ต่อให้ไม่มีกฎของย่าอวี๋คนมากมายขนาดนี้ก็อยู่ในห้องที่เซี่ยเสี่ยวหลานเช่าไม่ได้
หลิวเฟินอยู่บ้าน เซี่ยเสี่ยวหลานและคนอื่นไปที่บ้านพักรับรองด้วยกัน
ในที่สุดเซี่ยเสี่ยวหลานก็เข้าใจเหตุผลที่หลิวหย่งและโจวเฉิงปรากฏตัวพร้อมกันแม้โจวเฉิงจะเล่าเหมือนไม่มีอะไรร้ายแรง แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับหวั่นกลัวจนเหงื่อกาฬไหลทั้งที่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้
ถ้าโจวเฉิงและคังเหว่ยไม่ได้ผ่านไปทางนั้นพอดี และถ้าไม่มีทั้งสองคนช่วยเหลือไว้ลุงของเธออาจจะไม่รอดเพราะเสียเืมากเกินไปใช่หรือเปล่า?
เมื่อครั้งโจวเฉิงและคังเหว่ยกำจัดอันธพาลแทนเธอเซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกขอบคุณ แต่ไม่รู้สึกขอบคุณมากถึงเพียงนี้
พรหมจรรย์ของสตรีนั้นสำคัญยิ่งนัก แต่ถ้าถูกอันธพาลทำมิดีมิร้ายจริงเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่มีทางจบชีวิต ทว่าลุงของเธอคือชีวิตหนึ่งมนุษย์หากไร้ซึ่งชีวิต ย่อมไม่มีความหวังอีกต่อไป ไม่แปลกใจที่โจวเฉิงบอกจะไปหยางเฉิงแต่กลับทำการยกเลิกด่วนตอนนั้นคงเฝ้าลุงของเธอในโรงพยาบาลที่เซี่ยงไฮ้อยู่กระมัง
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกขอบคุณมากจริงๆ
เธอกล่าว ‘ขอบคุณ’ ติดกันสามหนแม้สุ้มเสียงไม่ดังนัก แต่ใครๆ ก็ััได้ถึงความตื้นตันในอารมณ์ของเธอ
“เสี่ยวหลาน นี่คือสิ่งที่สมควรทำ”
แม้เป็เพียงคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักมักคุ้น ในสถานการณ์เช่นนั้นโจวเฉิงต้องช่วยเหลืออย่างแน่นอนแต่หากคนที่ช่วยไว้ไม่ใช่หลิวหย่ง โจวเฉิงคงส่งคนไปยังโรงพยาบาลแล้ว อย่างมากก็คงจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ก่อนเป็อันจบธุระแต่คนาเ็นั้นเป็หลิวหย่ง โจวเฉิงจึงต้องอยู่ดูแลด้วยตนเองจนกว่าจะมั่นใจว่าหลิวหย่งไม่มีปัญหาร้ายแรง
นั่นไม่ใช่หน้าที่ของเขา แต่ตัวเขาเต็มใจที่จะทำเช่นนี้เอง
เป็เพราะเซี่ยเสี่ยวหลาน เขาจึงมีข้อผูกพันกับหลิวหย่งที่แต่เดิมไม่เกี่ยวข้องกันสักนิดโจวเฉิงทำทุกสิ่งนี้ด้วยความยินดี
จะบอกว่าเขาน่ารังเกียจก็ได้ เห็นแก่ตัวก็ช่างหลิวหย่งาเ็รุนแรงทีเดียว แต่ขณะที่เขาช่วยหลิวหย่งไว้ ในสมองกลับคิดว่านี่ช่างเป็บัญชา์เสียจริงเจอลุงผู้าเ็ของเซี่ยเสี่ยวหลานกลางทาง ใครจะกล้าบอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่ภรรยาที่ถูกกำหนดให้กับชีวิตของเขา?
