“พี่เสวียน!”
เมื่อเห็นเสิ่นเสวียน เสิ่นเลี่ยนที่ยืนอยู่ในแอ่งเถียนซือจึงเรียกเสิ่นเสวียนทันที
“ควบคุมได้แค่ไหนแล้ว” เสิ่นเสวียนถามเสิ่นเลี่ยน
“ปรับตัวได้เจ็ดแปดส่วนแล้ว”
เสิ่นเลี่ยนคิดนิดหนึ่งก่อนจะกล่าว
“เจ็ดแปดส่วนและแค่ปรับตัวได้ ยังไม่เพียงพอหรอก”
เสิ่นเสวียนส่ายหัว ตามการคิดคำนวณของเขาแล้วอีกไม่นานอาจเกิดศึกใหญ่ขึ้น พลังของเสิ่นเลี่ยนยังต่ำเกินไป จำเป็ต้องทะลวงไปถึงขั้นบรรพบุรุษให้ได้โดยเร็วที่สุด จอมยุทธ์สังหารที่ฝึกฝนถึงขั้นบรรพบุรุษนับได้ว่าก้าวข้ามผ่านจุดเริ่มต้นเข้าไปแล้ว
“รู้ไหมว่าปัญหาของเ้าอยู่ตรงไหน”
“ข้าไม่ทราบ”
เสิ่นเลี่ยนส่ายหัว เขาฝึกฝนตามวิธีที่เสิ่นเสวียนบอกมาตลอด ไม่เคยรู้สึกว่าจะมีปัญหาอะไร เพียงแต่จิติญญาเหล่านี้ยิ่งสู้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น อีกทั้งยิ่งสู้พลังของตนเองก็ยิ่งไม่ได้ดั่งใจ เขาจึงคิดว่าเป็เพราะพลังยุทธ์ของตนเองต่ำเกินไป
“วิถีของจอมยุทธ์สังหารจะศึกษาว่าทำอย่างไรจึงสามารถสังหารได้ในกระบวนท่าเดียว ข้าเคยเห็นจอมยุทธ์สังหารคนหนึ่งมีพลังยุทธ์อยู่ในระดับคล้ายกับเ้า สามารถสังหารผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิคนหนึ่งได้”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับเสิ่นเลี่ยน เขาเปลี่ยนชื่อเรียกระดับขั้นให้เข้ากับโลกนี้ จริงๆ แล้วคือขั้นปี้กู่ระดับปลายที่สังหารผู้บำเพ็ญเพียรขั้นเปิดทวารระดับต้นตายไป แน่นอนว่ามีสิ่งที่น่าเหลือเชื่ออยู่มากมาย แต่แม้จะเป็เช่นนี้ ความแตกต่างของพลังยังคงเป็ช่องว่างที่ข้ามผ่านไปไม่ได้
แต่เขากลับทำได้สำเร็จ
“ขั้นจักรพรรดิ!”
เสิ่นเลี่ยนกล่าวคำว่าขั้นจักรพรรดิออกมาอย่างยากลำบาก เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เสิ่นเสวียนบอกเล่ามาสร้างความสั่นะเืต่อเขาเป็อย่างมาก
ก่อนหน้านี้ที่เมืองอวี่ฮว่า เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับขั้นจักรพรรดิมาก่อนเลย ในความทรงจำของเขาขั้นที่สูงที่สุดคือขั้นราชันเท่านั้น และสิ่งที่ทำให้เขารับมือได้ยากคือ อีกฝ่ายมีพลังยุทธ์ขั้นแม่ทัพ จะสังหารขั้นจักรพรรดิได้จริงหรือ
“เ้าไม่ต้องสงสัยหรอก สิ่งที่ข้ากล่าวมาเป็ความจริง”
เสิ่นเสวียนดูออกว่าเสิ่นเลี่ยนตื่นใ ย่อมคาดเดาความคิดของอีกฝ่ายได้อยู่แล้ว
“เ้าอยากไปให้ถึงขั้นนั้นไหม”
“อยาก”
เสิ่นเลี่ยนกล่าวอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
“ได้ คืนนี้ข้าจะสอนเ้าเอง”
เสิ่นเสวียนมองเสิ่นเลี่ยนพลางกล่าวเสียงเรียบ ทว่าในขณะนั้นเอง ด้านหลังของเขากลับมีิญญาร้ายแยกเขี้ยวกางกรงเล็บกระโจนเข้าใส่เสิ่นเสวียนอย่างรวดเร็ว
ิญญาตนนี้ร่างสูงหกฉื่อ ไอิญญาแข็งแกร่งกว่าิญญาร้ายทั่วไปมาก และแน่นอนว่าหากไม่มีความสามารถจริงๆ คงไม่กล้าเพ่งเล็งเสิ่นเสวียน พลังของิญญาตนนี้อาจถึงขั้นบรรพบุรุษระดับสูงสุดแล้ว
“พี่เสวียนระวัง!”
