เมื่อได้ยินคำพูดของลู่อีเจิ้ง และเห็นสีหน้าเย็นเยือกที่เต็มไปด้วยความชิงชังของโม่ฮว่าเหวิน ฟางอี๋เหนียงก็หน้าเสียนอนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ รู้ว่าโม่ฮว่าเหวินเกิดความแคลงใจขึ้นแล้ว หากตนเองถูกเปิดโปงว่าทำร้ายบุตรในครรภ์ โม่ฮว่าเหวินต้องไม่ไว้ชีวิตแน่ ยามนี้นางรู้สึกเสียใจที่ฟังคำพูดของโม่เสวี่ยิ่ที่ให้เอาบุตรในท้องมาเป็เครื่องมือ
แต่ยามนี้ไม่ใช่เวลามานึกเสียใจ นางยังมีสติชัดแจ้งอยู่ รู้ว่าตนเองควรจะแสดงท่าทางให้ดูน่าเวทนาสงสารยิ่งมากเท่าไรยิ่งดี ให้โม่ฮว่าเหวินรู้สึกเห็นใจ คิดแล้วก็กลิ้งลงมาจากเตียงแล้วคลานเข้าไปกอดขาของโม่ฮว่าเหวินร้องไห้ ยึดชายอาภรณ์ของเขาไว้แน่นแล้วรีบกล่าวคำแก้ตัว
“ไม่จริง นายท่านมิใช่เช่นนั้น ไม่ใช่ข้า ข้าไม่รู้... ข้าไม่รู้ว่านั่นเป็ดอกหงฮวา นังบ่าวชั่ว เป็พวกเ้า เป็พวกเ้าที่ทำร้ายข้าใช่หรือไม่ นายท่าน ท่านต้องช่วยจัดการให้บุตรของพวกเราด้วย บ่าวชั่วสองคนนี้เป็คนทำ ข้าอนุภรรยาไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”
ด้วยนิสัยของโม่ฮว่าเหวิน หากรู้ว่านางทำร้ายบุตรในครรภ์ของตนอย่างโเี้ นางก็ต้องสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว
ตอนนี้นางไม่นำพาต่อเื่ทำลายโม่เสวี่ยถงอีกแล้ว คิดแต่จะหาคนมาเป็แพะรับบาป จึงกรีดร้องโวยวายแล้วชี้ไปที่กุ้ยหวาและกุ้ยเยวี่ย
“ไม่ใช่พวกเราเ้าคะ นายท่าย ไม่ใช่พวกเรา...” ยามนี้กุ้ยหวาและกุ้ยเยวี่ยรู้ว่าเกิดเื่ใหญ่แล้ว คิดไม่ถึงว่าอี๋เหนียงจะโบ้ยความผิดมาที่พวกนาง ความผิดฐานทำร้ายบุตรของเ้านายหากตกไปอยู่ที่ผู้ใดก็มีแต่ต้องถูกโบยจนตาย พวกนางไหนเลยจะรับไหว สีหน้าพลันซีดเผือด ตัวสั่นงันงก คิดแก้ต่างเพื่อเอาตัวรอด ส่งสายตาวิงวอนไปยังโม่เสวี่ยิ่
ทั้งสองคนเชื่อว่าโม่เสวี่ยิ่จะต้องหาทางช่วยเหลือพวกตนแน่ แต่เมื่อเห็นโม่เสวี่ยิ่ทำท่าไม่แยแส ก้มหน้าเล่นกำไลและลูกแก้วในมือ แววตาของพวกนางเผยความสิ้นหวัง ของสองชิ้นนั้นชิ้นหนึ่งเป็เครื่องประดับติดกายของหลานสาว อีกชิ้นหนึ่งเป็ของเล่นของหลานชายตัวน้อยของพวกนาง แต่เมื่อเด็กทั้งคู่ล้วนอยู่ในกำมือของคุณหนู พวกนางจะกล้าพูดอะไรได้ ความโหดร้ายของคุณหนู แม้แต่เด็กที่ยังไม่เกิดมายังไม่ละเว้น แล้วพวกนางจะกล้าขัดขืนได้อย่างไร
