แต่ใจอยากเป็นักสู้กันทั้งนั้นปัญหาคือ พร์กับทรัพยากรฝึก
รุ่นที่จะจบปีนี้ คนถึง ‘ขั้นหนึ่ง’ มีแค่ไม่กี่คน… งบจากข้างบนก็น้อย ทั้งสถาบันต่อปีมีแค่ 5 ล้านหยวน เด็กหนึ่งคนเลยได้แค่ยาพลังภายในไม่กี่เม็ดจะให้ออกไปรับภารกิจหาเงินเพิ่มก็ไม่ได้ตอนนี้สู้คนธรรมดายังลำบากอันนี้ยังถือว่าเป็สิทธิ์พิเศษแล้ว ไม่งั้นน้อยกว่านี้”
จางหย่งอันขมวดคิ้วที่สถาบันเดิมของเขา “งบปีละหลายร้อยล้าน” นักศึกษาส่วนมากเป็นักสู้ออกไปรับภารกิจหา “ทรัพยากรฝึก” เพิ่มได้
ที่นี่น่าเห็นใจแต่ก็เข้าใจ—เพื่อต้านต่างเผ่าพันธุ์สหพันธ์โลกต้องเททรัพยากรให้คนที่มีโอกาสไต่ระดับสูงก่อนอย่างน้อยเด็กๆที่นี่ก็ยังได้เรียน
เขาคิดในใจ “ถ้าเด็กพวกนี้ลุกจากจุดนี้ไม่ได้แล้วฉันจะเพิ่มพลังยังไง”
ทั้งหมดมาถึงหน้าหอประชุมอาจารย์ที่เหลือมายืนรอต้อนรับ
“ยังมีอาจารย์อีกสองสามท่านไม่อยู่” ชู่จื่อหางบอก
จางหย่งอันสงสัย “ไม่ถูกจัดงานให้แล้วหรือทำไมยังขึ้นแนวหน้าหรือโดนฮุบตำแหน่ง”
ชู่จื่อหางรีบส่ายมือ “ไม่ใช่ครับพวกเขาข้ามแดนไปดินแดนต่างเผ่าพันธุ์เพื่อกวาดทรัพยากรเองถ้าพึ่งงบอย่างเดียวทั้งอาจารย์ทั้งนักเรียนคงผอมโซเด็กก็ยกระดับไม่ได้อาจารย์ชุดนั้นเอาของกลับมาได้ทุกปีรวมๆอีกหลายล้านหยวนทุกอย่างเพื่อเด็กๆ”
บรรยากาศนิ่งไปชั่วครู่อาจารย์ชายวัยกลางคนที่ขาซ้ายกะเผลกก้าวออกมา
“ท่านอธิการอย่าถือโทษที่พวกเขาไม่อยู่เด็กเราพร์อาจด้อยแต่ใจอยากแข็งแกร่งเพื่อล้างแค้นให้พ่อแม่ทรัพยากรที่สถาบันให้มีน้อยพวกเราอาจารย์เลยต้องออกไปหาให้เองแม้เสี่ยง แต่ถ้านั่นทำให้เด็กแข็งแกร่งขึ้น—ก็คุ้มค่า”
—โปรดติดตามตอนต่อไป—