เสิ่นเลี่ยนเห็นิญญาร้ายตนนั้นกระโจนเข้ามาจึงะโเรียกเสิ่นเสวียน ขณะเดียวกันก็เตรียมเข้าไปช่วยเสิ่นเสวียนด้วย ทว่าเขากลับเห็นเสิ่นเสวียนสะบัดมือไปทางด้านหลังโดยไม่เหลียวมองเลยแม้แต่น้อย ิญญาร้ายสูงหกฉื่อตนนั้นถูกเขาจับตัวในทันที
ิญญาร้ายตนนั้นโดนเสิ่นเสวียนคว้าหัวเอาไว้และกระชากเข้าหาตนเองโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
เมื่อมันตั้งตัวได้ ฝ่ามือของเสิ่นเสวียนพลันปกคลุมไปด้วยเพลิงิญญา แล้วฟันลงไปที่คอของิญญาร้ายราวกับมีดดาบ
“อ๊าก!!!”
เสียงร้องโหยหวนดังก้องอย่างน่าสังเวช ไอิญญาที่แข็งแกร่งแผ่ซ่านออกมา พัดผ่านเสื้อผ้าของเสิ่นเสวียนให้พลิ้วไหว
หัวของิญญาร้ายตนนี้โดนฝ่ามือของเขาตัดขาด จึงส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาอย่างต่อเนื่อง
“จอมยุทธ์สังหารวิถีแรก เรียนรู้ที่จะไร้ปรานี”
ขณะที่กล่าวไป พลังฝ่ามือของเสิ่นเสวียนที่จับหัวิญญาร้ายเอาไว้ปะทุขึ้นรุนแรงกว่าเดิม หัวของิญญาร้ายเริ่มบิดเบี้ยวไป ในที่สุดก็เกิดเสียงดัง ‘ตูม!’ จากนั้นมันก็กลายเป็หมอกิญญามากมายพุ่งออกไปรอบข้าง เสิ่นเสวียนไม่ได้ดูดซับหมอกิญญาเหล่านี้เข้าไป แต่มันกลับโดนิญญาร้ายตนอื่นกลืนกิน แม้แต่ร่างกายยังโดนิญญาร้ายกัดกินอีกด้วย
ิญญาร้ายสะสมความโกรธแค้นมาเป็เวลานาน และจิติญญาคือส่วนสำคัญของมนุษย์ แม้เขาจะสามารถควบคุมความโกรธแค้นภายในเอาไว้ได้ชั่วคราวและดูดซับหมอกิญญาเหล่านี้เข้าไป นั่นอาจทำให้พลังปะทุขึ้นสูงจนน่ากลัวได้ใน่เวลาสั้นๆ
แต่สิ่งเหล่านี้จะเป็ภัยคุกคามที่แอบซ่อนอยู่ลึกๆ เมื่อตนเองต้องเผชิญหน้ากับเื่ที่มิอาจควบคุมได้ ภัยคุกคามที่แอบซ่อนอยู่เหล่านี้จะปะทุออกมา จนเป็อันตรายถึงชีวิตใน่เวลาสำคัญได้
สำหรับระดับความบริสุทธิ์ของหมอกิญญา เขาไม่เคยเมินเฉยต่อความ้าของตนเอง
การกระทำของเสิ่นเสวียนอยู่ในสายตาของเสิ่นเลี่ยนตลอดเวลา นอกจากตื่นใก็คือความตื่นใ ไม่มีสิ่งใดอีก
ตอนที่เขาต่อสู้ แม้จะลงมืออย่างโเี้ แต่เขาไม่ได้โจมตีถึงชีวิตในกระบวนท่าเดียว เขาทำให้ิญญาร้ายเหล่านี้เปลี่ยนเป้าหมายไปหาเสิ่นเลี่ยนอย่างบ้าคลั่ง
พวกมันไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็ิญญา การโจมตีที่ไม่โดนจุดสำคัญจะไม่สร้างผลกระทบใดๆ ต่อพวกมันเลย
“ไร้ปรานี มนุษย์สามารถไร้ปรานีได้จริงหรือ”