“นายท่าน ไว้ชีวิตบ่าวด้วยเถิด ไว้ชีวิตบ่าวด้วยเถิด” แม้ปากของพวกนางจะร้องขอชีวิตอย่างน่าสงสาร แต่แววตากลับสิ้นหวัง หากยอมรับความผิดเื่นั้น ไหนเลยจะมีทางรอด แต่เพื่อคนในครอบครัวพวกนางจำเป็ต้องยอมรับ
โม่เสวี่ยถงยืนมองพวกนางเล่นละครด้วยแววตาเ็า ไม่รู้สึกสงสารแม้แต่น้อย พวกนางติดตามฟางอี๋เหนียงร่วมกับโม่เสวี่ยิ่ให้ร้ายตนเอง เช่นนั้นก็ต้องยอมรับชะตากรรมว่าหมากที่หมดประโยชน์ถึงเวลาถูกเขี่ยทิ้งแล้ว
ไป๋อี้เฮ่าที่อยู่อีกด้านหนึ่งสายตายังคงอยู่ที่ตัวนางอย่างครุ่นคิด ภายในห้องเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เขาเติบโตมาในวังหลวง ย่อมรู้เื่ลับในวังหลังประเภทนี้ดี เ้าร้องจบข้าออกโรง ภายในห้องมีแต่เสียงร้องไห้คร่ำครวญ บ้างก็แสร้งทำเป็เสียใจและหวาดหวั่น มีเพียงนางที่สงบนิ่งเหมือนดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์ที่ชูช่อเบ่งบานอยู่เดียวดาย
ขณะที่สาวใช้สองคนร้องไห้คร่ำครวญ แต่นางกลับวางตัวประหนึ่งเป็แขกที่ผ่านมา ยืนมองอยู่ห่างๆ แม้ว่าสาวใช้สองคนจะดูน่าเวทนาเพียงใด นางก็ยังนิ่งเฉยไม่มีความเห็นใจแม้แต่น้อย ตัวเป็เพียงเด็กสาวที่เพิ่งอายุสิบสองสิบสามแท้ๆ นางผ่านอะไรมาจึงทำให้กลายเป็คนเ็าไร้ความรู้สึกเช่นนี้...
ยามนี้ฟางอี๋เหนียงดูเหมือนว่าจะคว้าฟางเส้นสุดท้ายของชีวิตได้ จับยึดชายอาภรณ์ของโม่ฮว่าเหวินไว้มือหนึ่ง แล้วชี้หน้าด่าสาวใช้สองคนอย่างรุนแรง ทั้งร้องไห้ทั้งโวยวายเสียงดัง “นายท่าน บ่าวชั่วสองคนนี้ เมื่อสองวันก่อนพวกนางทำเครื่องถ้วยชาในห้องตกแตก ข้าอนุภรรยาดุด่าไปแค่สองสามประโยค คิดไม่ถึงว่าพวกนางจะเจ็บแค้น ใช่แล้ว ต้องเป็เพราะเหตุนี้แน่นอน นายท่าน... ต้องโบยพวกนางสองคนให้ตาย แก้แค้นให้บุตรของพวกเราด้วยนะเ้าคะ”
นางคิดฉวยโอกาสสลัดปัญหาทุกอย่างให้พ้นตัว ด้วยการผลักความผิดไปให้บ่าวไพร่ เพียงเท่านี้ตนเองและบุตรชายบุตรสาวทั้งสองคนก็จะรอดตัวไปสบายๆ