โจวเฉิงมองว่าที่ภรรยาของเขา ทั้งสรรพางค์กายเผยความสดชื่นเบิกบาน
เขาแสดงออกได้แจ่มแจ้งเหลือเกิน ตอนแรกหลี่เฟิ่งเหมยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่ตอนนี้ค่อยๆ รู้สึกขึ้นมาเล็กน้อย
ชอบเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าแล้วหรือ?
ไม่แปลกใจนัก เธอก็ไม่เคยพบชายหนุ่มคนไหนรังเกียจเสี่ยวหลานเลยสักคน
ชายหนุ่มที่มีลักษณะกระฉับกระเฉง ทั้งยังมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตหลิวหย่งไว้ความประทับใจแรกของหลี่เฟิ่งเหมยต่อโจวเฉิงนั้นดีมาก เฉินชิ่งเมื่ออยู่คนเดียวก็ดูยอดเยี่ยมแต่หากเปรียบกับโจวเฉิงแล้วนั้น ดูเหมือนจะยังไม่เพียงพอ คนเขาล้วนอยู่ชมรมรูปลักษณ์ [1] กันทั้งนั้น ครอบครัวใครเลือกสะใภ้หาลูกเขยแล้วไม่ชอบแบบหน้าตาดีกันต่อให้เป็ยุค 80 สำหรับชายหนุ่มผู้หล่อเหลาสง่างามแม้ครอบครัวจะยากจนไปหน่อย ก็ไม่กังวลเื่หาภรรยาอยู่ดี
อย่างไรเสียหลิวหย่งได้อยู่กับเขาตั้งหลายวัน คงจะรู้เบื้องลึกเื้ัอยู่บ้างหลี่เฟิ่งเหมยตั้งใจว่าตอนกลางคืนค่อยสอบถามโดยละเอียด
เดินทางไปมาช่างวุ่นวายนักเซี่ยเสี่ยวหลานจึงเปิดห้องในบ้านพักรับรองห้องหนึ่งด้วยเสียเลย
พรุ่งนี้เธอจะไปหยางเฉิง ตั๋วรถไฟก็จองไว้เรียบร้อยหลิวหย่งาเ็กลับมากะทันหันเช่นนี้ทำให้แผนการของเธอรวนเซี่ยเสี่ยวหลานกำลังสับสนว่าตนควรจะคืนตั๋วรถไฟดีหรือไม่เธอ้าสนทนากับหลิวหย่งอย่างจริงจัง ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่รู้ว่าหลิวหย่งทำงานลักลอบค้าของเถื่อนทว่าออกไปหนหนึ่งเกือบสูญสิ้นชีวิต ช่องทางหาเงินของลุงเธอคงอันตรายมากจริงๆ
แม้ในอนาคตจะมีคนกล่าวอย่างขำขันว่า ยุค 80-90 มั่งคั่งร่ำรวยได้ง่ายดายนัก หนทางทำเงินทั้งหมดล้วนเขียนอยู่ในกฎหมายอาญาขำขันอยู่ส่วนขำขัน ยังอธิบายจากอีกแง่มุมหนึ่งได้ว่าบุคคลที่ร่ำรวยเงินทองและอำนาจกลุ่มแรกที่สร้างเนื้อสร้างตัวได้ั้แ่เนิ่นๆล้วนเคยผ่านเื่ราวสีเทาในอดีตด้วยกันทั้งนั้น... เทาหรือไม่เทายังต้องแบ่งระดับด้วยเห็นได้ชัดว่าอาชีพที่ลุงของเธอเลือกคือระดับที่สุดโต่ง
ไม่กลัวต้องชดใช้เงิน แต่กลัวเป็อันตรายถึงชีวิต
หากสิ้นชีพ ทุกอย่างถึงจะอันตรธานไปโดยแท้จริง
ให้ลุงร่วมหุ้นเปิดร้านขายเสื้อผ้า เธอขายเสื้อผ้าสตรี ส่วนลุงขายเสื้อผ้าบุรุษหรือ?