เสิ่นเลี่ยนถามเสิ่นเสวียนกลับไป หากมนุษย์ไร้ปรานีได้จริงๆ จะยังเป็มนุษย์อยู่อีกหรือ
เมื่อได้ยินคำของเสิ่นเลี่ยน ทำให้เสิ่นเสวียนยิ้มน้อยๆ
“คำถามนี้ข้าตอบเ้าไม่ได้หรอก เ้าต้องหาคำตอบด้วยตนเอง สิ่งที่ข้าบอกเ้าได้คือ ไม่ว่าจะปรานีหรือไร้ปรานีต่างขึ้นอยู่กับเ้า”
เมื่อกล่าวจบเขาก็ะโออกจากแอ่งเถียนซือ ไพล่มือไว้ด้านหลัง เดินไปยังเขาน้ำเต้าภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่อง
สัจธรรมบางอย่างไม่ใช่ว่าจะบอกเล่าให้เข้าใจได้ อย่างเช่นเส้นทางบางเส้น มีเพียงต้องเดินไปด้วยตนเองจึงจะรู้ว่าต้องไปอย่างไร
เสิ่นเสวียนจากไปแล้ว ิญญาร้ายในแอ่งเถียนซือกลับมาจับจ้องเสิ่นเลี่ยนอีกครั้ง และกระโจนเข้าใส่เสิ่นเลี่ยนอย่างบ้าคลั่ง ส่วนเสิ่นเลี่ยนที่โดนิญญาร้ายเข้าล้อมกำลังต่อสู้อย่างยากลำบาก
เขาให้เวลาเสิ่นเลี่ยนเพียงหนึ่งคืน หากพรุ่งนี้เสิ่นเลี่ยนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองเขาจะสอนต่อ หากเรียนรู้ไม่ได้แสดงว่าเขาไม่มีความสามารถในด้านนี้ ขั้นบรรพบุรุษคือจุดสูงสุดของเขา กลับไปเฝ้าตระกูลเสิ่นไว้จะดีมากกว่า
เมื่อกลับมาถึงที่พักก็เป็่กลางดึกแล้ว มีเวลาอีกสองชั่วยามกว่าฟ้าจะสาง เขาไม่ได้ฝึกฝนต่อแล้ว ล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที และรอคอยเสิ่นเลี่ยนกับผลลัพธ์ในพรุ่งนี้เช้า
ผ่านไปครึ่งคืนแล้ว แสงจันทร์เริ่มเคลื่อนตัวลงไปทางทิศตะวันตกและหายไปจากท้องฟ้า ทำให้ทั่วทั้งท้องฟ้ามืดสนิท
ทว่าแอ่งเถียนซือกลับคึกคักยิ่งกว่าที่ใด เสิ่นเลี่ยนกำลังต่อสู้อย่างดุเดือด ฝีมือของเขาโเี้ขึ้นเรื่อยๆ เกือบถึงขั้นเดียวกับเสิ่นเสวียนแล้ว
เขารู้ว่าิญญาหนึ่งตนคือหนึ่งชีวิต หลังจากโดนเขาสังหารไปแล้ว ชีวิตเหล่านี้จะแตกสลายไปอย่างสิ้นเชิง
ค่ำคืนนี้ถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าจะเกิดความไม่สงบขึ้น
ตอนรุ่งสาง ไก่ตัวผู้หลายตัวต่างขึ้นไปยืนบนยอดเขาแล้วโก่งคอขันอยู่ภายในเขาน้ำเต้า
“เอ้กอีเอ้กเอ้ก”
เสียงไก่ขันอย่างสดใสดังก้องไปทั้งูเา ได้ยินชัดไปทั่วทุกบ้านเรือน
เหล่าเด็กๆ ข้ารับใช้และผู้คนต่างลุกจากเตียงมาใช้ชีวิต
บ้างก็ทำความสะอาด บ้างก็ะโน้ำ ทำกับข้าว เพื่อเริ่มต้นวันใหม่
นอกจากาามารตะวันตกจะมีพร์ในการฝึกฝนแล้ว เขายังศึกษาเกี่ยวกับการใช้ชีวิตอีกด้วย ช่างเป็บุรุษที่ละเอียดอ่อน
“เข้ามาได้!”