“ท่านพ่อ เมื่อคืนถงเอ๋อร์นอนไม่หลับเลยออกไปเดินเล่น เห็นแม่นมหลี่ของฟางอี๋เหนียงกำลังพูดคุยกับใครบางคนท่าทางลับๆ ล่อๆ อยู่ที่ประตูหลัง ต่อมาก็พาคนไปที่เรือนของพี่ชาย หลังจากนั้นก็ไปเรือนหลีหวาด้วยกัน วันนี้เกิดเื่นี้ขึ้น ท่านพ่อจะสอบถามเอาความกับแม่นมหลี่ดูหรือไม่” โม่เสวี่ยถงมองโม่เสวี่ยิ่และโม่อวี่เฟิงที่ยืนเงียบอยู่อีกด้าน แล้วถามเสียงเรียบ
โม่เสวี่ยิ่กับโม่อวี่เฟิงคิดจะปลีกตัวออกจากเื่วันนี้หรือ ไม่ง่ายขนาดนั้น เื่กุ้ยหวาและกุ้ยเยวี่ย นางคิดไม่ถึงว่าฟางอี๋เหนียงจะปัดความรับผิดชอบทั้งหมดไปให้สาวใช้สองคนนี้ โม่เสวี่ยิ่ใช้วิธีเข้าไปควบคุมคนในครอบครัวของสาวใช้ทั้งสองก่อน ของที่นางถือเล่นอยู่ในมือสองชิ้น คนอื่นมองไม่เห็น แต่โม่เสวี่ยถงเห็นชัดเจน ของแบบนั้นไม่ควรจะมาอยู่ในมือของโม่เสวี่ยิ่ แต่หลังจากที่สาวใช้ทั้งสองมองเห็นแล้วใบหน้าพลันถอดสี จากที่พยายามชี้แจงก็กลายเป็วิงวอนขอชีวิต ยอมรับผิดไปโดยปริยาย
นี่ก็แสดงให้เห็นว่าในมือของโม่เสวี่ยิ่ต้องเป็เครื่องประดับของคนในบ้านสาวใช้ทั้งสอง โม่เสวี่ยิ่ไม่เหมือนฟางอี๋เหนียง นางเป็คนลุ่มลึก มือเท้าว่องไว ก่อนที่จะรู้ผลแพ้ชนะ นางก็เตรียมทางถอยไว้แล้ว
ดูจากสาวใช้สองคนนี้คงไม่อาจหวังอะไรได้แล้ว ดังนั้นก็ต้องหาช่องทางอื่น
เื่วันนี้นับได้ว่าโม่เสวี่ยิ่ร้ายกาจพอตัวจึงตัดช่องน้อยเอาตัวรอดไปได้ แต่พี่ชายของนางมิได้ใสสะอาดปานนั้น สองวันนี้โม่เฟิงจับตามองเรือนหลีหวาอยู่ตลอดเวลา โม่เสวี่ยิ่ไปที่นั่นน้อยครั้งมาก กลับเป็โม่อวี่เฟิงที่ไปปรึกษาวางแผนกับฟางอี๋เหนียงบ่อยครั้ง ดังนั้นโม่เฟิงจึงได้ยินแผนการของพวกเขาทั้งหมด
เมื่อฟางอี๋เหนียงก็ไม่ได้้าก้อนเนื้อที่อยู่ในท้องของตนเอง นางก็จะไม่ขัดขวาง ตนเองกับฟางอี๋เหนียงเป็เหมือนน้ำกับไฟ ไม่เ้ามอดข้าก็ม้วย คนดี... เป็คนดีมีแต่จะตายเร็ว ชาติก่อนนางก็ตายด้วยน้ำมือของพวกเขาแม่ลูก ความแค้นของตนเอง ของบุตรชาย ยามนี้ก็แค่ให้ฟางอี๋เหนียงจ่ายดอกเบี้ยเล็กน้อยเท่านั้น
ดังนั้นนางจึงวางแผนซ้อนแผน ให้อิ่งจิ่วลอบเปลี่ยนหงฮวาเป็หญ้าเยียนหลัว ส่วนกำยานกลิ่นชะมดเช็ดที่โม่เสวี่ยิ่ใช้ให้คนมาสับเปลี่ยน ตนเองก็สั่งให้สลับคืนมาเป็กำยานที่ไป๋อี้เฮ่าทำมาให้นางใช้เพื่อสงบจิตใจ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเตรียมพร้อมไว้นานแล้ว รอให้พวกนางมาติดกับ โม่เสวี่ยิ่เป็พวกลื่นไหล ก็ให้นางรอดตัวไปก่อน แต่พี่ชายของนางยากที่จะหลุดรอดไปได้