ลุงของเธอไม่ใช่คนที่จะจมอยู่สักแห่งได้นานๆ เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ไม่คิดที่จะขายเสื้อผ้าตลอดไป
เธอครุ่นคิดอยู่มากมาย พลิกตัวกลับไปมาตั้งนานสองนานถึงจะหลับใหล
อีกฟากของผนังกั้นคือห้องของโจวเฉิงและคังเหว่ย โจวเฉิงเองก็นอนไม่หลับเช่นเดียวกัน
“คังจื่อ เดินทางรอบนี้เสร็จฉันก็จะวางมือแล้ว เส้นทางนี้นายจะเอาอย่างไรพวกเราสองคนควรหารือกันหน่อย”
คังเหว่ยลุกจากเตียงขึ้นมาทันที “พี่ผมฟังพี่หมด พี่ว่าอย่างไรก็ทำอย่างนั้น”
“นายอย่าเพิ่งร้อนใจ ฉันไม่ได้จะแยกย้าย และไม่ได้จะหาสักคนมาร่วมในธุรกิจของพวกเราจริงๆเพียงแต่เื่ของลุงหลิวนี้ทำให้ฉันเข้าใจอะไรๆ มากทีเดียวเดินทางค้าขายด้วยตนเองกำไรได้เยอะแยะ แต่ระหว่างการเดินทางอันตรายมากแค่ไหนนายก็เห็นแล้วไม่ใช่ทุกครั้งจะโชคดีเช่นนี้”
ดักปล้นแย่งขนสินค้า ฟาดฟันห้ำหั่นกันในวงการสินค้าเถื่อน หลิวหย่งต่อสู้เพื่อเงินด้วยชีวิต
หากดักปล้นรถของพวกเขาล่ะสินค้าที่คู่ควรแก่การขนส่งทางไกลไม่มีทางไร้ราคาค่างวดบุหรี่เต็มหนึ่งคันรถมูลค่าเท่าไรกัน?
ของแบบนี้แม้ถูกชิงไปก็ขายต่อได้ง่ายดายมาก!
โจวเฉิงมั่นใจในตัวเองพอสมควร ทว่าเขาไม่อาจเดินทางกับคังเหว่ยตลอดไปได้
คังเหว่ยไม่รอบคอบเท่าเขา สภาพร่างกายยิ่งต่างกันโข
คังเหว่ยคือทายาทหัวแก้วหัวแหวนของผู้ปกครองตระกูลคัง วันนี้เห็นกันแล้วว่าเหล่าสมาชิกในครอบครัวของเซี่ยเสี่ยวหลานเสียใจและกระวนกระวายมากเพียงใดต่อเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นหากเป็คังเหว่ยที่เกิดเหตุร้ายแทน คุณย่าของคังเหว่ยคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แน่นอน
โจวเฉิง้าฉุดรั้งคังเหว่ยออกจากความลำบาก แต่ไม่ใช่การพาเขาะโลงไปข้างล่างหน้าผา
โจวเฉิงกล่าวจนคังเหว่ยเงียบงัน
เส้นทางนี้มันทำเงินได้ดีเหลือเกิน บุหรี่ทุกลังล้วนเป็สินค้าที่ได้มาตรฐานพวกเขาไม่ได้ลักลอบขนย้าย เพียงแต่นำบุหรี่ที่แบ่งสรรตามเขตต่างๆ เปลี่ยนสถานที่จำหน่ายขนยี่ห้อบุหรี่ซึ่งขายไม่ดีในเซี่ยงไฮ้ไปยังมณฑลอวี้หนาน ของอวี้หนานนำไปปักกิ่งทำการซื้อขายไปมา
แม้ว่าจะได้กำไรงาม แต่ความเสี่ยงก็มากด้วยเช่นกัน คังเหว่ยตัวสั่นเทา สมองที่ตื่นเต้นกับกำไรมหาศาลเริ่มอ่อนกำลังลง