เสิ่นเสวียนยังอยู่ใต้ผ้าห่ม เขาลืมตาขึ้นพลางกล่าว
เสิ่นเลี่ยนยืนอยู่หน้าประตูมาสักพักแล้ว แต่เขากังวลว่าจะรบกวนเวลาพักผ่อนของเสิ่นเสวียน หลายวันนี้เขาไม่กล้าเรียกเสิ่นเสวียนก่อนเลย
แอ๊ด...
เสิ่นเลี่ยนเปิดประตูเรือนแล้วย่างเท้าเข้าไป
เสิ่นเสวียนใช้มือลูบตาเล็กน้อยเพื่อให้ตนเองตื่นตัว
แน่นอนว่าการนอนหลับสบายกว่าการฝึกฝนมาก แต่จะทำอย่างไรได้ หากมัวแต่เพลิดเพลินกับความสบาย คงกลายเป็คนธรรมดาไปแล้ว
เสิ่นเสวียนลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงแล้วมองเสิ่นเลี่ยน
“ดูเหมือนจะเข้าใจแล้ว”
“อืม ขอบคุณพี่เสวียนที่ชี้แนะ”
เสิ่นเลี่ยนก้มหน้ากล่าวกับเสิ่นเสวียน เขาไม่กล้าสบตาเสิ่นเสวียนโดยตรง เขาละอายใจที่ไม่อาจเข้าใจความลำบากใจของเสิ่นเสวียน
ในแอ่งเถียนซือเมื่อคืน หลังจากเสิ่นเสวียนเดินออกไปแล้ว เขาครุ่นคิดถึงคำของเสิ่นเสวียนอยู่ตลอดเวลา กระทั่งตอนที่เกือบโดนิญญาร้ายหลายตนกลืนกินจึงเข้าใจในคำกล่าวของเสิ่นเสวียนก่อนเดินออกไป
ไม่ว่าจะปรานีหรือไร้ปรานีต่างขึ้นอยู่กับเ้า
ไร้ปรานีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรู ไม่อย่างนั้นจะเป็การไร้ปรานีต่อตนเอง ต้องปรานีเมื่ออยู่กับญาติสนิทมิตรสหาย ไม่อย่างนั้นจะไร้ปรานีต่อตนเองเช่นกัน
ขณะที่กริชอยู่ในมือเตรียมฟันใส่คอของิญญาร้าย การเรียนรู้ของเขายิ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในคืนเดียวพลังยุทธ์ของเขาก้าวหน้าไปอย่างก้าวะโ
ในที่สุดเขาก็ทะลวงไปถึงขั้นที่ไม่เคยไปถึงมาก่อนได้ก่อนที่ฟ้าจะสาง
นั่นคือขั้นบรรพบุรุษ
เสิ่นเลี่ยนในตอนนี้ได้กลายเป็ผู้แข็งแกร่งขั้นบรรพบุรุษคนหนึ่งแล้ว
ผู้าุโสองและผู้าุโสามแห่งตระกูลเสิ่นใช้เวลาสิบกว่าปียังมิอาจเลื่อนขั้นได้ แต่เขากลับทำสำเร็จในคืนเดียว
เขายังจำเื่ราวในหอประชุมก่อนหน้านี้ได้อย่างชัดเจน เสิ่นเสวียนเคยบอกไว้ว่าจะทำให้เขาเลื่อนไปถึงขั้นบรรพบุรุษในสองปี
แต่ตอนนี้เขาทำสำเร็จแล้ว
“นี่คือความพยายามของเ้าเอง แต่นี่เป็เพียงจุดเริ่มต้นของเ้าเท่านั้น เ้ายังต้องฝึกฝนอีกมาก”
“ขอรับ”
เสิ่นเลี่ยนพยักหน้ารับทันที
“รายงานคุณชาย ท่านาามารให้คุณชายไปยังหอประชุม บอกว่ามีเื่จะหารือ”
ขณะนั้นเอง เด็กอายุประมาณสิบปีคนหนึ่งเดินมายังหน้าประตูแล้วกล่าวกับเสิ่นเสวียน