เมื่อพวกเขาสามคนคิดจะเล่นงานนาง ก็ต้องชดใช้ในราคาที่นางพอใจ
ฟางอี๋เหนียงเห็นเด็กในท้องเป็ของมีค่า แต่บิดากลับมิได้เห็นดีเห็นงาม ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้น แม้ท่านพ่อจะไม่พูด แต่ก็มั่นใจแล้วว่าเด็กในท้องต้องไม่ใช่บุตรของตน เพียงแค่เห็นแก่หน้าตาจึงมิได้แสดงอะไรออกไป มีโอกาสแบบนี้ ท่านพ่อต้องไม่ปล่อยฟางอี๋เหนียงไปง่ายๆ
“หญิงแพศยาไสหัวไป เด็กๆ ไปค้นเรือนหลีหวา” ดวงตาของโม่ฮว่าเหวินเย็นเยียบถึงที่สุด ลั่นวาจาเสียงดุดัน เขามีประสบการณ์อยู่ในสนามการเมืองหลายปี มีอะไรที่มองไม่ออกบ้าง พลันยกเท้าขึ้นสะบัดร่างฟางอี๋เหนียงออกไปจนหน้าผากกระแทกถูกขอบเตียง โลหิตไหลอาบใบหน้า กอปรกับผมเผ้ายุ่งเหยิงจึงดูน่ากลัวเหมือนภูตผี
หญิงแพศยาขโมยของยังไม่พอ ยังกล้าคิดร้ายต่อถงเอ๋อร์
ไม่นานแม่นมหลี่ก็ถูกพาตัวมา
บ่าวหญิงที่พาตัวนางมายังค้นเจอดอกหงฮวาอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อครู่นางอยู่แต่ในเรือนหลีหวาตลอดเวลา จึงไม่รู้เื่ราวที่เกิดขึ้น รู้เพียงว่าฟางอี๋เหนียงแท้งบุตร เดิมทีก็วางแผนไว้เป็อย่างดีแล้ว ดังนั้นจึงไม่รู้สึกว่าจะเป็อันใด ยามนี้เมื่อถูกจับตัวมา ก็ยังไม่เข้าใจชัดเจนว่าเกิดเื่อะไรขึ้น เมื่อเห็นฟางอี๋เหนียงในสภาพผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ร้องไห้น้ำตานองหน้าคุกเข่าร้องขอชีวิต จึงรีบเข้าไปคุกเข่าอยู่ด้านหลังของผู้เป็นาย โขกศีรษะร้องขอความเมตตา
โม่เสวี่ยิ่ขยับเท้าคิดจะก้าวเข้าไป แต่โม่เสวี่ยถงเข้าไปขวางหน้านางไว้ก่อน ปรายหางตามองปราดหนึ่ง ยกมุมปากยิ้มเยาะ ก่อนจะกันไปพูดกับแม่นมหลี่
“แม่นมหลี่ เ้ากล้าใช้ดอกหงฮวาทำร้ายบุตรในครรภ์ของฟางอี๋เหนียงเลยเชียวหรือ”
โม่เสวี่ยถงเข้าไปแล้ว หากโม่เสวี่ยิ่ยังจะดันทุรังเข้าไปอีกก็จะผิดสังเกต จึงจ้องมองโม่เสวี่ยถงด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง หรือว่า... นังแพศยาจะรู้อะไร ความเคลือบแคลงใจข้อนี้ทำให้นางรู้สึกตื่นตระหนก ทันทีที่ได้สติคืนมาก็จับมือสาวใช้ของตนเองไว้แน่น ไม่รู้ว่าจะรับมือกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างไร หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่ามือของนางสั่นระริก