“พี่เฉิงจื่อ พวกเราวางมือกันเถอะ”
คังเหว่ยไม่ใช่คนใจกล้า บางครั้งนี่ก็เป็ข้อเสียแต่บางครั้งก็กลายเป็ข้อดี ทำให้คังเหว่ยรู้จักการ ‘นอบน้อม’ ไม่กลายเป็คนเหลวแหลกจากการตามใจของผู้ใหญ่ในบ้าน โจวเฉิงเห็นเขาฟังคำพูดของตนก็ไม่ข่มขวัญเขาอีก “ไม่ต้องถึงขั้นวางมือหรอก หากพวกเราเปลี่ยนวิธีก็ยังคงสามารถทำต่อไปได้นายให้เวลาฉันคิดหน่อยแล้วกัน”
คังเหว่ยพยักหน้าหงึกหงัก ต้องคิดวิเคราะห์ให้ดีอย่างแน่นอน เื่ใช้ความคิดนั้นเขาสู้โจวเฉิงไม่ได้จริงๆเขาเคยชินกับการเชื่อฟังโจวเฉิง
ย่าเขาเคยบอกไว้ ตัวเองไม่ฉลาดเฉลียวนั้นไม่กลัว เดินตามคนเฉลียวฉลาดก็พอแล้ว
สภาพของบ้านพักรับรองไม่เลวร้ายนัก คนห้าคนที่เข้ามาพักต่างมีเื่หนักใจทุกคนล้วนนอนหลับไม่เพียงพอ เช้าวันต่อมา ผู้ที่แจ่มใสที่สุดคือหลี่เฟิ่งเหมยเมื่อคืนหลิวหย่งตกลงกับเธอแล้วว่าจะถอนต้นทุนที่หลงเหลืออยู่ออกมา และไม่แตะธุรกิจเสี่ยงชีวิตนั่นอีกต่อไป
แม้หลี่เฟิ่งเหมยจะรู้สึกะเืใจกับาแบริเวณหลังของหลิวหย่ง แต่ก็ยินดีกับการตัดสินใจของเขาด้วย
เดือนพฤศจิกายนของเมืองซางตูอุณหภูมิ่เช้าและกลางคืนต่ำลงมากทีเดียวหลี่เฟิ่งเหมยถือกาน้ำร้อนที่เติมน้ำจนเต็มกลับมาจากการล้างหน้าเธอพักในบ้านพักรับรองเป็ครั้งแรก ทำให้เธอรู้สึกไม่คุ้นชินเท่าการอาศัยอยู่ในชนบทอย่างหมู่บ้านชีจิ่งแต่กลับสะดวกสบายอย่างบอกไม่ถูก น้ำร้อนที่ให้บริการตลอดเวลา สุขาที่สะอาดสะอ้านได้ยินว่ากลางเดือนพฤศจิกายนเมืองซางตูยังเปิดระบบทำความร้อนส่วนกลางอีกด้วยนั่นเป็เหตุผลว่าทำไมเทาเทามาเมืองมณฑลแล้วไม่อยากกลับไป ซางตูกับชนบทต่างกันมากจริงๆ
มนุษย์ปีนขึ้นสู่ที่สูง น้ำไหลลงสู่ที่ต่ำ [2] เมื่อก่อนนั้นไม่เคยคิดตริตรอง พอความคิดหยั่งรากลงในก้นบึ้งของจิตใจอยากสลัดทิ้งไปก็ไม่ง่ายดายแล้ว
“คุณถอนทุนกลับมาได้เท่าไรคะ? คุณว่าพวกเราสองคนก็ทำธุรกิจสักอย่างในเมืองซางตูเหมือนเสี่ยวหลานและรับเทาเทามาเข้าเรียนในเมือง เป็อย่างไร?”
เชิงอรรถ
[1] 外貌协会 ชมรมรูปลักษณ์หมายถึง กลุ่มคนที่เห็นรูปลักษณ์ภายนอกของอีกฝ่ายสำคัญที่สุด และมักใช้จุดนี้เป็มาตรฐานในการตัดสินใจ
[2] 人往高处走,水往低处流 มนุษย์ปีนขึ้นสู่ที่สูงน้ำไหลลงสู่ที่ต่ำ หมายถึง คนเราควรมุ่งมั่นกับการพัฒนาตนเองไปในทางที่ดี