แต่ไม่มีใครสนใจสีหน้าท่าทางของนางในเวลานี้
“ทำร้ายบุตรของฟางอี๋เหนียง?” แม่นมหลี่ใแทบสิ้นสติ สีหน้าซีดเผือดทันที พลางร้องอย่างหวาดผวา “บ่าวไม่ได้ทำนะเ้าคะ บ่าวไม่ได้ทำ”
“แล้วดอกหงฮวาเหล่านี้จะว่าอย่างไรเล่า” โม่เสวี่ยถงก้าวเข้ามาถามเสียงเย็น “เมื่อคืนมีคนเห็นว่าเ้ารับดอกหงฮวามาจากคนงานร้านขายยา ต่อมาก็ไปเรือนหลีหวาพร้อมกับคุณชายใหญ่ วันนี้เกิดเื่แบบนี้ขึ้น หากไม่ใช่เ้าคิดร้ายต่อบุตรในครรภ์ของฟางอี๋เหนียงแล้วจะเป็ใครได้ จะให้ไปตามคนงานร้านขายยามายืนยันหรือไม่เล่า”
ในเวลาที่เหมาะสมนางย่อมแสดงตัวตนออกมา ให้คนเ่าั้ได้รู้เสียทีว่านางไม่ใช่คนที่จะให้ใครรังแกง่ายๆ
“คนงาน?” แม่นมหลี่ถูกถามจนนิ่งค้าง แค่เห็นสายตาเย็นะเื แววตาดำดิ่งจนไม่เห็นก้นบึ้งของโม่เสวี่ยถง หัวใจก็สั่นสะท้าน รู้สึกคล้ายว่าดวงตาใสกระจ่างคู่นี้คล้ายมองทะลุไปถึงหัวใจของตนเอง นางช่วยอี๋เหนียงจัดการทุกอย่าง ชั่วขณะนั้นจึงพูดไม่ออก ได้แต่พูดซ้ำประโยคเดิมอย่างตื่นกลัว
“เด็กๆ ลากยายแก่ผู้นี้ออกไป โบยให้ตาย!” เื่มาถึงขั้นนี้ กุ้ยหวา กุ้ยเยวี่ย แม่นมหลี่มีใครบ้างที่ไม่ใช่คนสนิทของฟางอี๋เหนียง โม่ฮว่าเหวินจะไม่กระจ่างใจได้อย่างไร ความคับแค้นจุกที่อยู่ลำคอไม่ขึ้นไม่ลง อยากกระทืบฟางอี๋เหนียงให้จมเท้าใจจะขาด เพียงแต่ยามนี้ยังมีผู้อื่นอยู่ จึงต้องระบายอารมณ์กับแม่นมหลี่ก่อน
หญิงรับใช้สูงวัยสองคนเข้ามาลากตัวแม่นมหลี่ที่กำลังนิ่งอึ้ง
“นายท่าน ไม่ใช่บ่าวนะเ้าคะ เป็นายน้อยที่เอาให้อี๋เหนียง ไม่ใช่บ่าว อื้อ… อื้อ...” หญิงรับใช้เห็นโอกาสจึงก้าวเข้ามาถอดถุงเท้าของตนยัดปากแม่นมหลี่ ก่อนคุมตัวไปในลานสวน ปรกติแม่นมหลี่ถือตนว่าเป็คนสนิทของฟางอี๋เหนียงจึงมักรังแกบ่าวไพร่ในจวนไว้ไม่น้อย ครานี้เมื่อชะตาถึงฆาตไหนเลยจะมีใครยั้งมือให้ แต่ละพลองที่โบยลงไปล้วนเห็นโลหิต
“เมื่อใต้เท้าโม่ยังมีเื่ภายในครอบครัวต้องจัดการ พวกเราก็ขอตัวก่อน” ไปอี้เฮ่าลุกขึ้นประสานมือคารวะอย่างสง่างาม
ลู่อีเจิ้งทนดูไม่ไหวนานแล้ว กวาดตามองฟางอี๋เหนียงที่คุกเข่าร้องไห้ราวกับคนเสียสติปราดหนึ่ง แล้วมองโม่ฮว่าเหวินอย่างเห็นใจก่อนประสานมืออำลา วันนี้เขาไปขอคำชี้แนะเกี่ยวกับการรักษาโรคกับไป๋อี้เฮ่าที่จวนพอดี คาดไม่ถึงว่าจะถูกพามาชมละครอนุภรรยาวางแผนทำร้ายบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอก เขารู้สึกว่าโม่ฮว่าเหวินช่างน่าสงสารนัก ที่ต้องพบกับสตรีที่มีจิตใจโเี้ร้ายกาจเยี่ยงนี้
“รบกวนแล้ว” ยามนี้โม่ฮว่าเหวินไม่มีกะจิตกะใจใดๆ ทั้งสิ้น ได้แต่ทอดถอนใจ สีหน้าหม่นหมอง ได้แต่ยิ้มกล่าวเสียงขื่น
ไป๋อี้เฮ่ามิได้ออกไปทันที เขาหมุนตัวเดินไปหาโม่เสวี่ยถง จ้องนางด้วยความรู้สึกสนใจ ก่อนเลิกคิ้วขึ้นถาม “ยาใช้แล้วเป็อย่างไรบ้าง ดีขึ้นหรือไม่”
“เ้าค่ะ” โม่เสวี่ยถงมองเขาอย่างงุนงง เขาก็รู้อาการป่วยของนางไฉนจึงยังถามเช่นนี้ จึงหลุบตาลงเล็กน้อย เอ่ยตอบเสียงเบา ถอยห่างไปด้านหลังก้าวหนึ่งก่อนยอบกายคารวะอย่างงดงาม ครั้งที่แล้วเขามาช่วยรักษาอาการให้นาง วันนี้ก็ยังมาจวนโม่ให้ความช่วยเหลือ
นางรู้สึกขอบคุณเขาจากใจจริง
คำตอบของนางสร้างความพึงพอใจให้เขา ริมฝีปากผลิยิ้มงดงามประหนึ่งเทพเซียน “จำไว้หลังปีใหม่ให้มาเรียนพิณด้วย แล้วก็อย่าเรียนแบบขอไปทีอีกเล่า” กล่าวจบก็สะบัดแขนเสื้อหมุนตัวจากไป
จนกระทั่งเขาพาลู่อีเจิ้งจากไปไกลแล้ว โม่เสวี่ยถงจึงได้สติคืนมา ใบหน้างามละเมียดประดุจหยกแดงซ่าน ความหมายของเขาคือนางศึกษาวิชาแพทย์แบบงูๆ ปลาๆ สุกเอาเผากินอย่างนั้นหรือ คนผู้นี้ช่าง... แม้จะเป็เื่จริง แต่ก็ไม่จำเป็ต้องพูดตรงขนาดนั้นก็ได้นี่! นางขบริมฝีปากด้วยความโมโห เมื่อมองไปอีกที ไป๋อี้เฮ่าในอาภรณ์สีขาวกระจ่างก็เดินลิ่วออกจากประตูไปเรียบร้อยแล้ว
เื่ของฟางอี๋เหนียงเงียบลงอย่างรวดเร็ว
แม่นมหลี่ถูกโบยจนตาย กุ้ยหวาและกุ้ยเยวี่ยถูกขายออกไป ฟางอี๋เหนียงถูกโม่ฮว่าเหวินเตะจนกระอักเืและถูกขังอยูในเรือนหลีหวา ไม่อนุญาตให้ออกมาอีก โม่อวี่เฟิงถูกดุด่าอย่างแรงและมีคำสั่งให้ย้ายออกไปอยู่ข้างนอก บ่าวประจำตัวทั้งชายหญิงถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด โทษของโม่เสวี่ยิ่นับว่าเบาที่สุด เพียงแค่ให้กล่าวขอโทษโม่เสวี่ยถงต่อหน้าทุกคน และให้กลับเรือนฝูฉิงไปคัดบัญญัติสตรี
บัดนี้นับได้ว่าฟางอี๋เหนียงหมดอำนาจอย่างแท้จริง
แต่โม่เสวี่ยถงก็ยังไม่กล้าชะล่าใจ เพราะโม่เสวี่ยิ่ยังอยู่ ฉินอวี้เฟิงก็ยังอยู่ พวกเขาหรือจะอยู่อย่างเงียบสงบได้นานนัก
ยามพลบค่ำ เรือนชิงเวย
โม่อวี้เดินเข้าประตูมาด้วยสีหน้าเบิกบาน วางชามเกี๊ยวลงแล้วกล่าวอย่างเป็เดือดเป็แค้นแทนโม่เสวี่ยถง
“คุณหนู นี่เป็เกี๊ยวที่ป้าสวี่ห่อให้เป็พิเศษเลยเ้าค่ะ คืนนี้เป็คืนส่งท้ายฤดูหนาว แต่เป็เพราะฟางอี๋เหนียงกับคนพวกนั้นมาทำให้เสียบรรยากาศแท้ๆ รู้ทั้งรู้ว่าคุณหนูสุขภาพไม่ดี ยังจะลากคุณหนูไปตากลมข้างนอกอีก ทำเกินไปแล้วจริงๆ คนที่ทำเกินเหตุที่สุดก็คือสตรีผู้นั้น แม้แต่ลูกในไส้ของตนเองยังทำร้ายได้ แต่ตอนนี้ก็สมน้ำหน้าแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่อาจเป็ฮูหยินได้อีก เกรงว่านายท่านคงไม่ปล่อยนางออกมาอีกเลยชั่วชีวิต”
ชั่วชีวิตหรือ? ยังพูดเร็วเกินไป ฟางอี๋เหนียงกับโม่เสวี่ยิ่หรือจะยอมให้เป็แบบนั้น
เชื่อว่าขอแค่มีโอกาส โม่เสวี่ยิ่จะต้องหาที่พึ่งให้ฟางอี๋เหนียงอีกจนได้ โดยเฉพาะบิดามีโม่อวี่เฟิงเป็บุตรชายเพียงคนเดียว ในที่สุดสกุลโม่ก็ต้องตกเป็ของฟางอี๋เหนียงกับลูกชายของนาง นี่เป็สิ่งที่นางยอมไม่ได้เด็ดขาด ตีงูหากไม่ตาย มันย่อมย้อนกลับมาแว้งกัด นางจะไม่ยอมให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด
“นายท่านเล่า?” โม่เสวี่ยถงไอแค่กๆ ก่อนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นางคงจะเป็ไข้ลมหนาวเข้าจริงๆ เสียแล้ว เริ่มรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย ยังดีที่ไม่ร้ายแรงมาก
“นายท่านอยู่ในห้องหนังสือคนเดียวเ้าค่ะ ตอนนี้ไม่พบใครทั้งสิ้น ได้ยินว่าแม้แต่เหล่าไท่ไท่จะเข้าไป ยังปิดประตูไม่ต้อนรับเลยเ้าค่ะ” โม่อวี้กะพริบตาปริบๆ ตอบด้วยสีหน้าฉงน ฟางอี๋เหนียงก็หมดอำนาจแล้ว คุณหนูควรจะดีใจไม่ใช่หรือ ไฉนจึงยังดูกลัดกลุ้มไม่มีความสุขเยี่ยงนี้เล่า...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้